ฮั่วเจิ้นหลงหรือจะไม่รู้หลักการนี้? แต่ในฐานะที่เป็นจิ้งจอกเฒ่า ย่อมมีเรื่องที่คำนึงในแบบที่ต่างจากแนวคิดปกติทั่วไปเขาพิจารณาครู่หนึ่ง “เกรงว่ารัชทายาทจะไม่ถูกโค่นง่าย ๆ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม พวกเราเตรียมตัวไว้ก่อน รอดูอยู่เฉย ๆ”ในเรือนเล็กลับมุมหลังหนึ่งของต้าเฉียน ฉินอ้าวยังคงนอนเอ้อระเหยอยู่บนเก้าอี้เหมือนเดิม สบายใจเฉิบ ตรงหน้าเขามีคนยืนอยู่สองคน คนหนึ่งคือองค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างที่กำลังกระวนกระวาย อีกคนคือแม่ทัพฝ่ายขวาถังเจิ้นไห่“เสด็จอา เกรงว่าฟ้าของต้าเฉียนจะเปลี่ยนแล้ว” ฉินอวิ๋นกว่างพูดอย่างตระหนกเล็กน้อย“นั่นสิ ท่านอ๋อง แค่แผนเดียวองค์ชายรองก็จัดการรัชทายาทฉินอวิ๋นฟานได้ หากไม่เกิดเหตุอะไร วันมะรืนฉินอวิ๋นฟานต้องจบเห่แล้ว พวกเราจะลงมือเตรียมตัวหรือไม่ขอรับ? อย่างไรเสีย ทันทีที่ตำแหน่งรัชทายาทของฉินอวิ๋นฟานถูกปลด ต้าเฉียนต้องเกิดพายุอีกแน่ นี่คือโอกาส”ถังเจิ้นไห่รีบกล่าวสมทบเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวยังคงผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเอง กับการรายงานอย่างร้อนรนขององค์ชายหกและแม่ทัพฝ่ายขวาถังเจิ้นไห่ เขาเหมือนไม่ได้ยิน ผ่านไปนานจึงหยุดการเคลื่อนไหวมือและค่อย ๆ ลุกขึ้น“ด้วยสถา
ในเวลาเดียวกัน ไท่ซั่งหวงกำลังขมวดคิ้วฟังการรายงานจากเฉาเจิ้งฉุนอยู่“ครั้งนี้องค์ชายรองลงมือไวปานสายฟ้า ไม่ให้โอกาสรัชทายาททันรู้ตัวสักนิด เวลานี้บรรดาคนที่รัชทายาทกำลังบ่มเพาะถูกจับกุมตัวหมดแล้ว ตามกฎหมายของต้าเฉียน เกรงว่าจะรอดยากพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ยปาก“เรื่องนี้เจ้ามีความเห็นยังไง?” ไท่ซั่งหวงถามเฉาเจิ้งฉุนเอ่ยปากช้า ๆ “กระหม่อมคิดว่าหากพูดจากเนื้อเรื่อง รัชทายาททำได้สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ กระทั่งพลิกโฉมกฤษฎีกาทั้งหมดที่แล้วมา และทำคำมั่นสัญญาให้เป็นจริงอย่างต่อเนื่อง”“ไม่เพียงทำให้พสกนิกรที่ประสบภัยอิ่มท้อง ยังปรับปรุงชลประทานให้พวกเขา นอกจากนั้น เขายังช่วยผู้ประสบภัยบุกเบิกที่ดินเนินเขา เพิ่มพื้นที่ทางการเกษตร งดเก็บภาษีนาของเมืองจัวสามปี ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยจำนวนมากคืนสู่เหย้า” “เวลานี้ประชาชนเมืองจัวขยันขันแข็ง เรียกได้ว่ามุ่งสู่ความเจริญเป็นลำดับ หากมองระยะยาว นี่คือการนำไปสู่ความรุ่งโรจน์แห่งยุค นโยบายพัฒนาบ้านเมือง”“หากไม่มีเรื่องหัวหนูที่องค์ชายรองสร้างขึ้น ด้วยสติปัญญาของรัชทายาท เกรงว่าไม่เกินหนึ่งปี เมืองจัวต้องเจริญไม่แพ้ไปกว่าเมืองหลวง ถึงตอนนั้น นอกจากจะมอ
กลับไม่รู้ว่าเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวคาดการณ์ทั้งหมดเอาไว้แล้ว เขาเลือกที่จะกบดานต่อแบบไม่ลังเล ส่วนฉินอวิ๋นฟานกลับไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาประสบในคราวนี้ คือสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ในวังหลวงมาช้านานแล้วม่านรัตติกาลมาถึง อู่จ้านรีบมาภัตตาคารต้าเฉียนด้วยความร้อนรน ครั้งเห็นอู่จ้านมาถึง ฉินอวิ๋นฟานก็รีบถาม “อาจ้าน สืบได้ความอะไรบ้าง?”“สถานการณ์แย่กว่าที่พวกเราคิดมากนัก”อู่จ้านหน้าเครียด “หลังจากข้าตรวจสอบอย่างละเอียด มีพ่อครัวที่เข้าร่วมเรื่องครั้งนี้ทั้งหมดหกคน เนื่องจากเกิดเหตุกะทันหัน กรมอาญาลงมือเร็วมาก จับทุกคนที่เกี่ยวข้องหมด พูดง่าย ๆ ก็คือป้องกันการตรวจสอบจากเรา”“บ้าเอ๊ย!”ฉินอวิ๋นฟานเดือดดาลถึงที่สุด หนึ่งหมัดชกลงบนโต๊ะ พอได้ข่าวเขาก็ให้อู่จ้านซึ่งเป็นคนสนิทที่สุดไปตรวจสอบทันที ไม่นึกว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกปิดผนึกหมดแล้ว อู่จ้านสืบจากทางไหนไม่ได้เลย“ไม่แค่นี้นะ ครอบครัวของพ่อครัวหกคนนั้นก็ถูกฆ่าหมดแล้วด้วย รอให้เรื่องนี้กลายเป็นหลักฐานชี้ชัดโค่นเจ้าได้แล้ว พ่อครัวหกคนนั้นก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าว่าโอกาสพลิกสถานการณ์ริบหรี่ลงทุกทีแล้ว”อู่จ้านพูดพลางทำหน้าเศร้า“พี่อวิ
ก็ขณะที่ทุกคนกำลังฉงนฉงาย มู่หรงซื่อควานพาชายหนุ่มท่าทางกระฉับกระเฉงทรงพลังอายุอานามประมาณยี่สิบห้าในชุดเรียบง่ายเข้ามา แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ตามมู่หรงซื่อควานเข้ามาในห้อง“คารวะรัชทายาท!”ครั้นเห็นฉินอวิ๋นฟานก็โค้งคำนับทันที เคารพนบนอบต่อฉินอวิ๋นฟานที่สุด ภาพนี้ทำให้ทุกคนปากอ้าตาค้าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยสิ้นเชิง“ไม่ต้องมากพิธี!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้อธิบายอะไร เขารีบพูด “สถานการณ์ไม่สู้ดี บอกข้อมูลที่ทางพวกเจ้าได้มาเถอะ!”อีกฝ่ายมองคนรอบ ๆ ด้วยความลังเลประมาณหนึ่ง หอวั่งเจียงระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสารอย่างยิ่งยวด ในสถานการณ์ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาไม่กล้าพูดออกมาง่าย ๆ“วางใจเถอะ พวกเขาสี่คนล้วนเป็นคนสนิทของข้า พูดได้ไม่เป็นไร” ฉินอวิ๋นฟานอธิบายเมื่อนั้นชายหนุ่มจึงขจัดความกังวลในใจและเริ่มพูด “รัชทายาท ตามความต้องการของท่าน เรื่องหัวหนูในครั้งนี้ได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ผู้ที่ถูกซื้อตัวเข้าร่วมงานนี้มีทั้งหมดหกคน ตอนนี้ถูกกรมอาญาคุ้มครองอยู่”“แต่ครอบครัวของพวกเขาถูกกลุ่มอิทธิพลในยุทธภพฆ่าล้างหมดแล้ว ในนั้นมีคนของครอบครัวหนึ่ง เนื่องจากลูกชายซุกซนอยู่ข้างนอกจึงพ้
“เสี่ยวฟาน ลิ่งหูเสี่ยวคงไม่ใช่หนอนบ่อนไส้หรอกนะ? มีแต่เขาที่อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ และรู้เรื่องของพวกเราทั้งหมด ถ้าคิดจะดำเนินเรื่องนี้จริงก็ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”อู่จ้านเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาหลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ไหนมาเขาใช้คนไม่สงสัย สงสัยไม่ใช้คน แต่เรื่องของลิ่งหูเสี่ยวทำให้เข้าลำบากใจเล็กน้อยจริง ๆ เขาเอ่ยถามอีกครั้ง “อิทธิพลของตระกูลผังเป็นยังไง?”“อิทธิพลธรรมดา เวลานี้ทุกคนในตระกูลผังและพวกนักเลงหัวไม้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของตระกูลเซี่ยง ขอเพียงรัชทายาทออกคำสั่ง ตระกูลเซี่ยงก็จับกุมพวกเขาทั้งหมดได้ทุกเมื่อ”อีกฝ่ายเอ่ย“อื่ม เจ้ากลับไปบอกคนตระกูลเซี่ยงหน่อย เช้าวันมะรืน ข้าต้องการพบพวกเขาที่ตำหนักว่านฉง ตระกูลเซี่ยงต้องเตรียมตัวให้ดี”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“ไม่มีปัญหา! แต่ยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องรายงานให้ท่านทราบ” อีกฝ่ายเอ่ยปากอีกครั้ง“อ้อ? เรื่องอะไร?” ฉินอวิ๋นฟานถามด้วยความสงสัย“เมื่อครู่ข้าน้อยเพิ่งได้ข้อมูลมา พวกหัวโจกของชาวบ้านประสบเคราะห์ที่ก่อเรื่องเมื่อตอนกลางวันถูกฆ่าหมดแล้ว และคนของค่ายทางหลางพวกท่านก็ถูกฆ่าไปห
หลังจากชายแปลกหน้าออกไป อู่จ้าน มู่หรงจิ่นและคนอื่น ๆ ก็งุนงงกันเป็นแถว ชายผู้สวมใส่ชุดเรียบง่ายกลับรู้เรื่องในครั้งนี้เป็นอย่างดี เขาเป็นใครกันแน่? ความรู้สึกแปลกใจอัดแน่นอยู่เต็มอกของทุกคน“พ่อลูกเขยคนดีของข้า เขาเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงรู้เยอะอย่างนี้? ช่องทางลับช่องนี้เจ้าก็กล้าบอกเขาง่าย ๆ หรือ?”มู่หรงซื่อควานเห็นชายแปลกหน้าไปแล้วจึงรีบเปิดปากถาม เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของบุตรชายตัวเอง เขาอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว“ใช่ เสี่ยวฟาน นี่มันยังไงกันแน่?”ยามนี้อู่จ้านเต็มไปด้วยความแปลกใจ กลิ่นอายของคนผู้นี้ดูไม่เหมือนคนในวัง กลับมีกลิ่นของคนในยุทธภพ แต่ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งคืนสติสัมปชัญญะเมื่อไม่นานมานี้ ทำไมถึงรู้จักกับคนในยุทธภพที่ลึกลับและคู่ควรเชื่อถือเช่นนี้ได้?เห็นทุกคนฉงนฉงายอย่างหนัก ทั้งเรื่องนี้ยังอยู่ในการควบคุมทุกอย่าง ฉินอวิ๋นฟานจึงเลือกเฉลยตามจริงไม่ปกปิดอีก“อาจ้าน ตอนแรกที่ข้าให้ท่านไปสืบเรื่องนี้ก็เพื่อส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1] ไม่ได้หวังว่าท่านจะสืบได้อะไรหรอก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“อ้าว?! เอาไปมาเอาข้าเป็นตัวรับกระสุนรึ?”อู่จ้านสีหน้าแข็งทื่อ ไม่สบายไปทั้งตัวทันที
มู่หรงจิ่นกรอบตาแดงระเรื่อ ซบบ่าของฉินอวิ๋นฟานหลังจากคลุกคลีอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน นางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีนิสัยใจคออย่างไร ไม่นึกว่าเพื่อไม่ให้นางเสียใจ เพื่อช่วยพวกพี่ชาย เขาถึงกับเลือกอ่อนแอ นี่เพียงพอให้เห็นความสำคัญของนางในใจของอีกฝ่าย“เฮ้อ! ดูท่าหอวั่งเจียงจะน่ากลัวมากจริง ๆ แค่วันเดียวก็สืบต้นสายปลายเหตุและคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กระจ่างหมดแล้ว มิน่าไท่ซั่งหวงถึงให้เจ้าไปเดิน ๆ ที่หอวั่งเจียงมากหน่อย”อู่จ้านถอนหายใจ รู้สึกทึ่งกับวิธีการลึกลับของหอวั่งเจียง ถ้าไม่ใช่เพราะฉินอวิ๋นฟานเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ น่ากลัวว่าพวกเขาจะร้ายมากกว่าดีจริง ๆ แล้ว“มีตระกูลเซี่ยงคอยช่วยอยู่ลับ ๆ พวกเราวางใจได้เลย”จากนั้นฉินอวิ๋นฟานก็พูดขึ้นด้วยท่าทางฮึกเหิม “จิ่นเอ๋อร์ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวข้าเสร็จธุระแล้วจะมารับเจ้ากลับวังด้วยกัน อาจ้าน ตามข้าไปตระกูลฮั่ว”“ดึกดื่นอย่างนี้จะไปตระกูลฮั่ว? เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดผิด?”ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานบอกว่าจะไปตระกูลฮั่ว อู่จ้านงุนงงหนักกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ไม่นานฉินอวิ๋นฟานเพิ่งบีบจนแม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วต้องคุกเข่า ตอนนี้ดึกดื่นเที่ยงคืนจู่ ๆ ไปเ
“ก็ได้!”ถูกพ่อตาตำหนิ ฉินอวิ๋นคังอึดอัดใจนัก แต่เขาก็รู้ดีเหมือนกัน ที่พ่อตาขึ้นมาสูงระดับนี้ได้ ไม่เพียงแต่มีความสามารถและตระกูลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คือยังมีสติปัญญาล้ำเลิศซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตามก้นไปต้อย ๆ“ขอต้อนรับการมาเยือนของรัชทายาท ช่างเป็นเกียรติของตระกูลฮั่วเราโดยแท้ เชิญด้านใน!ฮั่วเจิ้นหลงพาฉินอวิ๋นคังสาวเท้าเร็วมาถึงหน้าประตูใหญ่ ค้อมตัวคำนับฉินอวิ๋นฟาน ต้อนรับด้วยรอยยิ้มฉินอวิ๋นคังเห็นฉากนี้แล้วพลันปากอ้าตาค้าง ไหนว่าแค่ออกมาต้อนรับไง?! ต้องวางตัวต่ำถึงขั้นนี้เลยรึ? นอบน้อมกับรัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดติดคุกอยู่รอมร่อ?!“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่เกรงใจสักนิด ยังคงยืนมือไพล่หลังเหมือนเดิม จากนั้นจึงย่างเท้าเข้าตระกูลฮั่วไป“ไม่ทราบว่ารัชทายาทมาเยือนตระกูลฮั่วยามวิกาลกะทันหันเช่นนี้ด้วยเรื่องอันใดหรือ?”หลังจากนั่งลงแล้ว ฮั่วเจิ้นหลงก็ถามเปิดประเด็นทันที“ขอบอกตามตรง ที่ข้ามาก็เพราะอยากขอให้พี่ใหญ่ช่วยเหลือนี่แหละ” ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ฮ่า ๆ ๆ ขอให้ข้าช่วย? น้องเจ็ด เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยหรือไม่?!”พอองค์ชายใหญ่ได้ยินฉ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ