“เชิญรัชทายาทกล่าวมาได้” ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย“คืออย่างนี้ วันมะรืนข้ามีสหายสองสามคนต้องเข้าวัง ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่ใหญ่จะเปิดทางสะดวกหน่อย อย่างไรเสีย ครึ่งหนึ่งของทหารพิทักษ์เมืองทั้งต้าเฉียนก็อยู่ในความดูแลของท่าน ค่อนข้างสะดวกจะปล่อยคน”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากโดยตรง“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทต้องการเพียงเท่านี้เองหรือ?”พอฮั่วเจิ้นหลงได้ยินพลันหัวเราะลั่น เขามั่นใจมากขึ้นแล้ว ฉินอวิ๋นฟานต้องมีวิธีการพอแก้แผนร้ายขององค์ชายรองแน่ เขารู้สึกโชคดีมากที่ตัวเองยืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานได้ทันกาล“รัชทายาท นี่ไม่นับว่ายาก แค่ให้คนของท่านถือป้ายคำสั่งของท่านก็เข้าวังได้ทุกเมื่อแล้ว ไม่จำเป็นต้องเจาะจงขอความช่วยเหลือจากองค์ชายใหญ่หรอก”โดยรวมฮั่วเจิ้นหลงมั่นใจได้ว่าฉินอวิ๋นฟานอยากใช้ประโยชน์จากพวกเขา นี่คือการยืมกำลังอย่างที่พบเจอได้ง่ายและเวลานี้เขามีทางเลือกสำคัญสองทาง หนึ่งคือขัดขวางเป็นฉินอวิ๋นฟานให้มาก ให้เขาล้มเหลวโดยสมบูรณ์ ถีบเขาออกจากรายชื่อผู้ชิงบัลลังก์ หากไม่มั่นใจว่าเขาจะมีทางหนีทีไล่หรือไม่สองคือรับปากฉินอวิ๋นฟาน ร่วมมือกับเขา บั่นทอนกำลังขององค์ชายรอง หากพูดจากมุมผลประโยชน์ องค์ชายรองคือภ
“ท่านพ่อตา ทะ ท่านคงไม่เชื่อคำพูดซี้ซั้วของเจ้าเจ็ดหรอกนะ? เขาว่าไปเรื่อย ยังจะให้ประโยชน์ท่านอีก? ตอนนี้ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย จะไปสู้กับฉินอวิ๋นฮุยได้ยังไง? มันเป็นจริงไม่ได้สักนิด”ฉินอวิ๋นคังไม่เชื่อว่าฉินอวิ๋นฟานจะแก้เกมในสภาวะเช่นนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะตอบโต้องค์ชายรอง“คังเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!”ฮั่วเจิ้นหลงพูดด้วยสีหน้าดุฉินอวิ๋นคังเห็นพ่อตามีท่าทีแน่วแน่เช่นนี้จึงปิดปากด้วยโทสะคับแน่นเต็มทรวงอีกครั้ง!ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเตือน “รัชทายาท ในเมื่อท่านเลือกจะลงมือกับพวกเขาสองคน ก็น่าจะเตรียมการพร้อมแล้วกระมัง อย่าให้ถึงเวลานั้น นอกจากจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ หนำซ้ำยังจะทำร้ายตัวเองเสียเล่า”“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่ว ท่านวางใจได้ ข้าจะเป็นคนเริ่มเอง พวกท่านแค่เสริมมีดก็พอ อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเราทั้งสองฝ่าย ท่านจะว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ไม่มีปัญหา ขอเพียงท่านทำได้ พวกเราต้องเสริมมีดเล่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่ จะไม่พลาดในเวลาสำคัญเด็ดขาด” ฮั่วเจิ้นหลงทุบอบรับประกันในสายตาของเขา ถ้าเปลี่ยนคนในตำแหน่งของหูหมิงชิงเป็นคนของตัวเองได้ สำหรับพวกเขา จะเ
ฮั่วเจิ้นหลงส่ายหน้าพูด “ต่อให้เราเหยียบฉินอวิ๋นฟานให้ตายเหมือนองค์ชายรองแล้วจะยังไง? เป็นภัยกับเราได้สักเท่าไร? อย่างมากก็แค่ถีบเขาออกจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ ถ้าฉินอวิ๋นฟานมีคนรับช่วงที่แข็งแกร่งจริง พวกเรากดอีกฝ่ายไม่ลง เขาจะต้องแค้นพวกเราแน่ นี่มิเท่ากับสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหรือ?”“ถ้าพวกเราช่วยฉินอวิ๋นฟาน ถึงจะล้มเหลวแต่ก็ไม่มีผลกระทบกับเรามากนัก คนที่ต้องถูกลงโทษก็ยังเป็นเขาฉินอวิ๋นฟานอยู่ดี ถึงองค์ชายรองจะไม่ชอบใจ แต่เขาจะทำอะไรเราได้? พวกเจ้าพี่น้องขับเขี้ยวกันหลายปีอย่างนี้ ผลเป็นอย่างไรเล่า?”“แต่เจ้าต้องรู้นะ ฉินอวิ๋นฟานเป็นใคร เขาเป็นคนบ้าสิบปีเต็ม ขนาดองค์ชายห้าก็ยังกล้าฆ่า ให้เขาไปชนก่อน สู้กับองค์ชายรองอย่างแข็งกร้าว แล้วพวกเราคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ดีหรอกหรือ?”“ถ้าเอาชนะได้จริง พวกเราก็จะได้ตำแหน่งเจ้ากรมอาญามา มันเป็นฐานสำคัญในการขึ้นครองราชย์ของเจ้า ทำไมพวกเราไม่เลือกสิ่งที่มีประโยชน์และเหมาะสมที่สุดกับเราเล่า?”หลังจากฮั่วเจิ้นหลงวิเคราะห์ ฉินอวิ๋นคังอึ้งงันไปทั้งคนเดี๋ยวนั้น เขาในยามนี้รู้แจ้งแถลงไข ราวกับทะลวงเส้นลมปราณอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายตัวเอ
ทั้งสามกินปลาไหลผัดพริกไปพลาง ก็ดื่มสุรารสเลิศไปพลาง หยอกล้อกันไปพลาง ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะบันเทิงใจและกลิ่นของฮอร์โมนภายใต้ผลของแอลกอฮอล์ ไม่นานดวงหน้าประณีตของมู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋ก็แดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่เยิ้มมากขึ้นทุกที เดินส่ายไปส่ายมา ส่วนนูนอันน่าภาคภูมิใจสั่น ทำจนฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วชวนให้ลำคอแห้งผากอึก...ฉินอวิ๋นฟานกลืนน้ำลายลงแรง ๆ ทีหนึ่ง ร้อนรุ่มไปทั้งตัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ท้องน้อยส่งความร้อนมาเป็นระยะ ภายใต้ความยั่วยวนอย่างยิ่ง ฉินอวิ๋นฟานกระโจนหาสองดรุณีทันที“พี่ พี่อวิ๋นฟาน ข้ายังไม่ได้นวดให้ท่านเลย มา ท่านนอนคว่ำลงนะ ข้าจะนวดให้”ภายใต้ความมึนเมาเล็กน้อย มู่หรงจิ่นกอดฉินอวิ๋นฟานแน่น ปากพูดไม่เป็นภาษาเนือง ๆ เอื้อมมือคลำตัวฉินอวิ๋นฟาน ทำจนเขาเสียวซ่านยากจะอดเขาก้มหน้าลงมองแล้วพูดด้วยความจนปัญญา “ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ เจ้าจะให้ข้านอนคว่ำได้ยังไง?”ไม่นอนคว่ำก็ได้ นอนหงายนะ ข้าจะนวดให้ท่าน” มู่หรงจิ่นพูดด้วยความมึนเมา“แม่ตัวดี นี่ก็ได้เหมือนกัน!”พอฉินอวิ๋นฟานได้ยินก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว พริบตาเดียวก็เปลื้องผ้าจนหมด นอ
ใบหน้าของลิ่งหูชงเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนกัน เขาวิเคราะห์ “ตามสถานที่ที่เขาไปในสองวันนี้กับการแสดงออกในระยะนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ตอนนี้ดูแล้วยืนยันได้ว่าเขาจับมือกับองค์ชายใหญ่”“จับมือกันแล้วยังไง? ข้าฉินอวิ๋นฮุยจะกลัวเขารึ?”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงไม่ยี่หระ ต่อให้ร่วมมือกันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งการโค่นฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฟานพ่ายแพ้ราบคาบแล้ว“องค์ชายรอง ท่านเคยนึกถึงปัญหาหนึ่งหรือไม่ องค์ชายใหญ่ก็มีองค์กรสายข่าวของตัวเองเหมือนกัน ถ้าเขามอบข้อมูลบางอย่างให้ฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นผลจะเป็นอย่างไร?”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วเอ่ย“ท่านไม่ได้ส่งคนไปเก็บคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วหรือ? ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานได้ข้อมูลอะไรมาแล้วจะยังไง? อาศัยลมปากเดียวมันเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้หรอก”องค์ชายรองเอ่ย“แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าพวกเขาจับมือกันจะเป็นผลเสียต่อเราจริง ๆ”ลิ่งหูชงพูดอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย “พรุ่งนี้ก็จะกำจัดพวกคนสนิทของฉินอวิ๋นฟานแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ข้าจะไปยืนยันข้อมูลสักหน่อยแล้วกัน”“องค์ชายรอง ท่านก็ไปหาเจ้ากรมหูด้วยตัวเองสักครั้งเถอะ ต้องรับรองว่าทุกขั้นตอนจะไม่ผิดพลาด แ
“น้องรอง ใช่ว่าข้าจะว่าเจ้า เสด็จปู่พระชนม์สูงอย่างนั้นแล้ว เจ้ายังจะหาเรื่องให้ได้ ทำให้เสด็จปู่ต้องเหน็ดเหนื่อย น้องเจ็ดไปทำอะไรเจ้าหรือ เจ้าถึงต้องพาไอ้พวกตาแก่หนังเหนียวพวกนั้นมารังแกเขาให้ได้? ยังมีหัวใจอยู่หรือไม่?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฮุยกำลังปะทะฝีปากกับฉินอวิ๋นฟาน องค์ชายใหญ่ก็ก้าวออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน ทว่าครั้งนี้ เขายืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานแบบเด็ดขาด“ท่าน...”ถูกองค์ชายใหญ่ด่าว่าเป็นตาแก่หนังเหนียวต่อหน้าผู้คน เหล่าขุนนางใหญ่เลือดขึ้นหน้า หนวดเคราสั่นงัก ๆ ไปตาม ๆ กัน นี่คือราชสำนัก คนที่สามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ล้วนมีอำนาจสูงสุดยอดพีระมิดต้าเฉียน เมื่อถูกลบหลู่ต่อหน้าผู้คนจึงอับอายขายขี้หน้ามากองค์ชายรองหันขวับพลันพูดด้วยแววตามาดร้าย “พี่ใหญ่ ท่านจะพูดเกินไปแล้วกระมัง? ท่านคิดว่าข้าอยากทำเช่นนี้หรือ? หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่ ไยข้าต้องรบกวนเสด็จปู่ด้วย?”“มีบางคนยักยอกงบประมาณที่ตัวเองดูแล สวมหน้ากากเป็นคนดีมีเมตตา เมินกฎหมายต้าเฉียนเรา ข้าในฐานะที่เป็นองค์ชายของต้าเฉียน มีความรับผิดชอบและหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฮุยฮึกเหิมห้าวหาญ พูดจามีน้ำหนัก เขาไม่สบ
“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?”ไท่ซั่งหวงทำสีหน้าตกใจ แต่ความจริงในใจกลับไร้คลื่น เขารู้แผนการร้ายเบื้องหลังทั้งหมดนี้แล้วแต่เขาอยากจะดูสิว่าฉินอวิ๋นฮุยจะทำอะไรกันแน่ และอยากดูว่าฉินอวิ๋นฟานเตรียมตอบโต้ล้างมลทินให้ตัวเองได้อย่างไร“ไท่ซั่งหวง นี่คือสำนวนการสืบคดีของเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”หูหมิงชิงในฐานะที่เป็นเจ้ากรมอาญารีบยื่นสำนวนคดีที่ตรวจสอบออกไปทันที พร้อมอธิบาย “เวลานี้ได้ดำเนินคดีกับทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อครัวทั้งหกที่เกี่ยวข้องยอมรับผิด ลงนามพิมพ์ลายนิ้วมือหมดแล้ว ส่วนทั้งเจ็ดคนที่ถูกคุมขังล้วนเป็นนักโทษฉกรรจ์ ความผิดใหญ่หลวง ได้นำตัวไปถึงประตูหน้าของวังหลวงแล้ว จะประหารในยามเที่ยงพ่ะย่ะค่ะ”“อื่ม!”ไท่ซั่งหวงไม่ได้กล่าวอะไร เขาเปิดสำนวนออกเบา ๆ อ่านคร่าว ๆ รอบหนึ่ง โดยรวมไม่ต่างจากที่องค์ชายรองพูดมา แต่บันทึกในสำนวนละเอียดมากกว่า ยังมีรายชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมไปถึงคนที่จะถูกประหาร“ไม่เลว ละเอียดมาก มีเหตุผล มีหลักฐาน มีการให้ปากคำ”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าและพูด “อวิ๋นฟาน เจ้าเป็นรัชทายาทของต้าเฉียน เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายยังไง?”ฉินอวิ๋นฟาน
ความร่วมมือของฉินอวิ๋นคังและฉินอวิ๋นฟานทำให้องค์ชายรองอัดอั้นตันใจถึงขีดสุด การประสานหมัดนี้ของพวกเขาโจมตีมาแบบไม่ทันตั้งรับ แผนที่จำกัดฉินอวิ๋นฟานเมื่อก่อนหน้านี้ ใช้ไม่ได้กับปัจจุบันโดยสมบูรณ์อย่างไรก็คิดไม่ถึง ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นคัง เขาจะสมัครใจให้ความร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานได้อย่างไร? เขาคิดเหตุผลในนี้ไม่ตกจริง ๆ“แต่...ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพี่ใหญ่จะหาพยานที่ว่ามาได้จริง เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน ท่านไม่มีเหตุผลสนใจเรื่องนี้เช่นนี้”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงปากแข็ง เขาสงสัยว่าฉินอวิ๋นฟานต้องจงใจร่วมมือกับฉินอวิ๋นคังมาหลอกเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงทำจิตใจให้สงบ แสดงท่าทีของตัวเองอีกครั้ง“เจ้าจะเชื่อหรือไม่มันไม่สำคัญ”ฉินอวิ๋นคังแบมือพูด “ถึงยังไงเจ้าก็เปิดไพ่ออกมาจนหมด แสดงความต้องการและเป้าหมายสุดท้ายของตัวเองแล้ว ที่เหลือก็ดูข้ากับน้องเจ็ดแสดงก็พอ”ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง ฉินอวิ๋นคังพูดด้วยความเคารพนบนอบ “ทูลเสด็จปู่ พยานของเรามาถึงแล้ว จะให้เขาเข้ามาเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อนุญาต!” ไท่ซั่งหวงเอ่ยฉินอวิ๋นฮุยที่เพิ่งตั้งค่าในใจงุนงงอีกครั้ง หรือว่าพวกเขาจะมีพยานจริง ๆ? ไม่น่านี่! คนท