หลังจากการเจรจาต่อรองนั้นไม่เป็นผล ปริญก็ไม่อยากที่จะอยู่ที่นั่นต่อเพราะรู้ว่าอยู่ไปก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เนื่องจากว่าคนที่เขาหวังว่าจะเป็นตัวช่วยที่จะพูดกล่อมให้ผู้เป็นย่าของเขานั้นเปลี่ยนใจกลับไม่ให้ความร่วมมือเสียอย่างนั้น ปริญจึงตัดสินใจบินกลับมากรุงเทพทันทีแม้ว่าผู้เป็นย่าจะขอให้เขาอยู่ต่ออีกสักวันสองวัน
ตั้งแต่ที่เริ่มเทียวไล้เที่ยวขื่อตั้งหน้าตั้งตาจีบ ญานิศามา ทุกวันนี้เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอก็พัฒนาไปไกลจนน่าจะสามารถเรียกได้ว่าแอบซุ่มคบกันอยู่ เธอยอมที่จะเปิดใจ ยอมไปไหนมาไหนกับเขา จะมีก็แค่อาจจะต้องคอยหลบคอยซ่อนบ้างเพื่อไม่ให้กระทบกับงานของเธอแต่เขาก็เข้าใจดี
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน เช้าวันนี้ปริญจึงเลือกที่จะขับรถมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดทางภาคตะวันออกที่ติดทะเล ซึ่งเป็นที่ๆหัวใจเขาร่ำร้องว่าอยากจะไปให้พบหน้าคนที่เขาคิดถึงหาอยู่ทุกคืนวัน
พอมาถึงจุดที่ตั้งที่กองถ่ายทำละครตั้งอยู่ ปริญก็เลือกที่จะจอดรถอยู่ที่ใต้ต้นไม้ห่างออกมาช่วงระยะหนึ่ง เขาจอดรอได้ไม่ถึงสิบนาทีประตูรถทางฝั่งซ้ายมือก็ถูกเปิดออก
"รอนานมั้ยคะปริ้น ญดาพึ่งถ่ายหมดซีนไปเมื่อกี้เองค่ะ" นางเอกสาวเปิดประตูรถเข้ามานั่งภายในรถสัญชาติยุโรปคันหรูที่กระจกรอบคันนั้นมืดทึบจนบุคลภายนอกไม่สามารถที่จะมองทะลุผ่านเข้ามาได้
ปริญไม่ได้ตอบคำถามแต่เขาเลือกที่จะดึงตัวนางเอกสาวเข้าไปกอดไว้ก่อนจะฝังซุกจมูกลงไปแรงๆที่ข้างแก้มแล้วสูดลมหายใจเข้าไปอึกใหญ่
"หอมจัง คิดถึงญดาจังเลยครับ"
"ปริ้นคะ ทำแบบนี้เดี๋ยวเกิดใครมาเห็นเข้าญดางานเข้าเลยนะคะ" แม้ว่าจะทำเป็นห้ามเมื่อถูกเขากอดเขาหอมแต่นางเอกสาวก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอยากผลักเขาออกจริงๆ ทำแค่เพียงเอียงอายคล้ายจะหลบ
"รถผมกระจกทึบสนิทขนาดนี้ ไม่มีใครเห็นหรอกครับ ให้ผมกอดหน่อย ไม่ได้เจอตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว คิดถึงใจจะขาด" ปริญยังคงกดซุกใบหน้าไปลงไปบนแก้มนางเอกสาว
"พอก่อนนะคะ หอมมากขนาดนี้แก้มญดาช้ำหมดพอดีค่ะ แล้วนี่ไปเยี่ยมคุณย่ามาทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยคะ"
"ก็..ดีครับ" พอถูกถามถึงสถานการณ์ทางนั้นปริญก็ได้แต่อึกอัก เขายังไม่กล้าพอที่จะบอกนางเอกสาวไปเรื่องที่โดนบังคับให้แต่งงาน
"ไร่ส้มแสนสุขของคุณย่าปริ้นคงจะสวยมากแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ ญดาเคยเห็นตอนที่รายการชวนเที่ยวของดีภาคเหนือไปถ่ายน่าจะสักเดือนสองเดือนที่แล้วได้ พึ่งรู้นะคะว่าเป็นไร่ของคุณย่าปริ้น หวังว่าวันหนึ่งญดาคงจะได้มีโอกาสได้ไปกราบคุณย่าปริ้นแล้วได้ไปเที่ยวชมไร่บ้างนะคะ" ในระหว่างที่ฟังนางเอกสาวพูดไป ปริญเองก็ได้แต่นึกว่าจะบอกความจริงเรื่องที่โดนบังคับให้แต่งงานกับนางเอกสาวฟังอย่างไรดี
"ได้สิครับ ถ้าวันนั้นญดาจะยังคงรอผมอยู่ ผมสัญญาว่าจะพาญดาไปเที่ยวแล้วไปกราบคุณย่าผมกันครับ"
"รอได้สิคะ มันคงจะไม่นานเกินไปจนเป็นปีๆหรอกมั้งคะปริ้น" ญดาพูดจบก็หัวเราะออกมา แต่คนที่ฟังกลับไม่ได้ขำด้วย
"แล้วถ้ามันต้องรอเป็นปีล่ะครับ ญดาจะรอได้หรือเปล่า"
"ก็ถ้าปริ้นจะยุ่งขนาดนั้นจนไม่มีเวลา ญดารอก็ได้ค่ะ" ปริญเอื้อมมือไปคว้ามือนางเอกสาวมากุมไว้ก่อนจะจ้องมองดวงหน้าของคนที่ตัวเองนั้นมีใจให้แล้วก็ทำได้เพียงแค่ปวดร้าวภายในใจ แต่มันคงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องบอกความจริงกับเธอ ในใจก็ได้แต่หวังว่าเธอจะเข้าใจและยังจะรอเขาได้
"ญดาครับ คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าผมชอบคุณจริงๆ"
"ค่ะ ญดาทราบ"
"ญดาจำเรื่องโฮมสเตย์ที่ผมอยากลงทุนทำกับเพื่อนที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ"
"อ๋อ จำได้สิคะ ปริ้นอยากได้ที่ดินที่ติดอยู่ข้างๆไร่ของคุณย่าเพื่อเอามาทำโฮมสเตย์ ก็ที่ปริ้นขึ้นไปหาคุณย่าครั้งนี้ก็เพื่อจะไปคุยเรื่องนี้ไม่ใช่หรอคะแล้วผลเป็นยังไงบ้าง"
"คุณย่าตกลงจะยกที่ดินผืนนั้นให้ผมครับ"
"เห็นมั้ยล่ะคะ ญดาว่าแล้วว่าคุณย่าต้องยอมยกให้ปริ้นแน่ๆเลยค่ะ หลานรักนี่คะ"
"แต่มีข้อแม้ครับ..ว่า..ผมจะต้องแต่งงานกับคนที่คุณย่าหาให้แล้วไปลองใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปี" ผิดคาด ปริญคิดว่าพอญานิศาได้ฟังแล้วเธอจะร้องไห้ฟูมฟาย แต่เธอกลับหัวเราะมันออกมาไม่หยุดราวกับเป็นเรื้องขบขันนัก จนกระทั่งเธอหันมามองหน้าเขาซึ่งไม่มีความรู้สึกว่ามันตลกด้วยเธอจึงได้ค่อยหยุดขำ
"นี่ปริ้นพูดจริงหรอคะเนี่ย"
"ญดาคิดว่าผมจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นจริงๆหรอครับ"
"แต่นี่มันสมัยไหนแล้วคะปริ้น ญดาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าจะยังมีคนที่ทำอะไรแบบนี้อยู่"
"ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับ แต่ว่าคุณย่าผมทำจริงๆ"
"แล้วปริ้นปฏิเสธท่านไปว่ายังไงหรอคะ"
"ผมยังไม่ได้ปฏิเสธ"
"หมายความว่ายังไงคะ"
"คุณก็รู้ว่าผมอยากได้ที่ดินตรงนั้นมากแค่ไหน"
"นี่อย่าบอกนะคะว่าปริ้นจะยอมแต่งงาน" ญานิศามองมาที่ปริญราวกับไม่อยากที่จะเชื่อสายตา
"ผมไม่มีทางเลือกจริงๆครับญดา ถ้าผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น คุณย่าก็จะขายที่ดินตรงนั้นให้คนอื่น ซึ่งผมยอมไม่ได้"
"ปริ้น ญดาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆนะคะว่าปริ้นจะยอมทำอะไรบ้าๆแบบนี้ ถ้าคุณแต่งงาน แล้วญดาล่ะคะ คุณเอาญดาไปไว้ไหน จะให้ญดาไปเป็นเมียน้อยหรอคะ" ญานิศาเริ่มขึ้นเสียงดังทั้งโวยวายและตัดพ้อ
"ไม่รู้ล่ะค่ะถ้าคุณแต่งงาน ก็ไม่ต้องมีญดา ขอโทษนะคะปริ้น เรื่องนี้ญดายอมไม่ได้จริงๆค่ะ" พูดจบนางเอกสาวก็เปิดประตูรถเดินออกจากตัวรถออกไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทาน หมัดหนักๆถูกซัดตูมลงไปที่บนพวงมาลัยอย่างหัวเสีย เขาจะทำอย่างไรดีที่จะรักษาไว้ให้ได้ทั้งหญิงสาวที่ตนมีใจและยังสามารถที่จะรักษาที่ดินเอาไว้ได้ด้วย ปริญได้แต่เครียดหนักจนสมองแทบจะระเบิด
ปริญจำใจต้องกลับมาด้วยอารมณ์ที่เศร้าสร้อย เพราะตอนนี้เขารู้ดีว่าญานิศากำลังโกรธ ขนาดเขาทั้งพยายามโทรหาหรือแม้กระทั่งส่งข้อความไปเธอก็ยังไม่มีการตอบกลับใดๆทั้งสิ้น พาลทำให้คิดไปถึงแม่เด็กตัวดีของผู้เป็นย่าที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขาจนเขาและญานิศาต้องมามีปัญหากันแบบนี้"กลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" ปุณภพพึ่งกลับมาจากทำงาน พอเข้าบ้านมาก็เห็นว่าน้องชายนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีราวกับว่ากำลังหมดอาลัยตายอยาก"ตั้งแต่เมื่อวานครับ" ปริญตอบพี่ชายไปโดยทั้งๆที่เปลือกตายังคงปิดอยู่"แล้วนี่ไปไหนมา เห็นป้าแจ่มบอกว่าแกก็พึ่งกลับเข้าบ้านมาเหมือนกัน""ไปหาญดามาครับ แต่ญดาโกรธผมเรื่องที่ผมจะต้องแต่งงาน""ตกลงแกจะแต่ง" ปุณภพเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงตั้งคำถาม"ผมมีทางเลือกอื่นด้วยหรอครับพี่ปุณ""แล้วไปคุยกับคุณย่ามาว่ายังไงบ้าง ตกลงรู้หรือยังว่าว่าที่เจ้าสาวของแกคือใคร""พี่รู้จักเด็กที่ชื่อพายหรือเปล่า""พาย นี่อย่าบอกนะว่าคุณย่าจะให้แกแต่งกับพาย""พี่รู้จักใช่มั้ย ตกลงผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมคุณย่าถึงได้อยากให้มาแต่งงานกับผมนัก""นี่แกจำพายไม่ได้จริงๆหรอ อ๋อไม่สิ วันนั้นแกไม่ได้ไปด้วย จร
และแล้วก็มาถึง วันที่ปริญไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันช่างเป็นวันที่เขาสุดแสนจะกล้ำกลืนฝืนทนมากที่สุดในชีวิต งานแต่งงานระหว่างเขาและพนิดาถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในไร่ส้มแสนสุข แม้ว่าจะเป็นเพียงงานเล็กๆแต่แขกผู้ใหญ่ที่มาก็มีแต่คนใหญ่คนโตของจังหวัดทั้งนั้น เพราะด้วยว่า 'แม่เลี้ยงบัวหลัน' ผู้เป็นย่าของเขานั้นก็เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในจังหวัดมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่ปริญแต่งตัวอยู่ภายในห้องโดยมีช่างแต่งหน้าทำผมที่มารดาของเขาจ้างมาจากกรุงเทพคอยช่วยแต่งตัวให้อยู่ ชุดที่เขาใส่เป็นชุดไทยแบบล้านนาผ้าฝ้ายคอจีนสีงาช้าง พาดไหล่ด้วยสไบสีน้ำตาลเหลือบทองปักด้วยลวดลายสวยงามใส่คู่กับกางเกงผ้าฝ้ายทรงกระบอกสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะคาดผ้าโพกที่ศรีษะด้วยผ้าฝ้ายสีขาวนวลดูหล่อเหลาราวกับพระเอกละคร'ฮึ พระเอกละครอย่างนั้นหรอ ถ้าวันนี้นางเอกที่จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขาวันนี้ คือ ญานิศา เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้' ได้เเต่คิดเท่านี้ปริญก็ปวดร้าวไปถึงไหนๆ หลังจากวันนั้นที่เขาตัดสินใจบอกความจริงเรื่องที่จะต้องแต่งงานกับญานิศาไป ความสัมพันธ์ที่มันเหมือนว่ากำลังจะไปได้สวยก็กลับต้องมาระหองระแหงลง จากวันที่คุยกั
พอถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ คุณย่าบัวหลันก็จูงมือหลานชายและหลานสะใภ้เข้าไปในห้องของบ้านที่พึ่งสร้างใหม่เพื่อใช้เป็นเรือนหอ บนเตียงนอนของคู่บ่าวสาวถูกโรยด้วยดอกกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจ ขณะที่หน้าประตูมีทั้งพ่อและแม่สามีของพนิดายืนมองส่งยิ้มให้มาด้วยแววตาอบอุ่นก่อนจะเดินตามเข้ามานั่งลงคนละฝั่งซ้ายขวาของคุณย่าบัวหลัน"เอาล่ะ ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแล้ว ย่าก็ขอให้หลานทั้งสองจงครองรักกันอย่างมีความสุข ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก""ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้เลยครับคุณย่า รู้ๆกันอยู่ว่าการแต่งงานครั้งนี้มันคืออะไร แค่หนึ่งปีต่างคนก็ต้องต่างแยกย้ายกันอยู่ดีนั่นแหละครับ" ปริญพูดแทรกขึ้นมาทันทีหลังจากที่ผู้เป็นย่านั้นอวยพรเสร็จ สีหน้าและแววตาของเขาบ่งบอกแต่เพียงแค่ว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องแคร์หรือใส่ใจอะไร"เออ เอาเหอะน่า วันนี้ย่าขอทำตามพิธีไปก่อน เอาไว้ถึงวันนั้นถ้าปริ้นยังยืนยันที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีพายก็ค่อยว่ากันอีกที""มีวันนั้นอยู่แล้วล่ะครับ แค่เวลาหนึ่งปีแป๊ปเดียวเอง ผมจะรอให้ถึงวันนั้น" ปริญพูดโดยไม่ได้หันไปมองทางฝั่งเจ้าสาว
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเมื่อคืนพนิดาก็เข้านอนเลย จนถึงเช้าก็พบว่าเธอตื่นขึ้นมาคนเดียวโดยไม่มีร่องรอยว่าสามีหมาดๆของเธอนั้นกลับเข้ามานอนพนิดาลุกขึ้นจัดเก็บที่นอนตามปกติก่อนจะอาบน้ำอาบท่าแล้วจึงเตรียมเดินไปหาคุณย่าบัวหลันเพื่อใส่บาตรด้วยกันเหมือนเช่นทุกเช้า เรือนหอของพนิดาและปริญถูกสร้างขึ้นใหม่บนเนื้อที่ภายในไร่ของคุณย่าบัวหลัน ขนาดของบ้านพอเหมาะสำหรับอยู่กันสองคนของสองสามีภรรยาคู่ข้าวใหม่ปลามันซึ่งอยู่ห่างออกมาจากเรือนของคุณย่าบัวหลันไม่ไกลนักพนิดาเดินออกมาก็พบว่าคุณย่าบัวหลันกับน้าแก้วคำกำลังเดินลงมาจากเรือนพอดีเช่นกัน เช้านี้อากาศสดชื่น เริ่มมีกลิ่นอายของลมหนาวพัดมานิดๆ จนพนิดาต้องกระชับผ้าคลุมไหล่เข้าหากัน"อ้าวพาย ตื่นแล้วหรอลูก จริงๆวันนี้ไม่ต้องมาใส่บาตรกับย่าก็ได้จะได้พักผ่อนให้เต็มที่" คุณย่าบัวหลันเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นพนิดาเดินเข้ามาใกล้"ไม่เป็นไรหรอกค่ะย่าบัว เมื่อคืนพายนอนเต็มอิ่มมาก แล้วปกติพายก็ตื่นมาใส่บาตรกับย่าบัวทุกวันอยู่แล้วนี่คะ ตื่นเช้าๆมาแบบนี้สดชื่นดีออกค่ะ" พนิดาทำท่าเหมือนสูดเอาอากาศอึกใหญ่เข้าปอดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆหญิงสูงวัยและรับขันข้าวในมือมาถือไ
พนิดาที่ยืนอยู่ในบ้านเห็นว่ารถยุโรปสีขาวจอดสนิทอยู่ที่ทางเข้าบ้านมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมองผ่านทะลุเข้าไปภายในได้เนื่องจากว่ากระจกนั้นทึบสนิท เธอยืนคอยอยู่สักพักเพราะสงสัยว่าคือรถใครที่มาจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วจึงเห็นว่าปริญเปิดประตูลงมาชายหนุ่ยยังคงอยู่ในชุดเดิมของเมื่อคืน จังหวะที่ประตูรถแง้มอยู่และปริญหันไปโบกมือลาฝ่ายนั้น พนิดาก็ได้เห็นชัดเจนว่าหญิงสาวที่อยู่ในรถคันนั้นคือนางเอกสาวชื่อดัง ญดา ญานิศานั่นเองพอเห็นดังนั้นพนิดาก็เริ่มเข้าใจว่าเหตุใดปริญจึงต่อต้านการแต่งงานในครั้งนี้นัก ถ้าเป็นเธอเอง มีแฟนสวยขนาดนี้ เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปเหลียวมองใครคนอื่นหรอก ซึ่งดูไปแล้วเขาทั้งสองคนนั้นก็ช่างเหมาะสมกันดีปริญก็หล่อ ญานิศาก็สวย ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้ามา ปริญก็เลือกที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านทันทีโดยไม่ได้คิดจะหันมามองยังพนิดาที่กำลังยืนจัดดอกไม้อยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่างเลย ขายาวๆรีบเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นบนจนพนิดาต้องรีบเรียกเอาไว้"พี่ปริ้นคะ ย่าบัวเรียกให้ไปหาค่ะ" ปริญหยุดชะงักก่อนจะหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยความโมโห"นี่อย่าบอกนะว่าเธอเอาเรื่องที่ฉันออกไปข้าง
เช้านี้ปริญขับรถไปรับผู้เป็นย่าแต่เช้า เป้าหมายคือที่ว่าการอำเภอซึ่งอยู่ในตัวเมือง คุณย่าบัวหลันนั่งหน้าคู่กับปริญส่วนพนิดานั่งอยู่ด้านหลัง ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง เพราะว่าไร่ส้มแสนสุขของคุณย่าบัวหลันนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลนัก "อ้าว มาถึงกันแล้วหรอครับคุณย่า" นายอำเภอหนุ่มเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าแขกผู้มาเยือน"สวัสดีค่ะท่านนายอำเภอ วันนี้แก้วคำทำลาบไก่ของโปรดท่านนายอำเภอด้วยพอดี ย่าก็เลยห่อใส่ปิ่นโตมาให้ด้วย ส่วนข้างล่างนั่นก็ของหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง""ขอบคุณมากๆเลยนะครับคุณย่า นี่ลาภปากของผมจริงๆเลยนะครับเนี่ย งั้นเชิญนั่งกันก่อนเลยครับ" ว่าแล้วนายอำเภอหนุ่มก็ยื่นมือไปรับเถาปิ่นโตจากปริญมาถือไว้ที่หน้าโต๊ะทำงานของนายอำเภอทินกร ปริญและพนิดานั่งอยู่คู่กัน ส่วนคุณย่าบัวหลันนั่งที่โซฟาข้างๆหน้าต่าง ด้านหน้าของคู่สามีภรรยาหมาดๆมีกระดาษคนละหนึ่งแผ่นและปากกาคนละหนึ่งด้ามวางอยู่ เริ่มจากปริญเป็นผู้จรดลงนามก่อนจากนั้นจึงตามด้วยพนิดา"ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ จากนี้คุณทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว" นายอำเภอทินกรพูดก่อนจะมองหน้าและยิ้มให้ทั้งสองคน หากแต่ไม่ได
เช้านี้พนิดาและปริญพากันตื่นมาใส่บาตรตั้งแต่เช้าตามคำสั่งของผู้เป็นย่า สำหรับพนิดาแล้วนั้นการตื่นเช้านั้นไม่ใช่ปัญหาเลย แต่สำหรับปริญผู้เคยชินกับการนอนตื่นสายจนตะวันทิ่มตาแล้ว มันค่อนข้างที่จะยากนิดหน่อยสำหรับเขาหลังจากที่ได้ตกลงกับพนิดาเรื่องการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ภายในห้องนอนก็ได้ข้อตกลงร่วมกันว่า เขาจะต้องเป็นผู้เสียสละตัวเองไปนอนบนโซฟาเบด ส่วนพนิดานั้นสามารถยึดครองพื้นที่บนเตียงได้ ถึงเเม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่ยังไงเสียสำนึกชั่วดีของเขาก็ยังคงใช้งานได้อยู่ที่จะเป็นคนยอมเสียสละตัวเองแทนฝ่ายหญิง และด้วยความที่ว่าบ้านที่เขาอยู่กับพนิดานั้นพึ่งจะสร้างเสร็จใหม่ ถึงจะมีทั้งหมดสองห้องแต่พวกชุดเครื่องนอนที่นั้นกลับมีเตรียมไว้สำหรับห้องเดียวเท่านั้น พอได้ใส่บาตรกันเสร็จแล้ว ทั้งปริญและพนิดาก็พากันมาทานข้าวเช้าที่บ้านคุณย่าบัวหลันตามที่ผู้เป็นย่าสั่ง หลังจากนั้นก็ถึงเวลาลงมือจัดการกับเหล่ากล้ากุหลาบดอกไม้ที่ร้านดอกไม้ได้นำมาส่งตั้งแต่เมื่อวาน"ขุดได้แน่นะตาปริ้น ไม่ใช่มือไม้ถลอกปอกเปิกหมดเข้า แกยิ่งเคยทำกับเขาเสียที่ไหนอะไรแบบนี้" ผู้เป็นย่าถามย้ำหลานชายอีกรอบเพื่อความแน่ใจ แม้ว่าสีหน้าข
หลังจากช่วยกันจัดการกับแปลงดอกไม้ให้ผู้เป็นย่าเสร็จ ที่ตอนหลังได้น้าแก้วคำมาช่วยอีกแรง ปริญก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน พนิดาตามไปทีหลังเพราะแวะกลับขึ้นไปเอาขนมหวานที่แก้วคำพึ่งทำเสร็จก่อน พอมาถึงบ้านก็เห็นปริญนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ด้านหน้าของเขามีทั้งกล่องยาและผ้าพันแผลวางอยู่เป็นตับ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็กำลังเก้ๆกังๆในการพยายามทำแผลให้กับตัวเองแต่ไม่สำเร็จ"ทำอะไรคะนั่น""ทำแผลอยู่เธอไม่เห็นหรือไง""เห็นค่ะ แต่ปกติไม่เคยเห็นใครทำแผลตัวเองด้วยการทายาแดงเสียจนชุ่มมือ ราวกับว่าพึ่งถูกมีดปังตอฟันมือมาแบบนี้""ก็ฉันเจ็บ มือฉันทั้งถลอกทั้งแดงไปหมดแบบนี้เธอจะให้ฉันทาแค่บางๆแล้วเมื่อไหร่มันจะหาย" ปริญโยนผ้าพันแผลลงที่โต๊ะอย่างหงุดหงิดก่อนหันมามองแม่จอมจุ้นจ้านอย่างเคืองๆ"แล้วคิดว่าทาชโลมทั้งมือแบบนี้แล้วจะหายเร็วขึ้นอย่างนั้นหรอคะ ดีไม่ดีทามากไปจนแผลแฉะ เกิดอักเสบติดเชื้อลุกลามขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอานะคะ" พนิดาแกล้งขู่คนที่ไม่เคยทำแผลให้ตัวเองมาก่อนแต่ก็ดูเหมือนว่าปริญจะแอบคล้อยตาม"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่เคยเป็นแผล แล้วฉันก็ไม่เคยทำแผลเองด้วย" "งั้นรอสักครู่ก็แล้
หลังจากที่รู้ว่าพนิดาออกไปข้างนอกกับผู้ชายคนอื่น ปริญก็ขอตัวผู้เป็นย่ากลับมาบ้านทันที เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้เป็นย่าถึงได้ปล่อยให้หลานสะใภ้ของตัวเองออกไปกับผู้ชายคนอื่นได้ นี่ย่าเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะพูดไม่ดีลับหลังเอาหรอกหรือถึงแม้ว่าเขากับพนิดาจะแต่งงานกันแค่ปลอมๆ แต่คนที่ไม่รู้ก็อาจจะว่าเอาได้ เรื่องนี้มีแต่เสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าพนิดากลับมาเขาคงจะต้องตกลงกับเธอสักหน่อยว่าระหว่างที่เธอและเขายังคงสถานะสามีภรรยากันอยู่ พนิดาไม่ควรที่จะไปไหนมาไหนกับใคร เพราะเขาไม่ต้องการให้มันเสื่อมเสียชื่อเสียงมาจนถึงวงศ์ตระกูล"ทำไมคุณย่าถึงปล่อยให้หลานสะใภ้ตัวเองออกไปกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้นล่ะครับ ไม่กลัวว่าคนจะนินทาลับหลังเอาได้หรอครับว่าหลานสะใภ้สุดที่รักของคุณย่าไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเอง""นายอำเภอทินกรเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ย่ากับพายก็รู้จักมาหลายปีก็ไม่เห็นว่าเขาจะเคยทำเรื่องเสื่อมเสียอะไร""พนิดากับนายอำเภอนั่นรู้จักกันมาหลายปีแล้วหรอครับ""ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่สี่ห้าปีก่อนที่นายอำเภอพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ๆโน่นล่ะ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเจอกันบ่อยเท่าไหร่เพราะว่าตอนนั้นพายก็ยังเรียน
วันนี้พนิดาตื่นเช้ามาเธอพบว่าเมื่อคืนปริญไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน เขาคงจะไปค้างคืนกับแฟนของเขาจริงๆ วินาทีนี้เธอรู้แล้วว่าเธออยากร้องไห้ สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังตอกย้ำความรู้สึกของเธอว่ามันใช่ เธอกำลัง'หลงรัก'เขามันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ความรู้สึกพวกนี้ เกิดขึ้นมาตอนไหน เมื่อไหร่ ทั้งๆที่คิดว่าระแวงระวังหัวใจตัวเองดีแล้วแท้ๆ ไม่น่าเลยพนิดา เธอไม่น่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นเลยพนิดาแต่งตัวเสร็จก็เดินไปที่เรือนคุณย่าบัวหลัน เมื่อวานท่านบอกว่าเก้าโมงเช้านายอำเภอทินกรจะเข้ามาพูดคุยกับท่านเรื่องซุ้มขายของของไร่ส้มแสนสุข พอพนิดาเดินไปถึงก็พบว่ารถของนายอำเภอทินกรได้จอดรออยู่ที่หน้าเรือนของคุณย่าบัวหลันก่อนแล้ว"อ้าวมาแล้วหรอลูก พาย" คุณย่าบัวหลันเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าพนิดาโพล่หน้าขึ้นเรือนมา"ค่ะย่าบัว" พนิดาเดินเข้าไปใกล้ๆและเข้าไปนั่งลงตรงข้างของคุณย่าบัวหลันโดยมีนายอำเภอทินกรนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม"สวัสดีค่ะท่านนายอำเภอ""เรียกนายอำเภอตามคุณย่าบัวหลันอีกแล้วนะครับพาย แบบนี้ผมก็ดูแก่หมดพอดี" นายอำเภอทินกรมีแอบเหล่มอง ทั้งพนิดาคุณย่าบัวหลันต่างก็พากันหัวเราะในท่าทีของนายอำเภอหนุ่ม"เรียกคุณกรก็ได้ค่า" พน
ขณะที่อิทธิพลขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวข้างบนยังไม่ลงมา ปริญที่แต่งตัวเสร็จแล้วตั้งแต่ทีแรกก็นั่งกดโทรศัพท์มือถือรออยู่ที่โซฟาหน้าโต๊ะทีวีด้วยท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ เหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจของเขาจนไม่สามรถลบมันออกได้ทั้งๆที่กำลังพยายามอยู่"เย็นนี้พี่ปริ้นจะกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่าคะ พายจะได้ทำอาหารไว้รอ""ไม่ต้อง เธอทำกินเองได้เลย" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้าและแววตาดูมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พนิดาอดที่จะเป็นกังวลไปด้วยไม่ได้"จะกลับดึกหรือเปล่าคะ แล้วกลับกี่โมงพายจะได้..."ยังไม่ทันที่พนิดาจะได้พูดจบแต่ก็ถูกปริญตัดจบเสียก่อน"เธอไม่ใช่เมียฉันนะพนิดา ไม่ต้องมาทำเป็นนั่งซักไซ้ไล่เรียงว่าฉันจะกลับบ้านตอนไหนแล้วกลับกี่โมงกี่ยาม" ขณะที่ยังเคลียร์สิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายในใจไม่ได้ จึงทำให้ปริญเผลอตอบออกไปด้วยความหงุดหงิดจนคนที่ฟังนั้นเกิดความร้อนผะผ่าวที่บริเวณหน่วยตาแต่ก็ต้องพยายามที่จะข่มความรู้สึกเอาไว้ เธอไม่ใช่เมียเขา ใช่สิ เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เขาจำใจต้องเเต่งงานด้วยก็เพราะและเพื่อผลประโยชน์ จะมามีสิทธิ์มีเสียงอะไรได้ ส่วนเรื่องที่เราจูบกันเมื่อคืน มันก็คงจะเป็นเพียงแค่อ
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำเอาพนิดาไม่ค่อยกล้าหลับได้เต็มตานัก เพราะดึกๆมาปริญก็ยังคงขยับขลุกขลัก แถมยังมีการดึงเธอให้ขึ้นไปนอนซบอยู่บนหน้าอกเขาอีกต่างหาก แม้ว่าพนิดาจะพยายามขยับหนีแล้วแต่ก็ยังถูกคนเมาลากกลับเข้าไปกอดไว้อีกจนได้ แม้จะอยากขืนตัวไว้แต่เธอก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ซึ่งหลังจากนั้นมันกลับมีความรู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาดวันนี้พนิดารีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อจัดเตรียมมื้อเช้าให้กับทุกคน พอลงมาก็พบว่าอิทธิพลนั้นตื่นแล้วและดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะกลับเข้ามาจากข้างนอก"มอนิ่งครับน้องพาย""มอนิ่งค่ะพี่อิท ตื่นเช้าจังเลยนะคะ""ครับ เห็นว่ากาศดีพี่เลยลองออกไปวิ่งดูแถวๆนี้มา เผื่อว่าอีกหน่อยจะย้ายมาอยู่แถวนี้บ้าง" อิทธิพลพูดยิ้มๆราวกับจะสื่อความหมาย"ไม่หนาวหรอคะ" พนิดาถามเมื่อเห็นว่าอิทธิพลสวมใส่เพียงแค่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น"ก็เย็นๆนะครับ แต่พอวิ่งไปเหงื่ออกก็ไม่หนาวแล้ว เอาจริงๆพี่ว่าที่ชอบที่นี่นะ อากาศดีมากๆ ถึงได้อยากมาทำโฮมสเตย์กับไอ้ปริ้นมัน แล้วจะได้ถือโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ด้วย ยิ่งได้มาลองอยู่ดูแล้วพี่ว่าพี่น่าจะชอบที่นี่จริงๆแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าจะมาได้เพียงแค่วันเดียวก็เถอะ ท
พนิดายังคงนิ่งเฉยและไม่กล้าขยับตัวเมื่อเห็นว่าใบหน้าของปริญนั้นอยู่ห่างเพียงแค่คืบ กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในลมหายใจของเขากรุ่นๆ แขนแกร่งยังคงโอบกอดแผ่นหลังของเธอเอาไว้ตึกตัก ๆ "นี่..พี่ปริ้นดื่มมาหรอคะ"พนิดาจำเป็นต้องทำลายความเงียบลงด้วยการพูดอะไรออกไปสักอย่าง "อื้ม" ปริญตอบหากแต่ว่าก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะถอยหนี ใบหน้าเขายังคงชิดอยู่ใกล้ๆและทำไมพนิดาถึงรู้สึกว่ามันค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ทุกทีๆตึกตักๆ ตึกตักๆ มือเล็กจับปมผ้าขนหนูไว้แน่น ในขณะที่หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เลือดลมวิ่งพล่านไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แก้มขาวอมชมพูค่อยๆเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อยขึ้นเรื่อยๆเมื่อปริญค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้อีก"พิ..พี่ปริ้นเมาหรอคะ""จูบกันมั้ย" ปริญไม่ได้ตอบคำถามที่พนิดาถามแต่เขากลับเป็นฝ่ายที่ถามเธอกลับแทน"จะ..จูบทำไมคะ""ก็แค่จูบเฉยๆ ไม่ได้หรอ"พนิดามองเขาใกล้ๆใจเธอก็ยิ่งหวิวๆ ปริญจัดว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก คิ้วเข้มๆของเขาเรียงกันสวยรับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน ตาคมดุจราวนกเยี่ยวที่จิกจ้องมองมาทำเอาพนิดาใจสั่นไหว ริมฝีปากได้รูปแดงอมชมพู ที่ด้านบนริมฝีปากเริ่มเห็นไรหนวดโผล่ขึ้นมากลายๆ โดยรว
วันนี้พนิดาเข้าสวนส้มเพียงแค่ครึ่งวันเนื่องจากว่าส้มที่คัดไว้นั้นเสร็จหมดแล้วและกำลังทยอยแพ็คลงใส่กล่อง บรรยากาศภายในไร่ยังคงสนุกสนานครื้นเครงอยู่ตามเคยเมื่อมีพี่แสงหล้าสาวงามตัวท็อปของไร่แห่งนี้คอยสร้างเสียงหัวเราะ"อุ๊ยต๋ายแล้วว ไผฮั้นน่ะตี้กำลังเดินมากับคุณปริ้น ว่าคุณปริ้นหล่อแล้ว คนตี้เดินมากะเปิ้นกะหล่อบ่าได้แป้กันเลย" แสงหล้าผู้ซึ่งมีเรดาร์ในการสแกนหาผู้ชายหน้าตาดีประจำไร่รีบเอ่ยปากบอก พนิดามองตามก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าเดินตรงมาก่อนจะหยุดลงที่ตรงหน้าเธอ"กำลังจะกลับบ้านแล้วหรอ""ค่ะ ล็อตนี้เป็นล็อตสุดท้ายแล้ว เหลือแค่แพ็คลงกล่องก็เรียบร้อย""พนิดา นี่อิทธิพลเพื่อนของฉัน คนที่ฉันเคยบอกว่าจะมาทำโฮมสเตย์ด้วยกัน" ปริญแนะนำเพื่อนตัวเองให้พนิดาได้รู้จัก"สวัสดีค่ะ คุณอิทธิพล" พนิดายกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งเขาก็มองและส่งยิ้มทักทายมาให้เธออย่างเป็นมิตร อิทธิเป็นคนหล่อหน้าตาดีพอๆกันกับปริญ ต่างกันก็เพียงแค่เขาดูเป็นผู้ชายลุคง่ายๆสบายๆมากกว่า จากที่ประเมินจากบุคลิกแล้ว เขาดูน่าจะเป็นคนที่สนุกสนานและอัธยาศัยดี ต่างจากปริญที่ต้องดูดีดูเนี้ยบ เอาแต่วางมาดเท่จนพนิดารู้สึกหมั่นไส้ใ
จากตอนแรกที่กำลังอารมณ์ดีอยากจะรีบวิ่งลงบันไดเพื่อจะมาทำมื้อเย็นทานด้วยกัน แต่พอได้ยินว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับคนที่เขารักไป ใบหน้าเปื้อนยิ้มของพนิดาก็เป็นอันว่าจะต้องหุบลง'นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป เธอลืมอะไรไปหรือเปล่าพนิดาว่าเขามีแฟนแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเขากับเธอจะไม่ได้ตึงเครียดเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถมีใจให้กับเขาได้ อย่าเอาหัวใจตัวเองเข้าไปเสี่ยง วันใดวันหนึ่งยังไงเขาก็ต้องกลับไปหาคนรักเขาอยู่ดี เธอควรต้องนึกไว้เสมอว่าเขาไม่ใช่คนโสด เขามีคนของเขา คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ'พนิดาหุบยิ้มแสนหวานนั้นลงในขณะที่ปริญก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วพอดี ร่างสูงใหญ่หันกลับมาจึงเห็นว่าพนิดามายืนคอยอยู่ หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ไม่ได้มาแอบฟังใช่มั้ย""เปล่าค่ะ พายแค่จะมาถามว่าพี่ปริ้นว่าอยากจะกินอะไร ระหว่างแกงจืด หรือว่า ต้มยำ พายจะได้ทำให้ถูก""อืม แกงจืดก็อร่อย ส่วนต้มยำก็แซ่บถึงใจดีนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากกินทั้งสองอย่างเลย" ปริญทำท่าครุ่นคิดก่อนจะแกล้งยิ้มและตอบออกไป หากแต่ว่าคำตอบของเขากลับทำให้ใบหน้างามนั้นยิ่งบึ้งตึงขึ้นมาอีกแถมริมฝีบ
ขณะที่นั่งรอคนงานในไร่พากันทยอยขนตะกร้าส้มออกมาจากข้างในสวน ระหว่างนี้ปริญก็ช่วยพนิดาคัดขนาดของส้มแต่ละเกรด โดยฟังจากที่พนิดาอธิบายเธอบอกว่า ส้มที่คัดจะมีทั้งหมดหกขนาด ไล่ไปตั้งแต่เบอร์สาม ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กที่สุด จากนั้นก็จะเป็นเบอร์สองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าส้มเบอร์สาม และขนาดเบอร์หนึ่งจะเป็นขนาดที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคมากที่สุด จากนั้นก็จะเป็นส้มเบอร์ศูนย์ ซึ่งเบอร์นี้ก็จะยังมีขนาดที่ใกล้เคียงกับส้มเบอร์หนึ่งและก็ยังเป็นขนาดที่ผู้บริโภคนิยมเช่นกัน จากนั้นมาก็จะเป็นเบอร์ศูนย์ศูนย์ ซึ่งเป็นส้มที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากว่าเปลือกค่อนข้างหนา เนื้อฟ่ามและมีรสชาติจืด ส่วนเบอร์สุดท้ายคือขนาดศูนย์ศูนย์ศูนย์ ส้มเบอร์นี้จะเป็นส้มที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษจนไม่มีช่องให้ลง ส่วนรสชาติก็จะเหมือนกับส้มเบอร์ศูนย์ศูนย์ แต่มีปริมาณไม่มากนักปริญนั่งฟังพนิดาอธิบาย ในขณะที่เขานั่งจ้องหน้าเธอ ส่วนเธอปากพูดไป มือก็ทำงานไปไม่มีหยุด นับว่าสิ่งที่พนิดาพูดมาทั้งหมดนี่เป็นความรู้ใหม่สำหรับเขาเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่ย่าของเขาเป็นเจ้าของสวนส้มขนาดใหญ่แต่เขากับไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย ปกติเวลาผู
เช้านี้พนิดารีบตื่นนอนแต่เช้าอีกตามเคย อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้วที่จะต้องรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตให้แล้วเสร็จ จากนั้นอาทิตย์หน้าก็จะเป็นงานประจำปีเทศกาลส้มหวานของดีเมืองเหนือที่จัดขึ้นที่ว่าการอำเภอเช่นเคย ภายในงานจะมีร้านค้ามากมายที่นำสินค้าจากไร่ตัวเองทั้งที่เป็นแบบสดๆและแบบแปรรูปแล้วมาวางจำหน่ายสองปีที่แล้วตอนก่อนที่จะไปเรียนต่อพนิดาก็ได้มาช่วยคนที่ไร่จัดร้านขายของสนุกสนานกันเลยทีเดียวร้านค้าส่วนมากก็จะเป็นชาวสวนชาวไร่ที่อยู่ในละแวกบริเวณใกล้เคียงกันทั้งนั้น ต่างมีผลผลิตจากไร่ของตัวเองมาจำหน่ายให้ทั้งชาวบ้านและเหล่านักท่องเที่ยวกันละลานตาไปหมดปีนี้ที่ไร่แสนสุขมีสินค้ามากมายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก ส่วนหนึ่งมันก็มาจากความคิดของพนิดาด้วยที่อยากเพิ่มมูลค่าให้สินค้ามีความแตกต่างออกไปจากแต่ก่อน "พายว่าปี๋นี้ฮ้านก้าจากไร่ส้มแสนสุขของย่าบัวตึงต้องได้รางวัลฮ้านตี้ขายดีตี้สุดแน่เลยปี้แสงหล้า""ปี้กะว่าจะอั้นเน๊าะ พายกอยผ่อเน้อ ปี๋นี้ปี้จะแต่งตั๋วหื้องามตี้สุดในงาน จะเอาหื้อนายอำเภอทินกรเปิ้นต๋าก้างฟ้าวมาขอปี้ไปเป๋นแฟนบ่าตันเลย"แสงหล้าสาวงามประจำไร่ส้มของคุณย่าบัวหลันที่อายุอานามปีนี้ก็น่า