ฉินอวิ๋นเซินแค่นฮึเสียงหนึ่ง กระหยิ่มใจกล่าว “ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงตายก็เป็นเพราะท่าน ถ้าไม่ใช่เพราะท่านถ่วงเวลา ทำให้การรักษาของหมอเทวดาหัวล่าช้า คงรักษาท่านผู้เฒ่าเซี่ยงหายไปนานแล้ว”“ที่ท่านทำท่าจะช่วยคนในตอนนี้ เพราะกลัวตระกูลเซี่ยงจะพาลโกรธท่าน ท่านก็เลยทำเป็นกระตือรือร้นจะช่วยคน ใช้ความเห็นใจของตระกูลเซี่ยง แล้วให้พวกเขาปล่อยท่านไป ข้าพูดถูกใช่หรือไม่?”พอฉินอวิ๋นเซินพูดจบ ก็โบ๊ยความผิดมาให้ฉินอวิ๋นฟานตรง ๆ แบบนี้ทั้งได้หลอกใช้ตระกูลเซี่ยงและแก้แค้นฉินอวิ๋นฟานในคราวเดียว แทบจะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว“นั่นสิ องค์ชายแปดกล่าวถูกต้อง เมื่อครู่ข้าตรวจอาการป่วยของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงชัดเจนแล้ว กลับถูกฉินอวิ๋นฟานขัดขวางตอนจะลงเข็มสุดท้าย พลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา มิเช่นนั้นด้วยประสบการณ์การแพทย์หลายสิบปีของข้า ต้องรักษาท่านผู้เฒ่าเซี่ยงได้แน่นอน”พอได้ยินองค์ชายแปดอธิบายอย่างนี้ หัวปิ่งร้องว่าเก่งทันที ไม่เพียงรักษาชื่อเสียงของเขาเอาไว้ได้ ทั้งยังดึงเขาออกมาจากจุดล่อแหลม ให้ฉินอวิ๋นฟานแบกรับความผิดทั้งหมด เขาหรือจะพลาดโอกาสตีไข่ใส่นมที่ดีเช่นนี้ไป?ฉินอวิ๋นเซินกล่าวต
ทีแรกฉินอวิ๋นเซินคิดจะเติมไฟเข้าไปอีก เอาฉินอวิ๋นฟานให้ตายไปเลย ไม่นึกว่าตอนที่จวนจะสำเร็จแล้ว เซี่ยงเส้าหลงจะออกหน้ากะทันหัน แถมยังยืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานอีก นี่ทำให้เขาเซ็งสุดขีดแต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าฉินอวิ๋นฟานจะทำให้ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงฟื้นคืนชีพได้ ขนาดหัวปิ่งยังคิดว่าท่านผู้เฒ่าเซี่ยงหมดทางเยียวยา น่ากลัวว่าทั้งต้าเฉียนคงไม่มีใครฝืนลิขิตฟ้าได้แล้วเกี่ยวพันถึงชีวิตคน ฉินอวิ๋นฟานเดินปรี่มาถึงหน้าเตียงท่านผู้เฒ่าเซี่ยง เลิกผ้าห่มออกและพูดเสียงดัง “ผ้าขนหนู กรรไกร น้ำเย็น รีบเอามา!”“มาแล้ว!”สถานการณ์คับขัน ทุกคนรอรับคำสั่งทุกเมื่อ แค่แพล็บเดียวก็เอาผ้าขนหนู น้ำเย็นและกรรไกรมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานชุบผ้าขนหนูให้เปียกและประคบบนหน้าผากของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงด้วยความเร็วสูงสุด นี่คือการลดอุณหภูมิแบบพื้นฐานที่สุด ไม่นานก็ควบคุมอาการของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงให้นิ่งได้ฉินอวิ๋นฟานตัดขากางเกงของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงด้วยความเร็วสูงสุดอีกครั้ง เปิดขาที่บาดเจ็บ แม้จะใส่ยาที่ขาของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงแล้ว แต่เนื่องจากทำแผลไม่เรียบร้อยจึงทำให้ติดเชื้อ ขาครึ่งหนึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง แต่โชคดีที่ยังไม่รุนแรงมากนั
“เสร็จแล้ว!”อู่จ้านส่งยาแก้อักเสบที่บดเป็นผงละเอียดแล้วมาทันที ฉินอวิ๋นฟานโรยผงลงไปบนปากแผลอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พันแผลเบา ๆ ก่อนจะแบ่งผงที่เหลือเป็นห่อเล็ก ๆการดำเนินนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนตาโตอ้าปากค้าง นี่มิใช่วิธีการรักษาตามปกติ แต่หลังจากฉินอวิ๋นฟานทำเสร็จ ดูเหมือนว่าสภาพการณ์ของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงจะคงที่แล้วจริง ๆเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยังไม่หยุด ใช้ตัวยาที่เหลือทั้งหมดเทลงต้มในหม้อต้มยา เติมน้ำปริมาณน้อย ค่อย ๆ เคี่ยวด้วยไฟอ่อน กระทั่งน้ำแห้ง ฉินอวิ๋นฟานยังคงเคี่ยวไม่หยุด“เหอะ ข้าเพิ่งเห็นคนตุ๋นยาอย่างนี้ น้ำแห้งไปหมดแล้ว ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงจะดื่มยังไง? ต้มต่อไปหม้อต้มได้ระเบิดกันพอดี”หัวปิ่งเห็นการกระทำพิสดารพันลึกของฉินอวิ๋นฟานจึงเยาะเย้ยอย่างเย็นชาอยู่ข้าง ๆ“ก็นั่นนะสิ รัชทายาท ท่านต้มจนน้ำจะแห้งหมดแล้ว ขืนต้มต่อไปยังจะมีประโยชน์อันใด?”เซี่ยงเส้าหลงถามด้วยใบหน้าฉงนเหมือนกัน“ถ้าอยากให้ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงไข้ลด ก็ต้องใช้ของที่ข้าต้มนี่แหละ เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง”ฉินอวิ๋นฟานไม่อธิบายมาก เพราะถึงจะอธิบาย ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะเข้าใจตัวยาที่เขาพูดเหล่านี้คือตัวยาสำคัญ
“หึ ทำเป็นเร้นลับซ่อนเงื่อน!”หลังจากฉินอวิ๋นฟานสิ้นสุดกระบวนการ หัวปิ่นแค่นลมออกจมูก ยิ่งเห็นเขาทำมั่วไปหมด ด้วยประสบการณ์การรักษาหลายปีของเขา ต่อให้ท่านผู้เฒ่าอาการคงที่แล้ว ก็ไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้เด็ดขาด“พี่เจ็ด มีฝีมือจริง ๆ เลยนะ ใช้ลูกไม้นิดหน่อย ทำไอ้เม็ดดำ ๆ ไม่กี่เม็ดก็หลอกผู้นำตระกูลเซี่ยงได้แล้ว ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก”ฉินอวิ๋นเซินยังไม่ตายใจ เล่นละครตบตา เหน็บแนมฉินอวิ๋นฟานต่อ พลิกขาวเป็นดำ ใช้ลูกไม้ร้อยแปด ไม่ว่าอย่างไรจะให้เขาสำเร็จไม่ได้ ขอเพียงท่านผู้เฒ่าเซี่ยงยังไม่ได้สติ เขาจะไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานมีความสุข“องค์ชายแปด ท่านวางใจเถอะ ถ้าอีกสองก้านธูปถ้าท่านปู่ข้าไม่ฟื้นขึ้นมา ฉินอวิ๋นฟานยังยากจะปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าสุดท้ายเขาจะทำอะไรเพื่อท่านปู่ ข้าจะไม่อภัยให้เขาทั้งนั้น”เซี่ยงเทียนเวิ่นถูกฉินอวิ๋นเซินชักนำอีกครั้ง คิดว่าฉินอวิ๋นฟานคือพวกก่อกวน กลัวตระกูลเซี่ยงพาลโกรธจึงทำเป็นช่วยท่านปู่ ลูกไม้แบบนี้ใจไม่บริสุทธิ์“คุณชายเซี่ยง สมองท่านป่วยหรือ? ถึงปู่ของท่านยังไม่ฟื้น แต่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ดีกว่าตอนที่หัวปิ่งรักษามากใช่หรือไม่?”อู่จ้านชักจะทนดูต่อไปไม่ไหว พู
เซี่ยงเส้าหลงเห็นสถานการณ์ของบิดาผิดปกติจึงหันมาถามกับฉินอวิ๋นฟานทันที“ท่านผู้เฒ่าจะฟื้นแล้ว พวกท่านซับเหงื่อให้เขา เรียกหน่อยก็พอ” ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพลางพูดฉินอวิ๋นเซินไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ถามอย่างสงสัย “หมอหลวงหัว จริงหรือ? ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงกำลังจะฟื้นแล้วจริง ๆ?”“เอ่อ เหมือนมีเค้าลางว่าจะฟื้น...”ถึงหัวปิ่งจะไม่แตกฉาน แต่ก็มีความรู้ทางการแพทย์มาก รักษาโรคหลายสิบปี มีพื้นฐานความรู้ทางการแพทย์อยู่ ด้วยประสบการณ์หลายปีของเขา สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงมีน้ำมีนวลกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย นี่คือปรากฏการณ์ว่าอาการดีขึ้น“บ้าเอ๊ย! ตัวบัดซบนี่กลับซ่อนลึกนัก!”ได้รับคำตอบจากหัวปิ่ง ฉินอวิ๋นเซินสีหน้าเขียวปัด ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับช่วยคนที่กำลังจะตายได้? หมอนี่มีฝีมือและความลับมากแค่ไหนกันแน่? ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย“ท่านพ่อ ท่านฟื้นสิ ฟื้นขึ้นมาสิ”เซี่ยงเส้าหลงเรียกท่านผู้เฒ่าเซี่ยงอยู่ด้านข้างเบา ๆ ซับเหงื่อให้เขาไม่หยุด ดังคาด ไม่นานท่านผู้เฒ่าเซี่ยงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจริง ๆ“ท่านปู่ฟื้นแล้ว ท่านปู่ฟื้นแล้วจริง ๆ!”เซี่ยงเทียนเวิ่นเห็นปู่ฟื้นขึ้นมาดีใจยกใหญ่ คว้ามื
ถ้อยคำขององค์ชายแปดทำให้ทุกคนในที่นั้นฉงนสนเท่ห์ เมื่อครู่หัวปิ่งมอบหนังสือแจ้งตายของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงแล้ว เป็นฉินอวิ๋นฟานที่พยายามกอบกู้สถานการณ์กลับมา ดึงท่านผู้เฒ่ากลับมาจากประตูผีให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นเซินกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากฉินอวิ๋นฟาน เหมือนว่าไม่มีใครเข้าร่วมการช่วยเหลือท่านผู้เฒ่านี่?“องค์ชายแปด ท่านไม่ได้กำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่กระมัง? นอกจากรัชทายาท ที่นี่ยังมีคนอื่นอีกหรือ?”เซี่ยงเทียนเวิ่นไม่มีสมองอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเห็นกับตาว่าฉินอวิ๋นฟานช่วยปู่ทีละขั้นตอน และตัวเขาเองยังเกือบกลายเป็นผู้ช่วยฆาตกรทำให้ปู่ตายอีกเซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉินอวิ๋นเซินยุให้รำตำให้รั่วหนแล้วหนเล่า ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองฉินอวิ๋นเซินดึงหัวปิ่งมาอยู่ข้างตัว ยกยิ้มตรงมุมปากและพูดด้วยสีหน้าได้ใจ “ที่ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงฟื้นขึ้นมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเข็มหยินหยางคืนวิญญาณของหมอเทวดาหัว เพียงแต่ช่วงเวลาสำคัญถูกฉินอวิ๋นฟานชิงผลงานไปเท่านั้น”“เชี่ย!”ฉินอวิ๋นเซินพูดจบ ฉินอวิ๋นฟานอึ้งกิมกี่ พลันหลุดคำสบถหยาบคาย เขาเคยเจอคนหน้าหนา แ
หัวปิ่งกับฉินอวิ๋นเซินตกใจสุดขีด ตะลีตะลานวิ่งออกนอกประตูสุดชีวิตเห็นภาพนี้ ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก ดูท่าผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงยังมองภาพออก ไม่ถูกฉินอวิ๋นเซินตัวบัดซบหลอกง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นเขาต้องแย่แน่แต่พลังที่เซี่ยงเส้าหลงแสดงออกมาทำให้หัวใจฉินอวิ๋นฟานหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม สมกับที่เป็นตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดัง ตัวตนที่ทำให้หอวั่งเจียงกริ่งเกรง ไม่ธรรมดาดังคาด“ขออภัยรัชทายาท ทำให้ท่านตกใจแล้ว”เซี่ยงเส้าหลงรีบมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน ร่างกายเกือบทำมุมเก้าสิบองศาได้สำเร็จ กับฉินอวิ๋นฟานก็คือมารยาทจริงจัง หากไม่มีฉินอวิ๋นฟาน พวกเขาตระกูลเซี่ยงคงต้องจัดงานศพที่บ้านแล้วบุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ จะถูกคนแย่งเอาไปเพียงสามวาจาสี่ประโยคได้อย่างไร? เช่นนั้นต่อไปตระกูลเซี่ยงของเขาจะยืนอยู่ในยุทธภพอย่างมั่นคงได้อย่างไร“ยังดี ผู้นำตระกูลเซี่ยงเป็นคนเข้าใจเหตุผล” ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเอ่ยตุบ!ถูกฉินอวิ๋นเซินหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า เซี่ยงเทียนเวิ่นรู้สึกผิดยิ่งนัก คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานดังตุบ เอ่ยปากอย่างสำนึกผิด “ขออภัยรัชทายาท ข้ามีตาหามีแววไม่ เกือบถูกคนเจ้าเล่ห์ปิดหูปิดตา ทำร้ายผู
คำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้เซี่ยงเส้าหลงกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เพราะคนที่ได้รับการไหว้วานจากขั้วอิทธิพลของราชวงศ์มาเจรจามีนักต่อนัก ความรู้สึกแรกกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานคือเพื่อดึงตระกูลเซี่ยงนับจากฉินอวิ๋นฟานเลิกโง่งม เรื่องที่ทำเรื่องหนึ่งโดดเด่นกว่าอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องหนึ่งส่งผลกระทบมากกว่าอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเขาต้องการแจ้งเกิด จำเป็นต้องมีคนสนับสนุนที่แข็งแกร่งประมาณหนึ่งอยู่เบื้องหลังแม้ฉินอวิ๋นฟานจะช่วยชีวิตบิดาเฒ่า แต่เซี่ยงเส้าหลงก็ยังรู้สึกว่าจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟานไม่บริสุทธิ์ตระกูลเซี่ยงยืนอย่างมั่นคงในต้าเฉียนสามศตวรรษเต็ม พวกเขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ และหลังจากการพัฒนาสามศตวรรษ ตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดังล้วนมีชะตาจุดจบที่ไม่ดีอย่างไรเสีย ตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดังมีกำลังรบน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในยุคสงครามที่โกลาหล พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ช่วยแข็งแกร่งของผู้ปกครองระดับสูง แต่เมื่อแผ่นดิบสงบ พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตนที่ผู้ปกครองระดับสูงระแวงที่สุดเช่นกันการคาดเดา ความระแวงและการสะกดข่มของราชวงศ์คือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่การฆ่าล้างตระกูลก็เคยเกิดข
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ