“องค์ชายรอง ข้าน้อยก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้นี่”ซุนหั่ววั่งร้อนรนจนเขื่อนน้ำตาจะแตกแล้ว ภัตตาคารเซิ่งหลงแถบหอวั่งเจียงสำคัญเพียงไรเขารู้ดี ทันทีที่เสียไป เขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับองค์ชายรองแล้วลิ่งหูชงพลันเอ่ยปาก “เอาละ เจ้ากลับไปเถอะ เรื่องนี้องค์ชายรองรู้ว่าต้องทำยังไง”“เอ่อ ได้ ได้ ขอบคุณ ขอบคุณท่านลิ่งหู”ซุนหั่ววั่งเห็นกุนซือขององค์ชายรองลิ่งหูชงพูดให้เขา ดังได้รับอภัยโทษ รีบโขกศีรษะขอบคุณถ้าไม่มีการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังจากองค์ชายรอง เขาก็ไม่มีวันนี้ ยิ่งไม่สามารถขับเคลื่อนภัตตาคารเซิ่งหลงขึ้นตำแหน่งภัตตาคารอันดับหนึ่งของต้าเฉียน องค์ชายรองเป็นผู้มอบเกียรติยศทั้งหมดนี้ให้ เขาจะเสียต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ไปไม่ได้“องค์ชายรอง คนไม่รู้จักหนักเบาคนหนึ่ง ไม่คู่ควรให้ท่านหัวเสียหรอกขอรับ”ลิ่งหูชงเอ่ยปาก“ข้าจะไม่โมโหได้หรือ? ที่ดินแถบทางหอวั่งเจียงสำคัญแค่ไหน ท่านก็ใช่จะไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลมู่หรงเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสด็จพ่อช่วงหนึ่ง ข้าก็ยึดภัตตาคารตรงนั้นมานานแล้ว ยังต้องรอจนถึงตอนนี้?”ฉินอวิ๋นฮุยด้วยความขุ่นแค้น“แล้วจะอย่างไร? ฉินอวิ๋นฟานหัวเดียวกระเทียมลีบ ที่ท
องค์ชายรองถามด้วยความสงสัย“ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำโฆษณาให้ภัตตาคารต้าเฉียนโครม ๆ อย่างออกนอกหน้า แถมยังเชิญผู้ประสบเคราะห์มากมายมากินมื้อใหญ่ สั่งสมความนิยม คนยากไร้นับไม่ถ้วนสรรเสริญเยินยอองค์ชายใหญ่กับฉินอวิ๋นฟาน เหลือแต่ไม่ตั้งศาลให้พวกเขาเท่านั้น”ลิ่งหูชงขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางพูด “ตอนนี้พวกเขาสองคนสนิทกันมาก ทั้งยังมีความร่วมมือเชิงลึกอย่างเห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับพวกเรา”“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ท่านลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนไปแล้วหรือ? ฉินอวิ๋นฟานบีบคั้นจนแม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วต้องคุกเข่าต่อหน้าทุกคน เสียศักดิ์ศรีจนสิ้น ตามที่ข้ารู้จัก พี่ใหญ่เป็นคนคิดแค้นกับคนโฉดเรื่องชั่ว ไม่มีทางร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานหรอก”องค์ชายรองพูดด้วยสีหน้าไม่เชื่อพวกเขาสองพี่น้องต่อสู้กันในราชสำนักหลายปีขนาดนั้น ฉินอวิ๋นฮุยรู้ดีว่าพี่ใหญ่ฉินอวิ๋นคังเป็นคนอย่างไร ก็เพราะรู้ดีนี่แหละ เขาจึงสามารถข่มอีกฝ่ายได้อย่างเด็ดขาดด้วยนิสัยขององค์ชายใหญ่ เขาจะสนิทสนมกับคนที่ตัวเองเกลียดง่าย ๆ ได้รึ?“ไม่ ๆ องค์ชายรอง อย่ากล่าวเช่นนี้เป็นอันขาด ตอนนี้อยู่ในช่วงชิงบัลลังก์ อะไรก็เป็นไปได้หมด”ลิ่งหูชงเอ่ยจ
กับการเย้ยหยันของมู่หรงซื่อควาน ซุนหั่ววั่งมุมปากกระตุก เมื่อก่อนล้วนเป็นเขาที่เยาะเย้ยมู่หรงซื่อควาน ไหนเลยจะมีส่วนที่อีกฝ่ายจะได้หยามเขา? ตอนนี้กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว นี่ทำให้เขาคับแค้นใจมากแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือจัดการฉินอวิ๋นฟานที่มาด้วยมาดใหญ่โต เขารีบทำหน้างุนงงถาม “รัชทายาท ท่านมาหาเชาเอ๋อร์มีธุระอะไรหรือ? วันนี้เชาเอ๋อร์ไม่อยู่บ้าน”“เขาจะอยู่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เจ้าดูนี่ก่อนเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ แล้วโยนหนังสือสัญญาพนันที่ลงชื่อเมื่อเจ็ดวันก่อนใส่หน้าซุนหั่ววั่ง จังหวะที่ซุนหั่ววั่งเห็นฉินอวิ๋นฟานหยิบหนังสือสัญญาออกมา ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี วิญญาณนักแสดงเจ้าบทบาทเข้าสิงเดี๋ยวนั้น สองมือสั่นระริก ความตื่นตระหนักเปื้อนอยู่เต็มใบหน้าซุนหั่ววั่งรีบถาม “นี่ นี่ นี่มันยังไงกัน? ปกติเชาเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องธุรกิจที่บ้าน ทำไมถึงลงชื่อในข้อตกลงไร้หัวสมองเช่นนี้กับรัชทายาทได้ นี่จะมีความเข้าใจผิดอะไรหรือไม่?”เพื่อกอบกู้สิ่งที่เสียไป เพื่อแสดงฝีมือต่อหน้าองค์ชายรอง ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวร้างข้างแตก เตรียมจะไม่ยอมรับท่าเดียว ดูสิว่าจะให้เรื่องนี้ผ่านไปได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายลงช
และต่อให้ได้ขายและขายดีทุกวันก็ไม่มีทางได้ยอดขายสี่สิบแปดล้านตำลึงเด็ดขาด นี่คือยอดขายของภัตตาคารเซิ่งหลงทุกสาขารวมกันสามปีเชียวนะ!“พ่อลูกเขย ของ ของขวัญชิ้นโตที่เจ้าว่า หรือจะเป็นเรื่องนี้?”นึกถึงที่ฉินอวิ๋นฟานพูดเมื่อเจ็ดวันก่อนว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้เขา ไม่นึกว่าจะเป็นสัญญาเดิมพันนี้ นี่คือการเดิมพันซึ่งมีมูลค่าควรเมืองเชียวนะทุกคนต่างรู้ดู สาเหตุจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง ไม่เพียงแต่ชักนำธุรกิจละแวกนั้น ยิ่งเป็นแถบพื้นที่ทองคำของเมืองหลวง ดังนั้นธุรกิจที่นั่นขายดีระเบิดระเบ้อแต่เดิมภัตตาคารต้าเฉียนและภัตตาคารเซิ่งหลงก็มีฐานะประมาณหนึ่งในเมืองหลวง ถ้าได้ภัตตาคารเซิ่งหลงมาก็เท่ากับผูกขาดอาหารและที่พักแถบนั้นยิ่งมีความหมายสำคัญที่สุดกับการเลื่อนตำแหน่งของภัตตาคารต้าเฉียน แถมยังสามารถข่มภัตตาคารเซิ่งหลงที่เป็นคู่แข่งนี้อีกฉินอวิ๋นฟานตอบ “ถูกต้อง!”“เยี่ยมไปเลย ภัตตาคารต้าเฉียนข้าได้ระบายความแค้นแล้ว” มู่หรงซื่อควานดีใจจนกระโดดโลดเต้น สำหรับเขาแล้วนี่คือข่าวดีที่สุด“เอ่อ รัชทายาท ตามหนังสือสัญญาฉบับนี้ ยอดขายเจ็ดวันของภัตตาคารเซิ่งหลงเทียบภัตตาคารต้าเฉียนไม่ได้ก็จริง
ในฐานะที่เป็นรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน ยังจะถูกคนหน้าด้านรังแกได้หรือ? เขาฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ยอมเสียเปรียบ?“รัชทายาท ด้วยฐานะสูงศักดิ์เช่นนี้ของท่าน ใช้อำนาจรังแกประชาชน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?” ซุนหั่ววั่งยิ้มพูดแบบย่ามใจชิ้ง!!!ฉินอวิ๋นฟานคร้านจะไร้สาระกับซุนหั่ววั่ง คนประเภทนี้ก็คือหน้าด้าน จะจัดการเขามีแค่วิธีเดียว นั่นก็คือมาไม้แข็ง จากนั้นฉินอวิ๋นฟานก็ชักกระบี่ออกมาแล้วฟาดลงบนโต๊ะแรง ๆ เอ่ยเสียงหนาว “ไม่มีใครมีสิทธิ์ท้าทายข้า ยิ่งไม่มีใครสามารถท้าทายเส้นต่ำสุดของข้าได้!”“วิธีการของข้าฉินอวิ๋นฟาน คาดว่าเจ้าคงเคยได้ยิน องค์ชายห้าตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าคิดว่าพี่รองจะสู้กับข้าตายไปข้างหนึ่งเพื่อปกป้องเจ้า? ไม่อยากตายก็รีบทำตามสัญญาเร็ว ๆ คำพูดแบบนี้ข้าไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สองนะ!”ความดุดันของฉินอวิ๋นฟานและเจตนาสังหารหนักอึ้งทำซุนหั่ววั่งตกใจจนหดหัว สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาในพริบตา เขารู้วิธีการของฉินอวิ๋นฟานดี ไม่นึกว่าพอพูดไม่เข้าหูก็จะฆ่าล้างบาง ใครบ้างไม่กลัว?“เอ่อ ทำ ทำขอรับ รัชทายาทโปรดรอสักครู่”แต่ไหนมาซุนหั่ววั่งก็เป็นคนขี้ขลาด เล็งแต่ผลประโย
“ไอ้หยา ท่านอาจารย์ ท่าน ท่านจะซุกซนเกินไปแล้วนะ”เสี่ยวซวงเอามือปิดหน้าเขินอาย อยู่ที่หอวั่งเจียงนานหลายปีอย่างนั้น นางมีวิธีการและรูปแบบหลอกล่อผู้ชายมากมายนัก ดังนั้นมีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน?“ฮ่า ๆ ๆ ไป!”ฉินอวิ๋นฟานอารมณ์ดี โบกมือใหญ่ พาอู่จ้านตรงไปยังหอวั่งเจียงทันทีนาทีที่ย่างเข้าฉินอวิ๋นฟานก็ถูกภาพบรรยากาศตรงหน้าทำให้ทึ่งไปเลย ทั้งหลังมีทั้งหมดสามชั้น ล้วนทำมาจากไม้หนานทองทั้งหมด อยู่บนเกาะเพียงลำพัง อลังการมาก กลิ่นหอมจรุงขจรขจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งไม่ว่าพนักงานคนไหนก็หน้าตาได้มาตรฐานมาก อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็เป็นดาวเด่นในไนต์คลับได้ทั้งนั้นในห้องซูเปอร์วีไอพียิ่งมีกลิ่นหอมในแบบโบราณ ให้คนรู้สึกสดชื่น ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งนั่งก็มีนางฟ้าในชุดสีฟ้าอ่อนลอยมาเริงระบำราวกับผีวิญญาณ“เอ่อ...”ภาพนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก สมกับที่เป็นสถานบันเทิง รู้ความจริง ๆ เพิ่งจะเข้ามาก็จัดสาวมาให้แล้วต้าซวงหัวเราะเสียงเบาพลางพูด “ท่านอาจารย์ ท่านพอใจกับการจัดการของซวงเอ๋อร์หรือไม่?”“พอใจ พอใจมาก”ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้ผลักใจ ในความเป็นจริง สถานที
“รัชทายาท ไม่ขอปิดบัง พี่หยวนให้พวกเรานัดหมายท่านจริง ๆ แต่พวกเราพี่น้องเลื่อมใสความสามารถของท่านจากใจ อยากศึกษากับให้ท่านผู้เป็นอาจารย์ท่านนี้ให้มาก!”ต้าซวงเห็นฉินอวิ๋นฟานมองแผนการของนางออกจึงอธิบายทันที“ในเมื่อพวกเจ้าพี่น้องก็มีความคิดนี้ ไม่ว่ายังไงคืนนี้ข้าก็ต้องหาเวลาสักสองสามชั่วยาม พวกเราสามคนมาจับเข่าคุยกันเป็นอย่างไร? ระดับภาษาต่างประเทศของข้าเจ๋งมากนะ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้ายพลางพูด“หา? ภาษาต่างประเทศคืออะไรหรือ?”แม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงประกอบการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของฉินอวิ๋นฟานและคำสำคัญเข้าด้วยกัน จับเข่าคุยกันอะไรนี่ยังพอเข้าใจ แต่ประโยคนี้ของเขาต้องมีปัญหาแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าภาษาต่างประเทศตกลงคือท่าไหน หรือจะเป็นรูปแบบการละเล่นแบบใหม่ “ภาษาต่างประเทศ ความจริงเป็นท่วงทำนองที่ไพเราะมาก ขอแค่พวกเจ้าอยากเรียน ข้าต้องสอนอย่างเต็มที่แน่นอน ประเดี๋ยวคุยธุระจบก่อนพวกเขาค่อยว่ากันนะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่อยากอธิบายมาก เพราะนี่คือมุกของยุคปัจจุบัน ไม่สามารถอธิบายได้ในเวลาสั้น ๆ มีแต่ขึ้นเตียงแล้วจึงจะเข้าใจทั้งหมด“ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ พวกเราพี่น้องจะรอทุกเมื่อ เจ้าห
หวงต้าหยวนสีหน้าประหลาดใจ เพื่อไม่สะกิดอารมณ์เกลียดและล่วงเกินฉินอวิ๋นฟาน นับจากนาทีที่เข้าห้องมาก็ระวังมารยาทมาก พูดกับฉินอวิ๋นฟานด้วยความเกรงใจเป็นพิเศษ ไม่นึกว่าแค่สองประโยคจะทำให้นายท่านท่านนี้ไม่พอใจแล้ว? ทำเสียจนหวงต้าหยวนสับสนไปหมด“ข้าฉินอวิ๋นฟานก็เป็นคนมีหน้ามีตาคนหนึ่ง ในเมื่อเจ้าไม่เคารพข้า เช่นนั้นเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยกัน!”พูดจบ ฉินอวิ๋นฟานก็ลุกขึ้นเตรียมจะไป“เอ่อ? ไม่เคารพรัชทายาท? นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?”การกระทำเหนือความคาดหมายของฉินอวิ๋นฟานทำให้หวงต้าหยวนงงเป็นไก่ตาแตก ไม่เคารพ? ไม่เคารพตรงไหน? ตั้งแต่เข้าประตูมานางก็รักษากิริยามารยาทตลอด ผลคือทำให้ฉินอวิ๋นฟานไม่พอใจ?ยามนี้หัวใจหวงต้าหยวนพังทลายโดยสิ้นเชิง นางทำถึงขึ้นนี้แล้ว กลับเป็นเรื่องที่จบแบบไม่สวย“ในเมื่อมีธุระหารือ ข้าก็ต้องรู้ว่าคนที่คุยธุระกับข้าคือใครกระมัง? เจ้าปิดหน้าเช่นนี้ แม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าข้าก็ยังไม่รู้ แล้วจะให้ข้าคุยเรื่องสำคัญเช่นนี้กับเจ้าได้อย่างไร?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าข้าก็ใส่หน้ากากมาคุยธุระกับเจ้า เจ้าคิดว่าข้ามีความเคารพต่อเจ้ากี่ส่วน? ถ้ายังค