ถ้อยคำขององค์ชายแปดทำให้ทุกคนในที่นั้นฉงนสนเท่ห์ เมื่อครู่หัวปิ่งมอบหนังสือแจ้งตายของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงแล้ว เป็นฉินอวิ๋นฟานที่พยายามกอบกู้สถานการณ์กลับมา ดึงท่านผู้เฒ่ากลับมาจากประตูผีให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นเซินกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากฉินอวิ๋นฟาน เหมือนว่าไม่มีใครเข้าร่วมการช่วยเหลือท่านผู้เฒ่านี่?“องค์ชายแปด ท่านไม่ได้กำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่กระมัง? นอกจากรัชทายาท ที่นี่ยังมีคนอื่นอีกหรือ?”เซี่ยงเทียนเวิ่นไม่มีสมองอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเห็นกับตาว่าฉินอวิ๋นฟานช่วยปู่ทีละขั้นตอน และตัวเขาเองยังเกือบกลายเป็นผู้ช่วยฆาตกรทำให้ปู่ตายอีกเซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉินอวิ๋นเซินยุให้รำตำให้รั่วหนแล้วหนเล่า ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองฉินอวิ๋นเซินดึงหัวปิ่งมาอยู่ข้างตัว ยกยิ้มตรงมุมปากและพูดด้วยสีหน้าได้ใจ “ที่ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงฟื้นขึ้นมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเข็มหยินหยางคืนวิญญาณของหมอเทวดาหัว เพียงแต่ช่วงเวลาสำคัญถูกฉินอวิ๋นฟานชิงผลงานไปเท่านั้น”“เชี่ย!”ฉินอวิ๋นเซินพูดจบ ฉินอวิ๋นฟานอึ้งกิมกี่ พลันหลุดคำสบถหยาบคาย เขาเคยเจอคนหน้าหนา แ
หัวปิ่งกับฉินอวิ๋นเซินตกใจสุดขีด ตะลีตะลานวิ่งออกนอกประตูสุดชีวิตเห็นภาพนี้ ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก ดูท่าผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงยังมองภาพออก ไม่ถูกฉินอวิ๋นเซินตัวบัดซบหลอกง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นเขาต้องแย่แน่แต่พลังที่เซี่ยงเส้าหลงแสดงออกมาทำให้หัวใจฉินอวิ๋นฟานหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม สมกับที่เป็นตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดัง ตัวตนที่ทำให้หอวั่งเจียงกริ่งเกรง ไม่ธรรมดาดังคาด“ขออภัยรัชทายาท ทำให้ท่านตกใจแล้ว”เซี่ยงเส้าหลงรีบมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน ร่างกายเกือบทำมุมเก้าสิบองศาได้สำเร็จ กับฉินอวิ๋นฟานก็คือมารยาทจริงจัง หากไม่มีฉินอวิ๋นฟาน พวกเขาตระกูลเซี่ยงคงต้องจัดงานศพที่บ้านแล้วบุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ จะถูกคนแย่งเอาไปเพียงสามวาจาสี่ประโยคได้อย่างไร? เช่นนั้นต่อไปตระกูลเซี่ยงของเขาจะยืนอยู่ในยุทธภพอย่างมั่นคงได้อย่างไร“ยังดี ผู้นำตระกูลเซี่ยงเป็นคนเข้าใจเหตุผล” ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเอ่ยตุบ!ถูกฉินอวิ๋นเซินหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า เซี่ยงเทียนเวิ่นรู้สึกผิดยิ่งนัก คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานดังตุบ เอ่ยปากอย่างสำนึกผิด “ขออภัยรัชทายาท ข้ามีตาหามีแววไม่ เกือบถูกคนเจ้าเล่ห์ปิดหูปิดตา ทำร้ายผู
คำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้เซี่ยงเส้าหลงกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เพราะคนที่ได้รับการไหว้วานจากขั้วอิทธิพลของราชวงศ์มาเจรจามีนักต่อนัก ความรู้สึกแรกกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานคือเพื่อดึงตระกูลเซี่ยงนับจากฉินอวิ๋นฟานเลิกโง่งม เรื่องที่ทำเรื่องหนึ่งโดดเด่นกว่าอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องหนึ่งส่งผลกระทบมากกว่าอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเขาต้องการแจ้งเกิด จำเป็นต้องมีคนสนับสนุนที่แข็งแกร่งประมาณหนึ่งอยู่เบื้องหลังแม้ฉินอวิ๋นฟานจะช่วยชีวิตบิดาเฒ่า แต่เซี่ยงเส้าหลงก็ยังรู้สึกว่าจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟานไม่บริสุทธิ์ตระกูลเซี่ยงยืนอย่างมั่นคงในต้าเฉียนสามศตวรรษเต็ม พวกเขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ และหลังจากการพัฒนาสามศตวรรษ ตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดังล้วนมีชะตาจุดจบที่ไม่ดีอย่างไรเสีย ตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดังมีกำลังรบน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในยุคสงครามที่โกลาหล พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ช่วยแข็งแกร่งของผู้ปกครองระดับสูง แต่เมื่อแผ่นดิบสงบ พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตนที่ผู้ปกครองระดับสูงระแวงที่สุดเช่นกันการคาดเดา ความระแวงและการสะกดข่มของราชวงศ์คือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่การฆ่าล้างตระกูลก็เคยเกิดข
“ข้าว่าอยู่แล้วเชียว ในใจของหยวนหยวนมีข้าอยู่ มีเรื่องดี นางยังนึกถึงข้าก่อนทันที”เซี่ยงเทียนเวิ่นดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้นแล้ว นึกถึงภาพที่ตัวเองเคยประจบหวงต้าหยวนเจ้าหอวั่งเจียงอย่างบ้าคลั่งก็รู้สึกว่าขนาดอากาศยังหวานชื่น ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดความพยายามก็ไม่เสียเปล่า จากเรื่องนี้ เพียงพอให้เห็นว่าหวงต้าหยวนมีเขาอยู่ในใจพอฉินอวิ๋นฟานได้ยินคำพูดนี้ หน้าอึ้งจังงังไปเลย เขาแลกสายตากับอู่จ้านทีหนึ่ง ในดวงตาคือความเหลือเชื่อ หรือว่าที่นี่จะมีเรื่องให้เผือก?“สหายเทียนเวิ่น เจ้าหอหวงเคยพูดถึงเจ้าจริง ๆ นั่นแหละ แต่เหมือนว่าจะไม่มีความหมายอื่น?”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบหยั่งเชิง“รัชทายาท นี่คือท่านไม่รู้ ข้าชอบเจ้าหอหวงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันทั่ว แต่เจ้าหอหวงค่อนข้างขี้อาย แสดงความรู้สึกของตัวเองไม่เก่ง ทุกครั้งก็เลยไล่ข้าออกจากหอวั่งเจียง ดีที่ข้ามุมานะไม่ย่อท้อ สุดท้ายจึงทำให้นางประทับใจได้”เซี่ยงเทียนเวิ่นยังคงจมอยู่กับความเบิกบานแช่มชื่น เขาเอ่ยต่อ “ก็ดูจากความร่วมมือเรื่องอู่เหลียงเย่สิ ในใจนางต้องมีข้าอยู่แน่ ไม่อย่างนั้นจะนึกถึงตระกูลเซี่ยงเราทันทีได้ยังไง? ยังไม่
“เสี่ยวฟาน ตื่นเร็ว รีบตื่นเร็วเข้า!”“แย่แล้ว รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”ฉินอวิ๋นฟานกำลังหลับปุ๋ย อยู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงเคาะประตูรีบร้อนดังขึ้น เขาบิดขี้เกียจทีหนึ่ง ฟังดูดี ๆ กลับเป็นเสียงของเฉินม่อกับอู่จ้านชั่วขณะ ฉินอวิ๋นฟานตาตื่นโดยสิ้นเชิง เขารีบเปิดประตู เห็นทั้งสองทำหน้าตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกเหมือนมดบนกระทะร้อนฉินอวิ๋นฟานรีบถาม “มีอะไรรึ เกิดอะไรขึ้น?”“พื้นที่ภัยพิบัติเกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พวกมู่หรงโหลว หานซิ่น หลิวเป้ย ลิ่งหูเสี่ยวถูกจับกันหมด พื้นที่ภัยพิบัติโกลาหลยกใหญ่ ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว”เฉินม่อรีบพูดครั้นได้ยินฉินอวิ๋นฟานกล่าวเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานสมองดังวิ้ง ว่างเปล่าไปหมดในพริบตา มิน่าหลายวันนี้เขาถึงมีลางร้ายตลอด หรือจะเป็นเรื่องนี้?ความสงสัยสับสนเต็มหัว ไม่ทันคิดอะไรมาก เขารีบถาม “ช่วงนี้เจ้าอยู่ที่พื้นที่ภัยพิบัติตลอดมิใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องใหญ่โตอย่างนี้ได้? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ใช่ ก่อนหน้านี้ทุกอย่างเดินหน้าดีมาก ทุกคนพยายามกันอย่างขยันขันแข็ง พื้นที่ภัยพิบัติเจริญขึ้นมาก แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อวานกลับเจอหัวหนูในอ
“ใครก็ดูออกว่านั่นคือหัวหนู นอกจากจะมีขนยังมีฟันโผล่ออกมาอีก ดังนั้นผู้ประสบภัยก็เลยเริ่มเอาเรื่องกับพ่อครัว”“ผลคือพ่อครัวยังชี้ลาเป็นม้า ท่าทียโสโอหัง จะกินไม่กินก็ช่าง สุดท้ายผู้ประสบเคราะห์ก็เลยโกรธขึ้นมาจริง ๆ ลุกฮือกันหมด ตอนนี้ถึงขั้นที่ควบคุมไม่ได้แล้ว”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เรื่องที่ผู้ประสบภัยลุกฮือแพล็บเดียวก็รายงานถึงวังหลวง กรมอาญาหูหมิงชิงเข้าตรวจสอบแล้ว ดังนั้นพวกหานซิ่นก็เลยถูกจับกันหมด”“กรมอาญาตรวจสอบเร็วอย่างนี้เลย?”ฉินอวิ๋นฟานนัยน์ตาหดเล็ก เข้าใจสาเหตุในนั้นทันที กรมอาญาหูหมิงชิงเป็นคนของตระกูลเหอ เข้าพวกกับองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย หรือก็หมายถึงเบื้องหลังต้องเป็นฝีมือของฉินอวิ๋นฮุยแน่“ไม่ใช่แค่นั้นนะ องค์ชายรองไปปลอบผู้ประสบเคราะห์แล้ว น่ากลัวว่าความพยายามของพวกเราเมื่อก่อนหน้านี้ทั้งหมดคงต้องเสียเปล่า” เฉินม่อพูดด้วยใบหน้าหมดหวัง“เสี่ยวฟาน พวกเขาทำงานเร็วอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมการพร้อมแต่แรก ทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่เจ้า ถ้าจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดไม่ได้ เกรงว่าเราไม่เพียงเหนื่อยเปล่า เจ้ายังจะติดร่างแหไปด้วย คงรักษาตำแหน่งรัชทายาทยากแล้ว”อู่จ้านเอ่ย
“สถานการณ์เร่งด่วน พวกเราต้องพยายามทำทุกนาทีให้มีค่า ท่านอย่าลืมบอกหลัวเหิงด้วย ให้เขาไปตระกูลเซี่ยงให้เร็วที่สุด บอกว่าข้ากำลังรอเขาอยู่ที่นี่”ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานมีแนวคิดคร่าว ๆ แล้ว ด้วยสถานการณ์ของเขาในเวลานี้ ไม่อาจแก้ไขปัญหาจากข้างบนได้ มีแต่ต้องสาวใยจากชั้นล่างสุด“ได้!”อู่จ้านย่อมตระหนักความร้ายแรงของเรื่อง รีบขี่ม้าลงแส้ดำเนินการทันที ฉินอวิ๋นฟานไม่กล้ารีรอเหมือนกัน รีบไปตระกูลเซี่ยงด้วยความเร็วสูงสุด“รัชทายาท ท่านมาแล้วหรือ”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งถึงตระกูลเซี่ยง เซี่ยงเส้าหลงรีบค้อมตัวไปต้อนรับ บัดนี้ท่านผู้เฒ่าฟื้นฟูดีมาก ลงเตียงเดินได้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานย่อมกลายเป็นบุคคลที่ตระกูลเซี่ยงเคารพสูงสุด“วันนี้ที่ข้ามาเพราะมีธุระทั้งหมดสองเรื่อง หนึ่งเพื่อทำแผลให้ท่านผู้เฒ่าเซี่ยง สองคืออยากยืมคนของท่านคุ้มครองความปลอดภัยของข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ปกป้องความปลอดภัยของรัชทายาท? นี่มันยังไงกัน?”พอได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยงเส้าหลงอึ้งไปเลย สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ฉินอวิ๋นฟานคือใคร กลับจะมีอันตรายถึงชีวิต? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ“พื้นที่ภัยพิบัติเกิดเรื่องแล้ว ข้าส่งอาจ้าน
“นั่นสิ องค์ชายรอง ถึงพวกเราจะจน แต่พวกเราไม่ได้โง่นะ หรือว่าแม้แต่หัวหนูกับคอเป็ดยังจะแยกไม่ได้? นี่เห็นเราเป็นคนโง่หรือ? พวกเราชาวบ้านถึงจะเป็นชีวิตต่ำต้อย แต่ก็รังแกกันอย่างนี้ไม่ได้กระมัง?”ชายร่างผอมเล็กผิวค่อนข้างขาวอีกคนหนึ่งร่ำไห้น้ำตาไหลพราก ๆ พลางพูดระบาย“อะไรนะ? การบรรเทาภัยพิบัติคือเรื่องใหญ่ของต้าเฉียนเรา ทำไมถึงเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้? ใครกันริอ่านเหิมเกริมดูถูกกฎหมายต้าเฉียนเรา เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา?”พอฉินอวิ๋นฮุยได้ฟังแล้วโมโหพลุ่งพล่าน ยืนอยู่จุดสูงสุดของคุณธรรม ตำหนิเรื่องนี้อย่างหนัก และทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของฉินอวิ๋นฟานจากที่ไกล ๆ ทั้งหมด“รัชทายาท นี่ นี่มันยังไงกัน? หลายวันก่อนคนของค่ายทานหลวงมารายงานกับข้ายังว่าดีมากอยู่เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงโกลาหลอีกแล้ว?”หลัวเหิงถามด้วยใบหน้าฉงน“หลัวเหิง เจ้าว่าคนพวกนั้นที่กำลังพูดอยู่ รูปร่างเป็นยังไง?” ฉินอวิ๋นฟานถามอย่างนึกสนุก“เอ๋ ท่านไม่เตือนข้าน้อยยังไม่สังเกตเลย หกเจ็ดคนที่พูดอยู่นั่น กว่าครึ่งเป็นคนตัวใหญ่ร่างบึก ถ้าเป็นผู้ประสบเคราะห์ที่หิวโหยเกือบสองเดือน จะต้องผอมจนเหลือแต่ซี่โครงแล้ว ทำไมถึงล่ำอย่างนี้ได