นี่มันวินาศสันตะโรอะไรที่โอเมก้าสวย เริด เชิด หยิ่งแห่งยุคอย่าง อันดารัน หนึ่งตระการ ได้วาร์ปมาอยู่ในอีกโลก ทั้ง ๆ ที่การขยับตัวจะทำอะไรของเขากำลังเป็นที่จับตามองของสังคม หน้าจอออนไลน์มักจะปรากฏชื่อโอเมก้าเนื้อหอมที่มักจะถูกจับจองพาดหัวฮอตเสิร์ชอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง หรือต้นเหตุของการวิวาท โอเมก้าที่อัลฟ่าทั้งหลายต่างหมายปอง ในโลกวิวัฒนาการและเทคโนโลยีล้ำหน้า อีกทั้งยังมีการจับคู่ของรัฐบาลซึ่งแก้ปัญหาประชากรที่เกิดโรคระบาดเมื่อหลายสิบปีก่อน อันดารันเป็นโอเมก้าคนสวยที่นอกจากความสวยแล้วก็อาจจะมองหาอย่างอื่นไม่ได้…หากไม่มีการจับคู่ของรัฐบาลเพื่อคัดกรองยีนที่สมบูรณ์แบบ อันดารันคิดว่าชีวิตของเขาคงมีความสุขและใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงมากกว่านี้
แต่ชีวิตป๊อปๆในสังคมไฮโซต้องพังเพียงเพราะเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับอัลฟ่าที่อายุห่างกันเกือบสิบปีอย่างซานนาห์ชองส์เรื่องอะไรที่จะต้องมีผัวแก่อย่างนั้นแถมยังทำหน้าเหม็นเบื่อโลกสายตาที่ใช้มองเขานั้นช่างทิ่มแทงและดูหมิ่นอยู่ในทีแม้ไม่บริภาษอะไรออกมาสักคำมีผัวแบบนั้นน่าเบื่อตายดีไม่ดีต้องได้ปรนนิบัติรับใช้เป็นเมียในเรือนทาสหรือเปล่าก็ไม่รู้
ก่อนงานหมั้นหมายที่ใกล้เข้ามาอันดารันเจ้าแม่ปาร์ตี้ก็ออกท่องราตรีอย่างเช่นเคยปาร์ตี้ที่จัดในกลุ่มเพื่อนฝูงและตรงกับวันคริสต์มาสซึ่งก็คือวันคล้ายวันเกิดของเขานั่นแหละคืนนั้นอันดารันเมาเหมือนหมาสภาพดูไม่ได้ที่เขาปล่อยตัวแบบนั้นเพราะว่าคนรักอย่างอาร์ชินที่พ่วงด้วยตำแหน่งบอดี้การ์ดคนสนิทอยู่ด้วยยังไงล่ะอีกทั้งยังอยากจะให้คู่หมั้นเห็นสภาพของเขาเผื่อจะเปลี่ยนใจถอนหมั้นหมายในเร็ววันท่ามกลางแสงไฟสลัวเสียงเพลงดังกระหึ่มจู่ๆร่างกายโอเมก้าก็เกิดร้อนรุ่มขึ้นมาเหมือนจะเห็นคู่ปรับไม้เบื่อไม้เบาอย่างยัยหัวชมพูดาเมียนมากระซิบกระซาบอะไรกับคนรักของเขาไม่รู้
อาร์ชินถูกกระชากลากถูออกไปกับดาเมียนอันดารันเองพอเห็นภาพนั้นก็รีบตามออกไปทั้งๆที่แทบจะคุมสติไม่ได้เนื่องจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปสุดท้ายภาพตัดไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากได้ยินเสียงเบรกล้อบดเบียดไปกับถนนร่างกระแทกกับถุงลมนิรภัยของเหลวสีแดงฉานไหลอาบทั่วร่างกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากความเจ็บปวดหนึบชาค่อยๆกลืนกินสติสัมปชัญญะก่อนที่โลกตรงหน้าจะดับวูบไป
ว่ากันว่าเราอาจจะมีฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันอยู่มุมหนึ่งของโลกก็ได้ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปอาจเป็นเพียงความเชื่อในเรื่องมิติโลกขนานหรือเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กมีโลกมิติคู่ขนานจริงหรือไม่อันดารันหนึ่งตระการก็ได้ประสบพบเจอมากับตัวเอง
ย้อนกลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
เฮือก!!
อาการคล้ายคนนอนหลับแล้วถูกผลักให้ตกลงมาจากที่สูงอันดารันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางถนนเส้นนึงที่มืดครึ้มมองไม่เห็นอะไรนอกจากสีดำที่ปกคลุมล้อมรอบไปทั่วบริเวณเขาเดินโซซัดโซเซจนเห็นแสงสีเงินสาดส่องมาแต่ไกลจึงรีบถลาวิ่งออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ทว่าผิดคาด
เอี๊ยดดดดปังโครม
เสียงเบรกล้อครูดไปกับพื้นถนนอย่างน่าหวาดเสียวแต่ก็ไม่ทันการณ์เมื่อมีคนวิ่งตัดหน้ารถอีโคคาร์คันเล็กแถมยังเก่าซอมซ่อเจียอีเหยียบเบรกสุดชีวิตแต่ก็ช้าไปเมื่อรถได้ชนเข้ากับผู้โชคร้ายกระจกหน้ารถร้าวไปทั้งแผงเมื่อได้สติจึงรีบเปิดประตูลงจากรถพร้อมโทรเรียกรถฉุกเฉินรวมทั้งประกันต่างๆไฟหน้ารถสาดส่องไปเจอร่างผู้ชายคนนึงนอนสลบไสลเนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดแดงฉานที่ไหลนองตามพื้นถนนอันขรุขระห่างไปหลายเมตร
“ตายมั้ยเนี่ย” เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากกว่านี้จึงยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าไปจับเคลื่อนย้ายคนเจ็บสุ่มสี่สุ่มห้าจึงทำได้เพียงแค่รอรถฉุกเฉินอย่างร้อนใจ
เจียอีขยุ้มผมอย่างขวัญเสียเพิ่งเข้าทำงานได้สองเดือนยังไม่ทันผ่านโปรก็เกิดโรคระบาดไปทั่วโลกจนบริษัทต้องลดพนักงานลงทุกคนในออฟฟิศกลับไปทำงานที่บ้านบ้างก็ถูกร่อนซองขาวในเช้าอีกวันวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่เขาต้องเร่งเคลียร์งานล็อตสุดท้ายไม่พอรัฐบาลยังประกาศเคอร์ฟิวตอน 4 ทุ่มเพราะเหลือบไปดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาสามทุ่มครึ่งเขาจึงรีบเหยียบคันเร่งหมายจะให้ถึงที่พักก่อนกำหนดแถมตอนนี้ยังมาชนคนอีก
“อยากจะบ้าตายจะซวยอะไรขนาดนี้วะเนี่ย”
รถอีโคคาร์ที่พอจะกันแดดกันฝนก็ดันมาพังหน้ารถยุบกระจกแตกโชคดีที่กัดฟันจ่ายประกันชั้นหนึ่งดูจากสภาพคนเจ็บแล้วประกันก็คงจะจนปัญญาไปไล่บี้แม้จะโชคดีที่ผู้โชคร้ายไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงจนเสียชีวิตแต่ทว่าอาการทางสมองเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วอยู่ไม่สู้ตายเสียยังดีกว่านอกจากแขนขวาหักแผลถลอกปอกเปิกซี่โครงร้าวแต่ทว่าอาการทางสมองที่แม้ผลจากการตรวจ MRI จะปกติแต่คนเจ็บตั้งแต่ฟื้นมาก็จ้องเขาตาขวาง
“ย้ายฉันไปที่ห้องพิเศษเดี๋ยวนี้!!” แม้จะสูดปากเจ็บแผลที่ต้องพันเหมือนมัมมี่แต่ความหยิ่งยะโสโอหังนั้นทะลุผ้าพันแผลออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ติดต่อเลขาฉันเขาจะจัดการให้เองจะบ้าหรือไงที่ต้องมานอนร่วมกับคนเป็นสิบ” อันดารันกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายตั้งแต่ฟื้นลืมตาขึ้นมาสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็ดูไม่คุ้นตาเหมือนคนรอบข้างจะเป็นเบต้ากันหมดเพราะไม่ได้กลิ่นฟีโรโมใดๆ รวมถึงคนแปลกหน้าที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียง ที่ตั้งแต่คนเจ็บตาแตกตื่นขึ้นมาก็ยังไม่หยุดฉอดอีกฝ่าย
“ทั้งด่าว่าเขาขับรถได้เฮงซวย”
“ไม่มีตาบ้างล่ะ”
“หนักสุดคือเป็นเบต้าใช่หรือเปล่า?”
หากคุณขอพรจากซานต้าได้หนึ่งข้อ…คุณจะขออะไร“ก็คงจะขอให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับคนที่รักและได้รับความรักและการยอมรับจากผู้คนรอบข้างล่ะมั้ง”อันดารันไม่คาดคิดว่าพรที่ขอที่เอ่ยออกจากปากไปอย่างส่งๆจะสัมฤทธิ์ผลเป็นจริงในตอนที่เขาลืมตามาอยู่ในร่างของสรพงษ์คนธรรมดาแถมยังอยู่ในโลกปัจจุบันที่ไม่มีอัลฟ่าโอเมก้าอีกทั้งเขายังได้เจอกับเจียอีผู้ชายธรรมดาที่เติมเต็มความต้องการของเขาได้หมดแถมยังอันลิมิตไม่มีที่สุดอีกด้วยเพราะไม่ได้รับความรักตั้งแต่แบเบาะอันดารันจึงขาดความรักและความอบอุ่นในชีวิตไปโอเมก้าหนึ่งเดียวในครอบครัวใหญ่จึงต้องสร้างเกราะป้องกันและเรียกร้องความสนใจโดยวิธีการสุดกู่เด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้จ้าอ่อนแอปวกเปียกในตอนนั้นกลายเป็นหนามแหลมพร้อมที่จะทิ่มแทงทุกคนในวันนี้จุดแตกหักที่สุดในครอบครัวก็ตอนที่รู้ว่าพ่อของเขาวางแผนจับลูกในไส้ใส่พานให้อัลฟ่าเศรษฐีที่อายุห่างกันถึง 7 ปีโดยใช้การจับคู่ของรัฐบาลเป็นข้ออ้างเรื่องราวในคืนนั้นกลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของโอเมก้าหนุ่มไปตลอดกาลจากโอเมก้าอันดับหนึ่งสุดฮอตของเมืองใหญ่อย่างเดอะแกรนด์ซิตี้ลืมตาตื่นขึ้นมากลายเป็นคุณสรพงษ์ที่จัดจ้านในย่านนนทบุรีโลกใบ
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนคนเจ็บปางตาย ขวัญแตกกระเจิงตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อโดนอีกฝ่ายฉอดก็ฟังไม่เข้าหัวสักอย่าง โชคดีที่มีโรงพยาบาลรัฐอยู่ใกล้ ๆ ถ้าเป็นเอกชนไม่อยากจะคิดว่าค่ารักษาพยาบาลจะเท่าไหร่เจียอีเกาหัวอย่างลวกๆปัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงค่อยๆพูดค่อยๆจากับคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงแต่ในใจเขาคิดว่าส่วนที่ควรจะบาดเจ็บที่สุดควรจะเป็นฝีปากที่คมกริบเหมือนกรรไกรของเจ้าตัวมากกว่าพูดแต่ละอย่างเรียกตีนได้ง่ายมาก“นี่ติดต่อเลขาฉันหรือยัง ‘อินคา’ แล้วย้ายฉันไปห้องพิเศษ…แกไม่รู้จักฉันหรือไง?”“…”“อ้อ…อีกอย่างแกต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำฉันเจ็บตัวอยู่แบบนี้อีกอย่างแกต้องรับผิดชอบค่ารักษาใบหน้าแขนขาของฉันที่ต้องเกิดรอยขีดข่วนแกคงไม่รู้สินะว่าวงเงินประกันฉันสูงมากกกก”“…” “แกเป็นใบ้หรือไงหรือลืมเอาปากมาฮะ!!”เห็นหน้าตาทึ่มทื่อของไอ้หมอนี่แล้วหัวเสียชะมัดถามอะไรก็ไม่ตอบบ้าบออันดารันสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแถมไอ้คนตรงหน้าดูเหมือนจะเมินเขาเสียด้วยเหมือนตะโกนคุยกับกำแพง“นี่!!!”“คุณเป็นใครคุณยังไม่รู้ผมจะไปรู้ได้ยังไงอีกเรื่องผมย้ายคุณไปห้องพิเศษไม่ได้หรอกมันแพงอีก
เจียอีหัวเสียเดินไปพบหมอเจ้าของไข้อย่างไม่สบอารมณ์เจอคนไข้ที่ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะขอโทษขอโพยหรือขอความเห็นใจไม่ให้เขาเอาเรื่องเอาราวแต่ที่ไหนได้ไม่ใช่แขนอย่างเดียวที่เดี้ยงต้องใส่เฝือกปากน่าจะได้เย็บด้วยผู้ชายอะไรหน้าตาพอใช้ได้แต่กิริยามารยาทขี้ติเตียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกหนักสุดคงจะเป็นสมอง…เบต้าโอเมก้าอะไรบ้าบอแล้วไม่รู้ว่าคนเจ็บมีพ่อแม่พี่น้องที่ไหนบ้างแต่เขากลัวว่าจะเป็นพวกลักลอบทำงานผิดกฎหมายซะมากกว่าแบบโดนฆ่าตัดตอนอะไรเทือกนั้นไม่ก็เสพยาจนหลอน“สวัสดีครับผมเป็นญาติของคุณเอ่อ…สรพงษ์มาพบคุณหมอทัชชกรครับ”“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ” พยาบาลประจำวอร์ดต่อสายโทรศัพท์ถึงปลายสายสักครู่ก็เอ่ย“เชิญค่ะคุณหมอรออยู่ออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวานะคะหน้าห้องจะมีชื่อนายแพทย์ทัชชกรเขียนติดอยู่ค่ะเข้าไปได้เลยค่ะ” “ขอบคุณมากครับ” เจียอีเดินไปตามทางที่พยาบาลสาวแนะนำก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเข้าพบคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของคนเจ็บทันทีที่เปิดประตูเข้าไป“ไงไอ้คุณเจียไม่เจอกันนานมาเจอกันที่นี่ได้”“เออไอ้หมอขนาดใส่แมสยังจำได้อยู่นะ”“คบกันมาตั้งนานแค่เห็นข้างหลังก็ดูออก”“เออช่างเถอะ…กูมาถามอาการของสรพงษ์จะกลับบ้าน
เจียอีกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เป็นคอนโดเก่ามีเพียงหนึ่งห้องนอนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหนุ่มโสด ดีที่เมื่อวานเป็นวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ออกไปทำงานที่บริษัท เนื่องจากวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงที่กำลังแพร่ระบาด ทางฝ่ายกรมควบคุมโรคก็กำลังประสานงานไปยังสนามบินเพื่อคัดกรองผู้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังพอควบคุมได้ ดีกว่าหลาย ๆ ทวีปที่ติดกันอย่างหนัก ไหนจะอุปกรณ์ขาดแคลน เพียงว่าอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งไม่มีเวลาออกไปซื้อของเข้าห้องมากนัก เขาจึงมักสั่งของแห้งตุนเอาไว้ ถือสโลแกนเหลือก็ยังดีกว่าขาด มองดูแพ็คขวดน้ำหลายสิบแพ็ค ข้าวสารสองสามถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช เพราะจากที่ติดตามข่าวคาดว่าโรคระบาดจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในไม่ช้าแน่ ๆ จึงอาบน้ำชำระร่างกาย นอนพักสักตื่นตกเย็นจึงออกจากห้องไปหาอะไรกิน จึงเข้าห้างใกล้บ้านไปขนเสบียงมาตุนไว้ และตุนไว้เผื่อสำหรับสองคนด้วยจะว่าไม่ให้คิดถึงสรพงษ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนชนอีกฝ่ายก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจียอีก็คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่เพื่อนมนุษย์หนึ่งคนจะทำได้ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ป
ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”“แกว่าฉันบ้า?”“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ “ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียท
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
“อร่อยล่ะสิไหนบอกไม่เปรี้ยวไม่เค็มไม่เผ็ดไม่หวานจนเลี่ยน” อันเจียได้ทีรีบเอาคืนแม้คำพูดเขาจะไม่ระคายผิวคุณสรพงษ์เลยสักกระผีกก็ตามขอให้ได้กัดได้จิกสักนิดก็ยังดี อันดารันเชิดหน้าอย่างท้าทาย“แล้วไงก็พอถูไถให้อิ่มไปได้หนึ่งมื้อ” “อ้อเหรอ” อันเจียลากเสียงยาวววววขนาดถูไถน้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือหากคุณเขามาเห็นปริมาณโซเดียมในหนึ่งซองคนอกแตกตาย “หากคุณแขนดีคุณต้องเป็นฝ่ายเก็บไปล้างผมทำกับข้าวคุณล้างตกลงไหม”“ไม่” อันดารันตอบโดยไม่ต้องคิดมือไวกว่าความคิดเขาก็ดีดหน้าผากคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ยไอ้บ้าดีดมาได้”“คุณน่ะสิบ้าบ้าไม่พอยังนิสัยเสียถ้าคุณไม่ทำก็ไม่ต้องกินเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงระหว่างเราที่ต้องอยู่ร่วมกัน”“ตอนนี้ฉันแขนหักใส่เฝือกอยู่นะ” น้ำเสียงอ่อนลงแถมยังทำหน้าออดอ้อนออกมาอีกใบหน้าหวานนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรกแต่หากมาได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบเขาร้อยทั้งร้อยคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งต้องถูกเนรเทศออกจากห้องแน่ๆเล่นบ่นสากกะเบือยันเรือรบขนาดนั้นใครจะทนคนอย่างสรพงษ์ได้ขนาดนี้นอกจากพ่อพระอย่างเขา“ผมก็บอกถ้าคุณหาย”“ทำไมฉันต้องทำ”“ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ”“แล้วไงแกชน
ก่อนฟ้าสางอันดารันรู้สึกถึงแกนกลางกายที่ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งฮีทของเขาครั้งนี้แปลกประหลาดอาการที่ว่ามักจะมาตอนเช้าก่อนจะบดเบียดก้นขาวอวบนั้นกับคนด้านหลังที่นอนกอดซ้อนท้ายหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเขาค่อยๆล้วงเข้าไปสัมผัสกับแกนกายของตัวเองก่อนจะถกกางเกงเพื่อให้จัดการตัวเองก่อนที่คนนอนข้างๆจะรู้ตัวเจียอีรู้สึกถึงคนข้างๆที่นอนขยุกขยิกก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกเสื้อยืดตัวเองมาคาบเอาไว้ปากแขนที่ขยับอยู่ใต้ร่มผ้าห่มนั้นกำลังสาวขึ้นลงเจียอีกระซิบที่ข้างใบหูพร้อมกอดกระชับอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่รู้อยู่แล้ว “ทำอะไร” อันดารันนอนตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะหันหน้าไปเอ็ดแต่ก็ได้แต่กลืนคำพูดพวกนั้นลงคอเมื่อริมฝีปากถูกจูบโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวก่อนจะผละริมฝีปากเอ่ยเย้าหยอก“ทำไมไม่เรียกละหืม…ทำคนเดียวเสร็จเหรอ”“จะทำก็รีบทำ”“ผมแค่ถามเฉยๆคุณทำต่อเถอะผมนอนก่อนล่ะ” ว่าแล้วก็เขยิบออกไปก่อนจะหันหลังให้อันดารันผุดนั่งด้วยความหัวเสียก่อนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกไปจนหมดมีแต่คนเพ้อฝันที่จะได้ลิ้มลองโอเมก้าชื่อดังอย่างเขามีแต่ไอ้บ้าคนนี้ที่กล้าหันหลังให้ ‘ได้สักวันนายจะต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอนอนกับฉัน’ คิ
กว่าจะได้ออกจากคอนโดก็เกือบบ่ายสามโมงเข้าไปแล้วปีใหม่ของเมืองกรุงและปริมณฑลกลับเงียบเหงาไม่ครึกครื้นเหมือนอย่างต่างจังหวัด “ทำไมมันดูเงียบเหงาจังไม่เห็นครึกครื้นเหมือนวันก่อนเลย”“คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนกรุงเทพฯและเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อฉลองปีใหม่กับครอบครัวไงล่ะ”“อ่อ…แล้วนายไม่มีครอบครัวเหรอ” “ก็…มีน่ะมีแต่ไม่กลับก็ไม่เป็นไร”“นายก็เป็นเด็กมีปัญหาเหมือนกันสินะ” “คุณไม่จิกกัดผมสักประโยคคงจะนอนไม่หลับสินะ” เจียอีส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะจับจูงมืออีกฝ่ายเดินไปยังหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่มีการจัดไฟและแสงสีเสียงเอาไว้ให้คนมาเที่ยวชมและถ่ายรูปสำหรับอันดารันภาพวิวและทิวทัศน์ที่จัดงานไม่ได้ดึงดูดสายตาเท่ากับโปสเตอร์แผ่นยักษ์และภาพชายหนุ่มที่ขึ้นจอ LED ฉายอยู่ตรงหน้าห้างมากกว่าที่ดึงดูดสายตาเขา“จ้องตาไม่กะพริบเชียวหล่อละสิ”“ก็ไม่เท่าไหร่” “ขนาดไม่เท่าไหร่นะเนี่ย” “สักวันจะเป็นรูปฉันที่แปะอยู่ตรงนั้น” อันดารันเชิดหน้าพร้อมกับชี้นิ้วไปยังภาพจอ LED ที่ปรากฏภาพของศิลปินชายคนหนึ่งที่กำลังหยอกล้อกับดาราชายอีกคนอย่างสนิทสนม“นั่นน่ะระดับซุปตาร์เชียวนะ”“แล้วไงโอเมก้าอันดับหนึ่งอย่างฉันน่ะไม่
“อย่าเพิ่งขยับ” เจียอีมองหน้าอีกฝ่ายโดยที่ยังค้างอยู่ท่าเดิม“อุ่นดีใช่ไหมล่ะ” เจียอีถามทะเล้นอันดารันเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นหน้าแดงเถือกไปจนถึงใบหู“เขินเหรอไง”“อะไร”“ก็หน้าแดงขนาดนี้ไงตกลงผมทำเป็นหรือไม่เป็น” เจียอียังถามไม่หยุด“ก็…พอใช้ได้” อันดารันไม่ยอมเสียหน้าแม้จะรู้สึกแสบขัดที่ช่วงล่างก็ตามทีแต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายถอนแกนกายออกไป “พอใช้ได้จริงเหรอ” เจียอีกระซิบกระซาบพร้อมงับติ่งหูนั้นดูดดึงหยอกเย้าก่อนจะผละออกถอนถอดแกนกายออกมาน้ำสีขาวขุ่นไหลตามออกทะลักออกมาเมื่อเสาใหญ่ถูกถอดถอนออกไป“อ๊ะ” ร่างหนาทาบทับลงไปกระซิบเหย้าแหย่อีกฝ่ายทันที “กินเก่งนะเนี่ยตอดเก่งปากบนก็เก่งปากล่างก็เก่ง” อันดารันค้อนขวับที่ได้ยินคำหยอกนั้นเจียอีจุมพิตลงไปที่ริมฝีปากบางที่แดงระเรื่อคล้ายเอาอกเอาใจอยู่ในทีฝ่ามือร้อนลากไล้คล้ายต้องการสำรวจไปทั่วทุกมุมหน้าอกแม้ไม่ใหญ่เท่าอิสตรีแต่ก็ยังพอมีให้กอบกุมและดูดดุนลิ้นร้อนปัดป่ายเม็ดเชอร์รี่ที่เต่งตึงชูชันขึ้นมาคล้ายท้าทายและหลอกล่อให้ฉกชิม“อื้อ” สองขาถูไถกับที่นอนเพื่อระบายความเสียวที่ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งมือซ้ายขยุ้มผมดกดำนั้นเพื่อต้องการห
เมื่อตอนที่อันดารันเป็นโอเมก้าอยู่ที่เดอะแกรนด์ซิตี้ แกนกลางกายจะไม่ชูชันเหมือนอย่างของอัลฟ่าโดยไม่มีสาเหตุ หากไม่ใช่ช่วงฮีทหรือช่วงอ่อนไหวก็ไม่ตั้งโด่ชูชันในทุกเช้าอย่างตอนนี้ อันดารันในโลกที่อาศัยอยู่ที่นนทบุรีความรู้เรื่องร่างกายของเราเป็นศูนย์ ก่อนหน้านี้ที่แกนกลางกายของเขาไม่ชูชันเพราะเพิ่งผ่านช่วงอุบัติเหตุไป ไหนจะยาต่าง ๆ ร่างกายบอบช้ำไม่แข็งแรง เมื่อร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ ช่วงล่างก็กลับมาปกติแข็งแรงและจะต้องตื่นมาเคารพธงชาติทุกเช้า ผู้ชายทุกคนรู้…แต่อันดารันที่ยังติดหล่มกับโลกเดิม ร่ากายโอเมก้าของตัวเองกลับไม่รู้ เขาคิดว่าช่วงนี้คือช่วงฮีทของตัวเอง ไหนจะฝันเปียกร่างสองร่างที่เปลือยเปล่าอยู่ที่ฟูกข้างล่างเตียงกำลังจูบอย่างดูดดื่มต่างเล้าโลมลูบคลำกันอย่างหลงใหลเสียงจูบที่ดังจุ๊บจั๊บอยู่ข้างหูต่างทำให้อารมณ์พรึงเพริดแกนกลางของอันดารันสั่นหงึกหงักจนหลั่งน้ำเมือกสีใสออกมาเจียอีชันขาข้างนึงของอันดารันขึ้นค่อยๆส่งนิ้วไปสำรวจดอกเบญจมาศนั้นที่ขมิบราวกับเชิญชวนน้ำเมือกสีใสที่ร่างบางหลั่งออกมาถูกใช้ในการเบิกทางช่องทางนั้นรวมไปถึงน้ำเมือกของเขาด้วยแม้ปากจะจูบแลกลิ้นกันอย่างนั้นแต่ร่างกา
ปั๊ก! อันดารันสลบเหมือดเมื่อเจอสันมือพิฆาตเข้าให้ เจียอีรีบเดินออกไปสงบสติอารมณ์ที่ระเบียงด้านนอก ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือโทรหาไอ้หมอทัชชกรเพื่อนยากด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย ‘รับสิวะ รับสิวะ’“โทรมามีอะไรวะเวรอย่างยับอย่ากวนประสาทว่ามา” หมอทัชชกรรับสายด้วยเสียงง่วงงุนเขาพึ่งได้งีบเนื่องจากช่วงวันสิ้นปีอย่างนี้คนไข้ฉุกเฉินล้นวอร์ด “มึงอยู่เวรเหรอ”“เออ”“คืองี้กูว่าคุณสรพงษ์มีอาการทางสมองวะ”“ยังไง”“ยาที่มึงสั่งมีอาการหรือผลข้างเคียงพวกหลอนประสาทแบบนี้ป่ะ”“มึงจะบ้าเหรอเขาไม่มีอาการทางสมองจะไปสั่งยาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”“ก็ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลคุณเขามโนหนักมากหาว่าตัวเองเป็นโอเมก้าอันดับหนึ่งเท่านั้นไม่พอบอกว่าตัวเองอยู่ในช่วงอ่อนไหว” เจียอีเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “แต่สายตามองกูเยิ้มเชียวเหมือนจะขย้ำกูยังไงไม่รู้พูดละขนลุก”“ไปไงมาไงมาอยู่กับมึง”“ก็เขาไม่มีญาติที่ไหนกะว่าพอหายจะแยกทางงี้”“แปลก”“เห็นไหมมึงก็คิดเหมือนกันใช่ไหมว่าเขาแปลก”“มึงน่ะสิที่แปลก!!”“คิดยังไงเอาคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาอยู่ด้วยวะมึงหวงความเป็นส่วนตัวจะตาย”“ก็แค่สงสารและอีกอย่างกูผิดจริงที่ชนเขา”“เลยจะรับผิดชอบว่
เจียอีเขาไม่ชอบไปสถานที่ที่เบียดเสียด อันดารันยิ่งแล้วใหญ่สองคนเท้าแขนมองดูผู้คนขวักไขว่ที่บ้างเดิน บ้างกินดื่มอย่างสนุกสนานอยู่ที่ระเบียง เสียงเพลงดังกระหึ่มจนกระจกสั่นครืดคราดเหมือนจะแตกออกมาได้ทุกเมื่อ“ดื่มหน่อยไหมคุณ”“อะไร”“ก็เบียร์ไงอ้อลืมไปคุณต้องกินยา”“เฮ้ยเดี๋ยว!” อันดารันยกกระป๋องเบียร์ในมือเจียอีมากระดกดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายอึกอึกเสียงกลืนลงคอทำเอาเจียอีเผลอจ้องมองลูกกระเดือกที่เคลื่อนขึ้นลงยามกลืนน้ำเมาลงคออันดารันส่งกระป๋องเปล่าให้พร้อมเช็ดมุมปากอย่างลวกๆ “รสชาติไม่ได้เรื่อง”“ฮ่าๆข้อนี้ผมไม่เถียงเอาน่าดื่มเพื่อบรรยากาศ” “ใครอยากจะดื่มกับนายกัน” อันดารันว่าพร้อมเชิดหน้าไปอีกทาง“เฮ้อคุณนี่น้าวันนี้วันท้ายปีวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันใหม่ปีใหม่คุณควรจะเป็นคนใหม่ได้แล้วนะทิ้งคนเดิมนิสัยเดิมๆไปกับปีเก่าแล้วเริ่มต้นใหม่เป็นคนใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ”“ฉันเปลี่ยนไม่ได้”“หรือเพราะคุณไม่อยากจะเปลี่ยน”“…”“แล้วไง”“ก็ไม่แล้วไงบางทีคุณแค่ไม่ไว้ใจผมเลยสร้างตัวตนที่หยาบกระด้างออกมาปกป้องตัวเองผมพูดถูกไหม”“ผิด”“…ผิดยังไง”“นั่นแหละตัวตนที่แท้จริงของฉัน”เบียร์ที่ว่ารสชาติแย่บัดนี้กระป๋อ
เมื่อกลับมาถึงคอนโดก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้นอีกเจียอีแค่อยากจะดัดนิสัยเสียของอันดารันแต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เจ้าตัวคิดมากจนถึงขั้นนั้นช่างเถอะเห็นปากจัดด่าแว้ดๆแบบนั้นบางทีอาจจะเป็นเปลือกที่คุณเขาสร้างออกมาปกป้องความอ่อนแอของตัวเองก็ได้เจียอีคิดในแง่ดีเขาก็อยากจะมองให้เห็นเนื้อแท้ของอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันเมื่อเห็นสภาพที่ซึมไม่หือไม่อือของอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีเขาได้แต่นั่งข้างๆอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นจึงบอกให้ไปอาบน้ำ“ไปอาบน้ำได้แล้วคุณ” ผลคืออันดารันยังนั่งนิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักนิดเจียอีเริ่มลนลานจะเอ่ยขอโทษก่อนก็กระดากปากอีกอย่างเขาไม่ชินกับแม่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งในเวอร์ชันนี้เลยสักนิดด่าเขาว่าไอ้เบต้ากระจอกก็ยังดีกว่าเงียบใส่กันแบบนี้“นี่คุณโกรธผมเหรอ” เจียอีเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิดพลางโบกมือไปมาตั้งแต่กลับมาจากสะพานคล้ายว่าคนข้างๆวิญญาณในร่างได้หลุดลอยไปยังไงยังงั้น “เอาล่ะๆผมขอโทษคุณก่อนก็ได้พอใจยังขอโทษขอโทษขอโทษผมขอโทษคุณสามครั้งเลยเอ้าพอใจยัง” แต่ว่าอีกฝ่ายยังนิ่งเงียบนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาอยู่แบบนั้นคล้ายกับจมดิ่งอยู่กับอะไรสักอย่าง“นี่ถ้าคุณไม่ตอบงั้นผมจะอา
“ซื้อมาแล้วก็ต้องกินให้หมดนะ”“กินไม่หมดนายก็กินที่เหลือสิไม่งั้นก็ทิ้ง” อันดารันตอบตามความเคยชิน“ว่าละ…” เจียอีไม่ผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ“เงินที่ซื้อไม่ได้ได้มาฟรีๆนะคุณต้องทำงานถึงจะได้มามากินเหลือทิ้งขว้างแบบนี้ได้ไง”“งั้นก็เก็บไว้กินมื้อต่อไป”“ไอ้เก็บน่ะเก็บอยู่แล้วแต่อย่างน้อยคุณควรจะใช้เงินอย่างรู้คุณค่าและไม่กินทิ้งกินขว้างแบบนี้”“นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้นายทำตัวน่ารำคาญจริงๆงั้นก็กินไปคนเดียวเลยไป” อันดารันไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากลุกออกจากโต๊ะไปนั่งที่โซฟากำลังจะหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีเป็นอันชะงัก “นี่จะลุกไปไหน”“นายจะเอายังไงกะฉันฮะนั่นนี่ก็ไม่ได้เอะอะบ่นทำตัวเหมือนคนแก่ไม่มีผิด”“ถ้าคุณทำตัวดีใครเขาจะอยากบ่นโตเป็นควายขนาดนี้ยังคิดไม่ได้”“แกว่าฉันเป็นควายเหรอ”“จะด่าว่าควายยังสงสารควายเลยเอาจริง”“แก!”“แกอะไรพูดให้ดีๆ”“แกมันไอ้คนเฮงซวยหยาบคายเพราะแกฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้”“แล้วไงอีก” เจียอีทำท่าท่างแคะขี้หูเพื่อกวนประสาทอีกฝ่าย“นี่ถ้าผมมันเฮงซวยกระจอกขนาดนั้นก็เชิญคุณไสก้นไปอยู่ที่อื่นเลยไป” เจียอีผายมือไปทางประตูตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าคุณสรพงษ์ที่พึ่งฟื้นจากอุบัต
แม้จะขัดกับุคลิกที่แท้จริงไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าใส่เฟอร์ ตีโป่ง สวมหมวกปีกกว้างอะไรทำนองนั้น ไม่แปลกใจสักนิดที่คุณนายสมสวยจะเอ็นดูเป็นพิเศษ“หิวเหรอไง” เจียอีถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนจ้องไปที่ร้านขายไส้กรอกอีสานอยู่ตั้งนานสองนาน“อันนั้นคืออะไรที่ขดเป็นก้อนๆกลมๆ”“ไส้กรอกอีสานไงอย่าบอกนะว่าไม่เคยกิน”“จะไปเคยได้ไงรสชาติเป็นยังไงทำไมคนต่อแถวซื้อเยอะขนาดนั้น” อันดารันถามอย่างใคร่รู้อีกทั้งเขาเองไม่เคยต้องรอคอยอะไรอยากกินอะไรก็สั่งมีคนคอยบริการคอยยกมาเสิร์ฟให้ถึงที่ถ้าเป็นไปได้นมภัสสรก็ยังอยากจะป้อนข้าวให้เขาด้วยซ้ำที่เดอะแกรนด์ซิตี้ไม่มีวันจะได้เห็นร้านรวงเปิดท้ายขายของแบกะดินหรือมีร้านขายอาหารตามทางเดินหรือฟุตบาทแบบนี้หรอกพอได้มาเห็นมันก็อดตื่นตาตื่นใจและอดแปลกใจไม่ได้อยู่ในทีลูกค้าบางคนที่ได้รับเจ้าสิ่งนั้นก็ใช้ไม้จิ้มส่งเข้าปากแม้ควันยังลอยออกมามีเครื่องเคียงอย่างพริกสดผักต่างๆอีกด้วยแม้มันดูจะไม่ได้สุขอนามัยแต่ว่ามันดูน่าอร่อยจนอยากที่จะลิ้มลองไม่ได้นอกจากกับข้าวถาดหลุมที่โรงพยาบาลแล้วครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โอเมก้าพลัดถิ่นอย่างเขาได้เห็นและพบเจออาหารหลากหลายชนิดทั้งของหวานของคาวกลิ่นสีแล