“ความหมายของรัชทายาทคือ อยากให้ตระกูลเซี่ยงเราฝึกทหารให้ท่านหรือ?”เซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย คำขอนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้เขามิอาจปฏิเสธได้จริง ๆ เพราะนอกจากฉินอวิ๋นฟานจะช่วยบิดาของเขากลับมาจากประตูนรก ยังมอบสัดส่วนช่องทางอู่เหลียงเย่ให้ตระกูลเซี่ยงอีก บุญคุณและไมตรีนี้ยากจะเอ่ยด้วยวาจาที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ฉินอวิ๋นฟานไม่เคยมีคำขอเกินเหตุต่อตระกูลเซี่ยงมาก่อน ยิ่งไม่มีท่าทีจะดึงพวกเขาเข้าพวก หลังจากคลุกคลีกันก็เหมือนกับสหายคนหนึ่งคำขอครั้งนี้ของฉินอวิ๋นฟานไม่ถือว่าเกินเลยเหมือนกัน กระนั้นอาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ เพราะพวกเขาคือตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดัง เดิมสมควรรักษาระยะห่างกับราชวงศ์อยู่แล้ว“ถูกต้อง แต่ข้าจะเชิญและให้ค่าตอบแทนเป็นสองเท่าของตลาด เชิญยอดฝีมือของพวกท่านตระกูลเซี่ยงช่วยพัฒนาค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้าของข้า”ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง “แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าแค่ต้องการให้พวกทหารมีฝีมือถึงแค่พลังแห่งวิถียุทธ์ก็พอ สำหรับยุทธ์แท้ขึ้นไปมันคือเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างการจะพัฒนาฝีมือด้านวิถียุทธ์จำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ประมาณหนึ่ง ส่วนคนที่ไม่เหมาะสมข้าจะวางแผนตามความสามา
“พี่อวิ๋นฟาน ดื่มน้ำแกงไก่บำรุงสักหน่อยเถอะ!”มู่หรงจิ่นยกน้ำแกงไก่มาถ้วยหนึ่ง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลมากขึ้น นางนั่งอยู่ข้างเตียงฉินอวิ๋นฟานเบา ๆ ก่อนจะตักน้ำแกงไก่ส่งถึงริมฝีปากฉินอวิ๋นฟานด้วยมือของตัวเองเห็นดวงหน้ามู่หรงจิ่นซีดเซียวเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เห็นชัดว่าอยู่กับเขาทั้งคืน หนำซ้ำยังตุ๋นน้ำแกงไก่ให้เขาเองอีก ฉินอวิ๋นฟานเกิดความรู้สึกประทับใจอย่างไม่มีสาเหตุ ภาพแห่งความสุขผ่อนคลายเช่นนี้คือสิ่งที่เขาคาดหวังมาตลอด ไม่นึกว่าจะเป็นความจริงแล้วฉินอวิ๋นฟานแสบจมูกพลางพูด “จิ่นเอ๋อร์ เจ้าดีจริง ๆ!”“พี่อวิ๋นฟานบาดเจ็บหนักยังพยายามขนาดนั้น ข้าละอายใจนักที่ทำให้ท่านได้เพียงเท่านี้ ถึงข้าจะปวดใจกับท่านมาก แต่ข้าก็รู้ถึงความโหดเหี้ยมในศึกระหว่างองค์ชาย นับจากท่านย่างเท้าขึ้นสู่เส้นทางนี้ก็หันหลังกลับไม่ได้แล้ว”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าอ่อนโยน “เป็นคนรักของท่าน ที่ข้าทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือสนับสนุนท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข อยู่เป็นเพื่อนท่าน ไม่เป็นตัวถ่วงของท่าน ทำให้ท่านชิงใต้หล้ามาอย่างสบายใจ นี่คือปณิธานของท่าน และเป็นเป้าหมายในความอุตสาหะของท่านด้วย ข้ารู้สึกโช
“อื้ม!”เพื่อปลอบประโลมจิตวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บของฉินอวิ๋นฟาน มู่หรงจิ่นจึงจุมพิตลงบนหน้าผากของเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็กอดแขนของฉินอวิ๋นฟานแล้วพูดขึ้นว่า “พี่อวิ๋นฟาน ข้าอยากกอดท่านไว้อย่างนี้ตลอดไปจังเลย อบอุ่นใจนัก”“อื่ม ข้าก็เหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานลูบเส้นผมของมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าละมุน รู้สึกปลื้มใจนัก จากนั้นทั้งสองก็พูดถ้อยคำหวานชื่นและเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันช้า ๆ ทั้งอย่างนี้......“องค์ชายใหญ่ นี่ท่านจะทำอะไรน่ะ? ข้าน้อยเป็นหัวหน้าพิทักษ์เมืองหลวงและกำลังลาดตระเวนพิทักษ์เมืองอยู่นะ ทำไมจู่ ๆ ท่านก็ลงไม้ลงมือกับข้าเล่า?”ก็ขณะที่เยียนเป่ยกำลังลาดตระเวนไปตามประตูเมืองทั้งหลาย จู่ ๆ ก็ถูกองครักษ์ขององค์ชายใหญ่กลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ จังหวะที่เยียนเป่ยเห็นคนที่มา นัยน์ตาพลันหดเล็ก สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากฉับพลัน“เหอะ ข้าจะจับเยียนเป่ยหัวหน้าหน่วยพิทักษ์เมืองหลวงเจ้านั่นแหละ! สำหรับทำไมต้องลงไม้ลงมือ? ถึงคุกหลวงเจ้าก็จะรู้เอง!”องค์ชายใหญ่โจมตีด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ เขาพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวที่สุด “นี่คือพระบัญชาจากไท่ซั่งหวง ข้าขอเตือนให้เจ้าทำตามพระบัญชาแต่โดยดี ไม่อย่างนั้น ใ
ทันทีที่ซุนหั่ววั่งเห็นชัดว่าคนที่มาคือใคร รูม่านตาหดเล็กฉับพลัน ตกใจจนปัสสาวะราดเดี๋ยวนั้น ตะลีตะลานสวมใส่เสื้อผ้าแล้วคุกเข่าตรงหน้าฉินอวิ๋นคังด้วยใบหน้าตื่นตระหนก“หึ! เจ้าสุนัข! พวกเจ้าพ่อลูกช่างรู้จักสนุกกันจริง ๆ นะ!”ฉินอวิ๋นคังแค่นฮึเสียงเย็น ถีบเท้าไปบนตัวของซุนหั่ววั่ง ไม่นึกว่าวิธีการสนุกของพ่อลูกคู่นี้จะประหลาดพันลึกเช่นนี้ ลบล้างทัศนคติทั้งสามของเขาโดยสิ้นเชิง“เอ่อ หาความแปลกใหม่เป็นครั้งคราวขอรับ ทำให้องค์ชายใหญ่เห็นเรื่องขายหน้าแล้ว”ซุนหั่ววั่งกระดากใจถึงที่สุด แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ให้เขาคิดจนหัวร้างข้างแตกก็คิดไม่ถึงว่าองค์ชายใหญ่จะปรากฏตัวที่นี่ เขาจึงถามเสียงอ้อมแอ้ม “ไม่ทราบองค์ชายใหญ่มาเยือนกะทันหันด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ? หากท่านอยากเข้าร่วมด้วย อันที่จริงก็ได้นะขอรับ”ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวแตกแล้ว แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าฉินอวิ๋นคังมาปรากฏตัวที่นี่ทำไม ดังนั้นการอธิบายเพียงหนึ่งเดียวคือ หรือว่าเขาก็มีรสนิยมนี้เหมือนกัน?“ไสหัวไป!”ใบหน้าฉินอวิ๋นคังแข็งทื่อไปในบัดดล ถีบบนตัวของซุนหั่ววั่งอีกครั้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน “ใครก็ได้ จับตัวพ่อลูกคู่นี้เอาไว้!”“หา?
“ท่านพ่อ ท่านก็อย่าว่าฮุยเอ๋อร์อีกเลย เขาก็แค่อยากกำจัดไอ้ตัวซวยฉินอวิ๋นฟานนี่ให้เร็วไม่ใช่หรือ? นี่มีอะไรผิด? จะโทษก็ต้องโทษที่ตาแก่หนังเหนียวนั่นมีตาหามีแววไม่ ฮุยเอ๋อร์ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เขากลับไปยืนอยู่ฝั่งของฉินอวิ๋นฟานเสียได้”เหอกุ้ยเฟยสูญเสียบุตรชายไปแล้วคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงรัก ถนอมและให้ความสำคัญกับบุตรชายคนนี้มากกว่าเดิม ในตอนที่บิดาตำหนิฉินอวิ๋นฮุย มันทำให้นางเจ็บปวดนัก“หุบปาก!”ท่านผู้เฒ่าเหอตะคอกกลับ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษลอบสังหารองค์ชายคืออะไร? ประหารเก้าชั่วโคตร! นี่คือโทษหนักประหารชีวิตเชียวนะ! การกระทำของฮุยเอ๋อร์แตะต้องเส้นต่ำสุดของไท่ซั่งหวงแล้ว นั่นคือเส้นต่ำสุดของทุกคนในต้าเฉียน!”“ในสถานการณ์ชิงบัลลังก์ดุเดือดเช่นนี้ จะพลั้งพลาดไม่ได้สักนิด ไม่อย่างนั้นทุกคนจะทำทุกทางเพื่อให้เจ้าตาย!”“วันนี้เช้ามาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายองค์อื่น ๆ พากันไปแสดงจุดยืนที่ตำหนักเหยียนเหนียนกันหมด นี่หมายถึงอะไร หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจอีก?!”“ต่อให้ตระกูลเหอเรามีรากฐานล้ำลึก แต่ก็เป็นศัตรูกับทุกขั้วอำนาจในต้าเฉียนไม่ได้กระมัง?!”ท่านผู้เฒ่าเหอจนปัญญาอย่างหนัก บุตรสาวคนนี้ถูกตามใจแ
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของบุตรชาย ท่านผู้เฒ่าเหอพยักหน้าพึงพอใจ เรื่องอย่างการลอบสังหารองค์ชายนี้ หากไม่สำเร็จในคราวเดียว ใช้กำลังสะกดคน ก็คือลดตัวเฉือนเนื้อแลกสันติ ชัดเจน วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือหยุดความสูญเสียให้ทัน มิใช่การแข็งข้อ หน่วยบูรพาน่ากลัวอย่างยิ่งยวด จะแข็งปะทะสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มิเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเหอต้องประสบกับหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืน “ท่านตา น้าสาม ข้าจะไปขอร้องเสด็จปู่”ฉินอวิ๋นฮุยกำหมัดแน่น แม้จะคับแค้นใจมาก แต่สถานการณ์ในเวลานี้น่ากลัวว่านี่จะเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว เขาจึงได้แต่เลือกก้มหัวยอมรับผิด“อวิ๋นฮุย เจ้าไปคนเดียวเกรงว่าจะไม่ได้!”เหอเหวินเย่าส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจ “ถ้าอยากจะยุติเรื่องนี้จริง ๆ จะต้องให้ท่านพ่อออกหน้าด้วยตัวเองจึงจะสำเร็จ แล้วยังต้องเอาของสำคัญมากอย่างหนึ่งไปด้วย ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านพ่อออกหน้า เกรงว่าจะไม่ช่วยอันใด”“ของสำคัญมากอย่างหนึ่ง? คืออะไร?” ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นในห้องโถงใหญ่ไม่มีใครตอบคำถามฉินอวิ๋นฮุยสักคน นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยจับต้นชนปลายไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ลิ่งหูชงจึงเอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน “ข้ารู้ว่าต้อ
ตุบ...เบื้องหน้าฉินอวิ๋นฮุยพลันมืดมิด ทรุดตัวลงอยู่กับพื้นด้วยความสิ้นหวังถึงที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปราชัยเหมือนดั่งวันนี้มาก่อนองค์ชายรองผู้มีท่วงทำนองห้าวหาญยิ้มทระนงกับหมู่มวลวีรบุรุษในอดีต บัดนี้ย่อยยับเฉกเช่นสุนัขตกน้ำที่ใครก็รุมตี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ระยะครึ่งเดือนกว่ามานี้ การประชันระหว่างเขากับฉินอวิ๋นฟานล้วนต้องจบด้วยความพ่ายแพ้ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือจบแบบแพ้ยับเยิน เริ่มจากการแพ้ขาดลอยในการประลองด้านบุ๋นและบู๊ก่อน ถัดมาคือน้องชายร่วมอุทรตายด้วยน้ำมือฉินอวิ๋นฟาน เสียหูหมิงชิงและกรมอาญาบัดนี้ เพื่อนร่วมงานที่เขาเชื่อถือที่สุด ไพ่ตายที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิดมาตลอดก็จะถูกสังหารแล้ว และเขาผู้สูงส่งถึงองค์ชายรองกลับมิอาจทำอะไรได้ความอึดอัดหายใจไม่ออกไร้กำลังเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะพังทลาย“ฮุยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?”เหอปี้อวี้เห็นสภาพดังนี้พลันตื่นตระหนกรีบไปประคอง กลับถูกฉินอวิ๋นฮุยตวาดห้ามเสียงแข็ง “อย่าเข้ามานะ!!!”ทุกคนเพ่งพิศการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์บนใบหน้าของฉินอวิ๋นฮุย ไม่มีใครส่งเสียงสักแอะ มองฉินอวิ๋นฮุยที่จิตวิญญาณหลุดลอยอย่างอนาทรสงสารหลังจา
“เอ่อ...”เมื่อถูกองค์หญิงสามสอบถาม ถงจินเฉิงก็หัวเราะอย่างขวยเขิน เขาคือจอหงวนบุ๋นรุ่นเยาว์ของต้าเยียนเชียวนะ เป็นแม่พิมพ์ของวงการวรรณกรรม ชาวบุ๋นทุกผู้ทุกคนต่างยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง แทบจะยกเขาขึ้นเป็นปราชญ์บุ๋นแล้ว ถ้าให้องค์หญิงสามรู้ว่าเขาไปกอดสาวที่หอวั่งเจียง ทั้งยังลวนลามหญิงสาวจึงถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมหนักโจษจันไปทั่ว จะมิขายหน้าแย่หรือ?เขาจึงรีบอธิบาย “ตอนที่ข้าน้อยนอนไม่ทันระวังตกเตียง ไม่เป็นไรมากขอรับ สำหรับต้าเฉียน เห็นว่าเมื่อคืนรัชทายาทของต้าเฉียนถูกลอบสังหาร ตอนนี้เป็นตายไม่แน่ชัด”“อะไรนะ?! รัชทายาทของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารรึ?!”องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินตกตะลึงสุดขีด นางพูดอย่างเหลือเชื่อ “เป็นถึงรัชทายาทแห่งแว่นแคว้น ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน กลับถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง? นี่มันอะไรกัน? แคว้นนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่?”ถงจินเฉิงกลับแอบดีใจ สมน้ำหน้าฉินอวิ๋นฟานที่ถูกลอบสังหาร ใครใช้ให้เมื่อคืนอีกฝ่ายทำเขาขายหน้าเล่า แถมยังซ้อมเขาเสียน่วม คิดแล้วช่างน่าโมโหนัก“เหอะ น่าขันสิ้นดี รัชทายาทยังถูกลอบสังหารได้ ดูท่าต้าเฉียนหมดหวังแล้ว”เบื้องหลังองค์หญ