พอสองย่าหลานได้ทักทายพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วฝ่ายผู้เป็นย่าก็ไม่รอช้า เลือกที่จะเข้าประเด็นถามถึงเรื่องที่ทำให้พ่อหลานตัวดีต้องถ่อมาถึงที่นี่ทันที
"ตกลงว่ายังไงเรื่องที่ย่าเสนอไป"
"โถ่คุณย่าครับ มันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆหรอครับ" ปริญทำหน้าหงอยลงทันควันราวกับเด็กที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมตามใจเรื่องของเล่น
"ไม่มี วิธีที่ย่าเสนอไปคือวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้แกได้ที่ดินผืนนั้นไปครอง ถ้าไม่ แกก็อด แล้วย่าก็จะขายมันให้กับพ่อเลี้ยงภูชัยที่อยู่ไร่ติดๆกันด้วย เห็นเขาก็ว่าอยากได้ไปทำรีสอร์ทเพราะว่าตรงนั้นมันวิวดีมีลำธารไหลผ่าน" พอได้ยินดังนั้นปริญก็ยิ่งตกใจจนอ้าปากค้างรีบกระเถิบชิดเข้ามาใกล้ก่อนจะเข้าไปกอดแขนผู้เป็นย่าเอาไว้
"ไม่ได้นะครับคุณย่า ที่ตรงนั้นปริ้นอยากได้มาตั้งนานแล้ว คุณย่าจะมาขายให้คนอื่นตัดหน้าแบบนี้ไม่ได้นะครับ" ปริญอ้อนเสียงอ่อน
"ถ้าอย่างงั้นแกก็ต้องยอมแต่งงานกับคนที่ย่าหาให้อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น เพราะถ้าแกทำได้ ที่ดินก็จะเป็นของแกทันที แต่ถ้าไม่...แกก็คงรู้นะว่ามันจะเป็นอย่างไร"หญิงชรายื่นคำขาดในขณะที่สีหน้าปริญนั้นดูราวกับว่าลำบากใจนักหนา แม้แต่ผู้เป็นย่าซึ่งเป็นคนยื่นข้อเสนอเองเห็นแล้วก็ยังไม่สบายใจตามจนต้องค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบที่ต้นแขนผู้เป็นหลานชายเพื่อหวังจะได้ปลอบประโลม
"ปริ้นลูก แกน่ะอายุอานามก็ย่างเข้าสามสิบแล้ว จะอยู่เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาทำไมกัน แม่เราเขาก็เป็นห่วงอยากให้แกน่ะเป็นฝั่งเป็นฝา กลัวว่าจะไม่ยอมลงเอยกับใครหรือหาเมียดีๆที่คอยดูแลแกกับลูกแกไม่ได้"
"แต่ปริ้นก็มีคนที่ปริ้นชอบอยู่แล้วนะครับคุณย่า แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็กำลังไปได้ด้วยดี แต่แล้วอยู่ดีๆคุณย่าก็จะมาบังคับให้ปริ้นแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันไม่ดูเป็นการคลุมถุงชนไปหน่อยหรอครับยุคสมัยนี้แล้ว"
"ฮึ คนที่แกคบอยู่ แม่ดารานั่นน่ะหรอ ย่าไม่เห็นว่าแม่นั่นจะมีอะไรดีตรงไหนเลย คิดดูดีๆนะ เกิดตกแต่งกันไปในอนาคตใครจะมาดูแลหลานดูแลเหลนย่า แกคิดจริงๆหรอว่าแม่ดารานั่นจะมาคอยนั่งทำกับข้าวกับปลาให้แกกิน คอยดูแลลูกๆของแกได้ ย่าไม่เชื่อ" ว่าแล้วหญิงชราก็ค้อนขวับเข้าให้กับพ่อหลานชายอีกหนึ่งที
"แหมคุณย่าก็อย่าพึ่งคิดไปไกลสิครับ เท่าที่ผมรู้จักมา ญดาเป็นคนน่ารักมากๆ แล้วคุณย่าเองก็ยังไม่เคยเจอญดาเลย แบบนี้มันจะไม่เป็นการด่วนตัดสินเธอไปหน่อยหรอครับคุณย่า"
"ไม่คิดไกลไม่ได้หรอกตาปริ้น ย่าแก่ขนาดนี้แล้วก็อยากจะเห็นคนที่จะมาคอยดูแลหลานย่าได้ ส่วนแม่ดารานั่นบอกตามตรงนะว่าย่ามองปราดเดียวก็รู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" หญิงชราลากเน้นเสียงยาวแถมยังคงทำหน้างอนๆเมื่อเห็นว่าหลานชายยังไม่ยอมคล้อยตามสิ่งที่ตนพูด
"ถ้าอย่างงั้นแล้วคุณย่าแน่ใจได้ยังไงครับว่าคนที่คุณย่าอยากจะให้ผมแต่งงานด้วยจะสามารถดูแลผมได้ตามอย่างที่คุณย่าหวังไว้" พอได้ยินแบบนี้ใบหน้าของหญิงชราค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
"ย่ามั่นใจว่าคนที่ย่าหาให้จะสามารถทำให้ปริ้นของย่ามีความสุขได้ ย่าให้เวลาหนึ่งปีถ้าเขายังทำให้แกมีความสุขไม่ได้ ถึงเวลานั้นก็ต่างคนต่างไป แยกย้าย จบ โอเคมั้ยล่ะ" คุณย่าบัวหลันสรุปจบเรื่องให้หลานชายฟัง แม้ปริญจะไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป แต่ก็เป็นอันเข้าใจกันได้ว่าเขาคงจะไม่มีทางเลือกอื่น
"แล้วตกลงผู้หญิงที่คุณย่าจะให้มาแต่งงานกับปริ้นคือใครล่ะครับ"
"เดี๋ยวแกก็จะได้เห็น" หญิงชรายิ้มออกมาด้วยท่าทางที่ดูประหนึ่งว่าจะภาคภูมิใจในตัวว่าที่หลานสะใภ้เสียเหลือเกิน
"อ่ะ แก้วคำยกสำรับอาหารออกมานั่นละ ไปลูกไปกินข้าวกินปลามาๆ" คุณย่าบัวหลันค่อยลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปยังโต๊ะอาหารโดยมีปริญประครองไว้ไม่ห่าง สองย่าหลานเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ซี่งวางตั้งอยู่อีกฝั่งชานของตัวเรือน
บนโต๊ะอาหารนั้นวางเรียงรายไปด้วยกับข้าวหลายอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารพื้นบ้านของทางภาคเหนือทั้งนั้น ปริญมองดูก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นรายการอาหารจานโปรดที่จะว่าไปเขาเองก็ไม่ได้กินมานานแล้ว
"หืม น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว จอผักกาด มีแต่ของชอบปริ้นทั้งนั้นเลยครับคุณย่า แถมไม่ได้กินมานานแล้วด้วย วันนี้คงจะต้องขอเบิลข้าวสักสองจานแล้วล่ะครับ"
"ก็เอาสิ วันนี้แม่ครัวของย่าเขาตั้งใจทำเต็มที่เลยล่ะ"
"ขอบคุณนะครับน้าแก้วที่ทำอาหารน่ากินๆมาเสียเยอะแยะเลย" ปริญหันไปยิ้มให้และขอบคุณแก้วคำ
"ไม่ใช่น้าหรอกค่ะที่ทำ แต่เป็นแม่ครัวของคุณย่าต่างหากล่ะคะคุณปริ้น คุณย่าท่านพึ่งได้ตัวมาค่ะ" แก้วคำรีบปฏิเสธทันทีเมื่อเห็นว่าปริญกำลังจะเข้าใจผิด
"อ้าว ไม่ใช่น้าแก้วหรอกหรือครับ" ปริญยังคงทำหน้างงงวยว่าเดี๋ยวนี้ย่าของเขาถึงขนาดต้องจ้างแม่ครัวพิเศษเพิ่มเลยหรือ และในขณะที่ปริญกำลังประมวลผลทางความคิดยังไม่ทันจะเสร็จดีก็ต้องหันไปมองตามเสียงเรียกของผู้เป็นย่าเสียก่อน
"อ้าวนั่นไง มาแล้วแม่ครัวของย่า มาพายมานั่งลงข้างย่านี่สิลูก" เมื่อหันไปมองตามทิศทางที่ผู้เป็นย่าบอก ปริญก็พบเข้ากับหญิงสาวหน้าหวานที่เขาจำได้ว่าเธอกำล้งทำอาหารอยู่ในครัวกับเด็กหญิงตัวน้อยเมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั่นเอง
พนิดาพอเห็นหญิงชราร้องเรียกก็เดินยิ้มร่าออกมาก่อนจะนั่งลงไปทางฝั่งซ้ายมือของท่าน เพราะฝั่งขวามือนั้นมีปริญนั่งอยู่ พอเห็นว่าทั้งสองคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว หญิงชราซึ่งเป็นประมุขของที่นี่จึงได้ถือโอกาสแนะนำทั้งสองคนให้ได้รู้จักกัน
"พายรู้จักแต่พี่ปุณใช่มั้ยลูก นี่พี่ปริ้น ไหว้พี่เขาสิ"
"สวัสดีค่ะพี่ปริ้น" พนิดายิ้มหวานก่อนจะยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตากลมโตของเธอเวลายิ้มทำให้บรรยากาศรอบข้างดูสดใสตามไปด้วย
"สวัสดีครับ" ปริญรับไหว้หญิงสาวตรงหน้า ในใจชักจะเริ่มสงสัยตะหงิดๆเมื่อย่าของเขาเริ่มที่จะบรรยายสรรพคุณของแม่ครัวคนนี้เพิ่มเรื่อยๆ
"พายทำอาหารเก่งนะปริ้น อร่อยทุกอย่างเลย งานบ้านงานเรือนก็เก่ง แถมยังพึ่งจบปริญญาโทจากออสเตรเลียมาอีก สวยครบเก่งในคนเดียวแบบนี้หายากนะย่าว่า"ย่าบัวหลันตักกับข้าวใส่จานให้หลานชายทีละอย่างสองอย่าง ปริญค่อยๆตักอาหารขึ้นมาชิมทีละอย่างจนครบและพบว่ามันก็อร่อยทุกอย่างจริงๆ
"เป็นยังไงจอผักกาดของพายรสชาติถูกปากมั้ย"
"อร่อยครับ" ปริญบอกผู้เป็นย่าก่อนจะหันไปยิ้มให้พนิดา ซึ่งเธอเองก็ทำหน้ารอลุ้นเพื่อรอฟังคำตอบและพอได้ยินแล้วจึงยิ้มแก้มปริจนเห็นถึงลักยิ้มบุ๋มๆน่ารักทั้งสองข้าง
"พี่ปริ้นชอบอาหารที่พายทำจริงๆหรอคะ งั้นเอาไว้วันหลังพายจะทำให้ทานบ่อยๆนะคะ" พนิดาพูดอย่างกระตือรือร้น
"ถึงทำบ่อยพี่ก็คงไม่ได้ทานหรอกครับ เพราะปกติพี่อยู่ที่กรุงเทพ นานๆถึงจะได้แวะมาหาคุณย่าสักที"
"แต่อีกหน่อยถ้าพี่ปริ้นก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วนี่คะ" พนิดาแย้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มปฏิเสธ ส่วนด้านปริญเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าจึงรู้เรื่องการแต่งงานของเขา
"ทำไมพายถึงบอกว่าพี่จะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะ"
"ก็ต่อไปพี่ปริ้นก็ต้องแต่งงาน แล้วก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ไงคะ"
"แล้วทำไมพายถึงรู้เรื่องนี้" ปริญถามกลับออกไปอย่างงงๆราวกับว่าลืมตัว
"ก็เพราะว่าพายคือคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของแกน่ะสิตาปริ้น" และในที่สุดย่าบัวหลันก็เฉลยคำตอบที่เขาสงสัยออกมา
เมื่อคำตอบถูกเฉลยแล้ว ปริญก็นั่งทานข้าวเงียบๆแม้ว่าอาหารจะอร่อยถูกปากทุกอย่างก็ตาม แต่ตอนนี้ในหัวเขากำลังคิดประมวลผลถึงเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในชีวิตเขาขณะนี้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ว่าที่เจ้าสาวของเขาที่ผู้เป็นย่าต้องการอยากจะให้เขาแต่งงานด้วย ถามว่าสวยมั้ย ใบหน้ารูปไข่ชวนมอง สองแก้มแดง ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ บวกกับดวงตากลมโต จมูกโด่งสวยได้รูปแถมยังมีลักยิ้มที่แก้มบุ๋มทั้งสองข้าง ถ้าให้พูดกันตามตรงก็คงจัดว่าเป็นผู้หญิงที่ถ้าผู้ชายเห็นก็คงอยากมองจนเหลียวหลังคนหนึ่งแต่!! การที่เราจะรู้สึกดีกับใครสักคนจนถึงขั้นอยากใช้ชีวิตด้วยหรือจนถึงขั้นคิดไปถึงเรื่องแต่งงานนั้นมันก็ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เจอหน้ากันแล้วจะให้มาแต่งงานอยู่ด้วยกันเลยมันคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งตอนนี้เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว อยู่ดีๆผู้เป็นย่าจะมาบอกให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงที่พึ่งเจอหน้ากัน มันจะเป็นไปได้อย่างไร"อิ่มแล้วหรอลูก ปริ้น" คุณย่าบัวหลันถามหลานชายดูเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มวางรวบช้อนและซ้อมเข้าด้วยกันแล้วยกแก้วน้ำดื่มตาม"ครับคุณย่า""แล้วตกลงเรื่องที่เราพึ่งคุยกัน ปริ้นตกลงว่ายังไง" แม้ว่าจะเป็นห่วงความรู้สึกของหลานชาย แต
หลังจากการเจรจาต่อรองนั้นไม่เป็นผล ปริญก็ไม่อยากที่จะอยู่ที่นั่นต่อเพราะรู้ว่าอยู่ไปก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เนื่องจากว่าคนที่เขาหวังว่าจะเป็นตัวช่วยที่จะพูดกล่อมให้ผู้เป็นย่าของเขานั้นเปลี่ยนใจกลับไม่ให้ความร่วมมือเสียอย่างนั้น ปริญจึงตัดสินใจบินกลับมากรุงเทพทันทีแม้ว่าผู้เป็นย่าจะขอให้เขาอยู่ต่ออีกสักวันสองวันตั้งแต่ที่เริ่มเทียวไล้เที่ยวขื่อตั้งหน้าตั้งตาจีบ ญานิศามา ทุกวันนี้เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอก็พัฒนาไปไกลจนน่าจะสามารถเรียกได้ว่าแอบซุ่มคบกันอยู่ เธอยอมที่จะเปิดใจ ยอมไปไหนมาไหนกับเขา จะมีก็แค่อาจจะต้องคอยหลบคอยซ่อนบ้างเพื่อไม่ให้กระทบกับงานของเธอแต่เขาก็เข้าใจดีหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน เช้าวันนี้ปริญจึงเลือกที่จะขับรถมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดทางภาคตะวันออกที่ติดทะเล ซึ่งเป็นที่ๆหัวใจเขาร่ำร้องว่าอยากจะไปให้พบหน้าคนที่เขาคิดถึงหาอยู่ทุกคืนวันพอมาถึงจุดที่ตั้งที่กองถ่ายทำละครตั้งอยู่ ปริญก็เลือกที่จะจอดรถอยู่ที่ใต้ต้นไม้ห่างออกมาช่วงระยะหนึ่ง เขาจอดรอได้ไม่ถึงสิบนาทีประตูรถทางฝั่งซ้ายมือก็ถูกเปิดออก"รอนานมั้ยคะปริ้น ญดาพึ่งถ่ายหมดซีนไปเมื่อกี้เองค่ะ"
ปริญจำใจต้องกลับมาด้วยอารมณ์ที่เศร้าสร้อย เพราะตอนนี้เขารู้ดีว่าญานิศากำลังโกรธ ขนาดเขาทั้งพยายามโทรหาหรือแม้กระทั่งส่งข้อความไปเธอก็ยังไม่มีการตอบกลับใดๆทั้งสิ้น พาลทำให้คิดไปถึงแม่เด็กตัวดีของผู้เป็นย่าที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขาจนเขาและญานิศาต้องมามีปัญหากันแบบนี้"กลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" ปุณภพพึ่งกลับมาจากทำงาน พอเข้าบ้านมาก็เห็นว่าน้องชายนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีราวกับว่ากำลังหมดอาลัยตายอยาก"ตั้งแต่เมื่อวานครับ" ปริญตอบพี่ชายไปโดยทั้งๆที่เปลือกตายังคงปิดอยู่"แล้วนี่ไปไหนมา เห็นป้าแจ่มบอกว่าแกก็พึ่งกลับเข้าบ้านมาเหมือนกัน""ไปหาญดามาครับ แต่ญดาโกรธผมเรื่องที่ผมจะต้องแต่งงาน""ตกลงแกจะแต่ง" ปุณภพเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงตั้งคำถาม"ผมมีทางเลือกอื่นด้วยหรอครับพี่ปุณ""แล้วไปคุยกับคุณย่ามาว่ายังไงบ้าง ตกลงรู้หรือยังว่าว่าที่เจ้าสาวของแกคือใคร""พี่รู้จักเด็กที่ชื่อพายหรือเปล่า""พาย นี่อย่าบอกนะว่าคุณย่าจะให้แกแต่งกับพาย""พี่รู้จักใช่มั้ย ตกลงผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมคุณย่าถึงได้อยากให้มาแต่งงานกับผมนัก""นี่แกจำพายไม่ได้จริงๆหรอ อ๋อไม่สิ วันนั้นแกไม่ได้ไปด้วย จร
และแล้วก็มาถึง วันที่ปริญไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันช่างเป็นวันที่เขาสุดแสนจะกล้ำกลืนฝืนทนมากที่สุดในชีวิต งานแต่งงานระหว่างเขาและพนิดาถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในไร่ส้มแสนสุข แม้ว่าจะเป็นเพียงงานเล็กๆแต่แขกผู้ใหญ่ที่มาก็มีแต่คนใหญ่คนโตของจังหวัดทั้งนั้น เพราะด้วยว่า 'แม่เลี้ยงบัวหลัน' ผู้เป็นย่าของเขานั้นก็เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในจังหวัดมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่ปริญแต่งตัวอยู่ภายในห้องโดยมีช่างแต่งหน้าทำผมที่มารดาของเขาจ้างมาจากกรุงเทพคอยช่วยแต่งตัวให้อยู่ ชุดที่เขาใส่เป็นชุดไทยแบบล้านนาผ้าฝ้ายคอจีนสีงาช้าง พาดไหล่ด้วยสไบสีน้ำตาลเหลือบทองปักด้วยลวดลายสวยงามใส่คู่กับกางเกงผ้าฝ้ายทรงกระบอกสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะคาดผ้าโพกที่ศรีษะด้วยผ้าฝ้ายสีขาวนวลดูหล่อเหลาราวกับพระเอกละคร'ฮึ พระเอกละครอย่างนั้นหรอ ถ้าวันนี้นางเอกที่จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขาวันนี้ คือ ญานิศา เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้' ได้เเต่คิดเท่านี้ปริญก็ปวดร้าวไปถึงไหนๆ หลังจากวันนั้นที่เขาตัดสินใจบอกความจริงเรื่องที่จะต้องแต่งงานกับญานิศาไป ความสัมพันธ์ที่มันเหมือนว่ากำลังจะไปได้สวยก็กลับต้องมาระหองระแหงลง จากวันที่คุยกั
พอถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ คุณย่าบัวหลันก็จูงมือหลานชายและหลานสะใภ้เข้าไปในห้องของบ้านที่พึ่งสร้างใหม่เพื่อใช้เป็นเรือนหอ บนเตียงนอนของคู่บ่าวสาวถูกโรยด้วยดอกกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจ ขณะที่หน้าประตูมีทั้งพ่อและแม่สามีของพนิดายืนมองส่งยิ้มให้มาด้วยแววตาอบอุ่นก่อนจะเดินตามเข้ามานั่งลงคนละฝั่งซ้ายขวาของคุณย่าบัวหลัน"เอาล่ะ ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแล้ว ย่าก็ขอให้หลานทั้งสองจงครองรักกันอย่างมีความสุข ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก""ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยครับคุณย่า รู้ๆกันอยู่ว่าการแต่งงานครั้งนี้มันคืออะไร แค่หนึ่งปีต่างคนก็ต้องต่างแยกย้ายกันอยู่ดีนั่นแหละครับ" ปริญพูดแทรกขึ้นมาทันทีหลังจากที่ผู้เป็นย่านั้นอวยพรเสร็จ สีหน้าและแววตาของเขาบ่งบอกแต่เพียงแค่ว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องแคร์หรือใส่ใจอะไร"เออ เอาเหอะน่า วันนี้ย่าขอทำตามพิธีไปก่อน เอาไว้ถึงวันนั้นถ้าปริ้นยังยืนยันที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีพายก็ค่อยว่ากันอีกที""มีวันนั้นอยู่แล้วล่ะครับ แค่เวลาหนึ่งปีแป๊ปเดียวเอง ผมจะรอให้ถึงวันนั้น" ปริญพูดโดยไม่ได้หันไปมองทางฝั่งเจ้าสาว
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเมื่อคืนพนิดาก็เข้านอนเลย จนถึงเช้าก็พบว่าเธอตื่นขึ้นมาคนเดียวโดยไม่มีร่องรอยว่าสามีหมาดๆของเธอนั้นกลับเข้ามานอนพนิดาลุกขึ้นจัดเก็บที่นอนตามปกติก่อนจะอาบน้ำอาบท่าแล้วจึงเตรียมเดินไปหาคุณย่าบัวหลันเพื่อใส่บาตรด้วยกันเหมือนเช่นทุกเช้า เรือนหอของพนิดาและปริญถูกสร้างขึ้นใหม่บนเนื้อที่ภายในไร่ของคุณย่าบัวหลัน ขนาดของบ้านพอเหมาะสำหรับอยู่กันสองคนของสองสามีภรรยาคู่ข้าวใหม่ปลามันซึ่งอยู่ห่างออกมาจากเรือนของคุณย่าบัวหลันไม่ไกลนักพนิดาเดินออกมาก็พบว่าคุณย่าบัวหลันกับน้าแก้วคำกำลังเดินลงมาจากเรือนพอดีเช่นกัน เช้านี้อากาศสดชื่น เริ่มมีกลิ่นอายของลมหนาวพัดมานิดๆ จนพนิดาต้องกระชับผ้าคลุมไหล่เข้าหากัน"อ้าวพาย ตื่นแล้วหรอลูก จริงๆวันนี้ไม่ต้องมาใส่บาตรกับย่าก็ได้จะได้พักผ่อนให้เต็มที่" คุณย่าบัวหลันเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นพนิดาเดินเข้ามาใกล้"ไม่เป็นไรหรอกค่ะย่าบัว เมื่อคืนพายนอนเต็มอิ่มมาก แล้วปกติพายก็ตื่นมาใส่บาตรกับย่าบัวทุกวันอยู่แล้วนี่คะ ตื่นเช้าๆมาแบบนี้สดชื่นดีออกค่ะ" พนิดาทำท่าเหมือนสูดเอาอากาศอึกใหญ่เข้าปอดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆหญิงสูงวัยและรับขันข้าวในมือมาถือไ
พนิดาที่ยืนอยู่ในบ้านเห็นว่ารถยุโรปสีขาวจอดสนิทอยู่ที่ทางเข้าบ้านมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมองผ่านทะลุเข้าไปภายในได้เนื่องจากว่ากระจกนั้นทึบสนิท เธอยืนคอยอยู่สักพักเพราะสงสัยว่าคือรถใครที่มาจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วจึงเห็นว่าปริญเปิดประตูลงมาชายหนุ่ยยังคงอยู่ในชุดเดิมของเมื่อคืน จังหวะที่ประตูรถแง้มอยู่และปริญหันไปโบกมือลาฝ่ายนั้น พนิดาก็ได้เห็นชัดเจนว่าหญิงสาวที่อยู่ในรถคันนั้นคือนางเอกสาวชื่อดัง ญดา ญานิศานั่นเองพอเห็นดังนั้นพนิดาก็เริ่มเข้าใจว่าเหตุใดปริญจึงต่อต้านการแต่งงานในครั้งนี้นัก ถ้าเป็นเธอเอง มีแฟนสวยขนาดนี้ เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปเหลียวมองใครคนอื่นหรอก ซึ่งดูไปแล้วเขาทั้งสองคนนั้นก็ช่างเหมาะสมกันดีปริญก็หล่อ ญานิศาก็สวย ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้ามา ปริญก็เลือกที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านทันทีโดยไม่ได้คิดจะหันมามองยังพนิดาที่กำลังยืนจัดดอกไม้อยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่างเลย ขายาวๆรีบเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นบนจนพนิดาต้องรีบเรียกเอาไว้"พี่ปริ้นคะ ย่าบัวเรียกให้ไปหาค่ะ" ปริญหยุดชะงักก่อนจะหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยความโมโห"นี่อย่าบอกนะว่าเธอเอาเรื่องที่ฉันออกไปข้าง
เช้านี้ปริญขับรถไปรับผู้เป็นย่าแต่เช้า เป้าหมายคือที่ว่าการอำเภอซึ่งอยู่ในตัวเมือง คุณย่าบัวหลันนั่งหน้าคู่กับปริญส่วนพนิดานั่งอยู่ด้านหลัง ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง เพราะว่าไร่ส้มแสนสุขของคุณย่าบัวหลันนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลนัก "อ้าว มาถึงกันแล้วหรอครับคุณย่า" นายอำเภอหนุ่มเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าแขกผู้มาเยือน"สวัสดีค่ะท่านนายอำเภอ วันนี้แก้วคำทำลาบไก่ของโปรดท่านนายอำเภอด้วยพอดี ย่าก็เลยห่อใส่ปิ่นโตมาให้ด้วย ส่วนข้างล่างนั่นก็ของหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง""ขอบคุณมากๆเลยนะครับคุณย่า นี่ลาภปากของผมจริงๆเลยนะครับเนี่ย งั้นเชิญนั่งกันก่อนเลยครับ" ว่าแล้วนายอำเภอหนุ่มก็ยื่นมือไปรับเถาปิ่นโตจากปริญมาถือไว้ที่หน้าโต๊ะทำงานของนายอำเภอทินกร ปริญและพนิดานั่งอยู่คู่กัน ส่วนคุณย่าบัวหลันนั่งที่โซฟาข้างๆหน้าต่าง ด้านหน้าของคู่สามีภรรยาหมาดๆมีกระดาษคนละหนึ่งแผ่นและปากกาคนละหนึ่งด้ามวางอยู่ เริ่มจากปริญเป็นผู้จรดลงนามก่อนจากนั้นจึงตามด้วยพนิดา"ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ จากนี้คุณทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว" นายอำเภอทินกรพูดก่อนจะมองหน้าและยิ้มให้ทั้งสองคน หากแต่ไม่ได
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ
ปริญยังคงพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะขอปรับความเข้าใจกับพนิดาหากแต่ก็ไม่เป็นผลระหว่างนี้เธอยังคงทำหน้าภรรยาเหมือนอย่างเดิม หากแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอที่ดูเหมือนว่าจะพุ่งดิ่งลงเหวลงไปทุกที"พาย ยังไงวันนี้เราก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง พี่จะไม่ยอมให้พายทำบึ้งตึงใส่พี่เป็นเด็กๆอีกต่อไปแล้ว""พี่ปริ้นว่าพายเป็นเด็ก ยังไงคะ""ก็เรื่องที่พายโกรธพี่ไม่หายซักทีนี่ไง แค่เรื่องที่พี่ไม่ได้ตอบข้อความเพราะว่าพี่เมามากจริงๆ แล้วพี่ก็ขอโทษพายไปแล้วด้วยแต่พายก็ยังไม่ยอมหายโกรธ""นี่พี่ปริ้นคิดว่าที่พายโกรธมันเป็นเพราะเรื่องแค่นี้จริงๆหรอคะ ขอโทษนะคะแต่พายเป็นคนที่มีเหตุผลพอค่ะ""ถ้าไม่ใช่พายโกรธพี่เรื่องนี้ งั้นมีเรื่องอะไรอีกล่ะ""ขอไม่พูดถึงดีกว่านะคะ เพราะพายว่าพี่ปริ้นเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจตัวเองดีว่าทำอะไรลงไป" ว่าแล้วพนิดาก็ผลักอกปริญออกและทำท่าว่าจะเดินหนี หากแต่ก็ยังคงช้ากว่าอ้อมแขนแกร่งที่ตวัดมารัดรอบตัวเธอเอาไว้ได้ทันพอดี"พี่ปริ้นคะจะทำอะไรปล่อยนะคะ""แต่พี่คิดถึงพาย ไม่ได้กอดตั้งหลายวันรู้หรือเปล่าว่าพี่คิดถึง" ปริญพูดลงเสียงเบาดวงตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาก
เมื่อเห็นว่าติดต่อพนิดาไม่ได้ปริญก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและตรงไปยังเรือนของผู้เป็นย่าทันที ขายาวๆก้าวขึ้นบันไดอย่างร้อนรนพลางสายตาก็สอดส่ายไปทั่วทั้งเรือนจนกระทั่งไปเจอกับผู้เป็นย่าของตัวเองที่กำลังอยู่ที่โต๊ะทานข้าวบริเวณชานเรือน"คุณย่าพายล่ะครับ""อ้าวตาปริ้น มาทานของว่างกับย่าก่อนสิมา""ผมมาหาพายครับคุณย่า""อ้าว เมียแกกลับไปตั้งนานแล้วจะมาตามหาทำไมที่นี่ล่ะ นี่ย่ากับพายกลับมาถึงตั้งแต่สิบโมงกว่าๆแล้ว เห็นพายก็รีบกลับไปหาแกที่บ้านเลย นี่ยังไม่เจอกันอีกหรอ""ไม่เจอครับ ผมโทรหาก็ไม่ติดไม่รู้ว่าไปไหน น้าแก้วล่ะครับเห็นพายบ้างหรือเปล่า" ปริญมีสีหน้าที่กังวลอย่างชัดเจน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง"เอ ถ้ามองไม่ผิดน้าว่าน่าจะเป็นพายนะคะที่ขึ้นรถออกไปกับคุณปุณ น้าเองก็สายตาไม่ค่อยจะดีมองไกลไม่ค่อยจะเห็น เลยไม่แน่ใจน่ะค่ะว่าใช่หรือเปล่า""ไปกับพี่ปุณหรอครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่""น่าจะตั้งแต่สิบโมงกว่าๆแล้วมั้งคะ เพราะเห็นว่ากลับไปบ้านได้แปปเดียวเองก็เดินกลับมาเลยน่ะค่ะ" หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของแก้วคำปริญก็ก็ขอตัวกลับไปที่บ้านทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่ชายหลังจากนั้นเพื่อต้องการจะถามว่
หลังจากวันแรกปริญพยายามที่จะติดต่อสื่อสารกับเธออยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านจนกระทั่งถึงสถานปฏิบัติธรรม แต่ก็มิวายถูกผู้เป็นย่าปรามเอาไว้เสียก่อนเขาจึงได้หยุดเพลาลง อาจจะมีบ้างที่เขายังคอยส่งข้อความมาหาวันละสองครั้งเช้าและเย็น เขาทำได้เพียงเท่านั้นเพราะว่าไม่ถูกอนุญาตจากผู้เป็นย่าให้คุยโทรศัพท์กับเธอได้นับว่าตั้งแต่คืนวันนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตเรื่องราวระหว่างเธอและเขาจะเป็นอย่างไร แต่ในวันนี้เธอจะขอซึมซับเอาช่วงเวลาดีๆที่มีด้วยกันในวันนี้ไว้ให้เต็มที่ เพราะถ้าถึงเวลาที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้แล้วล่ะก็เธอก็จะยอมรับมัน"วันนี้เมียกลับบ้านแล้วเจ้าปริ้นมันคงดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะสิ" คุณย่าบัวหลันหันมามองหน้าหลานสะใภ้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พนิดาไม่ได้ตอบออกไปว่าอะไร เธอเพียงแต่ยิ้มรับ ช่วงเวลาสามคืนสี่วันที่มาอยู่ที่นี่ทั้งเธอและปริญยังคงติดต่อพูดคุยกันเรียกว่าแทบจะตลอดแม้ว่าจะถูกผู้เป็นย่าปรามเอาไว้แล้ว แต่ก็ด้วยความคิดถึงล่ะมั้งที่ทำให้เธอแอบส่งข้อความพูดคุยตอบกลับเขาไปมาอยู่ไม่ขาดและพนิดาเอ