ทันทีที่ซุนหั่ววั่งเห็นชัดว่าคนที่มาคือใคร รูม่านตาหดเล็กฉับพลัน ตกใจจนปัสสาวะราดเดี๋ยวนั้น ตะลีตะลานสวมใส่เสื้อผ้าแล้วคุกเข่าตรงหน้าฉินอวิ๋นคังด้วยใบหน้าตื่นตระหนก“หึ! เจ้าสุนัข! พวกเจ้าพ่อลูกช่างรู้จักสนุกกันจริง ๆ นะ!”ฉินอวิ๋นคังแค่นฮึเสียงเย็น ถีบเท้าไปบนตัวของซุนหั่ววั่ง ไม่นึกว่าวิธีการสนุกของพ่อลูกคู่นี้จะประหลาดพันลึกเช่นนี้ ลบล้างทัศนคติทั้งสามของเขาโดยสิ้นเชิง“เอ่อ หาความแปลกใหม่เป็นครั้งคราวขอรับ ทำให้องค์ชายใหญ่เห็นเรื่องขายหน้าแล้ว”ซุนหั่ววั่งกระดากใจถึงที่สุด แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ให้เขาคิดจนหัวร้างข้างแตกก็คิดไม่ถึงว่าองค์ชายใหญ่จะปรากฏตัวที่นี่ เขาจึงถามเสียงอ้อมแอ้ม “ไม่ทราบองค์ชายใหญ่มาเยือนกะทันหันด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ? หากท่านอยากเข้าร่วมด้วย อันที่จริงก็ได้นะขอรับ”ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวแตกแล้ว แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าฉินอวิ๋นคังมาปรากฏตัวที่นี่ทำไม ดังนั้นการอธิบายเพียงหนึ่งเดียวคือ หรือว่าเขาก็มีรสนิยมนี้เหมือนกัน?“ไสหัวไป!”ใบหน้าฉินอวิ๋นคังแข็งทื่อไปในบัดดล ถีบบนตัวของซุนหั่ววั่งอีกครั้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน “ใครก็ได้ จับตัวพ่อลูกคู่นี้เอาไว้!”“หา?
“ท่านพ่อ ท่านก็อย่าว่าฮุยเอ๋อร์อีกเลย เขาก็แค่อยากกำจัดไอ้ตัวซวยฉินอวิ๋นฟานนี่ให้เร็วไม่ใช่หรือ? นี่มีอะไรผิด? จะโทษก็ต้องโทษที่ตาแก่หนังเหนียวนั่นมีตาหามีแววไม่ ฮุยเอ๋อร์ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เขากลับไปยืนอยู่ฝั่งของฉินอวิ๋นฟานเสียได้”เหอกุ้ยเฟยสูญเสียบุตรชายไปแล้วคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงรัก ถนอมและให้ความสำคัญกับบุตรชายคนนี้มากกว่าเดิม ในตอนที่บิดาตำหนิฉินอวิ๋นฮุย มันทำให้นางเจ็บปวดนัก“หุบปาก!”ท่านผู้เฒ่าเหอตะคอกกลับ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษลอบสังหารองค์ชายคืออะไร? ประหารเก้าชั่วโคตร! นี่คือโทษหนักประหารชีวิตเชียวนะ! การกระทำของฮุยเอ๋อร์แตะต้องเส้นต่ำสุดของไท่ซั่งหวงแล้ว นั่นคือเส้นต่ำสุดของทุกคนในต้าเฉียน!”“ในสถานการณ์ชิงบัลลังก์ดุเดือดเช่นนี้ จะพลั้งพลาดไม่ได้สักนิด ไม่อย่างนั้นทุกคนจะทำทุกทางเพื่อให้เจ้าตาย!”“วันนี้เช้ามาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายองค์อื่น ๆ พากันไปแสดงจุดยืนที่ตำหนักเหยียนเหนียนกันหมด นี่หมายถึงอะไร หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจอีก?!”“ต่อให้ตระกูลเหอเรามีรากฐานล้ำลึก แต่ก็เป็นศัตรูกับทุกขั้วอำนาจในต้าเฉียนไม่ได้กระมัง?!”ท่านผู้เฒ่าเหอจนปัญญาอย่างหนัก บุตรสาวคนนี้ถูกตามใจแ
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของบุตรชาย ท่านผู้เฒ่าเหอพยักหน้าพึงพอใจ เรื่องอย่างการลอบสังหารองค์ชายนี้ หากไม่สำเร็จในคราวเดียว ใช้กำลังสะกดคน ก็คือลดตัวเฉือนเนื้อแลกสันติ ชัดเจน วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือหยุดความสูญเสียให้ทัน มิใช่การแข็งข้อ หน่วยบูรพาน่ากลัวอย่างยิ่งยวด จะแข็งปะทะสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มิเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเหอต้องประสบกับหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืน “ท่านตา น้าสาม ข้าจะไปขอร้องเสด็จปู่”ฉินอวิ๋นฮุยกำหมัดแน่น แม้จะคับแค้นใจมาก แต่สถานการณ์ในเวลานี้น่ากลัวว่านี่จะเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว เขาจึงได้แต่เลือกก้มหัวยอมรับผิด“อวิ๋นฮุย เจ้าไปคนเดียวเกรงว่าจะไม่ได้!”เหอเหวินเย่าส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจ “ถ้าอยากจะยุติเรื่องนี้จริง ๆ จะต้องให้ท่านพ่อออกหน้าด้วยตัวเองจึงจะสำเร็จ แล้วยังต้องเอาของสำคัญมากอย่างหนึ่งไปด้วย ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านพ่อออกหน้า เกรงว่าจะไม่ช่วยอันใด”“ของสำคัญมากอย่างหนึ่ง? คืออะไร?” ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นในห้องโถงใหญ่ไม่มีใครตอบคำถามฉินอวิ๋นฮุยสักคน นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยจับต้นชนปลายไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ลิ่งหูชงจึงเอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน “ข้ารู้ว่าต้อ
ตุบ...เบื้องหน้าฉินอวิ๋นฮุยพลันมืดมิด ทรุดตัวลงอยู่กับพื้นด้วยความสิ้นหวังถึงที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปราชัยเหมือนดั่งวันนี้มาก่อนองค์ชายรองผู้มีท่วงทำนองห้าวหาญยิ้มทระนงกับหมู่มวลวีรบุรุษในอดีต บัดนี้ย่อยยับเฉกเช่นสุนัขตกน้ำที่ใครก็รุมตี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ระยะครึ่งเดือนกว่ามานี้ การประชันระหว่างเขากับฉินอวิ๋นฟานล้วนต้องจบด้วยความพ่ายแพ้ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือจบแบบแพ้ยับเยิน เริ่มจากการแพ้ขาดลอยในการประลองด้านบุ๋นและบู๊ก่อน ถัดมาคือน้องชายร่วมอุทรตายด้วยน้ำมือฉินอวิ๋นฟาน เสียหูหมิงชิงและกรมอาญาบัดนี้ เพื่อนร่วมงานที่เขาเชื่อถือที่สุด ไพ่ตายที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิดมาตลอดก็จะถูกสังหารแล้ว และเขาผู้สูงส่งถึงองค์ชายรองกลับมิอาจทำอะไรได้ความอึดอัดหายใจไม่ออกไร้กำลังเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะพังทลาย“ฮุยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?”เหอปี้อวี้เห็นสภาพดังนี้พลันตื่นตระหนกรีบไปประคอง กลับถูกฉินอวิ๋นฮุยตวาดห้ามเสียงแข็ง “อย่าเข้ามานะ!!!”ทุกคนเพ่งพิศการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์บนใบหน้าของฉินอวิ๋นฮุย ไม่มีใครส่งเสียงสักแอะ มองฉินอวิ๋นฮุยที่จิตวิญญาณหลุดลอยอย่างอนาทรสงสารหลังจา
“เอ่อ...”เมื่อถูกองค์หญิงสามสอบถาม ถงจินเฉิงก็หัวเราะอย่างขวยเขิน เขาคือจอหงวนบุ๋นรุ่นเยาว์ของต้าเยียนเชียวนะ เป็นแม่พิมพ์ของวงการวรรณกรรม ชาวบุ๋นทุกผู้ทุกคนต่างยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง แทบจะยกเขาขึ้นเป็นปราชญ์บุ๋นแล้ว ถ้าให้องค์หญิงสามรู้ว่าเขาไปกอดสาวที่หอวั่งเจียง ทั้งยังลวนลามหญิงสาวจึงถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมหนักโจษจันไปทั่ว จะมิขายหน้าแย่หรือ?เขาจึงรีบอธิบาย “ตอนที่ข้าน้อยนอนไม่ทันระวังตกเตียง ไม่เป็นไรมากขอรับ สำหรับต้าเฉียน เห็นว่าเมื่อคืนรัชทายาทของต้าเฉียนถูกลอบสังหาร ตอนนี้เป็นตายไม่แน่ชัด”“อะไรนะ?! รัชทายาทของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารรึ?!”องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินตกตะลึงสุดขีด นางพูดอย่างเหลือเชื่อ “เป็นถึงรัชทายาทแห่งแว่นแคว้น ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน กลับถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง? นี่มันอะไรกัน? แคว้นนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่?”ถงจินเฉิงกลับแอบดีใจ สมน้ำหน้าฉินอวิ๋นฟานที่ถูกลอบสังหาร ใครใช้ให้เมื่อคืนอีกฝ่ายทำเขาขายหน้าเล่า แถมยังซ้อมเขาเสียน่วม คิดแล้วช่างน่าโมโหนัก“เหอะ น่าขันสิ้นดี รัชทายาทยังถูกลอบสังหารได้ ดูท่าต้าเฉียนหมดหวังแล้ว”เบื้องหลังองค์หญ
“ไอ้หยา องค์หญิงสามไม่ทราบ ที่นั่นเรียกได้ว่าสวรรค์บนแดนดิน พักหนหนึ่งท่านจะรักมัน ตัดใจไปไม่ลง แถมยังความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยังจะสูงกว่าเรือนรับรองอีก จริง ๆ นะขอรับ !”ถงจินเฉิงตื่นเต้นจนตบหน้าขาฉาด พอพูดถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน เขาก็ตื่นเต้นเสียไม่มี โตจนป่านนี้เพิ่งได้พักโรงแรมมหัศจรรย์เช่นนี้ โรงเตี๊ยมทั่วไปอยู่ตรงหน้าก็คือสิ่งของเช่นขยะ“อ้อ สวรรค์แดนดิน? อัศจรรย์เช่นนั้นจริงหรือ? เช่นนั้นข้าก็อยากจะไปเห็นสักหน่อยว่าเป็นยังไง นำทาง!”เยียนอวี่เฉินเลิกคิ้วสวย ตัดสินใจไปดูสิว่าเป็นอย่างไรทันที!“ขอรับ!”ถงจินเฉิงตื่นเต้นเต้นแร้งเต้นกานำทางไปอย่างเร็วรี่ ไม่นานถงจินเฉิงก็พาเยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนทันทีที่เห็นตึกสูงแปดชั้น ทุกคนก็พลันตะลึงงัน โดยเฉพาะป้ายโรงแรมห้าดาวตรงหน้ายิ่งโดดเด่นสะดุดตา พาลให้ทุกคนเห็นแล้วต่างปากอ้าตาค้าง“เอ่อ คือว่า ท่านถง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนนี้หมายความว่าอะไรหรือ?”เยียนอวี่เฉินในตอนนี้เหมือนตัวตุ่นที่มาจากบ้านนอก ถูกโรงแรมใหญ่โตโอฬารตรงหน้าทำให้ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง ต้าเฉียนสองคำนี้นางเข้าใจได้ แต่ห้าดาวนี่มันอะไร? โร
“มหัศจรรย์ดังคาด! ไป เข้าไปดูกันเถอะ!”เยียนอวี่เฉินเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยจิตใจที่ตกตะลึงตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ทันทีที่เห็นภาพการตกแต่งงดงามตระการตาข้างในก็ทึ่งไปอีกครั้ง นี่ต่างจากโรงเตี๊ยมที่นางพบเจอในยามปกติโดยสิ้นเชิง!“หญิงงาม พี่ชายหล่อ ไม่ทราบพวกท่านมาพักหรือ?”ก็ขณะที่เยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ กำลังทึ่งกันอยู่ พนักงานหญิงหน้าหวานในชุดสวยมาถึงตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยปากด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมที่สุด“เอ่อ เจ้า เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ? หญิงงาม?”เยียนอวี่เฉินตะลึงงัน รู้สึกทึ่งอีกครั้ง ในสถานการณ์ปกติ มิควรเรียกพวกเขาว่านายท่าน แม่นางหรือ? จู่ ๆ ถูกเรียกว่าหญิงงามต่อหน้าธารกำนัล ทำจนเยียนอวี่เฉินหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินมากการที่หญิงงามตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ พนักงานไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะคนที่มาก็มีปฏิกิริยาเหมือนนางทั้งนั้น ราวกับบ้านนอกเข้ากรุง หน้าตาเหลอหลา ท่าทางทำอะไรไม่ถูก“ถูกต้องเจ้าค่ะ หญิงงาม พวกท่านมาเข้าพักหรือ? ต้องขออภัยจริง ๆ วันนี้ห้องพักของเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ”อีกฝ่ายพูดด้วยใบหน้าขอโทษ“เต็มแล้ว? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร...”พอหลัวเทียนเป้าได้ยินว่าไม่มีห้องพ
“เอ่อ...สหาย?”เยียนอวี่เฉินมองไปทางถงจินเฉิงด้วยใบหน้าประหลาดใจ นี่มันยังไงกัน? แค่ให้ถงจินเฉิงมาดูลาดเลาที่ต้าเฉียนก่อนสองวัน เก็บข้อมูลบางส่วน คิดไม่ถึงว่าเขาจะลืมลำดับสูงต่ำไปหมดแล้ว?“องค์หญิงสาม อย่างไรที่นี่ก็คือโรงแรม คนมากมายหลายหลาก เพื่อความปลอดภัยของท่านจึงเรียกเป็นสหายจะสะดวกหน่อย จะได้ไม่ถูกคนประสงค์ร้ายเพิ่งเล็งขอรับ”ถงจินเฉิงเห็นเยียนอวี่เฉินขุ่นเคืองจึงรีบเข้ามากระซิบอธิบาย“ช่างเถอะ ไปกัน!”หลังจากพิจารณาเยียนอวี่เฉินก็มิได้ถือสา เพราะอยู่ต่างแดนจำเป็นต้องระมัดระวังรอบคอบ ด้วยการนำของหญิงสาว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องส่วนตัวทางด้านขวาของโถงใหญ่โรงแรม“เถ้าแก่ถง หญิงงามท่านนี้ ข้าน้อยชื่อเสี่ยวอวี้ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของพวกท่าน ระหว่างที่พวกท่านทุกคนพักอยู่ที่โรงแรมเรา ข้าน้อยจะรับผิดชอบทุกเรื่องของพวกท่าน หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ถามข้าน้อยได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”เสี่ยวอวี้อมยิ้มแล้วพูด “ตรงนี้คือลิฟต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมเรา ต่อไปพวกท่านจะขึ้นลงไม่จำเป็นต้องเดินบันไดแล้ว แค่ขึ้นลิฟต์ก็พอเจ้าค่ะ”“เถ้าแก่ทุกท่าน เชิญ!” เสี่ยวอวี้ทำท่ามือเชื้อเชิญ“เอ่อ...”เยียนอว
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ