“ก็ได้!”ถูกพ่อตาตำหนิ ฉินอวิ๋นคังอึดอัดใจนัก แต่เขาก็รู้ดีเหมือนกัน ที่พ่อตาขึ้นมาสูงระดับนี้ได้ ไม่เพียงแต่มีความสามารถและตระกูลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คือยังมีสติปัญญาล้ำเลิศซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตามก้นไปต้อย ๆ“ขอต้อนรับการมาเยือนของรัชทายาท ช่างเป็นเกียรติของตระกูลฮั่วเราโดยแท้ เชิญด้านใน!ฮั่วเจิ้นหลงพาฉินอวิ๋นคังสาวเท้าเร็วมาถึงหน้าประตูใหญ่ ค้อมตัวคำนับฉินอวิ๋นฟาน ต้อนรับด้วยรอยยิ้มฉินอวิ๋นคังเห็นฉากนี้แล้วพลันปากอ้าตาค้าง ไหนว่าแค่ออกมาต้อนรับไง?! ต้องวางตัวต่ำถึงขั้นนี้เลยรึ? นอบน้อมกับรัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดติดคุกอยู่รอมร่อ?!“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่เกรงใจสักนิด ยังคงยืนมือไพล่หลังเหมือนเดิม จากนั้นจึงย่างเท้าเข้าตระกูลฮั่วไป“ไม่ทราบว่ารัชทายาทมาเยือนตระกูลฮั่วยามวิกาลกะทันหันเช่นนี้ด้วยเรื่องอันใดหรือ?”หลังจากนั่งลงแล้ว ฮั่วเจิ้นหลงก็ถามเปิดประเด็นทันที“ขอบอกตามตรง ที่ข้ามาก็เพราะอยากขอให้พี่ใหญ่ช่วยเหลือนี่แหละ” ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ฮ่า ๆ ๆ ขอให้ข้าช่วย? น้องเจ็ด เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยหรือไม่?!”พอองค์ชายใหญ่ได้ยินฉ
“เชิญรัชทายาทกล่าวมาได้” ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย“คืออย่างนี้ วันมะรืนข้ามีสหายสองสามคนต้องเข้าวัง ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่ใหญ่จะเปิดทางสะดวกหน่อย อย่างไรเสีย ครึ่งหนึ่งของทหารพิทักษ์เมืองทั้งต้าเฉียนก็อยู่ในความดูแลของท่าน ค่อนข้างสะดวกจะปล่อยคน”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากโดยตรง“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทต้องการเพียงเท่านี้เองหรือ?”พอฮั่วเจิ้นหลงได้ยินพลันหัวเราะลั่น เขามั่นใจมากขึ้นแล้ว ฉินอวิ๋นฟานต้องมีวิธีการพอแก้แผนร้ายขององค์ชายรองแน่ เขารู้สึกโชคดีมากที่ตัวเองยืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานได้ทันกาล“รัชทายาท นี่ไม่นับว่ายาก แค่ให้คนของท่านถือป้ายคำสั่งของท่านก็เข้าวังได้ทุกเมื่อแล้ว ไม่จำเป็นต้องเจาะจงขอความช่วยเหลือจากองค์ชายใหญ่หรอก”โดยรวมฮั่วเจิ้นหลงมั่นใจได้ว่าฉินอวิ๋นฟานอยากใช้ประโยชน์จากพวกเขา นี่คือการยืมกำลังอย่างที่พบเจอได้ง่ายและเวลานี้เขามีทางเลือกสำคัญสองทาง หนึ่งคือขัดขวางเป็นฉินอวิ๋นฟานให้มาก ให้เขาล้มเหลวโดยสมบูรณ์ ถีบเขาออกจากรายชื่อผู้ชิงบัลลังก์ หากไม่มั่นใจว่าเขาจะมีทางหนีทีไล่หรือไม่สองคือรับปากฉินอวิ๋นฟาน ร่วมมือกับเขา บั่นทอนกำลังขององค์ชายรอง หากพูดจากมุมผลประโยชน์ องค์ชายรองคือภ
“ท่านพ่อตา ทะ ท่านคงไม่เชื่อคำพูดซี้ซั้วของเจ้าเจ็ดหรอกนะ? เขาว่าไปเรื่อย ยังจะให้ประโยชน์ท่านอีก? ตอนนี้ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย จะไปสู้กับฉินอวิ๋นฮุยได้ยังไง? มันเป็นจริงไม่ได้สักนิด”ฉินอวิ๋นคังไม่เชื่อว่าฉินอวิ๋นฟานจะแก้เกมในสภาวะเช่นนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะตอบโต้องค์ชายรอง“คังเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!”ฮั่วเจิ้นหลงพูดด้วยสีหน้าดุฉินอวิ๋นคังเห็นพ่อตามีท่าทีแน่วแน่เช่นนี้จึงปิดปากด้วยโทสะคับแน่นเต็มทรวงอีกครั้ง!ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเตือน “รัชทายาท ในเมื่อท่านเลือกจะลงมือกับพวกเขาสองคน ก็น่าจะเตรียมการพร้อมแล้วกระมัง อย่าให้ถึงเวลานั้น นอกจากจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ หนำซ้ำยังจะทำร้ายตัวเองเสียเล่า”“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่ว ท่านวางใจได้ ข้าจะเป็นคนเริ่มเอง พวกท่านแค่เสริมมีดก็พอ อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเราทั้งสองฝ่าย ท่านจะว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ไม่มีปัญหา ขอเพียงท่านทำได้ พวกเราต้องเสริมมีดเล่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่ จะไม่พลาดในเวลาสำคัญเด็ดขาด” ฮั่วเจิ้นหลงทุบอบรับประกันในสายตาของเขา ถ้าเปลี่ยนคนในตำแหน่งของหูหมิงชิงเป็นคนของตัวเองได้ สำหรับพวกเขา จะเ
ฮั่วเจิ้นหลงส่ายหน้าพูด “ต่อให้เราเหยียบฉินอวิ๋นฟานให้ตายเหมือนองค์ชายรองแล้วจะยังไง? เป็นภัยกับเราได้สักเท่าไร? อย่างมากก็แค่ถีบเขาออกจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ ถ้าฉินอวิ๋นฟานมีคนรับช่วงที่แข็งแกร่งจริง พวกเรากดอีกฝ่ายไม่ลง เขาจะต้องแค้นพวกเราแน่ นี่มิเท่ากับสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหรือ?”“ถ้าพวกเราช่วยฉินอวิ๋นฟาน ถึงจะล้มเหลวแต่ก็ไม่มีผลกระทบกับเรามากนัก คนที่ต้องถูกลงโทษก็ยังเป็นเขาฉินอวิ๋นฟานอยู่ดี ถึงองค์ชายรองจะไม่ชอบใจ แต่เขาจะทำอะไรเราได้? พวกเจ้าพี่น้องขับเขี้ยวกันหลายปีอย่างนี้ ผลเป็นอย่างไรเล่า?”“แต่เจ้าต้องรู้นะ ฉินอวิ๋นฟานเป็นใคร เขาเป็นคนบ้าสิบปีเต็ม ขนาดองค์ชายห้าก็ยังกล้าฆ่า ให้เขาไปชนก่อน สู้กับองค์ชายรองอย่างแข็งกร้าว แล้วพวกเราคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ดีหรอกหรือ?”“ถ้าเอาชนะได้จริง พวกเราก็จะได้ตำแหน่งเจ้ากรมอาญามา มันเป็นฐานสำคัญในการขึ้นครองราชย์ของเจ้า ทำไมพวกเราไม่เลือกสิ่งที่มีประโยชน์และเหมาะสมที่สุดกับเราเล่า?”หลังจากฮั่วเจิ้นหลงวิเคราะห์ ฉินอวิ๋นคังอึ้งงันไปทั้งคนเดี๋ยวนั้น เขาในยามนี้รู้แจ้งแถลงไข ราวกับทะลวงเส้นลมปราณอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายตัวเอ
ทั้งสามกินปลาไหลผัดพริกไปพลาง ก็ดื่มสุรารสเลิศไปพลาง หยอกล้อกันไปพลาง ในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะบันเทิงใจและกลิ่นของฮอร์โมนภายใต้ผลของแอลกอฮอล์ ไม่นานดวงหน้าประณีตของมู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋ก็แดงก่ำ ดวงตาทั้งคู่เยิ้มมากขึ้นทุกที เดินส่ายไปส่ายมา ส่วนนูนอันน่าภาคภูมิใจสั่น ทำจนฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วชวนให้ลำคอแห้งผากอึก...ฉินอวิ๋นฟานกลืนน้ำลายลงแรง ๆ ทีหนึ่ง ร้อนรุ่มไปทั้งตัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ท้องน้อยส่งความร้อนมาเป็นระยะ ภายใต้ความยั่วยวนอย่างยิ่ง ฉินอวิ๋นฟานกระโจนหาสองดรุณีทันที“พี่ พี่อวิ๋นฟาน ข้ายังไม่ได้นวดให้ท่านเลย มา ท่านนอนคว่ำลงนะ ข้าจะนวดให้”ภายใต้ความมึนเมาเล็กน้อย มู่หรงจิ่นกอดฉินอวิ๋นฟานแน่น ปากพูดไม่เป็นภาษาเนือง ๆ เอื้อมมือคลำตัวฉินอวิ๋นฟาน ทำจนเขาเสียวซ่านยากจะอดเขาก้มหน้าลงมองแล้วพูดด้วยความจนปัญญา “ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ เจ้าจะให้ข้านอนคว่ำได้ยังไง?”ไม่นอนคว่ำก็ได้ นอนหงายนะ ข้าจะนวดให้ท่าน” มู่หรงจิ่นพูดด้วยความมึนเมา“แม่ตัวดี นี่ก็ได้เหมือนกัน!”พอฉินอวิ๋นฟานได้ยินก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว พริบตาเดียวก็เปลื้องผ้าจนหมด นอ
ใบหน้าของลิ่งหูชงเต็มไปด้วยความสับสนเหมือนกัน เขาวิเคราะห์ “ตามสถานที่ที่เขาไปในสองวันนี้กับการแสดงออกในระยะนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ตอนนี้ดูแล้วยืนยันได้ว่าเขาจับมือกับองค์ชายใหญ่”“จับมือกันแล้วยังไง? ข้าฉินอวิ๋นฮุยจะกลัวเขารึ?”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงไม่ยี่หระ ต่อให้ร่วมมือกันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งการโค่นฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฟานพ่ายแพ้ราบคาบแล้ว“องค์ชายรอง ท่านเคยนึกถึงปัญหาหนึ่งหรือไม่ องค์ชายใหญ่ก็มีองค์กรสายข่าวของตัวเองเหมือนกัน ถ้าเขามอบข้อมูลบางอย่างให้ฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นผลจะเป็นอย่างไร?”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วเอ่ย“ท่านไม่ได้ส่งคนไปเก็บคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วหรือ? ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานได้ข้อมูลอะไรมาแล้วจะยังไง? อาศัยลมปากเดียวมันเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้หรอก”องค์ชายรองเอ่ย“แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าพวกเขาจับมือกันจะเป็นผลเสียต่อเราจริง ๆ”ลิ่งหูชงพูดอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย “พรุ่งนี้ก็จะกำจัดพวกคนสนิทของฉินอวิ๋นฟานแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ข้าจะไปยืนยันข้อมูลสักหน่อยแล้วกัน”“องค์ชายรอง ท่านก็ไปหาเจ้ากรมหูด้วยตัวเองสักครั้งเถอะ ต้องรับรองว่าทุกขั้นตอนจะไม่ผิดพลาด แ
“น้องรอง ใช่ว่าข้าจะว่าเจ้า เสด็จปู่พระชนม์สูงอย่างนั้นแล้ว เจ้ายังจะหาเรื่องให้ได้ ทำให้เสด็จปู่ต้องเหน็ดเหนื่อย น้องเจ็ดไปทำอะไรเจ้าหรือ เจ้าถึงต้องพาไอ้พวกตาแก่หนังเหนียวพวกนั้นมารังแกเขาให้ได้? ยังมีหัวใจอยู่หรือไม่?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฮุยกำลังปะทะฝีปากกับฉินอวิ๋นฟาน องค์ชายใหญ่ก็ก้าวออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน ทว่าครั้งนี้ เขายืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานแบบเด็ดขาด“ท่าน...”ถูกองค์ชายใหญ่ด่าว่าเป็นตาแก่หนังเหนียวต่อหน้าผู้คน เหล่าขุนนางใหญ่เลือดขึ้นหน้า หนวดเคราสั่นงัก ๆ ไปตาม ๆ กัน นี่คือราชสำนัก คนที่สามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ล้วนมีอำนาจสูงสุดยอดพีระมิดต้าเฉียน เมื่อถูกลบหลู่ต่อหน้าผู้คนจึงอับอายขายขี้หน้ามากองค์ชายรองหันขวับพลันพูดด้วยแววตามาดร้าย “พี่ใหญ่ ท่านจะพูดเกินไปแล้วกระมัง? ท่านคิดว่าข้าอยากทำเช่นนี้หรือ? หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่ ไยข้าต้องรบกวนเสด็จปู่ด้วย?”“มีบางคนยักยอกงบประมาณที่ตัวเองดูแล สวมหน้ากากเป็นคนดีมีเมตตา เมินกฎหมายต้าเฉียนเรา ข้าในฐานะที่เป็นองค์ชายของต้าเฉียน มีความรับผิดชอบและหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายต้าเฉียน”ฉินอวิ๋นฮุยฮึกเหิมห้าวหาญ พูดจามีน้ำหนัก เขาไม่สบ
“อ้อ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?”ไท่ซั่งหวงทำสีหน้าตกใจ แต่ความจริงในใจกลับไร้คลื่น เขารู้แผนการร้ายเบื้องหลังทั้งหมดนี้แล้วแต่เขาอยากจะดูสิว่าฉินอวิ๋นฮุยจะทำอะไรกันแน่ และอยากดูว่าฉินอวิ๋นฟานเตรียมตอบโต้ล้างมลทินให้ตัวเองได้อย่างไร“ไท่ซั่งหวง นี่คือสำนวนการสืบคดีของเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”หูหมิงชิงในฐานะที่เป็นเจ้ากรมอาญารีบยื่นสำนวนคดีที่ตรวจสอบออกไปทันที พร้อมอธิบาย “เวลานี้ได้ดำเนินคดีกับทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อครัวทั้งหกที่เกี่ยวข้องยอมรับผิด ลงนามพิมพ์ลายนิ้วมือหมดแล้ว ส่วนทั้งเจ็ดคนที่ถูกคุมขังล้วนเป็นนักโทษฉกรรจ์ ความผิดใหญ่หลวง ได้นำตัวไปถึงประตูหน้าของวังหลวงแล้ว จะประหารในยามเที่ยงพ่ะย่ะค่ะ”“อื่ม!”ไท่ซั่งหวงไม่ได้กล่าวอะไร เขาเปิดสำนวนออกเบา ๆ อ่านคร่าว ๆ รอบหนึ่ง โดยรวมไม่ต่างจากที่องค์ชายรองพูดมา แต่บันทึกในสำนวนละเอียดมากกว่า ยังมีรายชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมไปถึงคนที่จะถูกประหาร“ไม่เลว ละเอียดมาก มีเหตุผล มีหลักฐาน มีการให้ปากคำ”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าและพูด “อวิ๋นฟาน เจ้าเป็นรัชทายาทของต้าเฉียน เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายยังไง?”ฉินอวิ๋นฟาน
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว