องค์ชายรองถามด้วยความสงสัย“ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำโฆษณาให้ภัตตาคารต้าเฉียนโครม ๆ อย่างออกนอกหน้า แถมยังเชิญผู้ประสบเคราะห์มากมายมากินมื้อใหญ่ สั่งสมความนิยม คนยากไร้นับไม่ถ้วนสรรเสริญเยินยอองค์ชายใหญ่กับฉินอวิ๋นฟาน เหลือแต่ไม่ตั้งศาลให้พวกเขาเท่านั้น”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางพูด “ตอนนี้พวกเขาสองคนสนิทกันมาก ทั้งยังมีความร่วมมือเชิงลึกอย่างเห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับพวกเรา”“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ท่านลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนไปแล้วหรือ? ฉินอวิ๋นฟานบีบคั้นจนแม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วต้องคุกเข่าต่อหน้าทุกคน เสียศักดิ์ศรีจนสิ้น ตามที่ข้ารู้จัก พี่ใหญ่เป็นคนคิดแค้นกับคนโฉดเรื่องชั่ว ไม่มีทางร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานหรอก”องค์ชายรองพูดด้วยสีหน้าไม่เชื่อพวกเขาสองพี่น้องต่อสู้กันในราชสำนักหลายปีขนาดนั้น ฉินอวิ๋นฮุยรู้ดีว่าพี่ใหญ่ฉินอวิ๋นคังเป็นคนอย่างไร ก็เพราะรู้ดีนี่แหละ เขาจึงสามารถข่มอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาดด้วยนิสัยขององค์ชายใหญ่ เขาจะสนิทสนมกับคนที่ตัวเองเกลียดง่าย ๆ ได้รึ?“ไม่ ๆ องค์ชายรอง อย่ากล่าวเช่นนี้เป็นอันขาด ตอนนี้อยู่ในช่วงชิงบัลลังก์ อะไรก็เป็นไปได้หมด”ลิ่งหูชงเอ่ยจ
กับการเย้ยหยันของมู่หรงซื่อควาน ซุนหั่ววั่งมุมปากกระตุก เมื่อก่อนล้วนเป็นเขาที่เยาะเย้ยมู่หรงซื่อควาน ไหนเลยจะมีส่วนที่อีกฝ่ายจะได้หยามเขา? ตอนนี้กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว นี่ทำให้เขาคับแค้นใจมากแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือจัดการฉินอวิ๋นฟานที่มาด้วยมาดใหญ่โต เขารีบทำหน้างุนงงถาม “รัชทายาท ท่านมาหาเชาเอ๋อร์มีธุระอะไรหรือ? วันนี้เชาเอ๋อร์ไม่อยู่บ้าน”“เขาจะอยู่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เจ้าดูนี่ก่อนเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ แล้วโยนหนังสือสัญญาพนันที่ลงชื่อเมื่อเจ็ดวันก่อนใส่หน้าซุนหั่ววั่ง จังหวะที่ซุนหั่ววั่งเห็นฉินอวิ๋นฟานหยิบหนังสือสัญญาออกมา ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี วิญญาณนักแสดงเจ้าบทบาทเข้าสิงเดี๋ยวนั้น สองมือสั่นระริก ความตื่นตระหนักเปื้อนอยู่เต็มใบหน้าซุนหั่ววั่งรีบถาม “นี่ นี่ นี่มันยังไงกัน? ปกติเชาเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องธุรกิจที่บ้าน ทำไมถึงลงชื่อในข้อตกลงไร้หัวสมองเช่นนี้กับรัชทายาทได้ นี่จะมีความเข้าใจผิดอะไรหรือไม่?”เพื่อกอบกู้สิ่งที่เสียไป เพื่อแสดงฝีมือต่อหน้าองค์ชายรอง ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวร้างข้างแตก เตรียมจะไม่ยอมรับท่าเดียว ดูสิว่าจะให้เรื่องนี้ผ่านไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายลงช
และต่อให้ได้ขายและขายดีทุกวันก็ไม่มีทางได้ยอดขายสี่สิบแปดล้านตำลึงเด็ดขาด นี่คือยอดขายของภัตตาคารเซิ่งหลงทุกสาขารวมกันสามปีเชียวนะ!“พ่อลูกเขย ของ ของขวัญชิ้นโตที่เจ้าว่า หรือจะเป็นเรื่องนี้?”นึกถึงที่ฉินอวิ๋นฟานพูดเมื่อเจ็ดวันก่อนว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้เขา ไม่นึกว่าจะเป็นสัญญาเดิมพันนี้ นี่คือการเดิมพันซึ่งมีมูลค่าควรเมืองเชียวนะทุกคนต่างรู้ดู สาเหตุจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง ไม่เพียงแต่ชักนำธุรกิจละแวกนั้น ยิ่งเป็นแถบพื้นที่ทองคำของเมืองหลวง ดังนั้นธุรกิจที่นั่นขายดีระเบิดระเบ้อแต่เดิมภัตตาคารต้าเฉียนและภัตตาคารเซิ่งหลงก็มีฐานะประมาณหนึ่งในเมืองหลวง ถ้าได้ภัตตาคารเซิ่งหลงมาก็เท่ากับผูกขาดอาหารและที่พักแถบนั้นยิ่งมีความหมายสำคัญที่สุดกับการเลื่อนตำแหน่งของภัตตาคารต้าเฉียน แถมยังสามารถข่มภัตตาคารเซิ่งหลงที่เป็นคู่แข่งนี้อีกฉินอวิ๋นฟานตอบ “ถูกต้อง!”“เยี่ยมไปเลย ภัตตาคารต้าเฉียนข้าได้ระบายความแค้นแล้ว” มู่หรงซื่อควานดีใจจนกระโดดโลดเต้น สำหรับเขาแล้วนี่คือข่าวดีที่สุด“เอ่อ รัชทายาท ตามหนังสือสัญญาฉบับนี้ ยอดขายเจ็ดวันของภัตตาคารเซิ่งหลงเทียบภัตตาคารต้าเฉียนไม่ได้ก็จริง
ในฐานะที่เป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ยังจะถูกคนหน้าด้านรังแกได้หรือ? เขาฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ยอมเสียเปรียบ?“รัชทายาท ด้วยฐานะสูงศักดิ์เช่นนี้ของท่าน ใช้อำนาจรังแกประชาชน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?” ซุนหั่ววั่งยิ้มพูดแบบย่ามใจชิ้ง!!!ฉินอวิ๋นฟานคร้านจะไร้สาระกับซุนหั่ววั่ง คนประเภทนี้ก็คือหน้าด้าน จะจัดการเขามีแค่วิธีเดียว นั่นก็คือมาไม้แข็ง จากนั้นฉินอวิ๋นฟานก็ชักกระบี่ออกมาแล้วฟาดลงบนโต๊ะแรง ๆ เอ่ยเสียงหนาว “ไม่มีใครมีสิทธิ์ท้าทายข้า ยิ่งไม่มีใครสามารถท้าทายเส้นต่ำสุดของข้าได้!”“วิธีการของข้าฉินอวิ๋นฟาน คาดว่าเจ้าคงเคยได้ยิน องค์ชายห้าตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าคิดว่าพี่รองจะสู้กับข้าตายไปข้างหนึ่งเพื่อปกป้องเจ้า? ไม่อยากตายก็รีบทำตามสัญญาเร็ว ๆ คำพูดแบบนี้ข้าไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สองนะ!”ความดุดันของฉินอวิ๋นฟานและเจตนาสังหารหนักอึ้งทำซุนหั่ววั่งตกใจจนหดหัว สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาในพริบตา เขารู้วิธีการของฉินอวิ๋นฟานดี ไม่นึกว่าพอพูดไม่เข้าหูก็จะฆ่าล้างบาง ใครบ้างไม่กลัว?“เอ่อ ทำ ทำขอรับ รัชทายาทโปรดรอสักครู่”แต่ไหนมาซุนหั่ววั่งก็เป็นคนขี้ขลาด เล็งแต่ผลประโย
“ไอ้หยา ท่านอาจารย์ ท่าน ท่านจะซุกซนเกินไปแล้วนะ”เสี่ยวซวงเอามือปิดหน้าเขินอาย อยู่ที่หอวั่งเจียงนานหลายปีอย่างนั้น นางมีวิธีการและรูปแบบหลอกล่อผู้ชายมากมายนัก ดังนั้นมีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน?“ฮ่า ๆ ๆ ไป!”ฉินอวิ๋นฟานอารมณ์ดี โบกมือใหญ่ พาอู่จ้านตรงไปยังหอวั่งเจียงทันทีนาทีที่ย่างเข้าฉินอวิ๋นฟานก็ถูกภาพบรรยากาศตรงหน้าทำให้ทึ่งไปเลย ทั้งหลังมีทั้งหมดสามชั้น ล้วนทำมาจากไม้หนานทองทั้งหมด อยู่บนเกาะเพียงลำพัง อลังการมาก กลิ่นหอมจรุงขจรขจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งไม่ว่าพนักงานคนไหนก็หน้าตาได้มาตรฐานมาก อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็เป็นดาวเด่นในไนต์คลับได้ทั้งนั้นในห้องซูเปอร์วีไอพียิ่งมีกลิ่นหอมในแบบโบราณ ให้คนรู้สึกสดชื่น ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งนั่งก็มีนางฟ้าในชุดสีฟ้าอ่อนลอยมาเริงระบำราวกับผีวิญญาณ“เอ่อ...”ภาพนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก สมกับที่เป็นสถานบันเทิง รู้ความจริง ๆ เพิ่งจะเข้ามาก็จัดสาวมาให้แล้วต้าซวงหัวเราะเสียงเบาพลางพูด “ท่านอาจารย์ ท่านพอใจกับการจัดการของซวงเอ๋อร์หรือไม่?”“พอใจ พอใจมาก”ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ผลักใจ ในความเป็นจริง สถานที
“รัชทายาท ไม่ขอปิดบัง พี่หยวนให้พวกเรานัดหมายท่านจริง ๆ แต่พวกเราพี่น้องเลื่อมใสความสามารถของท่านจากใจ อยากศึกษากับให้ท่านผู้เป็นอาจารย์ท่านนี้ให้มาก!”ต้าซวงเห็นฉินอวิ๋นฟานมองแผนการของนางออกจึงอธิบายทันที“ในเมื่อพวกเจ้าพี่น้องก็มีความคิดนี้ ไม่ว่ายังไงคืนนี้ข้าก็ต้องหาเวลาสักสองสามชั่วยาม พวกเราสามคนมาจับเข่าคุยกันเป็นอย่างไร? ระดับภาษาต่างประเทศของข้าเจ๋งมากนะ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้ายพลางพูด“หา? ภาษาต่างประเทศคืออะไรหรือ?”แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงประกอบการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของฉินอวิ๋นฟานและคำสำคัญเข้าด้วยกัน จับเข่าคุยกันอะไรนี่ยังพอเข้าใจ แต่ประโยคนี้ของเขาต้องมีปัญหาแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าภาษาต่างประเทศตกลงคือท่าไหน หรือจะเป็นรูปแบบการละเล่นแบบใหม่ “ภาษาต่างประเทศ ความจริงเป็นท่วงทำนองที่ไพเราะมาก ขอแค่พวกเจ้าอยากเรียน ข้าต้องสอนอย่างเต็มที่แน่นอน ประเดี๋ยวคุยธุระจบก่อนพวกเขาค่อยว่ากันนะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่อยากอธิบายมาก เพราะนี่คือมุกของยุคปัจจุบัน ไม่สามารถอธิบายได้ในเวลาสั้น ๆ มีแต่ขึ้นเตียงแล้วจึงจะเข้าใจทั้งหมด“ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ พวกเราพี่น้องจะรอทุกเมื่อ เจ้าห
หวงต้าหยวนสีหน้าประหลาดใจ เพื่อไม่สะกิดอารมณ์เกลียดและล่วงเกินฉินอวิ๋นฟาน นับจากนาทีที่เข้าห้องมาก็ระวังมารยาทมาก พูดกับฉินอวิ๋นฟานด้วยความเกรงใจเป็นพิเศษ ไม่นึกว่าแค่สองประโยคจะทำให้นายท่านท่านนี้ไม่พอใจแล้ว? ทำเสียจนหวงต้าหยวนสับสนไปหมด“ข้าฉินอวิ๋นฟานก็เป็นคนมีหน้ามีตาคนหนึ่ง ในเมื่อเจ้าไม่เคารพข้า เช่นนั้นเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยกัน!”พูดจบ ฉินอวิ๋นฟานก็ลุกขึ้นเตรียมจะไป“เอ่อ? ไม่เคารพรัชทายาท? นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?”การกระทำเหนือความคาดหมายของฉินอวิ๋นฟานทำให้หวงต้าหยวนงงเป็นไก่ตาแตก ไม่เคารพ? ไม่เคารพตรงไหน? ตั้งแต่เข้าประตูมานางก็รักษากิริยามารยาทตลอด ผลคือทำให้ฉินอวิ๋นฟานไม่พอใจ?ยามนี้หัวใจหวงต้าหยวนพังทลายโดยสิ้นเชิง นางทำถึงขึ้นนี้แล้ว กลับเป็นเรื่องที่จบแบบไม่สวย“ในเมื่อมีธุระหารือ ข้าก็ต้องรู้ว่าคนที่คุยธุระกับข้าคือใครกระมัง? เจ้าปิดหน้าเช่นนี้ แม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าข้าก็ยังไม่รู้ แล้วจะให้ข้าคุยเรื่องสำคัญเช่นนี้กับเจ้าได้อย่างไร?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าข้าก็ใส่หน้ากากมาคุยธุระกับเจ้า เจ้าคิดว่าข้ามีความเคารพต่อเจ้ากี่ส่วน? ถ้ายังค
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หวงต้าหยวนแสดงจุดยืนพร้อมพยายามให้เหตุผล ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่บีบคั้นคนอีก มิเช่นนั้นจะไม่ดีกับทุกฝ่ายฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “ลองว่าความคิดของเจ้ามาดู!”หวงต้าหยวนยกยิ้มมุมปาก แย้มยิ้มกระหยิ่มใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “ไม่ขอปิดบัง ขาดแคลนอู่เหลียงเย่จริง ๆ เบียดเสียดแย่งมาแต่ละวันเพิ่งจะได้ร้อยกว่าไห ซึ่งมันไม่พอเลย”“ท่านก็ทราบว่าหอวั่งเจียงเราทำการค้า ขุนนางใหญ่โตพวกนั้นไม่เพียงชอบดูการแสดงของหญิงงาม ยิ่งนิยมดื่มสุราไปพลาง หากไม่มีอู่เหลียงเย่ ทุกคนก็ไม่อยากมาอุดหนุนแล้ว สำหรับเรา มันคือการโจมตีอย่างรุนแรง”หวงต้าหยวนไม่หมกเม็ด และไม่บอกความต้องการของนางและสถานการณ์ในปัจจุบันของหอวั่งเจียงโดยตรง หอวั่งเจียงให้บริการขุนนางใหญ่ของแคว้นต่าง ๆ มิขาดเงิน แต่ขาดอู่เหลียงเย่ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานทำให้ตลาดหิวโหย ย่อมมองสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพวกนางออก“อู่เหลียงเย่เข้าตลาดระยะหนึ่งแล้ว ผลลัพธ์ไม่เลว แน่นอน ข้าก็ทำไปเพื่อธุรกิจ เพื่อแสวงหาผลกำไร จะเปิดทางสะดวกให้ก็ใช่ว่าจะยาก แต่...ข้ามีเงื่อนไข”ฉินอวิ๋นฟานพูดเปิดอก“เชิญท่านกล่าวมาได้เลย ขอเพียงเป็นเรื่องที่หอ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ