ฮั่วเจิ้นหลงส่ายหน้าพูด “ต่อให้เราเหยียบฉินอวิ๋นฟานให้ตายเหมือนองค์ชายรองแล้วจะยังไง? เป็นภัยกับเราได้สักเท่าไร? อย่างมากก็แค่ถีบเขาออกจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ ถ้าฉินอวิ๋นฟานมีคนรับช่วงที่แข็งแกร่งจริง พวกเรากดอีกฝ่ายไม่ลง เขาจะต้องแค้นพวกเราแน่ นี่มิเท่ากับสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหรือ?”“ถ้าพวกเราช่วยฉินอวิ๋นฟาน ถึงจะล้มเหลวแต่ก็ไม่มีผลกระทบกับเรามากนัก คนที่ต้องถูกลงโทษก็ยังเป็นเขาฉินอวิ๋นฟานอยู่ดี ถึงองค์ชายรองจะไม่ชอบใจ แต่เขาจะทำอะไรเราได้? พวกเจ้าพี่น้องขับเขี้ยวกันหลายปีอย่างนี้ ผลเป็นอย่างไรเล่า?”“แต่เจ้าต้องรู้นะ ฉินอวิ๋นฟานเป็นใคร เขาเป็นคนบ้าสิบปีเต็ม ขนาดองค์ชายห้าก็ยังกล้าฆ่า ให้เขาไปชนก่อน สู้กับองค์ชายรองอย่างแข็งกร้าว แล้วพวกเราคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ดีหรอกหรือ?”“ถ้าเอาชนะได้จริง พวกเราก็จะได้ตำแหน่งเจ้ากรมอาญามา มันเป็นฐานสำคัญในการขึ้นครองราชย์ของเจ้า ทำไมพวกเราไม่เลือกสิ่งที่มีประโยชน์และเหมาะสมที่สุดกับเราเล่า?”หลังจากฮั่วเจิ้นหลงวิเคราะห์ ฉินอวิ๋นคังอึ้งงันไปทั้งคนเดี๋ยวนั้น เขาในยามนี้รู้แจ้งแถลงไข ราวกับทะลวงเส้นลมปราณอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายตัวเอ
ทั้งสามกินปลาไหลผัดพริกไปพลาง ก็ดื่มสุรารสเลิศไปพลาง หยอกล้อกันไปพลาง ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะบันเทิงใจและกลิ่นของฮอร์โมนภายใต้ผลของแอลกอฮอล์ ไม่นานดวงหน้าประณีตของมู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋ก็แดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่เยิ้มมากขึ้นทุกที เดินส่ายไปส่ายมา ส่วนนูนอันน่าภาคภูมิใจสั่น ทำจนฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วชวนให้ลำคอแห้งผากอึก...ฉินอวิ๋นฟานกลืนน้ำลายลงแรง ๆ ทีหนึ่ง ร้อนรุ่มไปทั้งตัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ท้องน้อยส่งความร้อนมาเป็นระยะ ภายใต้ความยั่วยวนอย่างยิ่ง ฉินอวิ๋นฟานกระโจนหาสองดรุณีทันที“พี่ พี่อวิ๋นฟาน ข้ายังไม่ได้นวดให้ท่านเลย มา ท่านนอนคว่ำลงนะ ข้าจะนวดให้”ภายใต้ความมึนเมาเล็กน้อย มู่หรงจิ่นกอดฉินอวิ๋นฟานแน่น ปากพูดไม่เป็นภาษาเนือง ๆ เอื้อมมือคลำตัวฉินอวิ๋นฟาน ทำจนเขาเสียวซ่านยากจะอดเขาก้มหน้าลงมองแล้วพูดด้วยความจนปัญญา “ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ เจ้าจะให้ข้านอนคว่ำได้ยังไง?”ไม่นอนคว่ำก็ได้ นอนหงายนะ ข้าจะนวดให้ท่าน” มู่หรงจิ่นพูดด้วยความมึนเมา“แม่ตัวดี นี่ก็ได้เหมือนกัน!”พอฉินอวิ๋นฟานได้ยินก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว พริบตาเดียวก็เปลื้องผ้าจนหมด นอ
ใบหน้าของลิ่งหูชงเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนกัน เขาวิเคราะห์ “ตามสถานที่ที่เขาไปในสองวันนี้กับการแสดงออกในระยะนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ตอนนี้ดูแล้วยืนยันได้ว่าเขาจับมือกับองค์ชายใหญ่”“จับมือกันแล้วยังไง? ข้าฉินอวิ๋นฮุยจะกลัวเขารึ?”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงไม่ยี่หระ ต่อให้ร่วมมือกันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งการโค่นฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฟานพ่ายแพ้ราบคาบแล้ว“องค์ชายรอง ท่านเคยนึกถึงปัญหาหนึ่งหรือไม่ องค์ชายใหญ่ก็มีองค์กรสายข่าวของตัวเองเหมือนกัน ถ้าเขามอบข้อมูลบางอย่างให้ฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นผลจะเป็นอย่างไร?”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วเอ่ย“ท่านไม่ได้ส่งคนไปเก็บคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วหรือ? ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานได้ข้อมูลอะไรมาแล้วจะยังไง? อาศัยลมปากเดียวมันเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้หรอก”องค์ชายรองเอ่ย“แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าพวกเขาจับมือกันจะเป็นผลเสียต่อเราจริง ๆ”ลิ่งหูชงพูดอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย “พรุ่งนี้ก็จะกำจัดพวกคนสนิทของฉินอวิ๋นฟานแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ข้าจะไปยืนยันข้อมูลสักหน่อยแล้วกัน”“องค์ชายรอง ท่านก็ไปหาเจ้ากรมหูด้วยตัวเองสักครั้งเถอะ ต้องรับรองว่าทุกขั้นตอนจะไม่ผิดพลาด แ
“น้องรอง ใช่ว่าข้าจะว่าเจ้า เสด็จปู่พระชนม์สูงอย่างนั้นแล้ว เจ้ายังจะหาเรื่องให้ได้ ทำให้เสด็จปู่ต้องเหน็ดเหนื่อย น้องเจ็ดไปทำอะไรเจ้าหรือ เจ้าถึงต้องพาไอ้พวกตาแก่หนังเหนียวพวกนั้นมารังแกเขาให้ได้? ยังมีหัวใจอยู่หรือไม่?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฮุยกำลังปะทะฝีปากกับฉินอวิ๋นฟาน องค์ชายใหญ่ก็ก้าวออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน ทว่าครั้งนี้ เขายืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานแบบเด็ดขาด“ท่าน...”ถูกองค์ชายใหญ่ด่าว่าเป็นตาแก่หนังเหนียวต่อหน้าผู้คน เหล่าขุนนางใหญ่เลือดขึ้นหน้า หนวดเคราสั่นงัก ๆ ไปตาม ๆ กัน นี่คือราชสำนัก คนที่สามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ล้วนมีอำนาจสูงสุดยอดพีระมิดต้าเฉียน เมื่อถูกลบหลู่ต่อหน้าผู้คนจึงอับอายขายขี้หน้ามากองค์ชายรองหันขวับพลันพูดด้วยแววตามาดร้าย “พี่ใหญ่ ท่านจะพูดเกินไปแล้วกระมัง? ท่านคิดว่าข้าอยากทำเช่นนี้หรือ? หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่ ไยข้าต้องรบกวนเสด็จปู่ด้วย?”“มีบางคนยักยอกงบประมาณที่ตัวเองดูแล สวมหน้ากากเป็นคนดีมีเมตตา เมินกฎหมายต้าเฉียนเรา ข้าในฐานะที่เป็นองค์ชายของต้าเฉียน มีความรับผิดชอบและหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฮุยฮึกเหิมห้าวหาญ พูดจามีน้ำหนัก เขาไม่สบ
“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?”ไท่ซั่งหวงทำสีหน้าตกใจ แต่ความจริงในใจกลับไร้คลื่น เขารู้แผนการร้ายเบื้องหลังทั้งหมดนี้แล้วแต่เขาอยากจะดูสิว่าฉินอวิ๋นฮุยจะทำอะไรกันแน่ และอยากดูว่าฉินอวิ๋นฟานเตรียมตอบโต้ล้างมลทินให้ตัวเองได้อย่างไร“ไท่ซั่งหวง นี่คือสำนวนการสืบคดีของเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”หูหมิงชิงในฐานะที่เป็นเจ้ากรมอาญารีบยื่นสำนวนคดีที่ตรวจสอบออกไปทันที พร้อมอธิบาย “เวลานี้ได้ดำเนินคดีกับทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อครัวทั้งหกที่เกี่ยวข้องยอมรับผิด ลงนามพิมพ์ลายนิ้วมือหมดแล้ว ส่วนทั้งเจ็ดคนที่ถูกคุมขังล้วนเป็นนักโทษฉกรรจ์ ความผิดใหญ่หลวง ได้นำตัวไปถึงประตูหน้าของวังหลวงแล้ว จะประหารในยามเที่ยงพ่ะย่ะค่ะ”“อื่ม!”ไท่ซั่งหวงไม่ได้กล่าวอะไร เขาเปิดสำนวนออกเบา ๆ อ่านคร่าว ๆ รอบหนึ่ง โดยรวมไม่ต่างจากที่องค์ชายรองพูดมา แต่บันทึกในสำนวนละเอียดมากกว่า ยังมีรายชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมไปถึงคนที่จะถูกประหาร“ไม่เลว ละเอียดมาก มีเหตุผล มีหลักฐาน มีการให้ปากคำ”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าและพูด “อวิ๋นฟาน เจ้าเป็นรัชทายาทของต้าเฉียน เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายยังไง?”ฉินอวิ๋นฟาน
ความร่วมมือของฉินอวิ๋นคังและฉินอวิ๋นฟานทำให้องค์ชายรองอัดอั้นตันใจถึงขีดสุด การประสานหมัดนี้ของพวกเขาโจมตีมาแบบไม่ทันตั้งรับ แผนที่จำกัดฉินอวิ๋นฟานเมื่อก่อนหน้านี้ ใช้ไม่ได้กับปัจจุบันโดยสมบูรณ์อย่างไรก็คิดไม่ถึง ด้วยนิสัยของฉินอวิ๋นคัง เขาจะสมัครใจให้ความร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานได้อย่างไร? เขาคิดเหตุผลในนี้ไม่ตกจริง ๆ“แต่...ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพี่ใหญ่จะหาพยานที่ว่ามาได้จริง เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน ท่านไม่มีเหตุผลสนใจเรื่องนี้เช่นนี้”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงปากแข็ง เขาสงสัยว่าฉินอวิ๋นฟานต้องจงใจร่วมมือกับฉินอวิ๋นคังมาหลอกเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงทำจิตใจให้สงบ แสดงท่าทีของตัวเองอีกครั้ง“เจ้าจะเชื่อหรือไม่มันไม่สำคัญ”ฉินอวิ๋นคังแบมือพูด “ถึงยังไงเจ้าก็เปิดไพ่ออกมาจนหมด แสดงความต้องการและเป้าหมายสุดท้ายของตัวเองแล้ว ที่เหลือก็ดูข้ากับน้องเจ็ดแสดงก็พอ”ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง ฉินอวิ๋นคังพูดด้วยความเคารพนบนอบ “ทูลเสด็จปู่ พยานของเรามาถึงแล้ว จะให้เขาเข้ามาเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อนุญาต!” ไท่ซั่งหวงเอ่ยฉินอวิ๋นฮุยที่เพิ่งตั้งค่าในใจงุนงงอีกครั้ง หรือว่าพวกเขาจะมีพยานจริง ๆ? ไม่น่านี่! คนท
“ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ ข้าย่อมวินิจฉัย”ไท่ซั่งหวงเอ่ยราบเรียบ “หูหมิงชิง ในการตรวจสอบของเจ้า ทำไมถึงไม่มีบันทึกฆ่าล้างตระกูล?”“เอ่อ...นี่...”ถูกไท่ซั่งหวงสอบถามกะทันหัน หูหมิงชิงสะดุ้งทันใด พวกเขาทำงานมิดชิดขนาดนี้แล้ว นึกว่าใบบัวห่อมิด ไม่คิดว่าจะมีปลาลอดแหจริง ๆเขารีบอธิบาย “โดย โดยหลักเพราะหนทางยาวไกล อีกทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องถูกจับกุมหมดแล้ว ไม่นานพวกเขาก็สารภาพผิดพิมพ์ลายนิ้วมือ พวกกระหม่อมจึงไม่ได้สืบต่อ ดังนั้น...นี่คือการละเลยหน้าที่ของพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อพ่อของหลิวต้าถูกจับกุมตัวแล้ว และเจ้าก็เกิดความสงสัยในเรื่องนี้ เช่นนั้นก็เบิกตัวพวกเขามาที่นี่ให้หมด ยืนยันข้อเท็จจริงทีละคนก็พอ”ไท่ซั่งหวงกล่าวตามคำพูดของหูหมิงชิงพอได้ยินว่าไท่ซั่งหวงจะไต่สวนพ่อครัวที่ถูกจับด้วยตัวเอง ฉินอวิ๋นฮุยในเวลานี้อึดอัดมากกว่าเดิม เจ้าคนโง่นี่! ทำไมถึงเก็บอารมณ์ไม่อยู่อย่างนี้นะ?!หากทั้งหมดสายไปแล้ว ยังดีที่ก่อนหน้านี้พวกเราล้างสมองเรียบร้อย คิดจะพลิกคดีไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!“พ่ะย่ะค่ะ!”หูหมิงชิงรู้ว่ามาถึงขั้นนี้ ต้องปิดปากให้สนิท ก่อนจะไป เขาแลกสายตากับองค์ชายรอ
“เพราะอะไร? ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?”ผ่านไปนาน หลิวไห่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พึมพำกับตัวเอง เวลานี้เขานึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงให้ผีร้ายครอบงำจิตใจ? ทำไมถึงโลภเงินเท่านั้น? ครอบครัวสุขสันต์ไม่ดีหรือ?“ท่านพ่อ พวกเราพันไม่ควรหมื่นไม่ควรทำร้ายคนเพื่อเงิน กรรมตามสนองแล้ว กรรมตามสนองแล้วจริง ๆ!”หลิวต้ากอดหลิวไห่ร้องไห้โฮพลางพูด“เฮ้อ พี่หลิว ท่านก็อย่าเสียใจไปเลยนะ คนตายไปแล้วมิอาจฟื้นคืน”“นั่นสิพี่หลิว สงบสติอารมณ์เถิด”......พ่อครัวคนอื่น ๆ ต่างส่งเสียงปลอบมอบสายตาเห็นใจให้ ในฐานะที่เป็นคนบ้านเดียวกัน เดิมก็เห็นใจปกป้องกันอยู่แล้ว ถูกฆ่าล้างตระกูล ช่างโหดเหี้ยมโดยแท้ฉินอวิ๋นฟานเห็นสภาพดังนี้จึงเอ่ย “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจกับเขาหรอก คิดถึงตัวเองก่อนเถอะ หลิวต้าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของพวกเจ้าหกครอบครัว”“โชคดีที่ยังเหลือผู้รอดชีวิต อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับ...”ในบรรดาพวกเขามีคนหนึ่งกำลังพูดปลอบ ทว่าเขาเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียว สีหน้าพ่อครัวอีกคนหนึ่งเปลี่ยนสีฉับพลัน โพล่งปากขึ้นว่า “เมื่อ เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?! หกครอบครัว? หลิวต้าเป็นคนเดียวที่รอด?”“มิผิด!”ฉิ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ