“หึ ทำเป็นเร้นลับซ่อนเงื่อน!”หลังจากฉินอวิ๋นฟานสิ้นสุดกระบวนการ หัวปิ่นแค่นลมออกจมูก ยิ่งเห็นเขาทำมั่วไปหมด ด้วยประสบการณ์การรักษาหลายปีของเขา ต่อให้ท่านผู้เฒ่าอาการคงที่แล้ว ก็ไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้เด็ดขาด“พี่เจ็ด มีฝีมือจริง ๆ เลยนะ ใช้ลูกไม้นิดหน่อย ทำไอ้เม็ดดำ ๆ ไม่กี่เม็ดก็หลอกผู้นำตระกูลเซี่ยงได้แล้ว ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก”ฉินอวิ๋นเซินยังไม่ตายใจ เล่นละครตบตา เหน็บแนมฉินอวิ๋นฟานต่อ พลิกขาวเป็นดำ ใช้ลูกไม้ร้อยแปด ไม่ว่าอย่างไรจะให้เขาสำเร็จไม่ได้ ขอเพียงท่านผู้เฒ่าเซี่ยงยังไม่ได้สติ เขาจะไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานมีความสุข“องค์ชายแปด ท่านวางใจเถอะ ถ้าอีกสองก้านธูปถ้าท่านปู่ข้าไม่ฟื้นขึ้นมา ฉินอวิ๋นฟานยังยากจะปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าสุดท้ายเขาจะทำอะไรเพื่อท่านปู่ ข้าจะไม่อภัยให้เขาทั้งนั้น”เซี่ยงเทียนเวิ่นถูกฉินอวิ๋นเซินชักนำอีกครั้ง คิดว่าฉินอวิ๋นฟานคือพวกก่อกวน กลัวตระกูลเซี่ยงพาลโกรธจึงทำเป็นช่วยท่านปู่ ลูกไม้แบบนี้ใจไม่บริสุทธิ์“คุณชายเซี่ยง สมองท่านป่วยหรือ? ถึงปู่ของท่านยังไม่ฟื้น แต่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ดีกว่าตอนที่หัวปิ่งรักษามากใช่หรือไม่?”อู่จ้านชักจะทนดูต่อไปไม่ไหว พู
เซี่ยงเส้าหลงเห็นสถานการณ์ของบิดาผิดปกติจึงหันมาถามกับฉินอวิ๋นฟานทันที“ท่านผู้เฒ่าจะฟื้นแล้ว พวกท่านซับเหงื่อให้เขา เรียกหน่อยก็พอ” ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพลางพูดฉินอวิ๋นเซินไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ถามอย่างสงสัย “หมอหลวงหัว จริงหรือ? ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงกำลังจะฟื้นแล้วจริง ๆ?”“เอ่อ เหมือนมีเค้าลางว่าจะฟื้น...”ถึงหัวปิ่งจะไม่แตกฉาน แต่ก็มีความรู้ทางการแพทย์มาก รักษาโรคหลายสิบปี มีพื้นฐานความรู้ทางการแพทย์อยู่ ด้วยประสบการณ์หลายปีของเขา สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงมีน้ำมีนวลกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย นี่คือปรากฏการณ์ว่าอาการดีขึ้น“บ้าเอ๊ย! ตัวบัดซบนี่กลับซ่อนลึกนัก!”ได้รับคำตอบจากหัวปิ่ง ฉินอวิ๋นเซินสีหน้าเขียวปัด ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับช่วยคนที่กำลังจะตายได้? หมอนี่มีฝีมือและความลับมากแค่ไหนกันแน่? ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย“ท่านพ่อ ท่านฟื้นสิ ฟื้นขึ้นมาสิ”เซี่ยงเส้าหลงเรียกท่านผู้เฒ่าเซี่ยงอยู่ด้านข้างเบา ๆ ซับเหงื่อให้เขาไม่หยุด ดังคาด ไม่นานท่านผู้เฒ่าเซี่ยงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจริง ๆ“ท่านปู่ฟื้นแล้ว ท่านปู่ฟื้นแล้วจริง ๆ!”เซี่ยงเทียนเวิ่นเห็นปู่ฟื้นขึ้นมาดีใจยกใหญ่ คว้ามื
ถ้อยคำขององค์ชายแปดทำให้ทุกคนในที่นั้นฉงนสนเท่ห์ เมื่อครู่หัวปิ่งมอบหนังสือแจ้งตายของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงแล้ว เป็นฉินอวิ๋นฟานที่พยายามกอบกู้สถานการณ์กลับมา ดึงท่านผู้เฒ่ากลับมาจากประตูผีให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นเซินกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? นอกจากฉินอวิ๋นฟาน เหมือนว่าไม่มีใครเข้าร่วมการช่วยเหลือท่านผู้เฒ่านี่?“องค์ชายแปด ท่านไม่ได้กำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่กระมัง? นอกจากรัชทายาท ที่นี่ยังมีคนอื่นอีกหรือ?”เซี่ยงเทียนเวิ่นไม่มีสมองอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเห็นกับตาว่าฉินอวิ๋นฟานช่วยปู่ทีละขั้นตอน และตัวเขาเองยังเกือบกลายเป็นผู้ช่วยฆาตกรทำให้ปู่ตายอีกเซี่ยงเส้าหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉินอวิ๋นเซินยุให้รำตำให้รั่วหนแล้วหนเล่า ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองฉินอวิ๋นเซินดึงหัวปิ่งมาอยู่ข้างตัว ยกยิ้มตรงมุมปากและพูดด้วยสีหน้าได้ใจ “ที่ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงฟื้นขึ้นมาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเข็มหยินหยางคืนวิญญาณของหมอเทวดาหัว เพียงแต่ช่วงเวลาสำคัญถูกฉินอวิ๋นฟานชิงผลงานไปเท่านั้น”“เชี่ย!”ฉินอวิ๋นเซินพูดจบ ฉินอวิ๋นฟานอึ้งกิมกี่ พลันหลุดคำสบถหยาบคาย เขาเคยเจอคนหน้าหนา แ
หัวปิ่งกับฉินอวิ๋นเซินตกใจสุดขีด ตะลีตะลานวิ่งออกนอกประตูสุดชีวิตเห็นภาพนี้ ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก ดูท่าผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงยังมองภาพออก ไม่ถูกฉินอวิ๋นเซินตัวบัดซบหลอกง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นเขาต้องแย่แน่แต่พลังที่เซี่ยงเส้าหลงแสดงออกมาทำให้หัวใจฉินอวิ๋นฟานหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม สมกับที่เป็นตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดัง ตัวตนที่ทำให้หอวั่งเจียงกริ่งเกรง ไม่ธรรมดาดังคาด“ขออภัยรัชทายาท ทำให้ท่านตกใจแล้ว”เซี่ยงเส้าหลงรีบมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน ร่างกายเกือบทำมุมเก้าสิบองศาได้สำเร็จ กับฉินอวิ๋นฟานก็คือมารยาทจริงจัง หากไม่มีฉินอวิ๋นฟาน พวกเขาตระกูลเซี่ยงคงต้องจัดงานศพที่บ้านแล้วบุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ จะถูกคนแย่งเอาไปเพียงสามวาจาสี่ประโยคได้อย่างไร? เช่นนั้นต่อไปตระกูลเซี่ยงของเขาจะยืนอยู่ในยุทธภพอย่างมั่นคงได้อย่างไร“ยังดี ผู้นำตระกูลเซี่ยงเป็นคนเข้าใจเหตุผล” ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเอ่ยตุบ!ถูกฉินอวิ๋นเซินหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า เซี่ยงเทียนเวิ่นรู้สึกผิดยิ่งนัก คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานดังตุบ เอ่ยปากอย่างสำนึกผิด “ขออภัยรัชทายาท ข้ามีตาหามีแววไม่ เกือบถูกคนเจ้าเล่ห์ปิดหูปิดตา ทำร้ายผู
คำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้เซี่ยงเส้าหลงกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เพราะคนที่ได้รับการไหว้วานจากขั้วอิทธิพลของราชวงศ์มาเจรจามีนักต่อนัก ความรู้สึกแรกกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานคือเพื่อดึงตระกูลเซี่ยงนับจากฉินอวิ๋นฟานเลิกโง่งม เรื่องที่ทำเรื่องหนึ่งโดดเด่นกว่าอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องหนึ่งส่งผลกระทบมากกว่าอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเขาต้องการแจ้งเกิด จำเป็นต้องมีคนสนับสนุนที่แข็งแกร่งประมาณหนึ่งอยู่เบื้องหลังแม้ฉินอวิ๋นฟานจะช่วยชีวิตบิดาเฒ่า แต่เซี่ยงเส้าหลงก็ยังรู้สึกว่าจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟานไม่บริสุทธิ์ตระกูลเซี่ยงยืนอย่างมั่นคงในต้าเฉียนสามศตวรรษเต็ม พวกเขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ และหลังจากการพัฒนาสามศตวรรษ ตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดังล้วนมีชะตาจุดจบที่ไม่ดีอย่างไรเสีย ตระกูลวิถียุทธ์ชื่อดังมีกำลังรบน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในยุคสงครามที่โกลาหล พวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ช่วยแข็งแกร่งของผู้ปกครองระดับสูง แต่เมื่อแผ่นดิบสงบ พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตนที่ผู้ปกครองระดับสูงระแวงที่สุดเช่นกันการคาดเดา ความระแวงและการสะกดข่มของราชวงศ์คือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่การฆ่าล้างตระกูลก็เคยเกิดข
“ข้าว่าอยู่แล้วเชียว ในใจของหยวนหยวนมีข้าอยู่ มีเรื่องดี นางยังนึกถึงข้าก่อนทันที”เซี่ยงเทียนเวิ่นดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้นแล้ว นึกถึงภาพที่ตัวเองเคยประจบหวงต้าหยวนเจ้าหอวั่งเจียงอย่างบ้าคลั่งก็รู้สึกว่าขนาดอากาศยังหวานชื่น ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดความพยายามก็ไม่เสียเปล่า จากเรื่องนี้ เพียงพอให้เห็นว่าหวงต้าหยวนมีเขาอยู่ในใจพอฉินอวิ๋นฟานได้ยินคำพูดนี้ หน้าอึ้งจังงังไปเลย เขาแลกสายตากับอู่จ้านทีหนึ่ง ในดวงตาคือความเหลือเชื่อ หรือว่าที่นี่จะมีเรื่องให้เผือก?“สหายเทียนเวิ่น เจ้าหอหวงเคยพูดถึงเจ้าจริง ๆ นั่นแหละ แต่เหมือนว่าจะไม่มีความหมายอื่น?”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบหยั่งเชิง“รัชทายาท นี่คือท่านไม่รู้ ข้าชอบเจ้าหอหวงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันทั่ว แต่เจ้าหอหวงค่อนข้างขี้อาย แสดงความรู้สึกของตัวเองไม่เก่ง ทุกครั้งก็เลยไล่ข้าออกจากหอวั่งเจียง ดีที่ข้ามุมานะไม่ย่อท้อ สุดท้ายจึงทำให้นางประทับใจได้”เซี่ยงเทียนเวิ่นยังคงจมอยู่กับความเบิกบานแช่มชื่น เขาเอ่ยต่อ “ก็ดูจากความร่วมมือเรื่องอู่เหลียงเย่สิ ในใจนางต้องมีข้าอยู่แน่ ไม่อย่างนั้นจะนึกถึงตระกูลเซี่ยงเราทันทีได้ยังไง? ยังไม่
“เสี่ยวฟาน ตื่นเร็ว รีบตื่นเร็วเข้า!”“แย่แล้ว รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”ฉินอวิ๋นฟานกำลังหลับปุ๋ย อยู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงเคาะประตูรีบร้อนดังขึ้น เขาบิดขี้เกียจทีหนึ่ง ฟังดูดี ๆ กลับเป็นเสียงของเฉินม่อกับอู่จ้านชั่วขณะ ฉินอวิ๋นฟานตาตื่นโดยสิ้นเชิง เขารีบเปิดประตู เห็นทั้งสองทำหน้าตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกเหมือนมดบนกระทะร้อนฉินอวิ๋นฟานรีบถาม “มีอะไรรึ เกิดอะไรขึ้น?”“พื้นที่ภัยพิบัติเกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พวกมู่หรงโหลว หานซิ่น หลิวเป้ย ลิ่งหูเสี่ยวถูกจับกันหมด พื้นที่ภัยพิบัติโกลาหลยกใหญ่ ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว”เฉินม่อรีบพูดครั้นได้ยินฉินอวิ๋นฟานกล่าวเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานสมองดังวิ้ง ว่างเปล่าไปหมดในพริบตา มิน่าหลายวันนี้เขาถึงมีลางร้ายตลอด หรือจะเป็นเรื่องนี้?ความสงสัยสับสนเต็มหัว ไม่ทันคิดอะไรมาก เขารีบถาม “ช่วงนี้เจ้าอยู่ที่พื้นที่ภัยพิบัติตลอดมิใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องใหญ่โตอย่างนี้ได้? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ใช่ ก่อนหน้านี้ทุกอย่างเดินหน้าดีมาก ทุกคนพยายามกันอย่างขยันขันแข็ง พื้นที่ภัยพิบัติเจริญขึ้นมาก แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อวานกลับเจอหัวหนูในอ
“ใครก็ดูออกว่านั่นคือหัวหนู นอกจากจะมีขนยังมีฟันโผล่ออกมาอีก ดังนั้นผู้ประสบภัยก็เลยเริ่มเอาเรื่องกับพ่อครัว”“ผลคือพ่อครัวยังชี้ลาเป็นม้า ท่าทียโสโอหัง จะกินไม่กินก็ช่าง สุดท้ายผู้ประสบเคราะห์ก็เลยโกรธขึ้นมาจริง ๆ ลุกฮือกันหมด ตอนนี้ถึงขั้นที่ควบคุมไม่ได้แล้ว”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เรื่องที่ผู้ประสบภัยลุกฮือแพล็บเดียวก็รายงานถึงวังหลวง กรมอาญาหูหมิงชิงเข้าตรวจสอบแล้ว ดังนั้นพวกหานซิ่นก็เลยถูกจับกันหมด”“กรมอาญาตรวจสอบเร็วอย่างนี้เลย?”ฉินอวิ๋นฟานนัยน์ตาหดเล็ก เข้าใจสาเหตุในนั้นทันที กรมอาญาหูหมิงชิงเป็นคนของตระกูลเหอ เข้าพวกกับองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย หรือก็หมายถึงเบื้องหลังต้องเป็นฝีมือของฉินอวิ๋นฮุยแน่“ไม่ใช่แค่นั้นนะ องค์ชายรองไปปลอบผู้ประสบเคราะห์แล้ว น่ากลัวว่าความพยายามของพวกเราเมื่อก่อนหน้านี้ทั้งหมดคงต้องเสียเปล่า” เฉินม่อพูดด้วยใบหน้าหมดหวัง“เสี่ยวฟาน พวกเขาทำงานเร็วอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมการพร้อมแต่แรก ทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่เจ้า ถ้าจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดไม่ได้ เกรงว่าเราไม่เพียงเหนื่อยเปล่า เจ้ายังจะติดร่างแหไปด้วย คงรักษาตำแหน่งรัชทายาทยากแล้ว”อู่จ้านเอ่ย
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ