“เอ่อ...”เมื่อถูกองค์หญิงสามสอบถาม ถงจินเฉิงก็หัวเราะอย่างขวยเขิน เขาคือจอหงวนบุ๋นรุ่นเยาว์ของต้าเยียนเชียวนะ เป็นแม่พิมพ์ของวงการวรรณกรรม ชาวบุ๋นทุกผู้ทุกคนต่างยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง แทบจะยกเขาขึ้นเป็นปราชญ์บุ๋นแล้ว ถ้าให้องค์หญิงสามรู้ว่าเขาไปกอดสาวที่หอวั่งเจียง ทั้งยังลวนลามหญิงสาวจึงถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมหนักโจษจันไปทั่ว จะมิขายหน้าแย่หรือ?เขาจึงรีบอธิบาย “ตอนที่ข้าน้อยนอนไม่ทันระวังตกเตียง ไม่เป็นไรมากขอรับ สำหรับต้าเฉียน เห็นว่าเมื่อคืนรัชทายาทของต้าเฉียนถูกลอบสังหาร ตอนนี้เป็นตายไม่แน่ชัด”“อะไรนะ?! รัชทายาทของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารรึ?!”องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินตกตะลึงสุดขีด นางพูดอย่างเหลือเชื่อ “เป็นถึงรัชทายาทแห่งแว่นแคว้น ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน กลับถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง? นี่มันอะไรกัน? แคว้นนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่?”ถงจินเฉิงกลับแอบดีใจ สมน้ำหน้าฉินอวิ๋นฟานที่ถูกลอบสังหาร ใครใช้ให้เมื่อคืนอีกฝ่ายทำเขาขายหน้าเล่า แถมยังซ้อมเขาเสียน่วม คิดแล้วช่างน่าโมโหนัก“เหอะ น่าขันสิ้นดี รัชทายาทยังถูกลอบสังหารได้ ดูท่าต้าเฉียนหมดหวังแล้ว”เบื้องหลังองค์หญ
“ไอ้หยา องค์หญิงสามไม่ทราบ ที่นั่นเรียกได้ว่าสวรรค์บนแดนดิน พักหนหนึ่งท่านจะรักมัน ตัดใจไปไม่ลง แถมยังความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยังจะสูงกว่าเรือนรับรองอีก จริง ๆ นะขอรับ !”ถงจินเฉิงตื่นเต้นจนตบหน้าขาฉาด พอพูดถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน เขาก็ตื่นเต้นเสียไม่มี โตจนป่านนี้เพิ่งได้พักโรงแรมมหัศจรรย์เช่นนี้ โรงเตี๊ยมทั่วไปอยู่ตรงหน้าก็คือสิ่งของเช่นขยะ“อ้อ สวรรค์แดนดิน? อัศจรรย์เช่นนั้นจริงหรือ? เช่นนั้นข้าก็อยากจะไปเห็นสักหน่อยว่าเป็นยังไง นำทาง!”เยียนอวี่เฉินเลิกคิ้วสวย ตัดสินใจไปดูสิว่าเป็นอย่างไรทันที!“ขอรับ!”ถงจินเฉิงตื่นเต้นเต้นแร้งเต้นกานำทางไปอย่างเร็วรี่ ไม่นานถงจินเฉิงก็พาเยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนทันทีที่เห็นตึกสูงแปดชั้น ทุกคนก็พลันตะลึงงัน โดยเฉพาะป้ายโรงแรมห้าดาวตรงหน้ายิ่งโดดเด่นสะดุดตา พาลให้ทุกคนเห็นแล้วต่างปากอ้าตาค้าง“เอ่อ คือว่า ท่านถง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนนี้หมายความว่าอะไรหรือ?”เยียนอวี่เฉินในตอนนี้เหมือนตัวตุ่นที่มาจากบ้านนอก ถูกโรงแรมใหญ่โตโอฬารตรงหน้าทำให้ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง ต้าเฉียนสองคำนี้นางเข้าใจได้ แต่ห้าดาวนี่มันอะไร? โร
“มหัศจรรย์ดังคาด! ไป เข้าไปดูกันเถอะ!”เยียนอวี่เฉินเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยจิตใจที่ตกตะลึงตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ทันทีที่เห็นภาพการตกแต่งงดงามตระการตาข้างในก็ทึ่งไปอีกครั้ง นี่ต่างจากโรงเตี๊ยมที่นางพบเจอในยามปกติโดยสิ้นเชิง!“หญิงงาม พี่ชายหล่อ ไม่ทราบพวกท่านมาพักหรือ?”ก็ขณะที่เยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ กำลังทึ่งกันอยู่ พนักงานหญิงหน้าหวานในชุดสวยมาถึงตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยปากด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมที่สุด“เอ่อ เจ้า เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ? หญิงงาม?”เยียนอวี่เฉินตะลึงงัน รู้สึกทึ่งอีกครั้ง ในสถานการณ์ปกติ มิควรเรียกพวกเขาว่านายท่าน แม่นางหรือ? จู่ ๆ ถูกเรียกว่าหญิงงามต่อหน้าธารกำนัล ทำจนเยียนอวี่เฉินหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินมากการที่หญิงงามตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ พนักงานไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะคนที่มาก็มีปฏิกิริยาเหมือนนางทั้งนั้น ราวกับบ้านนอกเข้ากรุง หน้าตาเหลอหลา ท่าทางทำอะไรไม่ถูก“ถูกต้องเจ้าค่ะ หญิงงาม พวกท่านมาเข้าพักหรือ? ต้องขออภัยจริง ๆ วันนี้ห้องพักของเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ”อีกฝ่ายพูดด้วยใบหน้าขอโทษ“เต็มแล้ว? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร...”พอหลัวเทียนเป้าได้ยินว่าไม่มีห้องพ
“เอ่อ...สหาย?”เยียนอวี่เฉินมองไปทางถงจินเฉิงด้วยใบหน้าประหลาดใจ นี่มันยังไงกัน? แค่ให้ถงจินเฉิงมาดูลาดเลาที่ต้าเฉียนก่อนสองวัน เก็บข้อมูลบางส่วน คิดไม่ถึงว่าเขาจะลืมลำดับสูงต่ำไปหมดแล้ว?“องค์หญิงสาม อย่างไรที่นี่ก็คือโรงแรม คนมากมายหลายหลาก เพื่อความปลอดภัยของท่านจึงเรียกเป็นสหายจะสะดวกหน่อย จะได้ไม่ถูกคนประสงค์ร้ายเพิ่งเล็งขอรับ”ถงจินเฉิงเห็นเยียนอวี่เฉินขุ่นเคืองจึงรีบเข้ามากระซิบอธิบาย“ช่างเถอะ ไปกัน!”หลังจากพิจารณาเยียนอวี่เฉินก็มิได้ถือสา เพราะอยู่ต่างแดนจำเป็นต้องระมัดระวังรอบคอบ ด้วยการนำของหญิงสาว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องส่วนตัวทางด้านขวาของโถงใหญ่โรงแรม“เถ้าแก่ถง หญิงงามท่านนี้ ข้าน้อยชื่อเสี่ยวอวี้ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของพวกท่าน ระหว่างที่พวกท่านทุกคนพักอยู่ที่โรงแรมเรา ข้าน้อยจะรับผิดชอบทุกเรื่องของพวกท่าน หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ถามข้าน้อยได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”เสี่ยวอวี้อมยิ้มแล้วพูด “ตรงนี้คือลิฟต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมเรา ต่อไปพวกท่านจะขึ้นลงไม่จำเป็นต้องเดินบันไดแล้ว แค่ขึ้นลิฟต์ก็พอเจ้าค่ะ”“เถ้าแก่ทุกท่าน เชิญ!” เสี่ยวอวี้ทำท่ามือเชื้อเชิญ“เอ่อ...”เยียนอว
เห็นหลัวเทียนเป้าทำหน้าขาดความรู้ประหนึ่งคนเบาปัญญา ถงจินเฉิงจึงทนดูต่อไปไม่ไหวจริง ๆ เจ้าสมองหมูนี่ทำไมถึงเข้าข่ายสติปัญญาล้ำเลิศได้นะ? กับอีแค่ขึ้นลิฟต์ยังทำให้เจ้าตกใจปัสสาวะราดได้ มีแต่เจ้านี่แหละ!เขาส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา ย่างเท้าเข้าลิฟต์แล้วพูดด้วยความจนใจ “แม่นางเสี่ยวอวี้กล่าวถูกต้องแล้ว ไม่เชื่อทุกคนเข้ามาก็รู้แล้วนี่”“จะเป็นไปได้ยังไง? หรือว่าห้องนี้จะเคลื่อนไหวได้จริง?”เยียนอวี่เฉินขมวดคิ้วสวยเหมือนกัน ยังคงท่าทีลังเล โรงแรมแห่งนี้พิลึกแท้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของนางทั้งหมด แปลก มันแปลกมาก ๆ ทำให้นางไม่กล้าย่างเท้าเข้าลิฟต์ง่าย ๆ“เถ้าแก่สาม มันทำได้จริง ๆ นั่นแหละ ไม่เชื่อทุกคนก็เข้ามาลองดูก็รู้แล้วนี่?”ถงจินเฉิงหน้าทุกข์ใจ กับอีแค่ขึ้นลิฟต์ต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้ เจ้าคนพวกนี้ต้องหวั่นวิตกขนาดนี้เชียวรึ? เพื่อให้พวกเขาขึ้นลิฟต์มาเร็ว ๆ ถงจินเฉิงจึงได้แต่ใช้ไม้ตายเขาพูดยั่ว “แม่ทัพเป้ากล้าหาญชาญชัยมากมิใช่? แล้วยังจะกลัวอะไรอีก? หรือว่าท่านไม่เชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง?”“เจ้า...!”พอหลัวเทียนเป้าได้ยินสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นปั้นยาก ในฐานะที่เ
“เอ่อ พี่ชายหล่อท่านนี้ พวกเรามาถึงชั้นแปดแล้ว ท่านดูป้ายบอกชั้นแปดตรงนั้นสิ...”เสี่ยวอวี้ทนดูไม่ได้จริง ๆ ใบหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ ในเมื่อมาจากบ้านนอก เช่นนั้นก็พูดให้น้อยได้หรือไม่? เพื่อให้ตัวเองมีตัวตน จำเป็นต้องลดความฉลาดทางปัญญาของตัวเองลงเชียวหรือ?หลัวเทียนเป้ามองไปตามทิศทางที่เสี่ยวอวี้บอก รูม่านตาพลันหดเล็ก นี่มันยังไงกัน? เมื่อครู่เป็นชั้นหนึ่งชัด ๆ! ทำไมจู่ ๆ จึงกลายเป็นชั้นแปดแล้วเล่า?!แม้ว่าหลัวเทียนเป้าจะมีจิตใจอยากรู้อยากเห็นอย่างรุนแรง หากยังหรี่ดวงตาทั้งสองและเอ่ยถ้อยคำโง่งมที่สุดในวันนี้ออกไป “เมื่อกี้เขียนว่าชั้นหนึ่งชัด ๆ พวกเจ้าถึงกับหาคนสับเปลี่ยนตัวอักษรชั้นมาปั่นหัวพวกเรา คิดว่าเรารังแกได้ง่าย ๆ จริงรึ?!”“ปัดโธ่เอ๋ย คือว่านะ แม่ทัพเป้า ท่านอย่าเพิ่งพูดจะได้หรือไม่? พวกเขาออกไปดูสักหน่อยก่อนได้ไหม?”ถงจินเฉิงยอมหมอบราบคาบแก้วแล้ว ก็แค่ขึ้นลิฟต์เท่านั้น ทำไมท่านถึงมีบทมากเช่นนี้? ท่านมีดวงตาเพื่อปล่อยลมหรือ? สมองมีไว้บรรจุอุจจาระหรือ? อีกฝ่ายเป็นแค่โรงแรมที่ค่อนข้างพิเศษ จะปั่นหัวท่านทำไม? จะใช้สมองหมูของท่านหน่อยได้หรือไม่?!ทว่าถ้อยคำนี้เขาด่าได้แต่ในใ
เสี่ยวอวี้ยิ้มพูด“เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ? ห้องพักสิบห้องใช้เงินหนึ่งล้านตำลึง?!”ทันทีที่เยียนอวี่เฉินได้ยินว่าใช้เงินหนึ่งล้านตำลึงจองห้องพักสิบห้องก็ตกใจจนคางแทบจะหลุด ห้องพักชั้นดีเยี่ยมของโรงเตี๊ยมทั่วไปพักคืนละห้าถึงสิบตำลึงเท่านั้น ตามหลักแล้วห้องพักสิบห้องอย่างมากก็เพียงร้อยตำลึง หนึ่งล้านตำลึงทำให้นางตกใจขวัญกระเจิงจริง ๆ“ท่านได้ยินไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ หนึ่งล้านตำลึงจริง ๆ นี่ยังเป็นเถ้าแก่ถงเสียแรงวัวเก้าตัวเสือสองตัวจึงจะแย่งมาได้ ตอนนี้ต่อให้มีสิบล้านตำลึงก็ไม่มีที่พักแล้ว”เสี่ยวอวี้ยิ้มพูด“เอ่อ หนึ่งล้านตำลึงแย่งมาได้สิบห้อง? แถมยังไม่แน่ว่าจะแย่งได้? ตอนนี้ถึงมีเงินก็ไม่มีให้พัก? นี่มันโรงแรมเทพเซียนอะไรกันแน่?!”เยียนอวี่เฉินเพิ่งมาถึงต้าเฉียน ทั้งคนด้านชาไปหมดแล้ว เงินกลายเป็นไม่ใช่เงินอีก เหมือนตัวเลขแถวหนึ่งเท่านั้น แค่พักยังต้องใช้เงินถึงหนึ่งล้าน นี่มันวิมานเซียนอะไรกัน?!“ถูกต้องเจ้าค่ะ ท่านลองเตียงซิมมอนส์ของเราได้ นุ่มสบายมากเลยนะเจ้าคะ”เสี่ยวอวี้ยิ้มหวาน“ฮึ ข้าจะลองดูสิ!”หลัวเทียนเป้าแค่นเสียง กลัวว่าจะมีคนปองร้ายองค์หญิงสาม เขาหย่อนบั้นท้ายลงไปนั่งแรง
“เอ่อ...หญิงงาม น้ำนี่จะดื่มไม่ได้เด็ดขาดนะ มันก็คือจุดที่ท่านจะปลดทุกข์!”ครั้นได้ยินหญิงงามคิดว่าน้ำในชักโครกคือน้ำดื่มก็ทำเอาเสี่ยวอวี้สะดุ้งโหยง นางรีบอธิบาย คนที่สามารถจ่ายเงินหนึ่งล้านจองห้องพักวีไอพีเหนือระดับเช่นนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าร่ำรวยก็คือสูงศักดิ์ ทั้งเมื่อครู่ยังคลับคล้ายคลับคลาได้ยินเรียกว่าองค์หญิงสามอีกพวกเขาซึ่งมีฐานะเช่นนี้ หากให้พวกเขาดื่มน้ำในชักโครกมิต้องฆ่าคนหรือ!“อะไรนะ?! นี่ก็คือจุดที่จะปลดทุกข์?! เจ้านี่จะปลดทุกข์ได้ยังไง?!”พอเยียนอวี่เฉินได้ยินการอธิบายของเสี่ยวอวี้ ใบหน้าพลันเขียวปัด กระดากจนพูดออกมาไม่เป็นคำ นี่มารดามันเป็นโรงแรมเทวดาอะไร? หนนี้หน้าตาไม่เหลือแล้ว!ยังดีที่นางถามก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าคิดว่ามันเป็นน้ำสำหรับดื่มจริง ต่อไปนางจะสู้หน้าคนยังไงอีก?“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าจะสาธิตให้พวกท่านดูสักหน่อย อย่าทำผิดเด็ดขาดนะเจ้าคะ!”เสี่ยวอวี้เหนื่อยใจสุดแสน ต้องแสดงให้พวกคนรวยไร้ความรู้พวกนี้ทุกทีสิน่า! เฮ้อ! นางหยิบของชิ้นหนึ่งโยนลงไปในชักโครกอีกครั้ง จากนั้นก็ดึงเชือกบนประตูเบา ๆ ก่อนจะปรากฏภาพอัศจรรย์เห็นเพียงตรงกลางชักโครกมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากฉ
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั