เจียอีหัวเสียเดินไปพบหมอเจ้าของไข้อย่างไม่สบอารมณ์เจอคนไข้ที่ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะขอโทษขอโพยหรือขอความเห็นใจไม่ให้เขาเอาเรื่องเอาราวแต่ที่ไหนได้ไม่ใช่แขนอย่างเดียวที่เดี้ยงต้องใส่เฝือกปากน่าจะได้เย็บด้วยผู้ชายอะไรหน้าตาพอใช้ได้แต่กิริยามารยาทขี้ติเตียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกหนักสุดคงจะเป็นสมอง…เบต้าโอเมก้าอะไรบ้าบอแล้วไม่รู้ว่าคนเจ็บมีพ่อแม่พี่น้องที่ไหนบ้างแต่เขากลัวว่าจะเป็นพวกลักลอบทำงานผิดกฎหมายซะมากกว่าแบบโดนฆ่าตัดตอนอะไรเทือกนั้นไม่ก็เสพยาจนหลอน
“สวัสดีครับผมเป็นญาติของคุณเอ่อ…สรพงษ์มาพบคุณหมอทัชชกรครับ”
“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ” พยาบาลประจำวอร์ดต่อสายโทรศัพท์ถึงปลายสายสักครู่ก็เอ่ย
“เชิญค่ะคุณหมอรออยู่ออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวานะคะหน้าห้องจะมีชื่อนายแพทย์ทัชชกรเขียนติดอยู่ค่ะเข้าไปได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เจียอีเดินไปตามทางที่พยาบาลสาวแนะนำก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเข้าพบคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของคนเจ็บทันทีที่เปิดประตูเข้าไป
“ไงไอ้คุณเจียไม่เจอกันนานมาเจอกันที่นี่ได้”
“เออไอ้หมอขนาดใส่แมสยังจำได้อยู่นะ”
“คบกันมาตั้งนานแค่เห็นข้างหลังก็ดูออก”
“เออช่างเถอะ…กูมาถามอาการของสรพงษ์จะกลับบ้านได้เมื่อไหร่?”
“เป็นอะไรกับคุณเจียครับอย่าบอกว่า…”
“คิดอะไรเลอะเทอะไอ้หมอแม่งบ้าอยู่ๆก็วิ่งเข้ามาให้กูชนดีที่ไม่ตายแต่ไอ้เต่าน้อยลูกกูส่งซ่อมนานแน่เลย”
“โอ๊ย! กูว่ามึงไม่น่าลำบากลำบนอะไรขนาดนี้กลับไปหาแม่มึงเถอะ”
“เงียบไปเลยไอ้หมอไม่ใช่ประเด็นตกลงสรพงษ์จะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่อาการเป็นยังไงร้ายแรงแค่ไหน”
“ครับๆทีละข้อนะนอนพักดูอาการภายในอีกสองสามวันก็ออกได้แล้วรอดูเผื่อมีอาการบาดเจ็บภายในแต่โชคดีที่แค่แขนขาหักไม่มีถึงกับร้ายแรงมากแขนใส่เฝือกประมาณเดือนนึงถ้ากระดูกติดกันดีก็ไม่มีปัญหา”
“แล้วสมองล่ะกูว่าเค้าได้รับกระทบกระเทือนพอสมควร”
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นว่ะไอ้คุณเจีย” เจียอีนิ่งคิดไปสักครู่นึงก่อนจะตอบ
“ตื่นขึ้นมาแม่งโวยวายใหญ่ถามว่ากูเป็นเบต้าหรือเปล่าส่วนเขาอนุมานตัวเองเป็นโอเมก้ากูละอยากจะบ้าตาย” เจียอีกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“ไม่เลยนี่คือผลการสแกนสมองปกติดี”
“จริงเหรอวะไอ้หมอกูว่าเขาเพี้ยนๆวะ”
“กูจะโกหกมึงทำไมว่ะเอานี่แหกตาดูไม่มีเลือดออกในสมองสักจุดแค่หัวแตกบาดเจ็บภายนอกไม่ได้กระทบกระเทือนถึงสมอง” ทัชชกรชี้ให้ดูผลสแกนสมองในหน้าจอคอมพิวเตอร์ใช้ปากกาเคลื่อนไปมาแต่วิศวกรอย่างเขาก็ดูไม่ออกอยู่ดี
“กูจะดูออกไหมล่ะกูไม่ใช่หมอ” หมอทัชชกรเหลือบตามองเพื่อนอย่างเซ็งๆแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
“แล้วมึงจะเอาไงต่อ”
“คงจะติดต่อญาติส่วนรถกูคงต้องซ่อมไอ้เต่าน้อยเอง” เจียอีบอกพลางยักไหล่
“ถ้าเค้าไม่มีญาติทำไงวะ”
“…”
สิ่งที่เจียอีกลัวก็เป็นจริงเมื่อมาถึงเตียงผู้ป่วยที่นอนแขนเข้าเฝือกอย่างน่าสงสารแต่สีหน้าและแววตาพอเห็นความหยิ่งยะโสในนั้นแล้วความสงสารที่มีอยู่ก่อนหน้าก็ถูกตัดทอนลงไปหลายส่วน
“คุณสรพงษ์คุณมีญาติให้ผมติดต่อหรือเปล่า”
อันดารันฉงนสรพงษ์ใครกัน?
“แกไม่รู้จักฉันเหรอไงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาในเดอะแกรนด์ซิตี้ใครบ้างจะไม่รู้จักฉัน”
“เดอะแกรนด์ซิตี้ชื่อหมู่บ้านหรือเปล่าคุณออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ผมจะไปส่งให้ก็ได้”
“ชื่อหมู่บ้านอะไรแกสมองกลับหรือไงติดต่อเลขาฉันอินคาแล้วเมื่อไหร่จะย้ายฉันไปห้องพิเศษสักทีแล้วนี่แกแน่ใจนะว่าที่นี่คือโรงพยาบาลทำไมมันเก่ายังกะโรงฆ่าสัตว์แถมไม่มีอะไรกั้นเลยหากมีอัลฟ่าเข้ามาหาฉันจะทำยังไงฮะโอเมก้าอย่างฉันน่ะ—”
“พอๆเลย” เจียอีรีบเบรกเมื่อเห็นว่าคนเจ็บกำลังจะพูดจาเลื่อนเปื้อนเขาตบหน้าผากตัวเองแรงๆพลางขยุ้มผมเพื่อระงับอารมณ์โกรธขึ้นมา “อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา” เจียอีท่องอยู่อย่างนั้นสองสามรอบปรับลมหายใจให้เป็นปกติก่อนจะค่อยๆอธิบายกับคนตรงหน้าฟังช้าๆชัดๆ
“คุณสรพงษ์ที่นี่คือประเทศไทยเราอยู่ในเขตปริมณฑลนนทบุรีไม่มีเดอะแกรนด์ซิตี้ไม่มีอัลฟ่าไม่มีเบต้ามีเพียงชายหญิงและเอ่อ…LGBTQ+ อันหลังค่อยอธิบายเอาเป็นว่ามีเพียง 2 โครโมโซม X และ Y ไม่มีอัลฟ่า โอเมก้า คุณเข้าใจไหม”
“เดี๋ยวก่อนนะเมื่อกี้แกเรียกฉันว่าอะไรนะ…สรพงษ์ใคร? ฉันอันดารันหนึ่งตระการโอเมก้าอันดับหนึ่งที่อัลฟ่าหลายคนหมายปองเชียวนะ”
“โอ๊ย!!” เจียอีปวดหัวไม่รู้ว่าสรพงษ์แกล้งบ้าหรือบ้าจริงๆพูดอะไรไปเหมือนจะไม่เข้าหูเลยสักอย่างพูดไม่ทันเสร็จเขาก็เดินหนีเตรียมกลับไปพักผ่อนปล่อยให้คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งนอนแหง็กอยู่อย่างนั้นไม่สนใจเสียงที่ตะโกนไล่หลังออกมาอย่างเดือดดาล
“แกกลับมาก่อนกลับมาเดี๋ยวนี้นะแกกล้าเมินฉันงั้นเหรอโอ๊ย” อันดารันตะโกนอย่างหัวเสียนอกจากอีตาซานนาห์แล้วก็มีหมอนี่แหละที่กล้าเมินเขาหน็อยแน่!! ฟีโรโมนเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับเบต้าเสียด้วยซิเสียเซลฟ์ชะมัด
“คอยดูนะฉันจะทำให้แกหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นเลยคอยดู”
อันดารันสอดสายตามองดูสภาพห้องรอบๆ ตั้งสติดี ๆ มันก็ไม่เหมือนเดอะแกรนด์ซิตี้เลยสักนิด ที่นี่ที่ไหนกันแน่ นนทบุรีอย่างนั้นเหรอ แล้วประเทศไทยมันที่ไหนกัน ใบหน้าเริ่มบูดบึ้งเมื่อเหลือบไปเห็นคนไข้ฝั่งตรงข้ามเตียงที่ลุกมาถือกระโถนอาเจียนอย่างหนัก
“โว้ย…ย้ายฉันไปห้องพิเศษสักที!!”
เจียอีกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เป็นคอนโดเก่ามีเพียงหนึ่งห้องนอนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหนุ่มโสด ดีที่เมื่อวานเป็นวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ออกไปทำงานที่บริษัท เนื่องจากวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงที่กำลังแพร่ระบาด ทางฝ่ายกรมควบคุมโรคก็กำลังประสานงานไปยังสนามบินเพื่อคัดกรองผู้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังพอควบคุมได้ ดีกว่าหลาย ๆ ทวีปที่ติดกันอย่างหนัก ไหนจะอุปกรณ์ขาดแคลน เพียงว่าอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งไม่มีเวลาออกไปซื้อของเข้าห้องมากนัก เขาจึงมักสั่งของแห้งตุนเอาไว้ ถือสโลแกนเหลือก็ยังดีกว่าขาด มองดูแพ็คขวดน้ำหลายสิบแพ็ค ข้าวสารสองสามถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช เพราะจากที่ติดตามข่าวคาดว่าโรคระบาดจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในไม่ช้าแน่ ๆ จึงอาบน้ำชำระร่างกาย นอนพักสักตื่นตกเย็นจึงออกจากห้องไปหาอะไรกิน จึงเข้าห้างใกล้บ้านไปขนเสบียงมาตุนไว้ และตุนไว้เผื่อสำหรับสองคนด้วยจะว่าไม่ให้คิดถึงสรพงษ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนชนอีกฝ่ายก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจียอีก็คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่เพื่อนมนุษย์หนึ่งคนจะทำได้ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ป
ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”“แกว่าฉันบ้า?”“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ “ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียท
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
“อร่อยล่ะสิไหนบอกไม่เปรี้ยวไม่เค็มไม่เผ็ดไม่หวานจนเลี่ยน” อันเจียได้ทีรีบเอาคืนแม้คำพูดเขาจะไม่ระคายผิวคุณสรพงษ์เลยสักกระผีกก็ตามขอให้ได้กัดได้จิกสักนิดก็ยังดี อันดารันเชิดหน้าอย่างท้าทาย“แล้วไงก็พอถูไถให้อิ่มไปได้หนึ่งมื้อ” “อ้อเหรอ” อันเจียลากเสียงยาวววววขนาดถูไถน้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือหากคุณเขามาเห็นปริมาณโซเดียมในหนึ่งซองคนอกแตกตาย “หากคุณแขนดีคุณต้องเป็นฝ่ายเก็บไปล้างผมทำกับข้าวคุณล้างตกลงไหม”“ไม่” อันดารันตอบโดยไม่ต้องคิดมือไวกว่าความคิดเขาก็ดีดหน้าผากคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ยไอ้บ้าดีดมาได้”“คุณน่ะสิบ้าบ้าไม่พอยังนิสัยเสียถ้าคุณไม่ทำก็ไม่ต้องกินเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงระหว่างเราที่ต้องอยู่ร่วมกัน”“ตอนนี้ฉันแขนหักใส่เฝือกอยู่นะ” น้ำเสียงอ่อนลงแถมยังทำหน้าออดอ้อนออกมาอีกใบหน้าหวานนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรกแต่หากมาได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบเขาร้อยทั้งร้อยคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งต้องถูกเนรเทศออกจากห้องแน่ๆเล่นบ่นสากกะเบือยันเรือรบขนาดนั้นใครจะทนคนอย่างสรพงษ์ได้ขนาดนี้นอกจากพ่อพระอย่างเขา“ผมก็บอกถ้าคุณหาย”“ทำไมฉันต้องทำ”“ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ”“แล้วไงแกชน
อันดารันตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีดธรรมดาดูแล้วคล้ายเด็กมหาลัยดูไม่มีพิษสงแต่อย่าให้อ้าปากพูดเชียวไอ้ใบหน้าใสๆน่าเอ็นดูนั่นล่อตีนได้ไม่ยากดีที่ไม่สวมผ้าพันคอผืนใหญ่คล้ายลูกเสือออกมาด้วย“ฉันอยากได้ครีมบำรุงผิวมันหยาบกร้านไปหมดแล้ว” “แล้วก็ของกินบำรุงพวกคอลลาเจนไฟเบอร์เครื่องสำอางดูสิหน้าฉันโล่งขนาดนี้หากใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“คุณมีเงินเหรอ?” “ไม่มี…แกสิต้องจ่ายเรื่องอะไรฉันต้องมานั่งจ่ายด้วยแกชนฉันฉันอยู่ในสภาพนี้เพราะใคร—”“หยุดเลย” อันดารันยกยิ้มมุมปากคิดว่าอีกฝ่ายต้องยอมทำตามความต้องการเขาแน่ๆไหนจะเสื้อผ้าที่เชยระเบิดแบบนี้อีกให้ตาย! อยู่ไปได้ยังไงเนี่ยสรพงษ์นายแม่งเฮงซวยจริงๆ “ไม่ซื้อฟังนะ…ผมไม่ได้มีเงินฟุ้งเฟ้อที่จะเติมความต้องการของคุณได้ทั้งหมดหรอกมีงบให้แค่ 500 บาทแบงก์สีแดง 5 ใบนี้เท่านั้น” เจียอีกรีดแบงก์แล้วนับทวนให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น“ห้าร้อยเนี่ยนะ!”“ใช่…ไม่พอก็ต้องพอ” อันดารันอ้าปากค้างช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน“นี่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งเงินเดือนผมหักนั่นนี่เหลือแบงก์สีเทา 16 ใบก็คือ 16,000 บาทจ่ายค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันค่าซ่อมรถเต่าน้อยของผมเดือนนี
“เพิ่มอีกห่อนะนะนะ” อันดารันเหมือนลืมตัวสมัยก่อนพอเขาอยากซื้ออะไรอยากทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อาร์ชินก็เหมือนกับเจียอีตอนนี้หากใช้ไม้แข็งไม่มีทางโน้มน้าวได้ก็ต้องใช้ลูกอ้อนใส่จริตจะก้านเข้าไปเพื่อให้ได้มาและทำตามใจตัวเองถือบะหมี่พร้อมทำหน้าแมวอ้อนในสายตาเจียอีเหมือนแมวตัวน้อยที่ส่งสายตาอ้อนวอนให้ทาสทำตามหรือรับไปเลี้ยงงั้นแหละวิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังจนชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ“ก็บอกไม่ได้ไง” เสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว“ใจร้ายก็แค่อีกแพ็คเดียวเองนะนะ” “งั้นก็ต้องแบ่งส่วนห้าร้อยของคุณออกมา” อันดารันหน้าตึงทันทีไอ้หมอนี่ “ได้ไงแค่นี้ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย”“ก็ใช่ไงผมมีงบสำหรับปากท้องพวกเราเดือนนี้เพียงสามพันกว่าๆรวมกับของใช้อื่นๆในบ้านด้วยก็สี่พันบาทเท่านั้น”“ทำไมแกจนอย่างนี้!!!” อันดารันแหวใส่อย่างหมดความอดทนนั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ “เออผมมันจนคุณก็ไปหาคนที่รวยๆแล้วไปเกาะเขาสิคุณโอเมก้าอันดับหนึ่ง” เจียอีหัวเสียเป็นอย่างมากเดินเข็นรถเข็นเดินออกมาโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีกพวกเขาทะเลาะกันคล้ายคู่รักคู่หนึ่งในสายตาของสาววายที่มองมาแถมยังกระซิบกระซาบอมยิ้มกันใหม่อันดารันไม่มีทางเลือกมากนักได้แต่วิ่งตามอี
พอกลับมาถึงห้องอันดารันก็เห็นเจียอีจัดแจงของใช้แยกประเภทอย่างเป็นระเบียบ “นี่อย่าลืมล้างมือตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เห็นคุณล้างมือเลยนะ” เจียอีพูดในขณะที่มือยังไม่หยุดหยิบจับนู่นนี่“มือฉันสะอาดจะตาย”“นี่คุณคงไม่รู้จักโควิดสินะ” แม้อันดารันไม่พูดอะไรออกมาเจียอีก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวคงไม่รู้อะไรจริงๆนั่นแหละนอกจากจะอวยตัวเองไปวันๆเหมือนนกหงส์หยก“เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งติดผ่านอากาศเมื่อกี้คุณก็เห็นว่าคนส่วนใหญ่สวมแมสกันหมดมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่ไม่ได้สวมโควิดติดกันทางอากาศหายใจการสัมผัสเพราะฉะนั้นก่อนจะหยิบจับอะไรไปไหนมาไหนต้องล้างมือและเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนก็ดี” “ทำยังกะว่าโลกจะแตกยังงั้นแหละ”“ก็อาจจะเห็นทางยุโรปและบางประเทศติดกันจนโรงพยาบาลไม่มีเตียงให้คนไข้อีกทั้งยังต้องสวมชุด PPE ชุดเหมือนอยู่ในอวกาศ”“ขนาดนั้นเลย?”“ประเทศเรายังดียังไม่ได้ระบาดขนาดนั้นแต่ผมดูแล้วว่าคงอีกไม่นานระบาดหนักแน่ผมเลยทยอยตุนของข้าวสารอาหารแห้งพวกน้ำดื่มยาแมสอะไรพวกนี้มาสักพักละ”อันดารันมาจากโลกที่รัฐบาลเคยผ่านการระบาดอย่างหนักของโรคติดต่อชนิดหนึ่งมาก่อนก่อนที่รัฐบาลจะจัดตั้งโครงการจับคู่ไข่กับอสุจิขึ้นมาเพ
“ถ้าวันหนึ่งฉันหายไป”“ชู่!”“แล้วยังไงผมจะตามหาคุณ”“แล้วถ้าฉันไม่กลับมา”“ผมก็จะรอ…รอจนกว่าคุณจะกลับมา” ดวงตากลมโตคล้ายกับมีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในนั้นสายตาที่มักจะตวัดจิกกัดเขาอยู่บ่อยๆบ้างก็บ่งบอกอารมณ์ในตอนนั้นๆของเจ้าตัวบ้างก็มักจะกลอกตาใส่เขาอย่างเซ็งๆตอนนี้คล้ายกับมีความเปราะบางซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นสายตาที่มองเขาอย่างอาลัยอาวรณ์ความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ปริปากพูดออกมาแต่มันสามารถรับรู้ได้ด้วยใจว่ากันว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจนั้นไม่เกินจริงเจียอีเอื้อมมือไปลูบหัวให้อันดารันที่วันนี้เปิดเผยมุมอ่อนแอให้เขาได้เห็นออกมาซึ่งมันไม่ง่ายเลยคนที่เคยวางตัวแข็งกระด้างใบหน้าเฉยชาเคลือบด้วยความเย่อหยิ่งแต่ภายในบอบบางคล้ายกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อจะคือคนคนเดียวกัน “คุณไปไหนไม่ได้หรอก”“นายรู้ได้ไง” เจียอีใช้นิ้วถูไถใต้จมูกของตัวเองก่อนจะเอื้อมไปใต้หมอนหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องหนึ่งออกมาด้วยความประหม่า“คุณนี่น้าตอนแรกกะจะเซอร์ไพร้แบบรอผมรวยผมพร้อมมากกว่านี้จะมอบให้คุณช่างเถอะ”เจียอีเปิดกล่องออกอย่างช้าๆก่อนจะเห็นแหวนทองคำขาวประดับเพชรสามเม็ดเรียงต่อกันส่องแสงแวววาว “แค่สวมมันไว้คุณก็ไปที่ไหนไ
ช่วงนี้อันดารันโหมงานจนแทบไม่พักจริง ๆ อย่างที่ผู้จัดการส่วนตัวแซวเอาไว้ไม่ผิด มีหลายอย่างมากมายในชีวิตที่ต้องใช้เงินโดยเฉพาะปัจจัยสี่ เขามีแพลนเอาไว้ในหัวเต็มไปหมด แล้วอีกอย่างเพราะตัวเองหาเงินได้ด้วยตัวเอง แถมยังหาได้มาก และเก็บเร็วกว่าอีกคนเป็นไหน ๆ เขารู้ดีว่ายังไงผู้ชายคนนี้จะต้องทำให้เขาสบายแน่ ๆ ในวันหนึ่ง แต่วันนั้นที่ว่าไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่นี่สิ… แถมเจ้าหมอนี่ยังลีลา ไม่ยอมบอกอะไรออกมาง่าย ๆ ตอนนี้ทำงานอะไร ที่ไหน อย่างไร ไม่เคยให้เขาได้รับรู้ ความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ในหัว มีเพียงการนอนหลับเท่านั้นที่เหมือนจะให้สมองได้พักผ่อน ไม่ต้องคอยคิดนั่นนี่จนปวดหัว “อื้อ” อันดารันลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าเจียอีเพิ่งอุ้มเขาเข้ามาวางบนเตียง“ทำไมไม่ปลุกฉัน”“เอาน่าผมเห็นคุณนอนหลับสนิทขนาดนั้นเลยไม่อยากปลุกจะอาบน้ำไหม”“อือ” อันดารันร่างกายรุมๆคล้ายเป็นไข้ก่อนจะพลิกตัวลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า “เป็นอะไร”“เหนื่อยอยากแช่น้ำ” เมื่อเห็นสีหน้าหนักใจของอีกฝ่ายอันดารันก็สะบัดหน้าแรงๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองเขาลืมไปที่ห้องนี้ไม่มีอ่างอาบน้ำร่างกายไม่ได้แช่น้ำอุ่นมานานขนาดไหนแล
“โธ่เว้ย!” เมื่ออยู่ภายในรถตู้ศราวุธทิ้งตัวลงกับเบาะอย่างแรง ก่อนจะกดปิดเครื่องเมื่อเห็นเบอร์โทรอีกฝ่าย “นี่ก็โง่จริง กลายเป็นสร้างซีนให้ไอ้หมอนั่นไปซะได้ ฝากไว้ก่อนเถอะ มึงพลาดเมื่อไหร่กูจะกระชากมึงลงมาเอง” ตอนนี้ศราวุธเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ งานคู่ที่มีเข้ามาทำให้เขาไม่สามารถสร้างข่าวอะไรปั่นป่วนแก่อีกฝ่ายได้ เพราะตัวเองก็โดนหางเลขไปด้วย เป็นช่วงที่น้ำขึ้นให้รีบตัก แถมยังมีแฟนคลับจับจิ้นอีก “แม่งมากับดวงจริง ๆ” ชลดาที่นั่งจดอยู่ในไอแพดเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเอ่ยเตือน “วันพรุ่งนี้มีงานที่ไอคอนบ่าย 3 โมง ไม่เลทนะวุธ งานนี้แค่ชั่วโมงเดียว 2 ทุ่มมีงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เดอะมอลล์ เดี๋ยวพี่จะจัดรถไปรับ”“อือ”“ช่วงนี้ก็งดปาร์ตี้พวกนั้นอะไรไปก่อนเพราะงานรัดตัวอีกอย่างช่วงนี้วุธกำลังอยู่ในกระแสเข้าใจไหมวุธ”“แล้วผมจะทำอะไรได้” “แล้วมีงานอะไรที่ไม่อยากทำหรือเปล่าพี่ลิสต์มาให้เราเลือก” ศราวุธบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วแต่พี่แล้วกันช่วงนี้ผมเซ็งๆพอดี” “งั้นพี่รับหมดเลยนะ” ชลดาเอ่ยอย่างยินดี แต่อย่างน้อยชลดาก็ยังหนักใจ งานพวกนี้เวลาไม่มาก แต่อย่างละคร ซีรีส์นี่ถ่ายทำกั
เสียงพิธีก่อนเอ่ยทักทายบรรดาแฟนคลับและนักข่าวที่รอเก็บภาพบรรยากาศภายในงานอันดารันเป่าปากเรียกความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะเดินขึ้นไปยังบนเวทีเขาไม่ลืมยกมือไหว้พิธีกรรวมไปถึงบรรดาแฟนคลับที่นั่งอยู่ตรงด้านหน้าเวทีอย่างล้นหลามเอาจริงๆส่วนใหญ่เป็นมัมหมีของศราวุธพออีกฝ่ายเก้าท้าวขึ้นมาบนเวทีเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มแถมเจ้าตัวยังทำทีเป็นยกนิ้วชี้มาแตะริมฝีปากให้เงียบชู่! เออหากมองอย่างไม่มีอคติศราวุธก็หล่อเหลาจริงๆแถมยังขี้เล่นเป็นกันเองกับแฟนคลับสุดๆก่อนพิธีกรจะเอ่ยสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟตัวต่อตัว “เป็นไงบ้างครับเอ้…แต่ว่าฉายาในโลกออนไลน์ของคุณคือโอเมก้าอันดับหนึ่งใช่ไหมครับเพราะรู้มาก่อนหรือเปล่าครับถึงได้ใช้ชื่อนี้”อันดารันยิ้มก่อนจะตอบ “พอดีเป็นความชอบส่วนตัวนะครับอีกทั้งนวนิยายแนวนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายบนโลกอินเทอร์เน็ตอยู่ด้วย”“แต่เหมาะกับคุณมากจริงไหมเอ่ย” พิธีก่อนจ่อไมค์ไปยังหน้าเวทีคอยเอนเตอร์เทนแฟนคลับที่อยู่ข้างล่างด้วย “จริงงงงงงง” แฟนๆช่วยกันเปล่งเสียงคอนเฟิร์มอันดารันค้อมหัวให้เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอบคุณ“ว่าแต่บทนี้เป็นการพลิกบทบาทแฟนตาซีบทแรกของคุณหรือเปล่าครับคุณศราวุธการทำ
ใบหน้าของนักแสดงน้องใหม่ดูอิ่มเอิบไม่เหมือนตอนที่ถ่ายทำอยู่ในกองเลยสักนิดจนผู้จัดการสาวสองอย่างแซนดี้อดแซวไม่ได้เมื่อเดินตามอีกฝ่ายมาถึงห้องแต่งหน้าวันนี้นักแสดงหลักอย่างอันดารันศราวุธและนักแสดงหลักคนอื่นๆออกงานร่วมกันซึ่ง Pilots ที่ได้ถ่ายไปก่อนหน้าได้รับการตอบรับการอย่างล้นหลามรวมไปถึงแฟนๆนิยายเรื่องนี้ก็เช่นกันเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมของคุณนักเขียน FALLIN รวมไปถึงนักเขียนบทละครชื่อดังก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่ตั้งตารอคอยและคาดหวังว่าจะออกมาตรงใจโดยเฉพาะพระนายในเรื่องบลีฟรวมไปถึงเสื้อผ้าหน้าผมของโอเมก้าที่สวมบทโดยอันดารันจึงต้องสวมปลอกคอเป็นเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยห้องเสื้อชื่อดัง JEANSSHOW แซนดี้ปลีกตัวไปดูชุดก่อนจะฝากให้พี่ๆช่างแต่งหน้าแปลงโฉมให้ตัวเอกของเรื่อง“โอ้โหน้องรันผิวอิ่มเอิบแต่งนิดแต่งหน่อยก็ปั๊วะเลยพี่ล่ะอิจฉาจริง” โซเฟียช่างแต่งหน้าเอ่ยแซวดาราน้องใหม่ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงสุดๆในตอนนี้“ก็นะ…ได้น้ำดีกินอิ่มนอนหลับก็งี้แหละ” สองสาวผู้จัดการเอ่ยปากแซวสองแง่สองง่ามกันอย่างสนุกปากแต่บรรยากาศกลับตึงเครียดเมื่อนักแสดงอีกคนก้าวเท้าเข้ามาในห้องแต่งตัว“ถอย”
“เหนื่อยเหรอคุณ”“อืม…เมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้คุณค่าในส่ิงที่ตัวเองมีมักจะคิดเปรียบเทียบนั่นนี่อยู่ตลอดแต่พอมาใช้ชีวิตที่นี่สิ่งที่ฉันมีมันไม่ได้แย่เลยสักนิดบางครั้งปัญหามันก็เกิดจากการที่ฉันเรียกร้องมากเกินไปต่างหากที่นั่นฉันมีบ้านมีเงินมีคนใช้ไม่ต้องคิดอะไรมากมายไม่ต้องเปลืองสมองในการใช้ชีวิตแต่ละวันแต่ฉันก็ยังไม่พอใจอยู่ดีนายรู้ไหม…ฉันมักจะคิดว่าพ่อรักลูกไม่เท่ากันแต่ต่อให้ฉันจะทำตัวเหลวแหลกยังไงก็ไม่เคยตัดเงินในบัญชีไม่เคยไล่ออกจากบ้านมีบ้างที่บ่นก่นด่าสาดเสียเทเสียแต่ก็เป็นฉันอีกแหละที่ก่อปัญหาให้เขาต้องแก้ไขเทียบกับชีวิตในตอนนี้ต่างกันสุดๆฉันเพิ่งรู้ว่าเงินมันหายากขนาดไหนจะใช้เงินก็ต้องคิดหน้าคิดหลังไม่สามารถใช้เงินเติมเต็มความปรารถนาได้อย่างแต่ก่อนทำงานเหมือนวัวเหมือนควายแต่ค่าตอบแทนยังไม่พอจะซื้อของที่อยากได้แต่ช่างเถอะ…แค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ก็ยังดีกว่าตายล่ะนะ”“นายยิ้มอะไร” เจียอีบีบจมูกเชิดรั้นนั้นอย่างอดไม่ได้“ก็ยิ้มที่คุณดูมีความคิดขึ้นดูโตขึ้นมากกว่าที่เจอกันตอนแรกเสียอีกตอนนั้นคุณโวยวายใหญ่โตบ่นทุกอย่างที่เห็นบ่นทุกอย่างที่ใช้ตอนนั้นคุณยังถามหาอ่างจากุชชีในคอนโดผมอย
“ผมพูดจริง อยากทำให้มันดีสมกับตำแหน่งโอเมก้าอันดับหนึ่งของคุณ” อันดารันเงียบก่อนจะเอ่ย“โอเมก้าอันดับหนึ่งนั้นจะมีค่าอะไรถ้าฉันต้องยืนอยู่เพียงลำพัง” เจียอีชะงักก่อนจะเงยหน้ามาจุมพิตหน้าท้องขาวนั้นผ่านเสื้อยืดตัวบางแถมยังเป็นเสื้อของเขาอีกด้วย “อีกอย่างมันก็เป็นแค่ชื่อไอดีโอเมก้ามีจริงที่ไหนกันตอนแรกนายว่าฉันเพี้ยนไม่ใช่เหรอทำไมตอนนี้นายจริงจัง” “สงสัยติดเชื้อบ้าจากคุณ”“แกสิบ้า”“อ๊ะ” “เป็นหมาหรือไง” อันดารันลูบหน้าท้องของตัวเองป้อยๆงับลงมาได้ “ไหนเล่ามาสิไปก่อเรื่องอะไรไว้”“อะไร”“พี่แซนดี้เล่าให้ผมฟังหมดแล้วคุณนี่มันแสบจริงๆเลยนะ”“ฉันก็แค่ปกป้องตัวเองแสบเสิบอะไรแล้วไอ้หมอนั่นยังโดนน้อยไปด้วยซ้ำ” “ผมรู้แต่ว่าคุณต้องดูแลตัวเองดีๆคุณก็รู้ว่าครอบครัวนั้นมีอิทธิพลขนาดไหน” เจียอีพูดพร้อมกับเกลี่ยแก้มใสนั้นอย่างเอ็นดูสายตาที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาทำเอาอันดารันทำตัวไม่ถูกก่อนจะหันหน้าหนีหลบหลีกสายตาที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมาจนเขารู้สึกได้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะที่ได้สบตาคู่นั้น “รู้แล้วน่า”“รู้แล้วน่าของคุณนี่คืออะไรรู้แล้วแต่ยังทำ?”“ก็แค่ปกป้องตัวเอง”“เอาเถอะครั้งนี้ถือว่าแล้
อันดารันรวมไปถึงสต๊าฟคนอื่นๆกลับกรุงเทพฯตั้งแต่รับประทานมื้อเช้าของโรงแรมเสร็จต้องขอบคุณ SMS จากผู้หวังดีเมื่อวานที่ทำให้นักแสดงน้องใหม่ไม่ตกเป็นข่าวฉาวตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ฉายรวมไปถึงโดนแบล็กเมล์ยอมเป็นทาสกามให้กับคนพรรค์นั้นแต่อย่างว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวในเมื่อศราวุธชอบใช้แผนชั่วในการโจมตีคนอื่นเขาเลยรับหน้าที่เป็นผู้ลงทัณฑ์สั่งสอนให้เจ้าตัวได้รู้เสียบ้างแต่ก็ยังพอมีขอบเขตอยู่นิดนึงเพราะการถูกข่มขืนโดยที่ไม่มีสติไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีและเป็นสิ่งที่เพื่อนมนุษย์ควรกระทำต่อกันเพราะเป็นกองถ่ายซีรีส์เลยหาอุปกรณ์ได้ไม่ยาก อันดารันและพรรคพวกเลยจัดฉากปั่นหัวให้ศราวุธได้บทเรียนเสียบ้างจะแจ้งความก็ไม่ได้จะเอาเรื่องกับทางโรงแรมก็ไม่ได้อีกเพราะไม่ว่ายังไงเมื่อเรื่องไปถึงนักข่าวตัวศราวุธเองมีแต่เสียกับเสียบางทีเงินก็ไม่หนักพอที่จะปิดปากคนทำให้เรื่องชั่วช้าที่ได้ทำเอาไว้แดงออกมาอีกครั้ง อันดารันยิ้มเยาะและต้องขอบคุณตู้โทรศัพท์สาธารณะที่มีอยู่ทั่วทุกมุมจังหวัดถึงเวลาปั่นหัวคืนบ้างแล้วไอ้เรื่องที่คลิปที่ว่าก็ไม่มีจริงหรอกอี๋! ใครจะอยากเห็นร่างกายหมอนั่นกันเงินก็ไม่อยากได้ที่อยากได้คือคว
แม้หลัง ๆ การถ่ายทำจะไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนพระนายจะไม่ได้รักกันหวานเชื่อมเหมือนที่บทให้มาน่ะสิ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองปิดกล้องของเรื่อง “รักครั้งใหม่ของโอเมก้า” ส่วนในรายละเอียดอย่างฟีโรโมน การทำรัง รวมไปถึงช่วงฮีท อันดารันเองก็ได้เอ่ยพูดคุยกับคนเขียนบทหลายครั้งจนทุกอย่างลงตัว เพราะคุณนุชคนเขียนบทเองยังคิดไม่ตกในบางส่วน พอได้มาพูดคุยกับนายเอกของเรื่องที่บอกว่าได้อ่านนิยายประเภทนี้มาพอสมควรจึงสามารถถ่ายทอดสิ่งที่โอเมก้าต้องพบเจอมาได้หมด แถมยังตรงใจเธอสุด ๆ อีกด้วย คืนนี้เป็นงานเลี้ยงปิดกล้องทางทีมงานได้เช่าห้องจัดงานของโรงแรมเอาไว้พร้อมกับกำชับเรื่องความเป็นส่วนตัวของนักแสดง “วุธพี่ขอวันนี้อย่าก่อเรื่องอีกเลย”“ผมรู้แล้วน่า”“ปิดกล้องแล้วก็ยังต้องร่วมงานอื่นๆกันอีกช่องก็กำลังจะดันด้วยอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่”“ผมชักอยากจะรู้ว่าเด็กใคร! ดูท่าพี่จะเกรงใจมันมากนะ”“จะเด็กใครก็ช่างเถอะทำหน้าที่ของตัวเองจบๆกันไปไม่ดีเหรอ”“พี่ไม่ใช่ผมก็พูดได้ซิ”“เอาเถอะถือว่าพี่ขอนะวุธ” ชลดาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องพักไปแต่เธอก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่สนคำร้องขอของเธอ