“เอ่อ...หญิงงาม น้ำนี่จะดื่มไม่ได้เด็ดขาดนะ มันก็คือจุดที่ท่านจะปลดทุกข์!”ครั้นได้ยินหญิงงามคิดว่าน้ำในชักโครกคือน้ำดื่มก็ทำเอาเสี่ยวอวี้สะดุ้งโหยง นางรีบอธิบาย คนที่สามารถจ่ายเงินหนึ่งล้านจองห้องพักวีไอพีเหนือระดับเช่นนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าร่ำรวยก็คือสูงศักดิ์ ทั้งเมื่อครู่ยังคลับคล้ายคลับคลาได้ยินเรียกว่าองค์หญิงสามอีกพวกเขาซึ่งมีฐานะเช่นนี้ หากให้พวกเขาดื่มน้ำในชักโครกมิต้องฆ่าคนหรือ!“อะไรนะ?! นี่ก็คือจุดที่จะปลดทุกข์?! เจ้านี่จะปลดทุกข์ได้ยังไง?!”พอเยียนอวี่เฉินได้ยินการอธิบายของเสี่ยวอวี้ ใบหน้าพลันเขียวปัด กระดากจนพูดออกมาไม่เป็นคำ นี่มารดามันเป็นโรงแรมเทวดาอะไร? หนนี้หน้าตาไม่เหลือแล้ว!ยังดีที่นางถามก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าคิดว่ามันเป็นน้ำสำหรับดื่มจริง ต่อไปนางจะสู้หน้าคนยังไงอีก?“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าจะสาธิตให้พวกท่านดูสักหน่อย อย่าทำผิดเด็ดขาดนะเจ้าคะ!”เสี่ยวอวี้เหนื่อยใจสุดแสน ต้องแสดงให้พวกคนรวยไร้ความรู้พวกนี้ทุกทีสิน่า! เฮ้อ! นางหยิบของชิ้นหนึ่งโยนลงไปในชักโครกอีกครั้ง จากนั้นก็ดึงเชือกบนประตูเบา ๆ ก่อนจะปรากฏภาพอัศจรรย์เห็นเพียงตรงกลางชักโครกมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากฉ
เยียนอวี่เฉินถลึงตาใส่ถงจินเฉิงแรง ๆ ทีหนึ่ง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนแตกต่างจากทั่วไปก็จริงอยู่ แต่หนึ่งล้านตำลึงทำให้นางปวดใจมาก“เอ่อ ถูกต้อง ไม่เชื่อก็ให้ผู้ช่วยเสี่ยวอวี้พาท่านไปดูห้องอื่น ๆ?”ถงจินเฉิงรีบเปลี่ยนประเด็น กลัวว่าองค์หญิงสามจะโทษเขาอีก เพราะแต่ละห้องแตกต่างกันไป สำหรับถงจินเฉิงที่รักความสนุกแล้ว หนึ่งล้านตำลึงไม่ถึงว่าเป็นเงินกลอนคู่หนึ่งหรือยอดกลอนสักบทก็ขายได้ราคาสูงเป็นล้านแล้ว กอปรกับเบี้ยหวัดและรางวัลที่ดินศักดินาของต้าเยียน ในปีหนึ่ง ๆ ต้องได้หลายสิบล้านแล้วที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การมาต้าเฉียนครั้งนี้คืองานราชการ เขายิ่งไม่สนใจว่าจะถลุงเงินเท่าไร“นำทาง!”เยียนอวี่เฉินพูดด้วยสีหน้าอึมครึมภายใต้การนำของเสี่ยวอวี้ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องพักห้องข้าง ๆ ครั้นทุกคนเห็นภายในห้องก็อ้าปากเพราะความทึ่งอีกครั้งห้องกว้างมาก มองไปทางไหนก็เป็นโทนสีชมพูไปหมด รวมถึงเครื่องนอนบนเตียงก็เป็นโทนสีชมพูด้วย เยียนอวี่เฉินเห็นห้องน่ารักอบอุ่นเช่นนี้แล้วพลันหวั่นไหวอย่างยิ่งและสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากกว่าคือเตียงใหญ่ทรงกลมตรงกลางซึ่งเตะตามาก ทำให้นางมีความรู้สึกอยากลองอย่างห
“ไม่บอกใช่ไหม? งั้นข้าก็จะไม่ไปแล้ว!”เยียนอวี่เฉินท่าทีเด็ดขาด นั่งลงบนเก้าอี้รูปทรงประหลาดทันที สองมือกอดอก ดวงหน้ารูปไข่สวยงามเย็นชาถึงขีดสุด“ถงจินเฉิง เจ้านี่ยังไงกัน? ก็แค่เก้าอี้ตัวเดียว ถึงก็ต้องเล่นแง่เช่นนี้เชียวรึ? รีบไขข้อข้องใจให้องค์...เถ้าแก่สามเสียสิ!”ทีแรกหลัวเทียนเป้าคิดจะพูดว่าองค์หญิงสาม แต่คิดดูอีกทีเปลี่ยนคำดีกว่า การปกปิดฐานะอย่างเหมาะสมยังเป็นเรื่องที่จำเป็นหลังจากขายหน้าหลายหน หลัวเทียนเป้าทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาก เขาพินิจเก้าอี้รูปทรงประหลาดนี้นานแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกตรงไหนเห็นถงจินเฉิงเอาแต่หมกเม็ดไม่อธิบาย องค์หญิงสามก็งอนอีก เขาจึงได้แต่ก้าวออกมา“นั่นสิหัวหน้าถง ก็แค่เก้าอี้ตัวเดียว มันเอ่ยปากยากขนาดนั้นเชียวรึ?!” คนที่อยู่ข้างหลังเยียนอวี่เฉินก็สมทบขึ้นมาด้วย“ดูท่า ถ้าไม่บอก หญิงงามคงไม่คิดจะออกไปแล้ว”เสี่ยวอวี้แบมือออกอย่างจนใจ มองไปทางถงจินเฉิงและพูดว่า “เถ้าแก่ถง เรื่องนี้ให้ท่านอธิบายเถอะ เพราะเป็นสหายของท่านทั้งนั้น สำหรับประโยชน์ของมัน เมื่อวานท่านได้สัมผัสแล้ว มีสิทธิ์ในการพูดมากกว่าข้า”สำหรับสภาพการดำเนินธุรกิจของโรงแรมห
“คุณหนูใหญ่...”ยามนี้ สาวใช้ยังอยู่ในภาวะใบหน้างุนงง ไม่ตระหนักถึงท่าทางขณะนี้ของตัวเองเลยว่ามิอาจทนมองขนาดไหนเสี่ยวอวี้กับถงจินเฉิงแลกสายตากันหนหนึ่ง ในดวงตาคือความจนใจเต็มประดา ของพรรค์นี้ไม่เหมาะจะอธิบาย แต่เหมาะกับการทดลองใช้งานจริง และเก้าอี้ตัวนั้นไม่ว่าปากจะพูดให้สละสลวยอย่างไรก็มิสู้สัมผัสด้วยตัวเองสักหนเยียนอวี่เฉินที่เขินอายกรุ่นโกรธกลับไปยังห้องแรกทันที พลาดเตียงน้ำหรรษาและห้องม้าหมุนข้างหลัง และพลาดโอกาสได้พบกับโลกใบใหม่พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว ฉินอวิ๋นฟานอาการดีขึ้นห้าส่วน แม้บาดแผลยังไม่สมานตัวดี แต่โดยรวมแล้วก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ขอแค่ไม่ใช้กำลังหนัก ๆ ก็ไม่มีปัญหา“เสี่ยวฟาน ข่าวที่เจ้าให้ข้าสืบ ได้เรื่องแล้วนะ”ร่างกายของอู่จ้านดีกว่าฉินอวิ๋นฟานมาก หลังจากพักฟื้นสามวันก็หายเจ็ดส่วนแล้ว เช้ามาเขาจึงนำคนออกไปสืบข่าว“เป็นยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากถาม“จากร่องรอยต่าง ๆ ที่เห็น คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องลอบฆ่าน่าจะเป็นองค์ชายรอง ไท่ซั่งหวงพิโรธหนัก ให้หน่วยบูรพาออกมาเคลื่อนไหวโดยตรง คนขององค์ชายใหญ่เข้าร่วมทันที องค์ชายองค์อื่น ๆ ก็สนับสนุนเจ้าด้วย”อู่จ้า
“เอ่อ เจ้าจะเอาแค่จอหงวนแดงหรือ?”อู่จ้านพูดด้วยใบหน้าที่ไม่เข้าใจ “เสี่ยวฟาน ก่อนจะมีอู่เหลียงเย่เรา จอหงวนแดงคือเหล้าขาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดของต้าเฉียนจริง แต่จอหงวนแดงในตอนนี้ยอดขายน้อยนิดจนน่าสงสาร ทำกำไรอะไรให้เราไม่ได้ เอามันไปก็ไม่มีประโยชน์”นับจากอู่เหลียงเย่แจ้งเกิดบนโลกใบนี้ ธุรกิจสุราของทั้งต้าเฉียนก็กลับตาลปัตร แม้ราคาของอู่เหลียงเย่จะสูงจนทะลุจักรวาล แต่ก็ยังมีคนทุ่มสุดตัวเพื่อซื้อมัน ล้ำค่ายิ่งนักจอหงวนแดงของภัตตาคารเซิ่งหลงกลายเป็นสินค้าคงค้างขายไม่ออก ยอดขายยังไม่ถึงร้อยละหนึ่งในอดีต แทบจะถึงขั้นล้มละลายแล้วรับช่วงสุราเช่นนี้มิเท่ากับหาเรื่องให้ขาดทุนหรือ?“ต้องมีประโยชน์สิ สำหรับข้า จอหงวนแดงก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในภัตตาคารเซิ่งหลงแล้ว”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเล็กน้อยและพูด “อาจ้าน ในเมื่อท่านรู้ว่าจอหงวนแดงคือเหล้าที่ขายดีที่สุดของต้าเฉียนในสมัยก่อน แล้วทำไมยอดขายมันถึงลดลงล่ะ? นั่นเป็นเหตุจากอู่เหลียงเย่ทั้งหมด!”เห็นใบหน้าฉินอวิ๋นฟานมีความมั่นใจล้นทะลัก หัวของอู่จ้านพลันมึนตึบเล็กน้อย ในความเป็นจริงก็ด้วยเหตุนี้มิใช่หรือ? หรือว่ายังจะมีเหตุอื่นอีก? อู่จ้านพิจา
“ฉะนั้น นี่ก็คือสาเหตุหลักที่ข้าคิดจะเอาจอหงวนแดงอย่างไรเล่า โรงเก็บเหล้านารีแดงของตระกูลมู่หรงถูกอู่เหลียงเย่แทนที่หมดแล้ว และเหล้าจอหงวนแดงดีกว่านารีแดงจริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยต่อ “ดังนั้นข้าจึงคิดจะเอาจอหงวนแดง ขายให้ชาวบ้านในราคาไหละห้าอีแปะ ให้พวกเขาได้ดื่มเหล้าเลิศรสในวันวานบ้าง”“เอ่อ ไหละห้าอีแปะ? ราคานี้มันจะขาดทุนเอานะ!”อู่จ้านใบหน้าฉงน จอหงวนแดงคือยอดสุรารสเลิศในอดีต คือน้ำสุราที่ขุนนางคหบดีตลอดจนราชนิกุลดื่ม ที่ตั้งราคาไว้ที่ห้าตำลึง ก็เพื่อไม่ให้ประชาชนคนทั่วเอื้อมถึงถ้าลดราคาจอหงวนแดงเหลือห้าอีแปะจะไม่เหมือนกัน ประชาชนส่วนใหญ่จะพอดื่มได้บ้างเป็นบางครั้ง เพียงแต่การทำเช่นนี้จะต้องจ่ายในราคาสูงมาก“อาจ้าน ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้าถึงตั้งราคาต่ำสุดของอู่เหลียงเย่สูงเช่นนี้?”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อยและพูด“ก็มีแต่เจ้าที่หมักอู่เหลียงเย่ได้ไง ราคาก็ต้องเอาเจ้าว่า มันผูกขาดนี่นะ ต่อให้พวกเขาไม่พอใจก็ไม่กล้าพูดอะไรกระมัง?”อู่จ้านตอบ“ท่านพูดถูกครึ่งเดียว”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูด “ที่ข้าตั้งราคาอู่เหลียงเย่สูงเช่นนี้ ความคิดในตอนแรกก็คือเพื่อปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจน ความเ
ฟ้ามืดลงทุกที เทศกาลโคมไฟอยู่ระหว่างการเตรียมงานตามขั้นตอน เห็นท้องถนนไกล ๆ ประดับประดาไปด้วยโคมไฟสารพัดรูปแบบ รวมไปถึงโคมดอกไม้ขอพรที่ลอยอยู่กลางทะเลสาบ ฉินอวิ๋นฟานระบายยิ้มน้อย ๆถ้าทั้งราชวงศ์ต้าเฉียนบนล่างเป็นภาพสวยงามปรองดองเช่นนี้ได้ ปราศจากการคดโกงหลอกลวง ปราศจากความเหลื่อมล้ำในความรวยจนเด่นชัด ปราศจากการหาผลประโยชน์บีบคั้น เช่นนั้นจะดีสักแค่ไหน“พี่อวิ๋นฟาน อาการของท่านยังไม่หายดี กลางคืนอากาศเย็น พวกเราอย่าไปร่วมสนุกเลยนะ?”ในขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังเหม่อลอย มู่หรงจิ่นถือเสื้อคลุมมาคลุมอยู่บนตัวของฉินอวิ๋นฟาน ทั้งสองสี่สายตาประสาน เต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งไม่นานมานี้ นี่มิใช่ชีวิตที่ฉินอวิ๋นฟานเคยใฝ่ฝันหรือ? รักใคร่และพยายามด้วยกันกับคนที่รักที่สุด เข้างานเลิกงานด้วยกัน ดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกด้วยกัน เพลิดเพลินกับความงดงานบนแดนดินนี้ด้วยกันแต่สถานการณ์ในเวลานี้ไม่อนุญาตให้เขาผ่อนคลาย ในฐานะที่เป็นองค์ชายผู้ทะลุมิติมา เขาได้แต่ก้าวไปข้างหน้า ถอยหลังหนึ่งก้าวคือเหวลึกหมื่นจั้ง แม้แต่คนที่รักที่สุดข้างตัวก็จะปกป้องไม่ได้ได้แต่พูดว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตากำหนด ม
“โอ้โฮ สะพานลายนี้สวยจังเลย”พอมู่หรงจิ่นเห็นทางเดินเชื่อมต่อที่ห้อยโคมไฟทั้งทะเลสาบก็ตื่นเต้นจนมือโบกเท้ารำ กระดี๊กระด๊าเหมือนเด็กสาว ฉินอวิ๋นฟานกลับจูงมือหยกของนางอยู่ด้านข้าง ร่วมชมทิวทัศน์สวยงามนี้ด้วย“นั่นสิเจ้าคะ คุณหนู คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เทศกาลโคมไฟของปีนี้จะพิเศษกว่าปีก่อน ๆ สะพานลอยนี้ยิ่งเพิ่มดอกไม้บนลายผ้าทอ แต่งแต้มสีสันให้กับทั้งทะเลสาบ”เสี่ยวจวี๋ก็พูดด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้านข้างด้วยการอารักขาของฉินอวิ๋นฟานในครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ชัดเจน ไม่เพียงแต่มีอู่จ้านอยู่ด้วย หลัวเหิงที่ร่างกายฟื้นฟูแปดเก้าส่วนก็อยู่ด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เซี่ยงเทียนเวิ่นคุ้มครองอยู่ข้างกายเขา อารักขาระวังภัยตลอดเวลา“จิ่นเอ๋อร์ ได้ยินว่าอีกเดี๋ยวจะมีการแสดง พวกเราไปดูที่โรงแรมเถอะ ถึงตอนนั้นเราจะได้ชมไปพลางดูการแสดงไปพลางไม่เสียเวลา”ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานจึงเอ่ยปากสบาย ๆ“ได้!”ภายใต้การนำของฉินอวิ๋นฟาน ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน ขณะที่พวกเขาอยู่ห่างประตูโรงแรมไม่ถึงห้าสิบเมตร ผู้หญิงท่วงทำนององอาจห้าวหาญเดินพกพาลมคนหนึ่งสะท้อนเข้าม่านตาของฉินอวิ๋นฟานมองอ
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั