“ขณะนี้ชุดเครื่องเพชรของเราถูกประมูลอยู่ที่ 35 ล้านครับ มีใครจะเสนอราคามากกว่านี้ไหมครับ” เสียงพิธีการชายประกาศดังขึ้นหลังจากมีผู้คนสนใจอย่างล้นหลาม
“เจ็ดสิบล้าน” ชายหนุ่มหน้าตาดียกป้ายประมูลเสนอราคาที่มากกว่าเสี่ยหนุ่มใหญ่วัย 50 ปีถูกเด็กอายุน้อยกว่าชิงตัดหน้าเสนอราคาที่เพิ่มเป็นเท่าตัว แขกเหรื่อต่างหันไปในทิศทางเดียวกันมองชายหนุ่มที่เพิ่งเปล่งเสียงเพิ่มมูลค่าการประมูลเพิ่มโดยใบหน้าไม่สะทกสะท้านกับเงินจำนวนมาก
"ขณะนี้ราคาอยู่ที่เจ็ดสิบล้าน"
โห !!!
"เจ็ดสิบล้านมีใครสู้ไหมครับ” เสียงฮือฮาแตกตื่นกันอย่างหนักเมื่อจู่ๆ ผู้ยกป้ายประมูลมาแบบม้ามืดเสนอราคาไปเท่าตัว โดยผู้ประมูลท่านอื่นเริ่มลังเลกับราคาที่สูงลิ่วเกินจะสู้ไหว
“มีใครจะยกไหมครับ”
“….”
“เจ็ดสิบล้านครั้งที่หนึ่ง ,เจ็ดสิบล้านครั้งที่สองและ เจ็ดสิบล้านครั้งที่สาม” กระดิ่งดังขึ้นเป็นอันสิ้นสุดของเครื่องเพชรชุดแรกและตกเป็นของราเชนทร์ ชายหนุ่มอายุ 32 ปี นักธุรกิจผู้ที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร เข้ามาประมูลเครื่องเพชรที่มีแต่เหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายและเหล่าบรรดานักการเมืองตำแหน่งใหญ่โต
ไม่มีใครกล้าสู้เพราะยังมีชุดเครื่องเพชรอีกหลายชุดที่ยังประมูลไม่หมด ทั้งยังชิ้นสำคัญเก่าแก่มาเกือบร้อยปี ซึ่งแน่นอนมันย่อมมีมูลค่าหลายร้อยล้าน
"เอาล่ะครับ นี่คือชุดเครื่องเพชรชุดต่อไปของงาน เพชรเม็ดงามที่ตกทอดมาตั้งแต่คุณผู้หญิงชาวฝรั่งเศส เปิดประมูลอยู่ที่ห้าสิบล้านครับ"
เพชรเม็ดงามต่างมีแต่คนชื่นชมเมื่อมันอยู่ในตู้กระจกใสนำออกมาโชว์โดยมีตำรวจยืนคุ้มกันป้องกันการโจรกรรม
การประมูลเริ่ม...
"หกสิบล้านค่ะ" เมียรัฐมลตรีกระทรวงกลาโหมยกป้าย
"เจ็ดสิบล้าน" เสี่ยชลัมพลยกป้ายสู้ราคา
"เก้าสิบล้าน" น้ำเสียงทุ้มกล่าวให้ราคาจากเสี่ยชลัมพล ราเชนทร์ยกป้ายและประมูลโดนไปค่อนข้างมาก คนอื่นๆที่เพิ่มครั้งละสิบล้านเริ่มถอยออกเหลือเพียงราเชนทร์และเสี่ยชลัมพล
"ร้อยล้าน" คนมีอายุยังสู้เพื่อเอาชุดเครื่องเพชรแม้จะเริ่มขาสั่นแต่จะมาเสียหน้าแบบนี้ไม่ได้ โดยที่อีกราเชนทร์ยกป้ายเสนอราคาไปเพิ่มเป็นมูลค่าร้อยสิบล้าน
"ร้อยห้าสิบล้านครับ มีใครจะสู้อีกไหม"
"...." มีแต่เสียงลมหายใจดังฟึกฟัดจากรูจมูกเสี่ยชลัมพล ราคาฉี่แทบราดแต่ไอ้เด็กนี้มันนั่งกระดิกเท้าแสยะมุมปากหน้าตาเฉย
"เครื่องเพชรชุดที่สองประมูลไปที่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านครับ" เสียงฮือฮารอบที่สองดังขึ้น ราเชนทร์ได้ไปแล้วสองชุดและเหลือชุดสุดท้ายที่ถูกเปิดประมูลด้วยราคาสองร้อยล้าน
"ชุดเครื่องเพชรเก่าแก่มีใครสนใจไหมครับ"
"สามร้อยล้าน" พิธีกรถึงขั้นตาเบิกกว้าง ราเชนทร์คว้าการประมูลเครื่องเพชรไปคนเดียว 3 ชุดรวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดห้าร้อยยี่สิบล้าน กลายเป็นกระแสไปชั่วคราวคืน ไม่กี่สิบนาทีข่าวแวดดวงธุรกิจและไฮโซต่างพาดหัวข่าวหนุ่มหล่ออย่างราเชนทร์ถึงความเร็วเกินต้านและไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร
รวยมาก…
"มันเป็นใคร" เสี่ยชลัมพลเอ่ยถามบอดี้การ์ดที่ยืนคุ้มกันรักษาความปลอดภัย แม้ผู้คนจะพลุ่กพล่านก็ยังต้องมีบอดี้การ์ดตามประกบอย่างน้อยหนึ่งคน
"ไม่เคยเห็นครับเสี่ย"
"สืบมาว่ามันเป็นใคร" อยากรู้ว่าไอ้เด็กเกิดเมื่อวานมันเป็นลูกเต้าเหล่าใครรวยมาจากไหน อีกทั้งในแวววงการประมูลของมีค่าโดยเฉพาะเครื่องเพชรไม่เห็นเคยเห็นไอ้เด็กผู้ชายคนนี้
งานประมูลสิ้นสุดลงบรรดาแม่หม้ายและลูกสาวคุณหญิงคุณต่างอยากรู้จักนักประมูลอภิมหึมาโคตระรวย
"คุณราเชนทร์ ดิลกก้องเกียรติ" คุณหญิงท่านหนึ่งเอ่ยทักคนอายุอ่อนกว่าทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักหันกลับมามอง
"ครับ?" สงสัยที่มีคนรู้จักชื่อทั้งยังรู้จักนามสกุล
"ดิฉันคุณหญิงดวงแข" กล่าวแนะนำตัวให้คนรุ่นลูกรู้จัก
"ยินดีที่ได้รู้จัก" กล่าวไปตามมารยาท แม้จะไม่อยากเสวนากับสังคมจอมปลอมเช่นนี้ ใครรวยหน่อยก็มีกัลยานิมิตรที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์เข้ามา ฉะนั้นราเชนทร์ถึงมีวิถีชีวิตการต่อสู้ดิ้นรนและคบค้ากับเพียงเพราะผลประโยชน์เช่นกัน
"เผื่อมีโอกาสได้ทานข้าวกัน" ยื่นนามบัตรให้ราเชนทร์ ระบุชื่อชัดเจน ดวงแข อัคเดชอำพัน ประธานสมาคมการกุศลหลายแห่งและมีธุรกิจหลายอย่าง
"...." ราเชนทร์จองนามบัตรด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับเปรยตามองคนอายุมากกว่า สอดนามบัตรเข้ากระเป๋าเสื้อและหยิบของตัวเองส่งให้ดวงแขเช่นกัน
"ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ" จากนั้นก็ปลีกตัวเดินออกไปท่ามกลางฝูงชนที่รอคุยทักทาย ทว่าราเชนทร์ก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงฝ่าวงล้อมโดยมีบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยตามประกบ 3 คน
ลานจอดรถวีไอพี
"เฮียจะกลับบ้านเลยไหมครับ" ตุลย์บอดี้การ์ดมือขวาเอ่ยถามผู้เป็นนายหลังจากเสร็จธุระในการร่วมประมูลและรับเครื่องเพชรกลับบ้าน
"ยัง กูอยากพัก" หมายถึงการไปให้เด็กในเลานจ์ปรนเปรอให้ผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็นการปรนนิบัตินั่งเป็นเพื่อนเอาอกเอาใจถ้าถูกชะตาราเชนทร์ก็คือหิ้วไปนอนด้วย
ไม่แปลกในเมื่อราเชนทร์คือคนโสดแม้จะมีอดีตไม่ขาวสะอาดและไม่สวยหรู นอกจากไอ้ตุลย์บอดี้การ์ดมือขวาก็ยังมีไอ้ปืนเป็นบอดี้การ์ดมือซ้ายที่คอยตามอารักขา ทว่าวันนี้ไอ้ปืนถูกเจ้านายอย่างราเชนทร์ใช้ไปทำธุระอย่างอื่นแต่ยังมีลูกน้องคนอื่นตามประกบอีก 3 คน หมายความว่าราเชนทร์มีผู้ติดตามทั้งหมด 4 คน
รถยนต์คันแรกสีดำขับออกก่อนเป็นลูกน้องสองคนตามด้วยรถคันหลังสีเดียวกันแต่คนละแบรนด์มีราเชนทร์นั่งด้านหลังและตุลย์นั่งเบาะซ้ายฝั่งด้านหน้าและมีปืนเป็นคนขับ
ที่เดิมคือแองเจอร์เลานจ์ สถานบันเทิงครบวงจรของคุณผู้ชายที่มักแวะเวียนมาคลายเหงามาผ่อนคลายและราเชนทร์คือหนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการประจำเกือบ 6 เดือน"แล้วชุดเครื่องเพชรล่ะเฮีย" "มึงให้ไอปืนเอาไปเข้าเซฟ สั่งไอ้สองคนกลับไปได้เลย" เขาสั่งตุลย์ให้จัดการ"จะให้พวกมันกลับเลยเหรอ""เออ""ผมว่ามันไม่ปลอดภัย" ตุลย์เป็นห่วงราเชนทร์หากจะสั่งลูกน้องกลับกันหมดโดยไม่มีใครอยู่คุ้มกัน"มึงก็อยู่" "ผมกลัวว่า..""กูเชื่อใจมึง" น้ำเสียงจริงจัง ราเชนทร์ไว้ใจสมุทรมือขวาอย่างตุลย์มากเพราะทำงานรับใช้เขามานาน อีกทั้งพ่อของตุลย์ก็เป็นมือขวาของพ่อราเชนทร์มาก่อน ตุลย์คลุกคลีอยู่วงการนี้มาตั้งแต่เด็กราเชนทร์ลงจากรถมีพนักงานของเลานจ์ออกมาต้อนรับราวจะปูพรมแดงให้เดิน เขาเคยมาใช้บริการที่นี่ก็หลายครั้งใครๆก็รู้ว่าคือราเชนทร์นักธุรกิจที่รวยเป็นพันๆล้านและต้องดูแลลูกคนนี้ให้ดี "ว๊าย มาแล้ว" เจ้อนงค์สาวสวย(สอง) ผู้จัดการเลานจ์ตื่นเต้นอย่างหนักเมื่อเห็นราเชนทร์ก้าวเท้าเข้ามา รีบออกไปต้อนรับยกมือไหว้และเชิญเข้ามาด้านใน "ไม่บอกว่าจะมา""..." ราเชนทร์ไม่ตอบเดินหน้านิ่งเข้าห้อง VVIP โดยไม่ต้องรอใครเชิญ ร่างสูง 18
มันเป็นใคร เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจที่มีอารมณ์ปะทุปานลาวาภูเขาไฟเตรียมระเบิด แต่หากทำแบบนั้นมันจะเป็นการแสดงท่าทีเกินไป สู้ซุ่มเงียบแอบตามดูตามสืบว่าไอ้เด็กเกิดเมื่อวานมันเป็นใคร ต้องปล่อยให้แพรวาได้ออกไปบริการราเชนทร์ แม้ในใจอยากจะยกปืนยิงแสกกระบาลสั่งสอนไอ้นี่เสียหน่อย ทว่าทั้งหมดก็ได้แต่ประมวลจินตนาการเพียงในโสตประสาทเท่านั้นประตูห้อง VVIP เปิดอ้า ร่างอรชรเดินยั่วย้ายเข้าราเชนทร์ที่นั่งดูดบุหรี่และยกแก้วเหล้าดื่มอย่างสบายใจ "เฮียขา นงค์เอาเด็กมาส่ง" "...." จ้องร่างสวยที่ยืนบิดเร้าแอ่นหน้าแอ่นหลังเป็นการล่อสายตาราเชนทร์ คนตัวโตมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าหนึ่งครั้งเป็นการส่งสัญญาณให้อนงค์ออกไป "ถ้าอย่างนั้นนงค์ไม่กวนแล้วนะคะ แพรวาแกดูแลเฮียเชนทร์ดีๆ" เมื่อส่งเด็กเสร็จเจ้อนงค์ก็เดินออกไปด้วยความสบายใจและปล่อยให้แพรวาได้ปรนเปรอปรนนิบัติราเชนทร์ได้อย่างเต็มที่ ด้านในถูกเด็กเลานจ์ดูแลอย่างดีทั้งชงเหล้าทั้งบีบทั้งนวด แพรวาเป็นเด็กเลานจ์ที่หน้าตาดีที่สุดแต่ไม่ใช่สเปคที่ราเชนทร์ชอบหรือคลั่งไคล้ ทว่าผู้ชายที่เริ่มเมาอยู่กับผู้หญิงที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซีจากการทำศัลยกรรมย่อมเ
อนงค์วิ่งเข้ามาทั้งกล้าทั้งกลัวแต่เมื่อเป็นผู้จัดการเลานจ์ก็ต้องรีบเข้ามาเพราะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสองนัดจนแขกเหรื่อแตกตื่นวิ่งหนีกันกระเจิง "เฮียเกิดอะไรขึ้น" ถามถึงสาเหตุในยามที่เห็นราเชนทร์ถือปืนกระบอกสีดำอยู่ในมือ พอๆกับตุลย์ที่วิ่งหน้าตื่นถือปืนเข้ามาเช่นกัน "เฮีย เป็นอะไรหรือเปล่า" สำรวจร่างกายราเชนทร์ยืนบังอารักขามองซ้ายมองขวาดูความปลอดภัย "กูไม่เป็นอะไร" ตอบมือขวาที่ยืนคุ้มกันด้วยความเป็นห่วง "แล้วแกมาทำอะไรตรงนี้น้ำหนึ่ง" อนงค์ถามเด็กปลายแถวในเลานจ์ ทำไมถึงมาโผล่ในห้องนี้ น้ำหนึ่งยืนเม้มปากไม่กล้าตอบ เธอกลัวอนงค์มากที่สุดและยิ่งมาสร้างเรื่องในเลานจ์ยิ่งกลัวไปใหญ่ "...." "อีหนึ่ง กูบอกมึงแล้วว่าอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่" ฝ่ามือทุบลงไหล่แคบของน้ำหนึ่งต่อหน้าราเชนทร์ คนตัวเล็กเขยื้อนตามแรงตบตีถอยหลังไปชนราเชนทร์อย่างไม่ตั้งใจ "พอได้แล้วอนงค์" คว้ามือที่กำลังจะฟาดลงใบหน้า น้ำหนึ่งเอียงหลบตามสัญชาตญาณลงบนแผงอกคนตัวโตด้วยความกลัวเจ้อนงค์ "นงค์จะสั่งสอนเด็ก" "แล้วเด็กเธอทำอะไรผิด" "...." ไม่ตอบแล้วหันจ้องไปที่น้ำหนึ่ง "อย่าให้กูเห็นมึงที่นี่อีกนะนังหนึ่ง" คล้ายเป็นคำขู
"ซี้ด" "อย่านะ" "อ๊าาาส์" น้ำอุ่นกระฉูดใส่หน้าน้ำหนึ่งโดยที่เธอไม่ทันระวัง ราเชนทร์แตกนอกจากการใช้สองมือชักว่าวและใช้ใบหน้าสวยรองรับน้ำกาม คนเบื้องล่างนั่งคุกเข่าผงกหัวขึ้นเต็มแรงบนใบหน้าอาบไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นและมีกระเด็นเข้าปากไปบ้างเล็กน้อย "ทำบ้าอะไร""รู้จักตอบแทนบุญคุณคนอื่นบ้าง"หยิบเสื้อสูทที่ไหลกองกับพื้นขึ้นมาเสร็จหน้าตัวเองเพื่อเอาคราบคาวอสุจิออกไป ราเชนทร์นั่งมองผู่หญิงตัวบางอยู่อย่างนั้นและสงสัยว่าเธอไปทำอะไรมาถึงโดนผู้ชายตั้ง 4 คนตามระรานถึงขั้นจะเอาชีวิต"ไปยุ่งกับผัวคนอื่นมาเหรอ" เขาเอ่ยถาม ผู้หญิงตัวคนเดียวรอดน้ำมือชายฉกรรจ์มาได้ถือว่าเก่งพอสมควร"ไม่บ้าไปแย่งผัวใคร" ยกขวดน้ำเปล่าล้างหน้าให้คราบได้หลุดออกจากใบหน้าทั้งยังถุยน้ำลายเอากลิ่นคาวออกจากปาก ".....""แต่ก็ขอบคุณที่ช่วย แม้จะช่วยด้วยวิธีนี้ก็เหอะ" จากนั้นลุกสะบัดก้นเดินหายไปยังประตูฉุกเฉินด้านหลัง มีเพียงหางตาของราเชนทร์ที่ยังมองตามร่างแน่งน้อยจนหายไปกับตา หลังจากนั้นราเชนทร์เป็นฝ่ายเดินออกไปเช่นกันโดยมีตุลย์ที่นั่งรออยู่บนรถ"เฮียจะกลับแล้วเหรอ""อืม ไม่มีอารมณ์อยู่ต่อ" ถือว่ากลับไวกว่าทุกวันที่มาปกติไ
ผ่านไป 1 ชั่วโมงบ้านที่ว่ามันยังไม่ถึงและเหมือนว่าจะออกนอกเขตกรุงเทพมหานครไปแล้ว คนตัวเล็กนั่งหาวด้วยความง่วงปนความเหนื่อยจากการโหวกเหวกโวยวายเป็นเวลานาน ตัวค่อยๆเอียงเอนในยามที่เหมือนจะหลับอยู่รอมร่อ หัวทุยเล็กเผลอเอียงลงไหล่หนาของอีกฝ่าย ราเชนทร์ผลักหัวทุยออกจากไหล่หนาจับเอนลงที่พิงหัวของเบาะทว่าก็เอนกลับมาซบไหล่หนาหลายครั้ง น้ำหนึ่งหลับลึกจะโดนผลักจนหัวเขยื้อนแค่ไหนก็ไม่รู้สึกตัว ในยามที่จะผงกหน้าทิ่มลงที่วางเท้ามือหนารีบช้อนกลัวใบหน้าเล็กกระทบกับของแข็ง โดยมีสายตาลูกน้องคนสนิทมองผ่านกระจกหลังสังเกตพฤติกรรมของผู้เป็นเจ้านาย“เฮียจะเอาไปอยู่ด้วยเหรอ”“เปล่า” ตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่ง“แล้วเอาขึ้นรถมาทำไม”“….” คราวนี้ราเชนทร์ไม่ตอบ แต่กลับส่งสายตาดุดันจ้องไปที่ตุลย์เป็นการตอบว่าไม่ต้องยุ่งและไม่เป็นจำเป็นต้องบอก สายตาดั่งคนพิโรธทำตุลย์รีบหลบและจดจ่อที่เบื้องหน้าไปในทันที การจราจรช่วงดึกไร้การแออัดง่ายต่อการเหยียบคันเร่งเข็มไมล์วิ่งขึ้นทะลุ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนในที่สุดรถคันหรูเคลื่อนตัวช้าลงและจอดหน้าบ้านคล้ายรีสอร์ตขนาดใหญ่แต่ทว่าเป็นบ้านตากอากาศที่สร้างทิ้งไว้นานๆจะมีโอกาสมา
ตุลย์เมื่อได้ยินเสียงสิ่งของตกกระทบอยู่หลายครั้งก็วิ่งถือปืนมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่เพียงตัวเดียว บนหัวมีแชมพูสระผมขาวเป็นฟองทั่วทั้งหัว ทว่าวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางทะมัดทะแมงมือถือปืนเล็งเข้าพร้อมจะยิงกับศัตรูทุกเมื่อ ก็ต้องลดระดับมันลงเมื่อเห็นเจ้านายกำลังนอนทับร่างผู้หญิงที่พามาด้วยกันบนโซฟาจนแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ"เมื่อได้ยินเสียงจากตุลย์และโผล่เข้ามา ราเชนทร์ก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองน้ำหนึ่งนอนจมบนโซฟาหลังจากถูกกดจนปวดแขนไปหมด ร่างเล็กดันตัวเองขึ้นทรงตัวนั่งเบ้หน้าจากความเจ็บปวดก่อนจะเอียงหางตามองคนอายุมากกว่าที่อยู่ใกล้ๆ"เด็กมันซนไปหน่อย"พับแขนเสื้อขึ้นแล้วแกะกระดุมปลดลงถึงกลางอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ในขณะที่น้ำหนึ่งก็ยังนั่งนวดแขนตัวเองไปมาไม่พูดไม่จามีเพียงสีหน้าของความเจ็บปรากฏออกมาเท่านั้น"คืนนี้ก็นอนบนโซฟาแล้วกัน"ราเชนทร์บอกคนตัวบางให้นอนบนโซฟาตัวนี้ จากนั้นก็เดินสะบัดคอขึ้นชั้นบนเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่สนใจน้ำหนึ่ง"ไปทำอะไรให้เฮียไม่พอใจ" ตุลย์กระซิบถามทันทีที่ราเชนทร์เลี้ยวตัวขึ้นบันไดจนหายไปชั้นบน"เปล่า หนึ่งแค่โมโหที่เฮียเขาไม่ยอม
ที่นอนสำหรับคืนนี้ก็เป็นโซฟาตัวแคบ แต่เมื่อเทียบกับร่างบอบบางของน้ำหนึ่งก็ถือว่ากว้างมาก วางศีรษะลงหมอนนิ่มและห่มผ้านอนยังไม่ทันจะหลับ เสียงพื้นไม้ก็ดังเอี๊ยดอ๊าดจนน้ำหนึ่งกลัวอีกครั้ง ลุกขึ้นนั่งคว้าพระพุทธรูปเข้ากอด รู้สึกได้ว่ามีมวลความร้อนมหาศาลกำลังปกคลุม มองไปด้านนอกต้นไม้ก็โย้เย้โยกตัวมองไปมาราวกับผีเปรตไหนจะเสียงกอไผ่ที่เสียดสีกันดังเป็นระยะชวนหลอนไปกันใหญ่ตั๊กแก !!!ตุ๊กแกร้องพร้อมกันสองตัวสลับไปมาพร้อมสายลมโชยโกรกเย็นยะเยือก น้ำหนึ่งเด้งตัวลอยวืดเหนือพื้นแล้วกระทบฝ่าเท้าน้อยๆ ลงพื้น จากนั้นวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดไปในความมืด สัญชาตญาณความกลัวทำให้ก้าวขาขึ้นบันไดได้อย่างรวดเร็วทะลุไปชั้นบนของบ้านโดยไม่ตกขั้นบันไดเลยสักนิด ด้านบนมีเพียงห้องนอนห้องเดียวและราเชนทร์นอนอยู่ในนั้น"เฮีย"ปังๆ!!"เฮีย ผีหลอก" กระหน่ำเคาะประตูจนคนด้านในตื่น ราเชนทร์ถือกระบอกไฟฉายที่วางไว้หัวเตียงออกมาเปิดเห็นน้ำหนึ่งหน้าตื่นตกใจกลัวทั้งยังหอบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นมาด้วย"มีอะไร""ผีหลอก ขอหนึ่งนอนด้วย" มุดตัวลอดหว่างแขนที่ราเชนทร์จับประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่มกระชับตัวและยังนอนกอดพระพุทธรูปไม่ปล่
ในช่วงสายหลังจากอาบน้ำเสร็จ ราเชนทร์ย้ายตัวเองลงมาข้างล่างนั่งด้านนอกชมนกชมไม้ปล่อยดวงตาได้มองความเขียวชอุ่มของทัศนวิสัยเบื้องหน้า ส่วนน้ำหนึ่งก็นั่งอยู่บนโซฟาตัวเมื่อคืนมองตุลย์ที่กำลังประกอบกรอบรูปใบใหญ่แทนอันเดิมที่น้ำหนึ่งตั้งใจทำมันแตก"เฮียตุลย์" น้ำหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นคนในรูปชัดเจนมากกว่าเมื่อคืนในความสงสัย ตลุย์ขานรับอีกฝ่ายในขณะที่นั่งขัดสมาธิบนพื้น ดวงตาก็จ้องกับสิ่งที่จดจ่ออยู่ตรงหน้า"เมียเฮียเชนทร์เหรอ"ได้ยินเช่นนั้นคนฟังหัวเราะออกมาในทันที แต่กระนั้นก็ไม่ตอบอะไรตั้งใจทำสิ่งที่ถือขึ้นในมือขันน็อตประกอบเพื่อยึดโครงกรอบรูป"สวยดีเนาะ" น้ำหนึ่งเพ่งมองไปยังกระดาษใบใหญ่ที่เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาดีอายุน่าจะราวๆ กับเธอ คนในรูปผมยาวกลางหลังยกเรียวปากยิ้มเล็กน้อยผิวค่อนข้างขาวและมีดวงตาชั้นเดียวดูเหมือนอาหมวยด้วยซ้ำ"เขาบอกว่าเนื้อคู่กันมักหน้าตาเหมือนกัน"น้ำหนึ่งยังพูดไม่หยุดและชื่นชมผู้หญิงบนแผ่นกระดาษที่มีหน้าตาละม้ายคลายราเชนทร์อย่างมาก"พูดเก่งนะเรา ไม่เหมือนเมื่อวานกลัวเจ้าหนี้จนหน้าสั่นงกๆ"ตุลย์แซวน้ำหนึ่งผู้หญิงในวันนั้นกับวันนี้ช่างต่างกันอย่างกับคนละคน ในตอนนั้นเธอต
ร่างเล็กก้าวเท้าข้ามเข้ามาปิดประตูล็อคมันมิดชิดก่อนจะนั่งย่อลงคุกเข่าก้มตัวใช้มือฝ่ามือน้อยๆ สองข้างยันค้ำจากนั้นคืบตัวเป็นลักษณะการคลานเข้าไปทีละนิด ดวงตาคมกริบที่เห่อล้อมไปด้วยความหื่นจ้องมองอย่างพอใจ เขาชอบที่มีผู้หญิงคลานเข่าเข้ามาในยามอารมณ์พลุ่งพล่าน หากเปรียบตัวเองเป็นดั่งราชสีห์ที่มีแต่คนก้มหัวให้ ทันทีที่น้ำหนึ่งถึงตัวของอีกฝ่ายก็ถูกราเชนทร์ดันต้นคอประกบเข้าจูบอย่างดูดดื่มในขณะที่เธอยังใช้หัวเข่ายันพื้นเป็นการทรงตัว ริมฝีปากหนาโอบงับอีกฝ่ายไม่ได้มีโอกาสตั้งตัวเบียดประกบแน่นจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวคลุ้ง“อึก” ลิ้นร้อนสอดต้อนเข้าหาทั้งดูดดึงเสียจนคนโดนตัวโยกตามจังหวะการส่งจูบอย่างหื่นกระหายจ๊วบ!!“อื้อ อย่ากัดลิ้น” ผละริมฝีปากรับรู้ว่าลิ้นอ่อนกำลังถูกฟันแหลมแทะกัดจนเจ็บปวด เมื่อน้ำหนึ่งผละใบหน้าออก เป้าหมายต่อไปคือลำคอระหงราเชนทร์จุมพิตดูดดึงต้นคอสวยขบเน้นบดขยี้ย้ำๆ หลายจุด คนโดนกระทำย่นคอหนีทว่ามือหนาก็จับล็อคไม่ให้ขยับ“เป็นแวมไพร์ทหรือไง ~ โอ๊ย” ร้องลั่นจนราเชนทร์ต้องหยุดกระทำ เมื่อน้อยยกดันลาดไหล่คนตรงหน้าให้ถอยห่าง“เจ็บเหรอ”“เจ็บสิ” เบะใบหน้าเจ็บปวดทำให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำหั
เป็นอีกคืนที่น้ำหนึ่งยังต้องวนเวียนอยู่กับราเชนทร์ในคฤหาสน์หลังโต ตั้งแต่มาถึงก็มักเห็นชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ่อยครั้งและยังหมกตัวอยู่ในห้องทำงานโดยมีลูกน้องคนสนิทอย่างตุลย์และอีกคนคือปืนที่เดินสับเปลี่ยนกันเดินเข้าออกอย่างกับขบวนพาเหรด“แล้วแบบนี้จะมีโอกาสได้คุยไหมล่ะ” น้ำหนึ่งอยากจะถามเจ้าของบ้านให้รู้เรื่องว่าเธอต้องอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน แม้จะสะดวกสบายราวเจ้าหญิง ทว่าวันหนึ่งราเชนทร์จะเฉดหัวออกไปแล้วจะตั้งตัวยังไงทันคนตัวเล็กนั่งนอนบนโซฟาหลังจากกินข้าวมื้อเย็นโดยมีเจ้าคัพเค้กแมวสีขาวขนปุยเล่นเป็นเพื่อน ยกเจ้าขนปุยขึ้นมาวางบนหน้าพลางใช้ใบหน้าถูไถขนนิ่ม“เมื่อไหร่เจ้านายแกจะออกมาเนี่ย ฉันนั่งรอหลายชั่วโมงแล้ว” บ่นกับแมวเหมียวที่ไม่รู้ภาษาคนมันได้แต่มองตาปริบๆ ในยามที่น้ำหนึ่งคุยด้วย“ทำไม คิดถึงฉันเหรอ” เสียงทุ้มต่ำดังกรอกข้างใบหูทางด้านหลัง ราเชนทร์เป็นประเภทบ่นปุ๊บโผล่มาปั๊บ“เฮีย! มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมด” ยกมือทาบอกหนึ่งข้าง มืออีกข้างยังอุ้มเจ้าคัพเค้กไว้ในอ้อมกอด“ถามหาทำไมอยากเจอหน้าหรืออยากได้คว..”“หุบปากไปเลย” น้ำหนึ่งรีบแทรกเพราะอีกฝ่ายกำลังจะชั
เท้าหนายันประตูแทนการใช้มือ ห้องนอนกว้างโทนสีทองขาวไม่ต่างจากชั้นล่างมีกลิ่นหอมอบอวลลอยเข้าจมูกจนน้ำหนึ่งเคลิ้มราวมนต์สะกด ราเชนทร์วางร่างแน่งน้อยลงเตียงแล้วใช้มือลูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน จากนั้นขยับตัวออกไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้งถอดเสื้อเชิ้ตนาฬิกาออกจากตัวโดยที่สายตาของคนอายุน้อยกว่ามองปะทะกันผ่านกระจก“เฮียพาขึ้นมานอนแค่นั้นจริงๆ เหรอ” ราเชนทร์หันมาแล้วเดินกลับมานั่งด้านข้างบนเตียงกับคนตัวบาง“ง่วงก็พามานอน”“ถ้าหนึ่งอยากทำมากกว่าการนอน”ดวงตารัตติกาลมองปากสวยที่เพิ่งอ้าเปล่งออกมา ก่อนจะหุบมันแล้วเม้มกันไว้คล้ายกับได้สติว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไปอย่างน่าเกลียด“อยากให้เฮียทำอะไร” ขยับกายหนาเข้าใกล้ทั้งกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“แล้วแต่ หนึ่งยอมได้หมด” เป็นการอนุญาตไปในตัวว่าผู้ชายตรงหน้าจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอพูดออกมาแบบนี้ ในส่วนของคนฟังยิ่งชอบใจที่น้ำหนึ่งยินดีจะมอบในสิ่งที่เขาต้องการ ปลายคางรูปไข่ถูกช้อนด้วยนิ้วมือหนาให้อีกฝ่ายได้เอียงรับกับริมฝีปากหยาบ ราเชนทร์ป้อนความหวานให้อย่างครั้งก่อนและคราวนี้เธอก็อ้าปากตอบรับมันอย่างรู้งานจ๊วบ!!เรียวปากประกบกันอย่างดูดดื่ม
แกร๊ก!!!“ทีมแพทย์จะเร่งกันอย่างเต็มที่ คุณราเชนทร์ไม่ต้องห่วง”บุคคลที่น้ำหนึ่งยืนรอออกมาพร้อมกับหมอมีอายุท่านหนึ่ง แต่เมื่อบุรุษในชุดกาวน์เห็นเธอก็มีอาการตกใจทั้งดวงตาเบิกกว้าง“ไม่เป็นไร ผู้หญิงคนนี้มากับผม”เมื่อคุณหมอได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจคล้ายโล่งอกแล้วกลับเข้าห้องไปตามเดิม น้ำหนึ่งยังยืนอยู่แบบนั้นด้วยแววตาสงสัยว่าด้านในมันมีอะไรทำไมทุกอย่างมันมีความลับและพิเศษกว่าคนอื่นๆ ทว่าดวงตานั้นก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนฝั่งตรงข้าม นอกจากการถูกคว้ามือน้อยๆ เดินเข้าลิฟต์“เฮียมาหาใคร ทำไมดูซีเรียสกันจัง”ความอยากรู้อยากเห็นผุดขึ้นเป็นคำถาม ทว่าราเชนทร์ก็ยังยืนจับมือเล็กและใช้นิ้วหัวแม่มือลูบวนลงหลังมือของน้ำหนึ่ง“…”“มาเยี่ยมใคร แฟนใหม่หรือแฟนเก่า”ก็ยังวนและคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงของราเชนทร์เหมือนครั้งก่อน และแน่นอนราเชนทร์กับปิดปากเงียบไม่แม้จะเปิดปากตอบคนเด็กกว่าอีกตามเคย คราวนี้น้ำหนึ่งเกิดอารมณ์โมโหเธอไม่ชอบการถามแล้วไม่มีอะไรกลับมา มันเหมือนเป็นอากาศเหมือนไม่มีตัวตนแต่ถ้าราเชนทร์เป็นคนรักก็คงเปรียบได้ว่าเธอไม่มีความสำคัญ“…”“ไม่ตอบก็ไม่ต้องมาจับมือหนึ่ง”สะบัดจนหลุดแล้วขยับตัวไปชิดอีกฝ
เสียงฝ่าเท้าวิ่งตุบตับขึ้นบันไดไปยังชั้นบนเป็นเหตุให้น้ำหนึ่งลืมตาตื่นในช่วงเจ็ดโมงเช้า ตุลย์หน้าตื่นตามหาเจ้านายทั้งส่งเสียงเรียกเสียงดังจนกระทั่งออกไปยังด้านนอกที่เป็นพื้นที่ของกรงนก ร่างแน่งน้อยสะลึมสะลือเพราะถูกก่อกวนจากเรื่องเมื่อคืนเป็นผลให้นอนไม่หลับทั้งครุ่นคิดอยู่คนเดียวบนโซฟาไปจนถึงตีสามและเพิ่งหลับตาได้สนิทไปได้ไม่กี่ชั่วโมงน้ำหนึ่งได้ยินเพียงเสียงสนทนาของเจ้านายกับลูกน้องมีน้ำเสียงเคร่งเครียดและจะข่มตาหลับตาหลับต่อ ทว่าแสงแดดเริ่มแยงลอดผ่านเข้ามากระทบเปลือกตาก็ไม่อาจหลับต่อได้ อ้าปากหาวนั่งมองชายสองคนยืนคุยกันด้านนอกแบบนั้นโดยไม่รู้จะลุกจากโซฟาไปทำอะไร“เอารถออก” เสียงทุ้มต่ำสั่งตุลย์ให้เตรียมรถแต่โดยเร็ว อีกคนรับคำสั่งอีกคนกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นห้องไปหยิบของสำคัญ“รีบอะไรกันขนาดนั้น”ลุกจากโซฟาเพื่อจะเข้าอาบน้ำล้างหน้าที่ห้องตุลย์ ยังไม่ทันจะก้าวขาซ้ายพ้นประตูด้านหลังของบ้านเรียวแขนเล็กถูกกระชากจนหงายไปด้านหลังชนเข้าแผงอกของราเชนทร์อย่างจัง ชายหนุ่มรีบใช้มือหนาอีกข้างโอบเอวกิ่วน้ำหนึ่งกันล้มเพราะแรงดึงกระชากแรงที่ทำคนเด็กกว่าไม่ทันตั้งตัว“เฮีย กระชากหนึ่งอีกแล้ว” โวยวายทั
เสียงหวานที่แผดร้องถูกกลืนหายลงลำคอของอีกฝ่ายในยามที่ราเชนทร์ประกบริมฝีปากอุ่นลง คนตัวเล็กทำได้แค่สะบัดไหล่ไปมาเมื่อแขนสองข้างถูกมัดไขว้หลังไปแล้วก็ไม่อาจใช้มือทุบตีเป็นการห้ามปราบอีกฝ่ายได้“สำหรับคนไม่รักษาคำพูด” น้ำหนึ่งอ้าปากโกยเอาออกซิเจนครั้นอีกฝ่ายถอนจูบและใช้ฝ่ามือประคองใบหน้ารูปไข่“อึ่ก” สอดชำแรกปลายลิ้นทั้งบดริมฝีปากลงอีกครั้ง ตักความหวานของผู้หญิงตรงหน้าออกมาชิมจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ ในขณะที่อีกฝ่ายยังตาเหลือกส่งเสียงอู้อี้ดังแผ่วเบาในเพียงลำคอ แม้พยายามจะเม้มปากแน่นกันลิ้นร้อนฉกฉวยก็ไม่อาจต้านทาน ราเชนทร์ยังขยี้มันอยู่แบบนั้นเกิดกลิ่นเลือดคาวคลุ้งเมื่อริมฝีปากของน้ำหนึ่งเริ่มแตกจากการบดเบียด“และสำหรับที่เอากรอบรูปน้องสาวเฮียทิ้งอย่างไม่แยแส”เขาโกรธเธอมากพอสมควรกับเหตุการณ์วันนั้นแต่ต้องระงับอารมณ์เพราะคนตัวบางก็โมโหพอๆ กับเขาในครั้นที่ราเชนทร์ไม่เอ่ยปากตอบ“หนึ่งไม่รู้ ขอ..อึ่ก” จะเอ่ยปากขอโทษก็ถูกฉกฉวยแย่งชิงออกซิเจนในทันที ราเชนร์สูบเรียวปากสวยจนแดงก่ำราวกับทาลิปสติกอย่างหนำใจ จากนั้นหันมาสนใจลำคอสวยลากไซร้มันอยู่แบบนั้น หนวดพอรำไรทิ่มตามเนื้อผิวสร้างความสยิวให้คนตัวบางอย
การแข่งขันเริ่มขึ้น น้ำหนึ่งถือไม้สนุ๊กด้วยท่าทีทะมัดทะแมงพอตัว เดินสำรวจมุมและจังหวะของตัวเองหมายช่วงชิงตำแหน่งของผู้ชนะเพื่อจะขอแลกกับการออกไปจากที่นี่ ในขณะที่ราเชนทร์ถอยตัวออกห่างยืนผิงโต๊ะด้านข้างและจิบน้ำเปล่าผสมโซดาและยังมีแอลกอฮอล์เจือจางบางๆ ครั้นชงมาดื่มเมื่อนอนไม่หลับในค่ำคืนนี้ ท่าทางของคนเด็กกว่าถือว่าใช้ได้ ราเชนทร์เริ่มเลิ่กลั่กหากเธอเป็นผู้ชนะเข้าต้องให้ทุกอย่างในข้อต่อรองทว่า..... ปัก!!ยิงครั้งสุดท้ายของการแข่งขันทว่ากลับไม่ลง น้ำหนึ่งกำลังพลาดเป็นเกมส์ที่รู้สึกประหม่าอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายถึงคิวที่ต้องเล็งลูกสนุ๊ก ชายหนุ่มเดินรอบโต๊ะอย่างเชื่องช้าจ้องไปที่ลูกกลมๆ ทั้งกระจายตัวกันอยู่สองสามลูกก่อนจะสลัดหางตามองคนตัวเล็กที่ยืนหายใจแรงด้วยสีหน้าประหม่าราเชนทร์ก้มตัวต่ำระนาบลงกับโต๊ะพู เหยียดแขนข้างซ้ายออกสุดและใช้หลังมือรองไม้สนุ๊กที่พาดผ่านเป็นทางยาว ดวงตาสีคมเข้มจ้องไม่กะพริบเป็นการเล็งเพ่งเป้าหมายจากนั้นก็กระตุกไม้ชนลูกกลมๆ กระทบกันกระจุยกระจาย ยิ่งทำให้น้ำหนึ่งทำตัวไม่ถูก เมื่อมันไหลลงรูอย่างแม่นยำ ราวกับมีแม่เหล็กหน่วงลงไปเสียงปรบมือของผู้ชนะดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มแส
บรรยากาศที่มีแต่เสียงช้อนเสียงเคี้ยวนั่งกันอยู่สองคนโดยที่ตลย์เดินออกไปหลังบ้านไปทำธุระส่วนตัวหลังจากจัดโต๊ะอาหารให้คนเป็นนายเสร็จ“อดอยากมาจากไหน”“เปล่า” แต่ก็ยังตักเข้าปากไม่เลิกทั้งยังลุกไปตักข้าวในหม้อมาอีกสองทัพพีนั่งกินตามเดิมอย่างเอร็ดอร่อย“เดี๋ยวติดคอตาย”คนฟังเลิกสนใจตอบตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ส่วนราเชนทร์กินไปแค่ไม่กี่คำชายหนุ่มก็ยกแก้วน้ำมาดื่ม“อิ่มแล้วเหรอ”“อืม” ลุกจากเก้าอี้ขึ้นห้องนอนตามเดิม ปล่อยคนตัวเล็กนั่งกินข้าวคนเดียวต่ออย่างเอร็ดอร่อย แม้น้ำหนึ่งจะมองตามราเชนท์ทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไร ดีซะอีกจะได้กินแบบไม่ต้องเกรงใจ ไม่ยอมให้กลับบ้านเลานจ์จะกินให้เกลี้ยงเลยคอยดูแน่นอนว่าคืนนี้น้ำหนึ่งยังคงต้องค้างที่นี่ต่อและจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำของราเชนทร์แต่เธอกับเลือกจะเดินออกจากตัวบ้านไปสักหน่อยแล้วใช้ห้องน้ำของตุลย์แทน“ชั้นบนก็มี”“หนึ่งไม่สบายใจที่จะต้องเดินขึ้นห้องเฮียเชนทร์”ตุยล์พยักหน้าตอบก็คงจะไม่ชอบราเชนทร์เหมือนคนอื่นๆ ความหน้านิ่งดูไม่เป็นมิตรไม่แปลกที่จะมีคนไม่ชอบและมันก็เป็นส่วนใหญ่ตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา“แล้วชุดของคุณรันที่เฮียตุลย์เอามาให้ใส่ หนึ่งก็ไม่ส
"พูดให้มันเบากว่านี้ นกฉันตกใจ" เตือนน้ำหนึ่งให้ลดเสียงแหลมลงมาหน่อยและทอดมองร่างแน่งน้อยด้วยสายตาเรียบเฉย"เลี้ยงนกพันธุ์อะไร?" ดันสนใจสัตว์เลี้ยงของราเชนทร์ ทั้งที่มีจุดประสงค์จะมาขออนุญาตออกไปข้างนอกตั้งแต่แรก ทว่าเป็นแค่การปูทางเกริ่นเรื่องอื่นออกไปก่อน"พูดธุระของเธอมา""คือ..จะขอออก-""ไม่" พูดยังไม่จบประโยค ราเชนทร์ก็ตัดจบด้วยคำว่าไม่"เอ้า จะไม่ฟังหนึ่งก่อนเหรอ จะขอออกไปข้างนอกกับเฮียตุลย์" แค่อ้าปากราเชนทร์ก็เดาได้ว่าน้ำหนึ่งหวังผลอย่างอื่นเธอคงต้องการจะออกไปจากที่นี่ คนอย่างราเชนทร์หว่านพืชก็ต้องหวังผล การจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากอาณาเขตของดิลกก้องเกียรติก็สมองกลวงเต็มทน"ฉันไม่ได้โง่" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทำให้น้ำหนึ่งกลืนน้ำลายพูดไม่ออก ราเชนทร์เดินเลยผ่านคนตัวบางเข้าไปในบ้านกลิ่นตัวหอมจางๆ ปะทะจมูกคนตัวเล็กกว่าแล้วขึ้นห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่น้ำหนึ่งเดินตามมาติดๆ ยืนข้างบันไดด้วยความผิดหวัง"หนึ่งอยู่ที่นี่ ไม่ต้องออกไปไหน" ตุลย์เอ่ยขึ้นและกำชับไม่ให้เธอออกไปไหนทั้งยังถือเป็นการสั่งห้าม"แต่หนึ่ง-""ไม่ใช่แค่เฮียเชนทร์ที่มองออก เฮียเองก็รู้ว่าหนึ่งคิดอะไร"คน