การถามเสียงกร้าวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ชายร่างกำยำตกตะลึงเดี๋ยวนั้น ก่อนหน้าเขาไม่เคยเตรียมปัญหานี้ จ้องแววตาลุ่มลึกนั้นของฉินอวิ๋นฟาน เผด็จการอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทันใดนั้นเขาลนลานแล้ว“ขะ ข้า ข้าเคยมาเมืองหลวง โชคดีได้เจอกับท่านหนหนึ่ง” ชายร่างกำยำฝืนตอบแบบติด ๆ ขัด ๆฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นจึงฉายรอยยิ้มมั่นใจน้อย ๆ และถามต่อ “เคย? เมื่อไร?”“เอ่อ นานเกินไป ข้าจำไม่ได้แล้ว”ชายร่างกำยำยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง ได้แต่พยายามพูดให้นานเข้าไว้ เพราะมีแต่อย่างนี้จึงดำน้ำผ่านไปได้ กลับไม่รู้ว่าเขาตกหลุมพรางของฉินอวิ๋นฟานเรียบร้อยแล้ว“อ้อ? นานเกินไป ประมาณเมื่อไรอย่างไรต้องจำได้กระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานถามต่อกับการถามอย่างบีบคั้นของฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วนิด ๆ มักรู้สึกถึงลางร้ายอย่างหนึ่ง แต่คิดว่าพวกคำถามที่ฉินอวิ๋นฟานถามไม่มีความหมายอะไร จึงไม่ได้พูดอะไร“หนึ่ง หนึ่งปีก่อนกระมัง!”ชายร่างกำยำผู้นั้นแข็งใจบอกเวลาหนึ่ง ยามนี้เขาทรมานใจนัก อยากแถให้จบเรื่องนี้ไว ๆ“บังอาจ! หนึ่งปีก่อนข้ายังอยู่ในภาวะโง่งม ไม่เคยออกจากวัง อย่าว่าแต่เจ้า แม้จะเป็นพวกขุนนางในราชสำนักก็เจอข
ที่อยู่ที่ชายร่างกำยำบอกไปอย่างนั้น ไม่นึกว่าจะเจอคนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันจริง นั่นมิใช่ว่าเรื่องโกหกจะถูกเปิดโปงแล้วหรือ? จิตใจของชายร่างกำยำในยามนี้แตกตื่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ สายตาล่อกแล่ก มองไปทางองค์ชายรองเป็นระยะ องค์ชายรองในตอนนี้สีหน้าดำทะมึนมากขึ้นทุกที สุดท้ายยังประเมินฉินอวิ๋นฟานต่ำเกินไป“พ่อล่ำนี่บอกว่าเป็นคนหมู่บ้านพวกเจ้า พวกเจ้ารู้จักเขาหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากถามชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมองสำรวจชายร่างกำยำครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าตอบ “ข้าน้อยเติบโตอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหวังแต่เล็ก รู้จักหมดทุกคน สหายตรงหน้าท่านนี้ไม่ใช่คนในหมู่บ้านข้าน้อยขอรับ!”“หา? เขาไม่ใช่คนหมู่บ้านตระกูลหวัง?”พอทุกคนได้ยินก็ฮือฮากันขึ้นมาทันที เพราะการก่อความวุ่นวายครั้งนี้เขานี่แหละเป็นหัวโจก ที่ทุกคนมาเมืองหลวงก็ด้วยการยุยงของเขา ถ้าฐานะของคนผู้นี้ไม่แน่ชัด เช่นนั้นพวกเขามิใช่ถูกหลอกใช้หรือ?คนจำนวนมากตระหนักถึงความผิดปกติแล้ว แต่เรื่องหัวหนูก็เป็นเรื่องจริง เวลานี้ทุกคนขึ้นหลังเสือลงยาก“พูด! เจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องยุยงคนจากพื้นที่ภัยพิบัติมาหาเรื่องที่เมืองหลวง?”ฉินอวิ๋นฟานตะคอ
หากเขาปราศจากหลักฐานชัดเจนล้างมลทินให้ตัวเอง เช่นนั้นก็ได้แต่ปฏิบัติตามกฎหมายต้าเฉียนแล้ว และเนื่องจากหลักการหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้ต้องสงสัย จะใช้กำลังสอดมือยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ นี่จึงทำให้เขาเครียดจัด“พี่รองร้ายนัก” ฉินอวิ๋นฟานพูดหน้าดำ“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร แต่ข้าจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนสารภาพหมดแล้ว อีกทั้งหลักฐานแน่นหนา ลูกน้องมือดีของเจ้าพวกนั้นมะรืนก็ต้องถูกประหารแล้ว เหลือเวลาให้เจ้าไม่มากแล้วนะ”ฉินอวิ๋นฮุยกระซิบข้างหูฉินอวิ๋นฟาน “เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ? วันมะรืนพวกเขาก็จะถูกประหารแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานได้ยินเส้นสมองขาดผึง เพลิงโทสะไร้นามทับอยู่ตรงทรวงอกจนทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก ฉินอวิ๋นฮุยลงมือเร็วนัก ไม่ให้เวลาเขาตอบสนองถ้าหานซิ่ง มู่หรงโหลวและคนอื่น ๆ ถูกประหาร เช่นนั้นทุกอย่างที่เขาสั่งสมมาก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน นี่จะทำอย่างไรดี?“น้องเจ็ด เจ้าเก่งมากมิใช่รึ? สมควรแก้ไขเรื่องผู้ประสบภัยเหล่านี้ก่อนกระมัง? ชุมนุมกันตั้งเยอะตั้งแยะอย่างนี้ คงไม่เหมาะสม”ฉินอวิ๋นฮุยยิ้มชืดเดิมนึกว่าจะใช้เรื่องผู้ประสบภัยก่อจลาจลสั่งสอนฉินอวิ๋นฟานสักหน่อย ต่อให้ยัดความผิดใหญ่ไ
คำพูดของฉินอวิ๋นฟานทำให้ผู้ประสบภัยละอายใจอย่างยิ่ง พื้นที่ภัยพิบัติเมื่อสิบวันก่อนแทบจะเป็นนรกบนแดนดิน ข้างตัวจะมีคนตายเพราะความหิวโหยนับไม่ถ้วนทุกวัน ความสิ้นหวังนั้นมีแต่คนที่เจอกับตัวจึงจะรู้ตั้งแต่รัชทายาทรับช่วงพื้นที่ภัยพิบัติต่อ เกิดความเปลี่ยนแปลงกลับตาลปัตรไปหมด นอกจากจะแก้ไขเรื่องปากท้องของทุกคน โรคร้ายยิ่งได้รับการรักษา บ้านเรือนของทุกคนถูกสร้างขึ้นโดยมิต้องเสียเงิน เรื่องแบบนี้คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ต้าเฉียนทั้งพื้นที่ภัยพิบัติ ไม่มีใครไม่รู้คุณูปการใหญ่หลวงของรัชทายาท ที่พวกเขาสามารถมีชีวิตเช่นคนได้ ทั้งหมดเพราะเป็นสิ่งที่รัชทายาทมอบให้รัชทายาทผู้รักประชาชนดั่งบุตรเช่นนี้ พวกเขากลับไม่แยกแยะดีชั่ว หัวร้อนถูกคนหลอกกับอีแค่เรื่องหัวหนูเล็ก ๆ ทั้งยังยกโขยงมาเอาเรื่องรัชทายาทให้ตายอีก?พวกเขาทำแบบนี้ยังถือเป็นคนอยู่หรือไม่?ยังดีที่รัชทายาทไม่ถือสาเรื่องเก่าก่อน และไม่เอาเรื่องกับพวกเขา จึงทั้งโค้งตัวทั้งกล่าวขอโทษขอโพย การกระทำนี้ทำให้ทุกคนละอายใจจนโงหัวไม่ขึ้น“เอาละ ข้ารู้ว่าทุกคนถูกคนหลอกใช้ รีบกลับไปเถอะ การพัฒนาบ้านเกิดจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำ สำหรับเรื่อง
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วมุ่น กลับไม่ได้ปกปิดสักนิด เขารู้ว่าเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว มิอาจปิดบังได้อีก ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อฉินอวิ๋นฮุย หากไม่เกินคาด คืนนี้ต้องมีประกาศประหารชีวิตแน่“อะไรนะ?! ร้ายมากกว่าดีหมายความว่ายังไง?”หัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของมู่หรงจิ่นดิ่งลงเหวลึก นางคว้าแขนของฉินอวิ๋นฟาน น้ำตาไหลพราก ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ใหญ่รักนางที่สุด บัดนี้ถูกจองจำ เป็นตายไม่แน่ชัด นี่ทำให้นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ ราวกับมดบนกระทะร้อน“ถ้าวันมะรืนยังสืบหาความจริงไม่ได้ เกรงว่าพวกเขาต้องถูกประหารชีวิตแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานตอบ“ฮะ? ประหาร?!”พอได้ยินว่าพี่ชายต้องถูกประหารชีวิต มู่หรงจิ่นสองตามืดฉับพลัน หมดสติไปทันที ฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นพลันเปลี่ยนสีหน้า รีบกอดมู่หรงจิ่นไว้ในอ้อมอก“จิ่นเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป? ฟื้นสิ...”มู่หรงจิ่นหมดสติ ฉินอวิ๋นฟานปวดใจถึงที่สุด เขารีบเรียก แต่เรียกครึ่งค่อนวันแล้วมู่หรงจิ่นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ยังดีที่แค่ตกใจเกินเหตุ หลังจากฉินอวิ๋นฟานจับชีพจรแล้วจึงวางใจ“เหอะ หรือว่าตระกูลมู่หรงข้าต้องสิ้นทายาทแล้ว?”ยามนี้ ใบหน้าของมู่หรงซื่อควานเต็มไปด้วยความสิ้
“สุดท้ายฉินอวิ๋นฟานก็ยังเด็กเกินไป ทั้งยังมีอารมณ์ฉุนเฉียว หากจะสู้เรื่องอิทธิพล เรื่องกลอุบาย นั่นคือคนละระดับชั้นกับองค์ชายรอง พฤติกรรมของเขาราวกับเอาไข่มากระทบหิน ไม่ประมาณตน”ลิ่งหูชงโบกพัดในมือพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยพูด“ถึงจะอย่างนั้น แต่ก็ต้องขอบคุณแผนการของท่านลิ่งหู ถ้าไม่ใช่เพราะแผนการสมบูรณ์แบบของท่าน ข้าจะกำน้องเจ็ดอยู่ในมือได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?”องค์ชายรองเอ่ย “แต่จากเรื่องนี้ ฉินอวิ๋นฟานคิดจะพลิกสถานการณ์คงยากแล้ว ไม่พูดถึงว่าจะทำมันให้ตาย แต่ลอกหนังเขาชั้นหนึ่งคือไม่เป็นปัญหา!”นึกถึงภาพที่ฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาพูดไม่ออก ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนควันออกหู บัดนี้ด้วยแผนการของท่านลิ่งหูซึ่งเป็นนักออกอุบายอันดับหนึ่ง ในที่สุดก็เหยียบฉินอวิ๋นฟานอยู่ใต้เท้าได้สักที สำหรับเขา นี่คือการตอบโต้ที่สะใจอย่างยิ่ง“องค์ชายรอง ก่อนที่ทุกอย่างจะยุติ พวกเราจะยังประมาทไม่ได้ อย่างไรเสีย ลูกโทนของตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเทียนเวิ่นก็ติดตามอยู่ข้างหลังฉินอวิ๋นฟานตลอดเวลา พวกเราต้องระวังหน่อย ป้องกันให้มากหน่อย”ลิ่งหูชงเอ่ยเตือน“หึ นึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วข้าก็อารมณ์เสีย น้องแปดไปรักษาให้ท่านผู้เฒ่าเซี่ย
ฮั่วเจิ้นหลงหรือจะไม่รู้หลักการนี้? แต่ในฐานะที่เป็นจิ้งจอกเฒ่า ย่อมมีเรื่องที่คำนึงในแบบที่ต่างจากแนวคิดปกติทั่วไปเขาพิจารณาครู่หนึ่ง “เกรงว่ารัชทายาทจะไม่ถูกโค่นง่าย ๆ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม พวกเราเตรียมตัวไว้ก่อน รอดูอยู่เฉย ๆ”ในเรือนเล็กลับมุมหลังหนึ่งของต้าเฉียน ฉินอ้าวยังคงนอนเอ้อระเหยอยู่บนเก้าอี้เหมือนเดิม สบายใจเฉิบ ตรงหน้าเขามีคนยืนอยู่สองคน คนหนึ่งคือองค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างที่กำลังกระวนกระวาย อีกคนคือแม่ทัพฝ่ายขวาถังเจิ้นไห่“เสด็จอา เกรงว่าฟ้าของต้าเฉียนจะเปลี่ยนแล้ว” ฉินอวิ๋นกว่างพูดอย่างตระหนกเล็กน้อย“นั่นสิ ท่านอ๋อง แค่แผนเดียวองค์ชายรองก็จัดการรัชทายาทฉินอวิ๋นฟานได้ หากไม่เกิดเหตุอะไร วันมะรืนฉินอวิ๋นฟานต้องจบเห่แล้ว พวกเราจะลงมือเตรียมตัวหรือไม่ขอรับ? อย่างไรเสีย ทันทีที่ตำแหน่งรัชทายาทของฉินอวิ๋นฟานถูกปลด ต้าเฉียนต้องเกิดพายุอีกแน่ นี่คือโอกาส”ถังเจิ้นไห่รีบกล่าวสมทบเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวยังคงผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเอง กับการรายงานอย่างร้อนรนขององค์ชายหกและแม่ทัพฝ่ายขวาถังเจิ้นไห่ เขาเหมือนไม่ได้ยิน ผ่านไปนานจึงหยุดการเคลื่อนไหวมือและค่อย ๆ ลุกขึ้น“ด้วยสถา
ในเวลาเดียวกัน ไท่ซั่งหวงกำลังขมวดคิ้วฟังการรายงานจากเฉาเจิ้งฉุนอยู่“ครั้งนี้องค์ชายรองลงมือไวปานสายฟ้า ไม่ให้โอกาสรัชทายาททันรู้ตัวสักนิด เวลานี้บรรดาคนที่รัชทายาทกำลังบ่มเพาะถูกจับกุมตัวหมดแล้ว ตามกฎหมายของต้าเฉียน เกรงว่าจะรอดยากพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ยปาก“เรื่องนี้เจ้ามีความเห็นยังไง?” ไท่ซั่งหวงถามเฉาเจิ้งฉุนเอ่ยปากช้า ๆ “กระหม่อมคิดว่าหากพูดจากเนื้อเรื่อง รัชทายาททำได้สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ กระทั่งพลิกโฉมกฤษฎีกาทั้งหมดที่แล้วมา และทำคำมั่นสัญญาให้เป็นจริงอย่างต่อเนื่อง”“ไม่เพียงทำให้พสกนิกรที่ประสบภัยอิ่มท้อง ยังปรับปรุงชลประทานให้พวกเขา นอกจากนั้น เขายังช่วยผู้ประสบภัยบุกเบิกที่ดินเนินเขา เพิ่มพื้นที่ทางการเกษตร งดเก็บภาษีนาของเมืองจัวสามปี ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยจำนวนมากคืนสู่เหย้า” “เวลานี้ประชาชนเมืองจัวขยันขันแข็ง เรียกได้ว่ามุ่งสู่ความเจริญเป็นลำดับ หากมองระยะยาว นี่คือการนำไปสู่ความรุ่งโรจน์แห่งยุค นโยบายพัฒนาบ้านเมือง”“หากไม่มีเรื่องหัวหนูที่องค์ชายรองสร้างขึ้น ด้วยสติปัญญาของรัชทายาท เกรงว่าไม่เกินหนึ่งปี เมืองจัวต้องเจริญไม่แพ้ไปกว่าเมืองหลวง ถึงตอนนั้น นอกจากจะมอ
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว