“ช่างใหญ่หลู่ นี่เป็นของดีที่ข้าเอามาให้เจ้าโดยเฉพาะเลยนะ เทียบกับของที่เจ้ากินยามปกติไม่ได้หรอก”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมฉุยปะทะจมูก หลู่หนีตัวนิ่งฉับพลัน กลิ่นนี้จะหอมแล้วไปหลู่หนีถามด้วยใบหน้าประหลาดใจ “รัชทายาท นี่ นี่คืออะไรหรือขอรับ? เป็นเนื้อของงูอะไรหรือ?”“ไม่ใช่ เจ้าชิมดูสิ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ หลู่หนีคือหัวใจหลักด้านเทคโนโลยีของเขา ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากหลู่หนี ประสิทธิภาพแผนการของเขาจะลดลงฮวบ การพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำพวกนี้ จำเป็นต้องมีช่างที่มีระดับสูงเหนือขั้นจึงจะทำได้ หลู่หนีเติมเต็มจุดนี้ได้อย่างสมบูรณ์หลู่หนีไม่คิดมาก คีบเนื้อปลาไหลขึ้นมาแล้ววางในปาก จังหวะที่เข้าปาก เนื้อนุ่มลื่นละเอียดอ่อนกระแทกต่อมรับรสของเขาในพริบตาจึงโพล่งปากออกมาอย่างเหลือเชื่อ “รัชทายาท นี่ นี่คืออะไรหรือขอรับ อร่อยเกินไปแล้วกระมัง? แทบจะเป็นรสโอชาในแดนมนุษย์!”“นี่คืออาหารขึ้นชื่อในอนาคตของภัตตาคารต้าเฉียน ปลาไหลน้ำแดงกับปลาไหลผัดพริก แถมยังเป็นสูตรลับเฉพาะด้วยนะ แค่เจ้าอยากกินก็จัดการได้ทุกเมื่อ รับรองว่าพอ!”ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าของหลู่หนีพลางพูดครั้นได้ยิน หล
“ขอบคุณเหลือเกินขอรับ! รัชทายาทก็คือป๋อเล่อ ของหลู่หนี หลู่หนีชาตินี้ยากจะลืม!”หลู่หนีคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานดังตุบ สวัสดิการเช่นนี้ทำให้เข้าซาบซึ้งจากใจประหนึ่งเขื่อนกั้นน้ำเหลืองแตก ครั้งปะทุยากจะขวางโบราณว่าไว้ มีน้อยจึงล้ำค่า สำหรับคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เหล่านั้น แย่งกันหัวร้างข้างแตกยังยากจะครอบครอง แต่เขาหลู่หนีกลับได้อู่เหลียงเย่แบบไร้ขีดจำกัด ความรู้สึกเหนือกว่าอย่างยิ่งนี้ ทำให้เขาประทับในสุดซึ้ง“ช่างใหญ่หลู่ คนเราน่ะ บางครั้งการเลือกสำคัญกว่าความพยายาม นี่คือสิ่งที่เจ้าควรได้รับ วินาทีที่เจ้าเลือกข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าก็เห็นเจ้าเป็นคนกันเองแล้ว คนอื่นจะสูงส่งมีอำนาจยังไง ในสายตาของข้ามิสู้หนึ่งนิ้วเท้าเจ้า”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”หลู่หนีผงกศีรษะแรง ๆ ในตอนที่เขากำลังจะจับตะเกียบอีกครั้ง อยู่ ๆ ในห้องก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มดังมา จากนั้นเด็กสาวน่ารักสดใสคนหนึ่งก็ปรากฏตัว“ท่านพ่อ หอมจังเลย ท่านมีของอร่อยไม่เรียกข้าอีกแล้วนะ เกินไปจริง ๆ”จังหวะที่สาวน้อยโผล่ออกมา ฉินอวิ๋นฟานหัวใจร้อนรุ่มดวงนั้นของเขาพลันสั่นไหว ชั่วพริบตาเดียว ดังตกสู่ห้วงทะเลแห่
ฉินอวิ๋นฟานปิ้งไอเดียขึ้นมา เขาต้องมองเห็นความกังวลของหลู่หนีอยู่แล้ว จึงพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ในเมื่อชอบเรียน งั้นก็ไปที่สำนึกศึกษาหลวงเถอะ อย่างไรที่นั่นก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของการเรียนที่ดีที่สุดของต้าเฉียน อาจารย์แคว้นต่าง ๆ ก็อยู่ที่นั่นหมด”ในสมัยโบราณ ประมาณสิบห้าปีก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว มู่หรงจิ่นก็ออกเรือนกับฉินอวิ๋นฟานในตอนอายุสิบห้าเหมือนกัน เห็นชัดว่าหลู่เซียงหลิงไม่จำเป็นต้องเรียนต่อแต่ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจความคิดของหลู่หนี นั่นเพื่อปฏิเสธเขาเท่านั้น ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ให้นางอยู่ข้างกายจะดีแค่ไหน ขณะเดียวกันก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้หลู่หนีด้วย ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าสำนักศึกษาหลวงได้นะ“สำนักศึกษาหลวง? จริงหรือ? เซียงหลิงเข้าได้จริง ๆ หรือขอรับ?”หลู่หนีถามแบบไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรเสีย สำนักศึกษาหลวงคือสำนักศึกษาสูงสุดของต้าเฉียน ผู้ที่เดินออกมาจากที่นั่นล้วนมีความรู้เต็มภูมิ ความสามารถเหลือล้นถ้าลูกสาวสามารถศึกษาต่อที่สำนักศึกษาหลวงได้ ไม่เพียงได้ทำตามความฝันศึกษาตามนางไขว่คว้ามาโดยตลอด ยิ่งทำให้ความปรารถนาของแม่นางก่อนตายสำเร็จ“ข้าฉินอวิ๋นฟานที่เป็นรัชทายาทว่าราชการแผ่นดินต
“พี่หยวน ข้ามักรู้สึกว่าถึงพวกเราพี่น้องจะยอมอยู่ใต้ร่างฉินอวิ๋นฟาน แต่คงไม่ช่วยอะไร จากแววตาของเขา ข้าเห็นราชันผู้มองสรรพสิ่งว่างเปล่า ผู้หญิง? คงไม่สามารถเปลี่ยนปณิธานของเขาได้”เสี่ยวซวงขมวดคิ้วแน่นและพูด “เขาไม่ได้ปฏิเสธแค่พวกเราแต่กับทุกคน ทั่วทั้งต้าเฉียน คนที่เด็ดขาดอย่างนี้คงมีแค่เขาแล้ว”ได้ยินการวิเคราะห์ของต้าซวงและเสี่ยวซวง พี่หยวนเข้าสมาธิอีกครั้ง นางครุ่นคิดจุดสำคัญในนั้น นี่ก็คือความฉลาดของนาง และเป็นสิ่งสำคัญที่นางสามารถเป็นเจ้าหอวั่งเจียงได้“หรือว่า...เขาจะทำเพื่อเรื่องอื่น?”แววตาของพี่หยวนลุ่มลึก คล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน นางหรี่ดวงตาทั้งสองเอ่ย “บางทีข้าอาจรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว”“พี่หยวน ท่านรู้จุดประสงค์ของเขาแล้วหรือ?”ต้าซวงและเสี่ยวซวงใบหน้าตกใจรีบถาม กลับถูกพี่หยวนปฏิเสธ นางเอ่ยเสียงหนัก “อีกห้าวันข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นทุกปัญหาจะแก้ไขได้หมด”สามวันนี้ฉินอวิ๋นฟานได้รับรายงานอย่างต่อเนื่อง การบรรเทาภัยพิบัติสัมฤทธิผลชัดเจน ภายใต้ความร่วมแรงร่วมใจของพวกหลิวเป้ย ไม่เพียงทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งแก้ไขปัญหาปากท้องของทุ
“องค์ชายรอง ข้าน้อยก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้นี่”ซุนหั่ววั่งร้อนรนจนเขื่อนน้ำตาจะแตกแล้ว ภัตตาคารเซิ่งหลงแถบหอวั่งเจียงสำคัญเพียงไรเขารู้ดี ทันทีที่เสียไป เขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับองค์ชายรองแล้วลิ่งหูชงพลันเอ่ยปาก “เอาละ เจ้ากลับไปเถอะ เรื่องนี้องค์ชายรองรู้ว่าต้องทำยังไง”“เอ่อ ได้ ได้ ขอบคุณ ขอบคุณท่านลิ่งหู”ซุนหั่ววั่งเห็นกุนซือขององค์ชายรองลิ่งหูชงพูดให้เขา ดังได้รับอภัยโทษ รีบโขกศีรษะขอบคุณถ้าไม่มีการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากองค์ชายรอง เขาก็ไม่มีวันนี้ ยิ่งไม่สามารถขับเคลื่อนภัตตาคารเซิ่งหลงขึ้นตำแหน่งภัตตาคารอันดับหนึ่งของต้าเฉียน องค์ชายรองเป็นผู้มอบเกียรติยศทั้งหมดนี้ให้ เขาจะเสียต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ไปไม่ได้“องค์ชายรอง คนไม่รู้จักหนักเบาคนหนึ่ง ไม่คู่ควรให้ท่านหัวเสียหรอกขอรับ”ลิ่งหูชงเอ่ยปาก“ข้าจะไม่โมโหได้หรือ? ที่ดินแถบทางหอวั่งเจียงสำคัญแค่ไหน ท่านก็ใช่จะไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลมู่หรงเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสด็จพ่อช่วงหนึ่ง ข้าก็ยึดภัตตาคารตรงนั้นมานานแล้ว ยังต้องรอจนถึงตอนนี้?”ฉินอวิ๋นฮุยด้วยความขุ่นแค้น“แล้วจะอย่างไร? ฉินอวิ๋นฟานหัวเดียวกระเทียมลีบ ที่ท
องค์ชายรองถามด้วยความสงสัย“ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำโฆษณาให้ภัตตาคารต้าเฉียนโครม ๆ อย่างออกนอกหน้า แถมยังเชิญผู้ประสบเคราะห์มากมายมากินมื้อใหญ่ สั่งสมความนิยม คนยากไร้นับไม่ถ้วนสรรเสริญเยินยอองค์ชายใหญ่กับฉินอวิ๋นฟาน เหลือแต่ไม่ตั้งศาลให้พวกเขาเท่านั้น”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางพูด “ตอนนี้พวกเขาสองคนสนิทกันมาก ทั้งยังมีความร่วมมือเชิงลึกอย่างเห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับพวกเรา”“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ท่านลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนไปแล้วหรือ? ฉินอวิ๋นฟานบีบคั้นจนแม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วต้องคุกเข่าต่อหน้าทุกคน เสียศักดิ์ศรีจนสิ้น ตามที่ข้ารู้จัก พี่ใหญ่เป็นคนคิดแค้นกับคนโฉดเรื่องชั่ว ไม่มีทางร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานหรอก”องค์ชายรองพูดด้วยสีหน้าไม่เชื่อพวกเขาสองพี่น้องต่อสู้กันในราชสำนักหลายปีขนาดนั้น ฉินอวิ๋นฮุยรู้ดีว่าพี่ใหญ่ฉินอวิ๋นคังเป็นคนอย่างไร ก็เพราะรู้ดีนี่แหละ เขาจึงสามารถข่มอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาดด้วยนิสัยขององค์ชายใหญ่ เขาจะสนิทสนมกับคนที่ตัวเองเกลียดง่าย ๆ ได้รึ?“ไม่ ๆ องค์ชายรอง อย่ากล่าวเช่นนี้เป็นอันขาด ตอนนี้อยู่ในช่วงชิงบัลลังก์ อะไรก็เป็นไปได้หมด”ลิ่งหูชงเอ่ยจ
กับการเย้ยหยันของมู่หรงซื่อควาน ซุนหั่ววั่งมุมปากกระตุก เมื่อก่อนล้วนเป็นเขาที่เยาะเย้ยมู่หรงซื่อควาน ไหนเลยจะมีส่วนที่อีกฝ่ายจะได้หยามเขา? ตอนนี้กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว นี่ทำให้เขาคับแค้นใจมากแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือจัดการฉินอวิ๋นฟานที่มาด้วยมาดใหญ่โต เขารีบทำหน้างุนงงถาม “รัชทายาท ท่านมาหาเชาเอ๋อร์มีธุระอะไรหรือ? วันนี้เชาเอ๋อร์ไม่อยู่บ้าน”“เขาจะอยู่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เจ้าดูนี่ก่อนเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ แล้วโยนหนังสือสัญญาพนันที่ลงชื่อเมื่อเจ็ดวันก่อนใส่หน้าซุนหั่ววั่ง จังหวะที่ซุนหั่ววั่งเห็นฉินอวิ๋นฟานหยิบหนังสือสัญญาออกมา ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี วิญญาณนักแสดงเจ้าบทบาทเข้าสิงเดี๋ยวนั้น สองมือสั่นระริก ความตื่นตระหนักเปื้อนอยู่เต็มใบหน้าซุนหั่ววั่งรีบถาม “นี่ นี่ นี่มันยังไงกัน? ปกติเชาเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องธุรกิจที่บ้าน ทำไมถึงลงชื่อในข้อตกลงไร้หัวสมองเช่นนี้กับรัชทายาทได้ นี่จะมีความเข้าใจผิดอะไรหรือไม่?”เพื่อกอบกู้สิ่งที่เสียไป เพื่อแสดงฝีมือต่อหน้าองค์ชายรอง ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวร้างข้างแตก เตรียมจะไม่ยอมรับท่าเดียว ดูสิว่าจะให้เรื่องนี้ผ่านไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายลงช
และต่อให้ได้ขายและขายดีทุกวันก็ไม่มีทางได้ยอดขายสี่สิบแปดล้านตำลึงเด็ดขาด นี่คือยอดขายของภัตตาคารเซิ่งหลงทุกสาขารวมกันสามปีเชียวนะ!“พ่อลูกเขย ของ ของขวัญชิ้นโตที่เจ้าว่า หรือจะเป็นเรื่องนี้?”นึกถึงที่ฉินอวิ๋นฟานพูดเมื่อเจ็ดวันก่อนว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้เขา ไม่นึกว่าจะเป็นสัญญาเดิมพันนี้ นี่คือการเดิมพันซึ่งมีมูลค่าควรเมืองเชียวนะทุกคนต่างรู้ดู สาเหตุจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง ไม่เพียงแต่ชักนำธุรกิจละแวกนั้น ยิ่งเป็นแถบพื้นที่ทองคำของเมืองหลวง ดังนั้นธุรกิจที่นั่นขายดีระเบิดระเบ้อแต่เดิมภัตตาคารต้าเฉียนและภัตตาคารเซิ่งหลงก็มีฐานะประมาณหนึ่งในเมืองหลวง ถ้าได้ภัตตาคารเซิ่งหลงมาก็เท่ากับผูกขาดอาหารและที่พักแถบนั้นยิ่งมีความหมายสำคัญที่สุดกับการเลื่อนตำแหน่งของภัตตาคารต้าเฉียน แถมยังสามารถข่มภัตตาคารเซิ่งหลงที่เป็นคู่แข่งนี้อีกฉินอวิ๋นฟานตอบ “ถูกต้อง!”“เยี่ยมไปเลย ภัตตาคารต้าเฉียนข้าได้ระบายความแค้นแล้ว” มู่หรงซื่อควานดีใจจนกระโดดโลดเต้น สำหรับเขาแล้วนี่คือข่าวดีที่สุด“เอ่อ รัชทายาท ตามหนังสือสัญญาฉบับนี้ ยอดขายเจ็ดวันของภัตตาคารเซิ่งหลงเทียบภัตตาคารต้าเฉียนไม่ได้ก็จริง