“ขอบคุณเหลือเกินขอรับ! รัชทายาทก็คือป๋อเล่อ ของหลู่หนี หลู่หนีชาตินี้ยากจะลืม!”หลู่หนีคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานดังตุบ สวัสดิการเช่นนี้ทำให้เข้าซาบซึ้งจากใจประหนึ่งเขื่อนกั้นน้ำเหลืองแตก ครั้งปะทุยากจะขวางโบราณว่าไว้ มีน้อยจึงล้ำค่า สำหรับคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เหล่านั้น แย่งกันหัวร้างข้างแตกยังยากจะครอบครอง แต่เขาหลู่หนีกลับได้อู่เหลียงเย่แบบไร้ขีดจำกัด ความรู้สึกเหนือกว่าอย่างยิ่งนี้ ทำให้เขาประทับในสุดซึ้ง“ช่างใหญ่หลู่ คนเราน่ะ บางครั้งการเลือกสำคัญกว่าความพยายาม นี่คือสิ่งที่เจ้าควรได้รับ วินาทีที่เจ้าเลือกข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าก็เห็นเจ้าเป็นคนกันเองแล้ว คนอื่นจะสูงส่งมีอำนาจยังไง ในสายตาของข้ามิสู้หนึ่งนิ้วเท้าเจ้า”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”หลู่หนีผงกศีรษะแรง ๆ ในตอนที่เขากำลังจะจับตะเกียบอีกครั้ง อยู่ ๆ ในห้องก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มดังมา จากนั้นเด็กสาวน่ารักสดใสคนหนึ่งก็ปรากฏตัว“ท่านพ่อ หอมจังเลย ท่านมีของอร่อยไม่เรียกข้าอีกแล้วนะ เกินไปจริง ๆ”จังหวะที่สาวน้อยโผล่ออกมา ฉินอวิ๋นฟานหัวใจร้อนรุ่มดวงนั้นของเขาพลันสั่นไหว ชั่วพริบตาเดียว ดังตกสู่ห้วงทะเลแห่
ฉินอวิ๋นฟานปิ้งไอเดียขึ้นมา เขาต้องมองเห็นความกังวลของหลู่หนีอยู่แล้ว จึงพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ในเมื่อชอบเรียน งั้นก็ไปที่สำนึกศึกษาหลวงเถอะ อย่างไรที่นั่นก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของการเรียนที่ดีที่สุดของต้าเฉียน อาจารย์แคว้นต่าง ๆ ก็อยู่ที่นั่นหมด”ในสมัยโบราณ ประมาณสิบห้าปีก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว มู่หรงจิ่นก็ออกเรือนกับฉินอวิ๋นฟานในตอนอายุสิบห้าเหมือนกัน เห็นชัดว่าหลู่เซียงหลิงไม่จำเป็นต้องเรียนต่อแต่ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจความคิดของหลู่หนี นั่นเพื่อปฏิเสธเขาเท่านั้น ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ให้นางอยู่ข้างกายจะดีแค่ไหน ขณะเดียวกันก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้หลู่หนีด้วย ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าสำนักศึกษาหลวงได้นะ“สำนักศึกษาหลวง? จริงหรือ? เซียงหลิงเข้าได้จริง ๆ หรือขอรับ?”หลู่หนีถามแบบไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรเสีย สำนักศึกษาหลวงคือสำนักศึกษาสูงสุดของต้าเฉียน ผู้ที่เดินออกมาจากที่นั่นล้วนมีความรู้เต็มภูมิ ความสามารถเหลือล้นถ้าลูกสาวสามารถศึกษาต่อที่สำนักศึกษาหลวงได้ ไม่เพียงได้ทำตามความฝันศึกษาตามนางไขว่คว้ามาโดยตลอด ยิ่งทำให้ความปรารถนาของแม่นางก่อนตายสำเร็จ“ข้าฉินอวิ๋นฟานที่เป็นรัชทายาทว่าราชการแผ่นดินต
“พี่หยวน ข้ามักรู้สึกว่าถึงพวกเราพี่น้องจะยอมอยู่ใต้ร่างฉินอวิ๋นฟาน แต่คงไม่ช่วยอะไร จากแววตาของเขา ข้าเห็นราชันผู้มองสรรพสิ่งว่างเปล่า ผู้หญิง? คงไม่สามารถเปลี่ยนปณิธานของเขาได้”เสี่ยวซวงขมวดคิ้วแน่นและพูด “เขาไม่ได้ปฏิเสธแค่พวกเราแต่กับทุกคน ทั่วทั้งต้าเฉียน คนที่เด็ดขาดอย่างนี้คงมีแค่เขาแล้ว”ได้ยินการวิเคราะห์ของต้าซวงและเสี่ยวซวง พี่หยวนเข้าสมาธิอีกครั้ง นางครุ่นคิดจุดสำคัญในนั้น นี่ก็คือความฉลาดของนาง และเป็นสิ่งสำคัญที่นางสามารถเป็นเจ้าหอวั่งเจียงได้“หรือว่า...เขาจะทำเพื่อเรื่องอื่น?”แววตาของพี่หยวนลุ่มลึก คล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน นางหรี่ดวงตาทั้งสองเอ่ย “บางทีข้าอาจรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว”“พี่หยวน ท่านรู้จุดประสงค์ของเขาแล้วหรือ?”ต้าซวงและเสี่ยวซวงใบหน้าตกใจรีบถาม กลับถูกพี่หยวนปฏิเสธ นางเอ่ยเสียงหนัก “อีกห้าวันข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นทุกปัญหาจะแก้ไขได้หมด”สามวันนี้ฉินอวิ๋นฟานได้รับรายงานอย่างต่อเนื่อง การบรรเทาภัยพิบัติสัมฤทธิผลชัดเจน ภายใต้ความร่วมแรงร่วมใจของพวกหลิวเป้ย ไม่เพียงทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งแก้ไขปัญหาปากท้องของทุ
“องค์ชายรอง ข้าน้อยก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้นี่”ซุนหั่ววั่งร้อนรนจนเขื่อนน้ำตาจะแตกแล้ว ภัตตาคารเซิ่งหลงแถบหอวั่งเจียงสำคัญเพียงไรเขารู้ดี ทันทีที่เสียไป เขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับองค์ชายรองแล้วลิ่งหูชงพลันเอ่ยปาก “เอาละ เจ้ากลับไปเถอะ เรื่องนี้องค์ชายรองรู้ว่าต้องทำยังไง”“เอ่อ ได้ ได้ ขอบคุณ ขอบคุณท่านลิ่งหู”ซุนหั่ววั่งเห็นกุนซือขององค์ชายรองลิ่งหูชงพูดให้เขา ดังได้รับอภัยโทษ รีบโขกศีรษะขอบคุณถ้าไม่มีการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากองค์ชายรอง เขาก็ไม่มีวันนี้ ยิ่งไม่สามารถขับเคลื่อนภัตตาคารเซิ่งหลงขึ้นตำแหน่งภัตตาคารอันดับหนึ่งของต้าเฉียน องค์ชายรองเป็นผู้มอบเกียรติยศทั้งหมดนี้ให้ เขาจะเสียต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ไปไม่ได้“องค์ชายรอง คนไม่รู้จักหนักเบาคนหนึ่ง ไม่คู่ควรให้ท่านหัวเสียหรอกขอรับ”ลิ่งหูชงเอ่ยปาก“ข้าจะไม่โมโหได้หรือ? ที่ดินแถบทางหอวั่งเจียงสำคัญแค่ไหน ท่านก็ใช่จะไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลมู่หรงเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสด็จพ่อช่วงหนึ่ง ข้าก็ยึดภัตตาคารตรงนั้นมานานแล้ว ยังต้องรอจนถึงตอนนี้?”ฉินอวิ๋นฮุยด้วยความขุ่นแค้น“แล้วจะอย่างไร? ฉินอวิ๋นฟานหัวเดียวกระเทียมลีบ ที่ท
องค์ชายรองถามด้วยความสงสัย“ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำโฆษณาให้ภัตตาคารต้าเฉียนโครม ๆ อย่างออกนอกหน้า แถมยังเชิญผู้ประสบเคราะห์มากมายมากินมื้อใหญ่ สั่งสมความนิยม คนยากไร้นับไม่ถ้วนสรรเสริญเยินยอองค์ชายใหญ่กับฉินอวิ๋นฟาน เหลือแต่ไม่ตั้งศาลให้พวกเขาเท่านั้น”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางพูด “ตอนนี้พวกเขาสองคนสนิทกันมาก ทั้งยังมีความร่วมมือเชิงลึกอย่างเห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับพวกเรา”“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ท่านลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนไปแล้วหรือ? ฉินอวิ๋นฟานบีบคั้นจนแม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วต้องคุกเข่าต่อหน้าทุกคน เสียศักดิ์ศรีจนสิ้น ตามที่ข้ารู้จัก พี่ใหญ่เป็นคนคิดแค้นกับคนโฉดเรื่องชั่ว ไม่มีทางร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานหรอก”องค์ชายรองพูดด้วยสีหน้าไม่เชื่อพวกเขาสองพี่น้องต่อสู้กันในราชสำนักหลายปีขนาดนั้น ฉินอวิ๋นฮุยรู้ดีว่าพี่ใหญ่ฉินอวิ๋นคังเป็นคนอย่างไร ก็เพราะรู้ดีนี่แหละ เขาจึงสามารถข่มอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาดด้วยนิสัยขององค์ชายใหญ่ เขาจะสนิทสนมกับคนที่ตัวเองเกลียดง่าย ๆ ได้รึ?“ไม่ ๆ องค์ชายรอง อย่ากล่าวเช่นนี้เป็นอันขาด ตอนนี้อยู่ในช่วงชิงบัลลังก์ อะไรก็เป็นไปได้หมด”ลิ่งหูชงเอ่ยจ
กับการเย้ยหยันของมู่หรงซื่อควาน ซุนหั่ววั่งมุมปากกระตุก เมื่อก่อนล้วนเป็นเขาที่เยาะเย้ยมู่หรงซื่อควาน ไหนเลยจะมีส่วนที่อีกฝ่ายจะได้หยามเขา? ตอนนี้กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว นี่ทำให้เขาคับแค้นใจมากแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือจัดการฉินอวิ๋นฟานที่มาด้วยมาดใหญ่โต เขารีบทำหน้างุนงงถาม “รัชทายาท ท่านมาหาเชาเอ๋อร์มีธุระอะไรหรือ? วันนี้เชาเอ๋อร์ไม่อยู่บ้าน”“เขาจะอยู่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เจ้าดูนี่ก่อนเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ แล้วโยนหนังสือสัญญาพนันที่ลงชื่อเมื่อเจ็ดวันก่อนใส่หน้าซุนหั่ววั่ง จังหวะที่ซุนหั่ววั่งเห็นฉินอวิ๋นฟานหยิบหนังสือสัญญาออกมา ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี วิญญาณนักแสดงเจ้าบทบาทเข้าสิงเดี๋ยวนั้น สองมือสั่นระริก ความตื่นตระหนักเปื้อนอยู่เต็มใบหน้าซุนหั่ววั่งรีบถาม “นี่ นี่ นี่มันยังไงกัน? ปกติเชาเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องธุรกิจที่บ้าน ทำไมถึงลงชื่อในข้อตกลงไร้หัวสมองเช่นนี้กับรัชทายาทได้ นี่จะมีความเข้าใจผิดอะไรหรือไม่?”เพื่อกอบกู้สิ่งที่เสียไป เพื่อแสดงฝีมือต่อหน้าองค์ชายรอง ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวร้างข้างแตก เตรียมจะไม่ยอมรับท่าเดียว ดูสิว่าจะให้เรื่องนี้ผ่านไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายลงช
และต่อให้ได้ขายและขายดีทุกวันก็ไม่มีทางได้ยอดขายสี่สิบแปดล้านตำลึงเด็ดขาด นี่คือยอดขายของภัตตาคารเซิ่งหลงทุกสาขารวมกันสามปีเชียวนะ!“พ่อลูกเขย ของ ของขวัญชิ้นโตที่เจ้าว่า หรือจะเป็นเรื่องนี้?”นึกถึงที่ฉินอวิ๋นฟานพูดเมื่อเจ็ดวันก่อนว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้เขา ไม่นึกว่าจะเป็นสัญญาเดิมพันนี้ นี่คือการเดิมพันซึ่งมีมูลค่าควรเมืองเชียวนะทุกคนต่างรู้ดู สาเหตุจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง ไม่เพียงแต่ชักนำธุรกิจละแวกนั้น ยิ่งเป็นแถบพื้นที่ทองคำของเมืองหลวง ดังนั้นธุรกิจที่นั่นขายดีระเบิดระเบ้อแต่เดิมภัตตาคารต้าเฉียนและภัตตาคารเซิ่งหลงก็มีฐานะประมาณหนึ่งในเมืองหลวง ถ้าได้ภัตตาคารเซิ่งหลงมาก็เท่ากับผูกขาดอาหารและที่พักแถบนั้นยิ่งมีความหมายสำคัญที่สุดกับการเลื่อนตำแหน่งของภัตตาคารต้าเฉียน แถมยังสามารถข่มภัตตาคารเซิ่งหลงที่เป็นคู่แข่งนี้อีกฉินอวิ๋นฟานตอบ “ถูกต้อง!”“เยี่ยมไปเลย ภัตตาคารต้าเฉียนข้าได้ระบายความแค้นแล้ว” มู่หรงซื่อควานดีใจจนกระโดดโลดเต้น สำหรับเขาแล้วนี่คือข่าวดีที่สุด“เอ่อ รัชทายาท ตามหนังสือสัญญาฉบับนี้ ยอดขายเจ็ดวันของภัตตาคารเซิ่งหลงเทียบภัตตาคารต้าเฉียนไม่ได้ก็จริง
ในฐานะที่เป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ยังจะถูกคนหน้าด้านรังแกได้หรือ? เขาฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ยอมเสียเปรียบ?“รัชทายาท ด้วยฐานะสูงศักดิ์เช่นนี้ของท่าน ใช้อำนาจรังแกประชาชน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?” ซุนหั่ววั่งยิ้มพูดแบบย่ามใจชิ้ง!!!ฉินอวิ๋นฟานคร้านจะไร้สาระกับซุนหั่ววั่ง คนประเภทนี้ก็คือหน้าด้าน จะจัดการเขามีแค่วิธีเดียว นั่นก็คือมาไม้แข็ง จากนั้นฉินอวิ๋นฟานก็ชักกระบี่ออกมาแล้วฟาดลงบนโต๊ะแรง ๆ เอ่ยเสียงหนาว “ไม่มีใครมีสิทธิ์ท้าทายข้า ยิ่งไม่มีใครสามารถท้าทายเส้นต่ำสุดของข้าได้!”“วิธีการของข้าฉินอวิ๋นฟาน คาดว่าเจ้าคงเคยได้ยิน องค์ชายห้าตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าคิดว่าพี่รองจะสู้กับข้าตายไปข้างหนึ่งเพื่อปกป้องเจ้า? ไม่อยากตายก็รีบทำตามสัญญาเร็ว ๆ คำพูดแบบนี้ข้าไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สองนะ!”ความดุดันของฉินอวิ๋นฟานและเจตนาสังหารหนักอึ้งทำซุนหั่ววั่งตกใจจนหดหัว สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาในพริบตา เขารู้วิธีการของฉินอวิ๋นฟานดี ไม่นึกว่าพอพูดไม่เข้าหูก็จะฆ่าล้างบาง ใครบ้างไม่กลัว?“เอ่อ ทำ ทำขอรับ รัชทายาทโปรดรอสักครู่”แต่ไหนมาซุนหั่ววั่งก็เป็นคนขี้ขลาด เล็งแต่ผลประโย
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ