ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์
“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”
“แกว่าฉันบ้า?”
“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ
“ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”
เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ
“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”
“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย
“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”
“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”
“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียทีเดียว
“อะไรนี่ห้องอาบน้ำเหรอทำไมมันเล็กอย่างนี้แล้วไหนอ่าง” เจียอีชี้มือไปยังกะละมังใบเล็กสีดำที่เขาใช้แช่ซักถุงเท้า
“นั่น”
“หาเล็กแค่นี้ฉันจะแช่ได้ยังไง”
“จะอาบไม่อาบไม่อาบก็ทนเหม็นเลือกเอา” อันดารันจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย
“ฉันเจ็บแขนถอดไม่ถนัดแต่แกอย่าคิดอะไรสกปรก”
“ผมไม่พิศวาสคุณหรอกคุณเป็นผู้ชายผมก็เป็นผู้ชายไม่เหมือนกันตรงไหน” อันดารันยกมือลูบต้นคอตัวเองด้วยความรู้สึกประหม่า
“แกไม่ใช่อัลฟ่าแน่นะ”
“โอ๊ย! คุณสรพงษ์เลิกเบียวได้แล้วโลกนี้ไม่มีหรอกอัลฟ่าเบต้าอะไรของคุณน่ะจะให้ผมถอดให้หรือจะถอดเอง” โอเมก้าอย่างอันดารันที่ตอนนี้ไม่ได้สวมปลอกคอรู้สึกกังวลเป็นที่สุดก็น่ะมีแต่อัลฟ่ารุมล้อมอยากตีตราทำพันธะด้วยไอ้เราก็สวยรวยซะด้วยสิมีแต่ไอ้ตาบอดตรงหน้าที่ทำหน้าเหม็นเบื่อเขาแทบทุกครั้งไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไม่เห็นจะต้องทำหน้าเหมือนเจอผีที่พูดเรื่องนี้ไอ้เบต้ากระจอกอันดารันพึมพำบ่นกับตัวเองอย่างมีน้ำโห
“ฉันจะทำเองออกไปได้แล้ว”
อันดารันสำรวจภายในห้องน้ำที่เขาเพิ่งก้าวเท้าเข้ามามันเล็กแคบเสียจนอารมณ์ในการพอกหน้าถูตัวหายไปหมดมีเพียงฝักบัวแชมพูและสบู่เหลวเท่านั้นนี่มันบ้าอะไรกันทำไมชีวิตเขาถึงต้องมาตกระกำลำบากอย่างนี้อันดารันสำรวจใบหน้าตัวเองในกระจกอย่างถี่ถ้วนใบหน้าเค้าโครงเดิมซึ่งทำให้เขารู้สึกโล่งใจอยู่บ้างก่อนจะกรีดร้องด้วยความตกใจไม่ว่าจะหนวดตรงคางขนที่รักแร้ขนหน้าอก
“กรี๊ดดดดด” อันดารันรับไม่ได้ไหนจะขนหน้าแข้งที่ยาวเฟื้อยนั่นอีก
“คุณเป็นอะไร” เจียอีที่กำลังเก็บของอยู่ข้างนอกรีบเข้ามาดูด้วยความตกใจ
“นะหนวดฉันมีหนวด” เจียอีกลอกตาทันทีที่ได้ยินคำตอบเขาอยากจะความจำเสื่อมแทนคุณสรพงษ์เสียเดี๋ยวนี้
อยากจะบ้าตาย ! นี่แค่วันแรกวันต่อๆไม่อยากจะคิด
เจียอีจัดห้องของเขาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกครั้งเพราะเมื่อก่อนอยู่ตัวคนเดียวนึกอยากจะถอดเสื้อถอดกางเกงพาดตามเก้าอี้โซฟายังก็ได้แถมไม่มีใครมาคอยบ่นแต่พอมีอีกคนมาอาศัยอยู่ด้วยถ้าไม่อยากฟังเสียงบ่นทั้งวันก็ต้องเก็บกวาดให้เข้าที่เจียอีเหลือบสายตาไปมองสรพงษ์ที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้ายับยู่ยี่เสื้อยืดสีขาวที่ยาวคลุมหน้าขาไหนจะกางเกงบ็อกเซอร์นั่นเป็นของใหม่ของเจียอีที่ยังไม่ได้ใส่เห็นริมฝีปากบางที่กำลังจะอ้าปากพ่นอะไรออกมาเขาก็เอ่ยปาก
“หยุดผมรู้ว่าคุณจะบ่นอะไรไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่”
“แกรู้ได้ยังไงว่าฉันจะพูดอะไร”
“ปากคุณไม่พูดเรื่องอะไรดีๆออกมาหรอก”
“แก!”
“เจียอี” เจียอีพูดพลางยักคิ้วให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้ายียวนเขาอยากจะกวนประสาทอีกฝ่ายให้อกแตกตายกันไปเลยทนไม่ได้จนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากไปอยู่ที่อื่นได้ยิ่งดี
“ถ้าฉันติดต่ออาร์ชินได้แกไม่รอดแน่”
“เดอะแกรนด์ซิตี้อะไรนั่นของคุณน่ะนะ”
“ใช่” อันดารันกอดอกเชิดหน้าตอบอย่างไม่ยอมแพ้
“ผมจะบนบานศาลกล่าวให้ไอ้คนที่จะมาช่วยคุณรีบตามหาคุณเจอเร็วๆเลยเอ้า!”
“เขาต้องมาตามหาฉันแน่เพราะฉันเป็นคนสำคัญของเขา”
“เหรอ”
เจียอีรำคาญที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงกับคนป่วยจึงก้มหน้าจัดห้องตัวเองต่อสำคัญเลยคือเสื้อผ้าต้องแยกของเขากับของคุณสรพงษ์แล้วจัดสรรเป็นสัดส่วนเจียอีเลือกเสื้อผ้าไซซ์เล็กที่ใส่ไม่ได้แล้วให้อีกฝ่าย
“ไม่มีเสื้อผ้าแบบอื่นแล้วเหรอ” อันดารันก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมอยู่ผ้านิ่มสบายก็จริงแต่ไม่มีรสนิยมเอาเสียเลยเห่ยเป็นบ้าใครมาเห็นว่าอันดารันโอเมก้าอันดับหนึ่งแห่งเดอะแกรนด์ซิตี้ต้องมาสวมเสื้อผ้าแบบนี้มีหวังถูกล้อจนตายเลยเสื้อผ้าไม่มีไซซ์ของเขาอีกทั้งกางเกงบ๊อกเซอร์ที่สวมอยู่ก็หลวมจนต้องผูกปมที่เอวให้ตายทำไมโอเมก้าคนดังอย่างเขาต้องมาจมปลักอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยสภาพบ้านเมืองก็เสื่อมโทรมถนนผุพังไม่ราบเรียบไม่มีทางเท้าอากาศมีแต่ฝุ่นควันสภาพผิวบอบบางอย่างเขาจะทนได้ไงครีมอะไรก็ไม่มีให้บำรุงอันดารันอยากจะกรีดร้องออกมากับสภาพความเป็นอยู่ของเขาในตอนนี้นัก
“ไม่มี”
“ซื้อใหม่สิไม่เห็นจะต้องใช้หัวคิด”
“เฮ้อ!” เจียอีหยุดมือที่กำลังพับผ้าเขาถอนหายใจพลางท่องยุบหนอพองหนออย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา
“นี่คุณสรพงษ์นอกจากคุณจะไม่สำนึกแล้วคุณยังไม่มีความเกรงใจคนอื่นอีกห้องก็ห้องผมเสื้อผ้าบ็อกเซอร์ข้าวน้ำก็ของผมไม่พอใจก็ตินู่นนี่แล้วยังจะมาเรียกร้องให้ซื้อเสื้อผ้าให้อีก”
“แล้วไงแกต้องรับผิดชอบฉันจนกว่าอาร์ชินจะหาฉันเจอไม่งั้นฉันจะป่าวประกาศว่าแกขับรถชนคนแล้วไม่รับผิดชอบ”
“ฮ่ะฮ่าเชื่อเลยนี่ยังว่าไม่รับผิดชอบอีกเหรอดูแลจนออกโรงพยาบาลพามาอยู่ด้วยจนกว่าจะหายดีให้ข้าวให้น้ำแถมยังให้ที่ซุกหัวนอนคุณจะเอาอะไรอีกฮะ” เจียอีเริ่มไม่สบอารมณ์กับคนตรงหน้า
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
“อร่อยล่ะสิไหนบอกไม่เปรี้ยวไม่เค็มไม่เผ็ดไม่หวานจนเลี่ยน” อันเจียได้ทีรีบเอาคืนแม้คำพูดเขาจะไม่ระคายผิวคุณสรพงษ์เลยสักกระผีกก็ตามขอให้ได้กัดได้จิกสักนิดก็ยังดี อันดารันเชิดหน้าอย่างท้าทาย“แล้วไงก็พอถูไถให้อิ่มไปได้หนึ่งมื้อ” “อ้อเหรอ” อันเจียลากเสียงยาวววววขนาดถูไถน้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือหากคุณเขามาเห็นปริมาณโซเดียมในหนึ่งซองคนอกแตกตาย “หากคุณแขนดีคุณต้องเป็นฝ่ายเก็บไปล้างผมทำกับข้าวคุณล้างตกลงไหม”“ไม่” อันดารันตอบโดยไม่ต้องคิดมือไวกว่าความคิดเขาก็ดีดหน้าผากคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ยไอ้บ้าดีดมาได้”“คุณน่ะสิบ้าบ้าไม่พอยังนิสัยเสียถ้าคุณไม่ทำก็ไม่ต้องกินเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงระหว่างเราที่ต้องอยู่ร่วมกัน”“ตอนนี้ฉันแขนหักใส่เฝือกอยู่นะ” น้ำเสียงอ่อนลงแถมยังทำหน้าออดอ้อนออกมาอีกใบหน้าหวานนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรกแต่หากมาได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบเขาร้อยทั้งร้อยคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งต้องถูกเนรเทศออกจากห้องแน่ๆเล่นบ่นสากกะเบือยันเรือรบขนาดนั้นใครจะทนคนอย่างสรพงษ์ได้ขนาดนี้นอกจากพ่อพระอย่างเขา“ผมก็บอกถ้าคุณหาย”“ทำไมฉันต้องทำ”“ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ”“แล้วไงแกชน
อันดารันตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีดธรรมดาดูแล้วคล้ายเด็กมหาลัยดูไม่มีพิษสงแต่อย่าให้อ้าปากพูดเชียวไอ้ใบหน้าใสๆน่าเอ็นดูนั่นล่อตีนได้ไม่ยากดีที่ไม่สวมผ้าพันคอผืนใหญ่คล้ายลูกเสือออกมาด้วย“ฉันอยากได้ครีมบำรุงผิวมันหยาบกร้านไปหมดแล้ว” “แล้วก็ของกินบำรุงพวกคอลลาเจนไฟเบอร์เครื่องสำอางดูสิหน้าฉันโล่งขนาดนี้หากใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“คุณมีเงินเหรอ?” “ไม่มี…แกสิต้องจ่ายเรื่องอะไรฉันต้องมานั่งจ่ายด้วยแกชนฉันฉันอยู่ในสภาพนี้เพราะใคร—”“หยุดเลย” อันดารันยกยิ้มมุมปากคิดว่าอีกฝ่ายต้องยอมทำตามความต้องการเขาแน่ๆไหนจะเสื้อผ้าที่เชยระเบิดแบบนี้อีกให้ตาย! อยู่ไปได้ยังไงเนี่ยสรพงษ์นายแม่งเฮงซวยจริงๆ “ไม่ซื้อฟังนะ…ผมไม่ได้มีเงินฟุ้งเฟ้อที่จะเติมความต้องการของคุณได้ทั้งหมดหรอกมีงบให้แค่ 500 บาทแบงก์สีแดง 5 ใบนี้เท่านั้น” เจียอีกรีดแบงก์แล้วนับทวนให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น“ห้าร้อยเนี่ยนะ!”“ใช่…ไม่พอก็ต้องพอ” อันดารันอ้าปากค้างช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน“นี่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งเงินเดือนผมหักนั่นนี่เหลือแบงก์สีเทา 16 ใบก็คือ 16,000 บาทจ่ายค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันค่าซ่อมรถเต่าน้อยของผมเดือนนี
“เพิ่มอีกห่อนะนะนะ” อันดารันเหมือนลืมตัวสมัยก่อนพอเขาอยากซื้ออะไรอยากทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อาร์ชินก็เหมือนกับเจียอีตอนนี้หากใช้ไม้แข็งไม่มีทางโน้มน้าวได้ก็ต้องใช้ลูกอ้อนใส่จริตจะก้านเข้าไปเพื่อให้ได้มาและทำตามใจตัวเองถือบะหมี่พร้อมทำหน้าแมวอ้อนในสายตาเจียอีเหมือนแมวตัวน้อยที่ส่งสายตาอ้อนวอนให้ทาสทำตามหรือรับไปเลี้ยงงั้นแหละวิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังจนชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ“ก็บอกไม่ได้ไง” เสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว“ใจร้ายก็แค่อีกแพ็คเดียวเองนะนะ” “งั้นก็ต้องแบ่งส่วนห้าร้อยของคุณออกมา” อันดารันหน้าตึงทันทีไอ้หมอนี่ “ได้ไงแค่นี้ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย”“ก็ใช่ไงผมมีงบสำหรับปากท้องพวกเราเดือนนี้เพียงสามพันกว่าๆรวมกับของใช้อื่นๆในบ้านด้วยก็สี่พันบาทเท่านั้น”“ทำไมแกจนอย่างนี้!!!” อันดารันแหวใส่อย่างหมดความอดทนนั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ “เออผมมันจนคุณก็ไปหาคนที่รวยๆแล้วไปเกาะเขาสิคุณโอเมก้าอันดับหนึ่ง” เจียอีหัวเสียเป็นอย่างมากเดินเข็นรถเข็นเดินออกมาโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีกพวกเขาทะเลาะกันคล้ายคู่รักคู่หนึ่งในสายตาของสาววายที่มองมาแถมยังกระซิบกระซาบอมยิ้มกันใหม่อันดารันไม่มีทางเลือกมากนักได้แต่วิ่งตามอี
นี่มันวินาศสันตะโรอะไรที่โอเมก้าสวย เริด เชิด หยิ่งแห่งยุคอย่าง อันดารัน หนึ่งตระการ ได้วาร์ปมาอยู่ในอีกโลก ทั้ง ๆ ที่การขยับตัวจะทำอะไรของเขากำลังเป็นที่จับตามองของสังคม หน้าจอออนไลน์มักจะปรากฏชื่อโอเมก้าเนื้อหอมที่มักจะถูกจับจองพาดหัวฮอตเสิร์ชอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง หรือต้นเหตุของการวิวาท โอเมก้าที่อัลฟ่าทั้งหลายต่างหมายปอง ในโลกวิวัฒนาการและเทคโนโลยีล้ำหน้า อีกทั้งยังมีการจับคู่ของรัฐบาลซึ่งแก้ปัญหาประชากรที่เกิดโรคระบาดเมื่อหลายสิบปีก่อน อันดารันเป็นโอเมก้าคนสวยที่นอกจากความสวยแล้วก็อาจจะมองหาอย่างอื่นไม่ได้…หากไม่มีการจับคู่ของรัฐบาลเพื่อคัดกรองยีนที่สมบูรณ์แบบ อันดารันคิดว่าชีวิตของเขาคงมีความสุขและใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงมากกว่านี้แต่ชีวิตป๊อปๆในสังคมไฮโซต้องพังเพียงเพราะเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับอัลฟ่าที่อายุห่างกันเกือบสิบปีอย่างซานนาห์ชองส์เรื่องอะไรที่จะต้องมีผัวแก่อย่างนั้นแถมยังทำหน้าเหม็นเบื่อโลกสายตาที่ใช้มองเขานั้นช่างทิ่มแทงและดูหมิ่นอยู่ในทีแม้ไม่บริภาษอะไรออกมาสักคำมีผัวแบบนั้นน่าเบื่อตายดีไม่ดีต้องได้ปรนนิบัติรับใช้เป็นเมียในเรือนทาสหรือเปล่าก
หากคุณขอพรจากซานต้าได้หนึ่งข้อ…คุณจะขออะไร“ก็คงจะขอให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับคนที่รักและได้รับความรักและการยอมรับจากผู้คนรอบข้างล่ะมั้ง”อันดารันไม่คาดคิดว่าพรที่ขอที่เอ่ยออกจากปากไปอย่างส่งๆจะสัมฤทธิ์ผลเป็นจริงในตอนที่เขาลืมตามาอยู่ในร่างของสรพงษ์คนธรรมดาแถมยังอยู่ในโลกปัจจุบันที่ไม่มีอัลฟ่าโอเมก้าอีกทั้งเขายังได้เจอกับเจียอีผู้ชายธรรมดาที่เติมเต็มความต้องการของเขาได้หมดแถมยังอันลิมิตไม่มีที่สุดอีกด้วยเพราะไม่ได้รับความรักตั้งแต่แบเบาะอันดารันจึงขาดความรักและความอบอุ่นในชีวิตไปโอเมก้าหนึ่งเดียวในครอบครัวใหญ่จึงต้องสร้างเกราะป้องกันและเรียกร้องความสนใจโดยวิธีการสุดกู่เด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้จ้าอ่อนแอปวกเปียกในตอนนั้นกลายเป็นหนามแหลมพร้อมที่จะทิ่มแทงทุกคนในวันนี้จุดแตกหักที่สุดในครอบครัวก็ตอนที่รู้ว่าพ่อของเขาวางแผนจับลูกในไส้ใส่พานให้อัลฟ่าเศรษฐีที่อายุห่างกันถึง 7 ปีโดยใช้การจับคู่ของรัฐบาลเป็นข้ออ้างเรื่องราวในคืนนั้นกลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของโอเมก้าหนุ่มไปตลอดกาลจากโอเมก้าอันดับหนึ่งสุดฮอตของเมืองใหญ่อย่างเดอะแกรนด์ซิตี้ลืมตาตื่นขึ้นมากลายเป็นคุณสรพงษ์ที่จัดจ้านในย่านนนทบุรีโลกใบ
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนคนเจ็บปางตาย ขวัญแตกกระเจิงตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อโดนอีกฝ่ายฉอดก็ฟังไม่เข้าหัวสักอย่าง โชคดีที่มีโรงพยาบาลรัฐอยู่ใกล้ ๆ ถ้าเป็นเอกชนไม่อยากจะคิดว่าค่ารักษาพยาบาลจะเท่าไหร่เจียอีเกาหัวอย่างลวกๆปัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงค่อยๆพูดค่อยๆจากับคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงแต่ในใจเขาคิดว่าส่วนที่ควรจะบาดเจ็บที่สุดควรจะเป็นฝีปากที่คมกริบเหมือนกรรไกรของเจ้าตัวมากกว่าพูดแต่ละอย่างเรียกตีนได้ง่ายมาก“นี่ติดต่อเลขาฉันหรือยัง ‘อินคา’ แล้วย้ายฉันไปห้องพิเศษ…แกไม่รู้จักฉันหรือไง?”“…”“อ้อ…อีกอย่างแกต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำฉันเจ็บตัวอยู่แบบนี้อีกอย่างแกต้องรับผิดชอบค่ารักษาใบหน้าแขนขาของฉันที่ต้องเกิดรอยขีดข่วนแกคงไม่รู้สินะว่าวงเงินประกันฉันสูงมากกกก”“…” “แกเป็นใบ้หรือไงหรือลืมเอาปากมาฮะ!!”เห็นหน้าตาทึ่มทื่อของไอ้หมอนี่แล้วหัวเสียชะมัดถามอะไรก็ไม่ตอบบ้าบออันดารันสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแถมไอ้คนตรงหน้าดูเหมือนจะเมินเขาเสียด้วยเหมือนตะโกนคุยกับกำแพง“นี่!!!”“คุณเป็นใครคุณยังไม่รู้ผมจะไปรู้ได้ยังไงอีกเรื่องผมย้ายคุณไปห้องพิเศษไม่ได้หรอกมันแพงอีก
“เพิ่มอีกห่อนะนะนะ” อันดารันเหมือนลืมตัวสมัยก่อนพอเขาอยากซื้ออะไรอยากทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อาร์ชินก็เหมือนกับเจียอีตอนนี้หากใช้ไม้แข็งไม่มีทางโน้มน้าวได้ก็ต้องใช้ลูกอ้อนใส่จริตจะก้านเข้าไปเพื่อให้ได้มาและทำตามใจตัวเองถือบะหมี่พร้อมทำหน้าแมวอ้อนในสายตาเจียอีเหมือนแมวตัวน้อยที่ส่งสายตาอ้อนวอนให้ทาสทำตามหรือรับไปเลี้ยงงั้นแหละวิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังจนชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ“ก็บอกไม่ได้ไง” เสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว“ใจร้ายก็แค่อีกแพ็คเดียวเองนะนะ” “งั้นก็ต้องแบ่งส่วนห้าร้อยของคุณออกมา” อันดารันหน้าตึงทันทีไอ้หมอนี่ “ได้ไงแค่นี้ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย”“ก็ใช่ไงผมมีงบสำหรับปากท้องพวกเราเดือนนี้เพียงสามพันกว่าๆรวมกับของใช้อื่นๆในบ้านด้วยก็สี่พันบาทเท่านั้น”“ทำไมแกจนอย่างนี้!!!” อันดารันแหวใส่อย่างหมดความอดทนนั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ “เออผมมันจนคุณก็ไปหาคนที่รวยๆแล้วไปเกาะเขาสิคุณโอเมก้าอันดับหนึ่ง” เจียอีหัวเสียเป็นอย่างมากเดินเข็นรถเข็นเดินออกมาโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีกพวกเขาทะเลาะกันคล้ายคู่รักคู่หนึ่งในสายตาของสาววายที่มองมาแถมยังกระซิบกระซาบอมยิ้มกันใหม่อันดารันไม่มีทางเลือกมากนักได้แต่วิ่งตามอี
อันดารันตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีดธรรมดาดูแล้วคล้ายเด็กมหาลัยดูไม่มีพิษสงแต่อย่าให้อ้าปากพูดเชียวไอ้ใบหน้าใสๆน่าเอ็นดูนั่นล่อตีนได้ไม่ยากดีที่ไม่สวมผ้าพันคอผืนใหญ่คล้ายลูกเสือออกมาด้วย“ฉันอยากได้ครีมบำรุงผิวมันหยาบกร้านไปหมดแล้ว” “แล้วก็ของกินบำรุงพวกคอลลาเจนไฟเบอร์เครื่องสำอางดูสิหน้าฉันโล่งขนาดนี้หากใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“คุณมีเงินเหรอ?” “ไม่มี…แกสิต้องจ่ายเรื่องอะไรฉันต้องมานั่งจ่ายด้วยแกชนฉันฉันอยู่ในสภาพนี้เพราะใคร—”“หยุดเลย” อันดารันยกยิ้มมุมปากคิดว่าอีกฝ่ายต้องยอมทำตามความต้องการเขาแน่ๆไหนจะเสื้อผ้าที่เชยระเบิดแบบนี้อีกให้ตาย! อยู่ไปได้ยังไงเนี่ยสรพงษ์นายแม่งเฮงซวยจริงๆ “ไม่ซื้อฟังนะ…ผมไม่ได้มีเงินฟุ้งเฟ้อที่จะเติมความต้องการของคุณได้ทั้งหมดหรอกมีงบให้แค่ 500 บาทแบงก์สีแดง 5 ใบนี้เท่านั้น” เจียอีกรีดแบงก์แล้วนับทวนให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น“ห้าร้อยเนี่ยนะ!”“ใช่…ไม่พอก็ต้องพอ” อันดารันอ้าปากค้างช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน“นี่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งเงินเดือนผมหักนั่นนี่เหลือแบงก์สีเทา 16 ใบก็คือ 16,000 บาทจ่ายค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันค่าซ่อมรถเต่าน้อยของผมเดือนนี
“อร่อยล่ะสิไหนบอกไม่เปรี้ยวไม่เค็มไม่เผ็ดไม่หวานจนเลี่ยน” อันเจียได้ทีรีบเอาคืนแม้คำพูดเขาจะไม่ระคายผิวคุณสรพงษ์เลยสักกระผีกก็ตามขอให้ได้กัดได้จิกสักนิดก็ยังดี อันดารันเชิดหน้าอย่างท้าทาย“แล้วไงก็พอถูไถให้อิ่มไปได้หนึ่งมื้อ” “อ้อเหรอ” อันเจียลากเสียงยาวววววขนาดถูไถน้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือหากคุณเขามาเห็นปริมาณโซเดียมในหนึ่งซองคนอกแตกตาย “หากคุณแขนดีคุณต้องเป็นฝ่ายเก็บไปล้างผมทำกับข้าวคุณล้างตกลงไหม”“ไม่” อันดารันตอบโดยไม่ต้องคิดมือไวกว่าความคิดเขาก็ดีดหน้าผากคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ยไอ้บ้าดีดมาได้”“คุณน่ะสิบ้าบ้าไม่พอยังนิสัยเสียถ้าคุณไม่ทำก็ไม่ต้องกินเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงระหว่างเราที่ต้องอยู่ร่วมกัน”“ตอนนี้ฉันแขนหักใส่เฝือกอยู่นะ” น้ำเสียงอ่อนลงแถมยังทำหน้าออดอ้อนออกมาอีกใบหน้าหวานนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรกแต่หากมาได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบเขาร้อยทั้งร้อยคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งต้องถูกเนรเทศออกจากห้องแน่ๆเล่นบ่นสากกะเบือยันเรือรบขนาดนั้นใครจะทนคนอย่างสรพงษ์ได้ขนาดนี้นอกจากพ่อพระอย่างเขา“ผมก็บอกถ้าคุณหาย”“ทำไมฉันต้องทำ”“ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ”“แล้วไงแกชน
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”“แกว่าฉันบ้า?”“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ “ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียท
เจียอีกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เป็นคอนโดเก่ามีเพียงหนึ่งห้องนอนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหนุ่มโสด ดีที่เมื่อวานเป็นวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ออกไปทำงานที่บริษัท เนื่องจากวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงที่กำลังแพร่ระบาด ทางฝ่ายกรมควบคุมโรคก็กำลังประสานงานไปยังสนามบินเพื่อคัดกรองผู้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังพอควบคุมได้ ดีกว่าหลาย ๆ ทวีปที่ติดกันอย่างหนัก ไหนจะอุปกรณ์ขาดแคลน เพียงว่าอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งไม่มีเวลาออกไปซื้อของเข้าห้องมากนัก เขาจึงมักสั่งของแห้งตุนเอาไว้ ถือสโลแกนเหลือก็ยังดีกว่าขาด มองดูแพ็คขวดน้ำหลายสิบแพ็ค ข้าวสารสองสามถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช เพราะจากที่ติดตามข่าวคาดว่าโรคระบาดจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในไม่ช้าแน่ ๆ จึงอาบน้ำชำระร่างกาย นอนพักสักตื่นตกเย็นจึงออกจากห้องไปหาอะไรกิน จึงเข้าห้างใกล้บ้านไปขนเสบียงมาตุนไว้ และตุนไว้เผื่อสำหรับสองคนด้วยจะว่าไม่ให้คิดถึงสรพงษ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนชนอีกฝ่ายก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจียอีก็คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่เพื่อนมนุษย์หนึ่งคนจะทำได้ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ป
เจียอีหัวเสียเดินไปพบหมอเจ้าของไข้อย่างไม่สบอารมณ์เจอคนไข้ที่ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะขอโทษขอโพยหรือขอความเห็นใจไม่ให้เขาเอาเรื่องเอาราวแต่ที่ไหนได้ไม่ใช่แขนอย่างเดียวที่เดี้ยงต้องใส่เฝือกปากน่าจะได้เย็บด้วยผู้ชายอะไรหน้าตาพอใช้ได้แต่กิริยามารยาทขี้ติเตียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกหนักสุดคงจะเป็นสมอง…เบต้าโอเมก้าอะไรบ้าบอแล้วไม่รู้ว่าคนเจ็บมีพ่อแม่พี่น้องที่ไหนบ้างแต่เขากลัวว่าจะเป็นพวกลักลอบทำงานผิดกฎหมายซะมากกว่าแบบโดนฆ่าตัดตอนอะไรเทือกนั้นไม่ก็เสพยาจนหลอน“สวัสดีครับผมเป็นญาติของคุณเอ่อ…สรพงษ์มาพบคุณหมอทัชชกรครับ”“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ” พยาบาลประจำวอร์ดต่อสายโทรศัพท์ถึงปลายสายสักครู่ก็เอ่ย“เชิญค่ะคุณหมอรออยู่ออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวานะคะหน้าห้องจะมีชื่อนายแพทย์ทัชชกรเขียนติดอยู่ค่ะเข้าไปได้เลยค่ะ” “ขอบคุณมากครับ” เจียอีเดินไปตามทางที่พยาบาลสาวแนะนำก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเข้าพบคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของคนเจ็บทันทีที่เปิดประตูเข้าไป“ไงไอ้คุณเจียไม่เจอกันนานมาเจอกันที่นี่ได้”“เออไอ้หมอขนาดใส่แมสยังจำได้อยู่นะ”“คบกันมาตั้งนานแค่เห็นข้างหลังก็ดูออก”“เออช่างเถอะ…กูมาถามอาการของสรพงษ์จะกลับบ้าน
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนคนเจ็บปางตาย ขวัญแตกกระเจิงตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อโดนอีกฝ่ายฉอดก็ฟังไม่เข้าหัวสักอย่าง โชคดีที่มีโรงพยาบาลรัฐอยู่ใกล้ ๆ ถ้าเป็นเอกชนไม่อยากจะคิดว่าค่ารักษาพยาบาลจะเท่าไหร่เจียอีเกาหัวอย่างลวกๆปัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงค่อยๆพูดค่อยๆจากับคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงแต่ในใจเขาคิดว่าส่วนที่ควรจะบาดเจ็บที่สุดควรจะเป็นฝีปากที่คมกริบเหมือนกรรไกรของเจ้าตัวมากกว่าพูดแต่ละอย่างเรียกตีนได้ง่ายมาก“นี่ติดต่อเลขาฉันหรือยัง ‘อินคา’ แล้วย้ายฉันไปห้องพิเศษ…แกไม่รู้จักฉันหรือไง?”“…”“อ้อ…อีกอย่างแกต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำฉันเจ็บตัวอยู่แบบนี้อีกอย่างแกต้องรับผิดชอบค่ารักษาใบหน้าแขนขาของฉันที่ต้องเกิดรอยขีดข่วนแกคงไม่รู้สินะว่าวงเงินประกันฉันสูงมากกกก”“…” “แกเป็นใบ้หรือไงหรือลืมเอาปากมาฮะ!!”เห็นหน้าตาทึ่มทื่อของไอ้หมอนี่แล้วหัวเสียชะมัดถามอะไรก็ไม่ตอบบ้าบออันดารันสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแถมไอ้คนตรงหน้าดูเหมือนจะเมินเขาเสียด้วยเหมือนตะโกนคุยกับกำแพง“นี่!!!”“คุณเป็นใครคุณยังไม่รู้ผมจะไปรู้ได้ยังไงอีกเรื่องผมย้ายคุณไปห้องพิเศษไม่ได้หรอกมันแพงอีก