เจียอีหัวเสียเดินไปพบหมอเจ้าของไข้อย่างไม่สบอารมณ์เจอคนไข้ที่ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะขอโทษขอโพยหรือขอความเห็นใจไม่ให้เขาเอาเรื่องเอาราวแต่ที่ไหนได้ไม่ใช่แขนอย่างเดียวที่เดี้ยงต้องใส่เฝือกปากน่าจะได้เย็บด้วยผู้ชายอะไรหน้าตาพอใช้ได้แต่กิริยามารยาทขี้ติเตียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกหนักสุดคงจะเป็นสมอง…เบต้าโอเมก้าอะไรบ้าบอแล้วไม่รู้ว่าคนเจ็บมีพ่อแม่พี่น้องที่ไหนบ้างแต่เขากลัวว่าจะเป็นพวกลักลอบทำงานผิดกฎหมายซะมากกว่าแบบโดนฆ่าตัดตอนอะไรเทือกนั้นไม่ก็เสพยาจนหลอน
“สวัสดีครับผมเป็นญาติของคุณเอ่อ…สรพงษ์มาพบคุณหมอทัชชกรครับ”
“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ” พยาบาลประจำวอร์ดต่อสายโทรศัพท์ถึงปลายสายสักครู่ก็เอ่ย
“เชิญค่ะคุณหมอรออยู่ออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวานะคะหน้าห้องจะมีชื่อนายแพทย์ทัชชกรเขียนติดอยู่ค่ะเข้าไปได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เจียอีเดินไปตามทางที่พยาบาลสาวแนะนำก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเข้าพบคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของคนเจ็บทันทีที่เปิดประตูเข้าไป
“ไงไอ้คุณเจียไม่เจอกันนานมาเจอกันที่นี่ได้”
“เออไอ้หมอขนาดใส่แมสยังจำได้อยู่นะ”
“คบกันมาตั้งนานแค่เห็นข้างหลังก็ดูออก”
“เออช่างเถอะ…กูมาถามอาการของสรพงษ์จะกลับบ้านได้เมื่อไหร่?”
“เป็นอะไรกับคุณเจียครับอย่าบอกว่า…”
“คิดอะไรเลอะเทอะไอ้หมอแม่งบ้าอยู่ๆก็วิ่งเข้ามาให้กูชนดีที่ไม่ตายแต่ไอ้เต่าน้อยลูกกูส่งซ่อมนานแน่เลย”
“โอ๊ย! กูว่ามึงไม่น่าลำบากลำบนอะไรขนาดนี้กลับไปหาแม่มึงเถอะ”
“เงียบไปเลยไอ้หมอไม่ใช่ประเด็นตกลงสรพงษ์จะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่อาการเป็นยังไงร้ายแรงแค่ไหน”
“ครับๆทีละข้อนะนอนพักดูอาการภายในอีกสองสามวันก็ออกได้แล้วรอดูเผื่อมีอาการบาดเจ็บภายในแต่โชคดีที่แค่แขนขาหักไม่มีถึงกับร้ายแรงมากแขนใส่เฝือกประมาณเดือนนึงถ้ากระดูกติดกันดีก็ไม่มีปัญหา”
“แล้วสมองล่ะกูว่าเค้าได้รับกระทบกระเทือนพอสมควร”
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นว่ะไอ้คุณเจีย” เจียอีนิ่งคิดไปสักครู่นึงก่อนจะตอบ
“ตื่นขึ้นมาแม่งโวยวายใหญ่ถามว่ากูเป็นเบต้าหรือเปล่าส่วนเขาอนุมานตัวเองเป็นโอเมก้ากูละอยากจะบ้าตาย” เจียอีกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“ไม่เลยนี่คือผลการสแกนสมองปกติดี”
“จริงเหรอวะไอ้หมอกูว่าเขาเพี้ยนๆวะ”
“กูจะโกหกมึงทำไมว่ะเอานี่แหกตาดูไม่มีเลือดออกในสมองสักจุดแค่หัวแตกบาดเจ็บภายนอกไม่ได้กระทบกระเทือนถึงสมอง” ทัชชกรชี้ให้ดูผลสแกนสมองในหน้าจอคอมพิวเตอร์ใช้ปากกาเคลื่อนไปมาแต่วิศวกรอย่างเขาก็ดูไม่ออกอยู่ดี
“กูจะดูออกไหมล่ะกูไม่ใช่หมอ” หมอทัชชกรเหลือบตามองเพื่อนอย่างเซ็งๆแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
“แล้วมึงจะเอาไงต่อ”
“คงจะติดต่อญาติส่วนรถกูคงต้องซ่อมไอ้เต่าน้อยเอง” เจียอีบอกพลางยักไหล่
“ถ้าเค้าไม่มีญาติทำไงวะ”
“…”
สิ่งที่เจียอีกลัวก็เป็นจริงเมื่อมาถึงเตียงผู้ป่วยที่นอนแขนเข้าเฝือกอย่างน่าสงสารแต่สีหน้าและแววตาพอเห็นความหยิ่งยะโสในนั้นแล้วความสงสารที่มีอยู่ก่อนหน้าก็ถูกตัดทอนลงไปหลายส่วน
“คุณสรพงษ์คุณมีญาติให้ผมติดต่อหรือเปล่า”
อันดารันฉงนสรพงษ์ใครกัน?
“แกไม่รู้จักฉันเหรอไงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาในเดอะแกรนด์ซิตี้ใครบ้างจะไม่รู้จักฉัน”
“เดอะแกรนด์ซิตี้ชื่อหมู่บ้านหรือเปล่าคุณออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ผมจะไปส่งให้ก็ได้”
“ชื่อหมู่บ้านอะไรแกสมองกลับหรือไงติดต่อเลขาฉันอินคาแล้วเมื่อไหร่จะย้ายฉันไปห้องพิเศษสักทีแล้วนี่แกแน่ใจนะว่าที่นี่คือโรงพยาบาลทำไมมันเก่ายังกะโรงฆ่าสัตว์แถมไม่มีอะไรกั้นเลยหากมีอัลฟ่าเข้ามาหาฉันจะทำยังไงฮะโอเมก้าอย่างฉันน่ะ—”
“พอๆเลย” เจียอีรีบเบรกเมื่อเห็นว่าคนเจ็บกำลังจะพูดจาเลื่อนเปื้อนเขาตบหน้าผากตัวเองแรงๆพลางขยุ้มผมเพื่อระงับอารมณ์โกรธขึ้นมา “อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา” เจียอีท่องอยู่อย่างนั้นสองสามรอบปรับลมหายใจให้เป็นปกติก่อนจะค่อยๆอธิบายกับคนตรงหน้าฟังช้าๆชัดๆ
“คุณสรพงษ์ที่นี่คือประเทศไทยเราอยู่ในเขตปริมณฑลนนทบุรีไม่มีเดอะแกรนด์ซิตี้ไม่มีอัลฟ่าไม่มีเบต้ามีเพียงชายหญิงและเอ่อ…LGBTQ+ อันหลังค่อยอธิบายเอาเป็นว่ามีเพียง 2 โครโมโซม X และ Y ไม่มีอัลฟ่า โอเมก้า คุณเข้าใจไหม”
“เดี๋ยวก่อนนะเมื่อกี้แกเรียกฉันว่าอะไรนะ…สรพงษ์ใคร? ฉันอันดารันหนึ่งตระการโอเมก้าอันดับหนึ่งที่อัลฟ่าหลายคนหมายปองเชียวนะ”
“โอ๊ย!!” เจียอีปวดหัวไม่รู้ว่าสรพงษ์แกล้งบ้าหรือบ้าจริงๆพูดอะไรไปเหมือนจะไม่เข้าหูเลยสักอย่างพูดไม่ทันเสร็จเขาก็เดินหนีเตรียมกลับไปพักผ่อนปล่อยให้คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งนอนแหง็กอยู่อย่างนั้นไม่สนใจเสียงที่ตะโกนไล่หลังออกมาอย่างเดือดดาล
“แกกลับมาก่อนกลับมาเดี๋ยวนี้นะแกกล้าเมินฉันงั้นเหรอโอ๊ย” อันดารันตะโกนอย่างหัวเสียนอกจากอีตาซานนาห์แล้วก็มีหมอนี่แหละที่กล้าเมินเขาหน็อยแน่!! ฟีโรโมนเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับเบต้าเสียด้วยซิเสียเซลฟ์ชะมัด
“คอยดูนะฉันจะทำให้แกหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นเลยคอยดู”
อันดารันสอดสายตามองดูสภาพห้องรอบๆ ตั้งสติดี ๆ มันก็ไม่เหมือนเดอะแกรนด์ซิตี้เลยสักนิด ที่นี่ที่ไหนกันแน่ นนทบุรีอย่างนั้นเหรอ แล้วประเทศไทยมันที่ไหนกัน ใบหน้าเริ่มบูดบึ้งเมื่อเหลือบไปเห็นคนไข้ฝั่งตรงข้ามเตียงที่ลุกมาถือกระโถนอาเจียนอย่างหนัก
“โว้ย…ย้ายฉันไปห้องพิเศษสักที!!”
เจียอีกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เป็นคอนโดเก่ามีเพียงหนึ่งห้องนอนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหนุ่มโสด ดีที่เมื่อวานเป็นวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ออกไปทำงานที่บริษัท เนื่องจากวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงที่กำลังแพร่ระบาด ทางฝ่ายกรมควบคุมโรคก็กำลังประสานงานไปยังสนามบินเพื่อคัดกรองผู้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังพอควบคุมได้ ดีกว่าหลาย ๆ ทวีปที่ติดกันอย่างหนัก ไหนจะอุปกรณ์ขาดแคลน เพียงว่าอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งไม่มีเวลาออกไปซื้อของเข้าห้องมากนัก เขาจึงมักสั่งของแห้งตุนเอาไว้ ถือสโลแกนเหลือก็ยังดีกว่าขาด มองดูแพ็คขวดน้ำหลายสิบแพ็ค ข้าวสารสองสามถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช เพราะจากที่ติดตามข่าวคาดว่าโรคระบาดจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในไม่ช้าแน่ ๆ จึงอาบน้ำชำระร่างกาย นอนพักสักตื่นตกเย็นจึงออกจากห้องไปหาอะไรกิน จึงเข้าห้างใกล้บ้านไปขนเสบียงมาตุนไว้ และตุนไว้เผื่อสำหรับสองคนด้วยจะว่าไม่ให้คิดถึงสรพงษ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนชนอีกฝ่ายก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจียอีก็คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่เพื่อนมนุษย์หนึ่งคนจะทำได้ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ป
ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”“แกว่าฉันบ้า?”“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ “ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียท
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
“อร่อยล่ะสิไหนบอกไม่เปรี้ยวไม่เค็มไม่เผ็ดไม่หวานจนเลี่ยน” อันเจียได้ทีรีบเอาคืนแม้คำพูดเขาจะไม่ระคายผิวคุณสรพงษ์เลยสักกระผีกก็ตามขอให้ได้กัดได้จิกสักนิดก็ยังดี อันดารันเชิดหน้าอย่างท้าทาย“แล้วไงก็พอถูไถให้อิ่มไปได้หนึ่งมื้อ” “อ้อเหรอ” อันเจียลากเสียงยาวววววขนาดถูไถน้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือหากคุณเขามาเห็นปริมาณโซเดียมในหนึ่งซองคนอกแตกตาย “หากคุณแขนดีคุณต้องเป็นฝ่ายเก็บไปล้างผมทำกับข้าวคุณล้างตกลงไหม”“ไม่” อันดารันตอบโดยไม่ต้องคิดมือไวกว่าความคิดเขาก็ดีดหน้าผากคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ยไอ้บ้าดีดมาได้”“คุณน่ะสิบ้าบ้าไม่พอยังนิสัยเสียถ้าคุณไม่ทำก็ไม่ต้องกินเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงระหว่างเราที่ต้องอยู่ร่วมกัน”“ตอนนี้ฉันแขนหักใส่เฝือกอยู่นะ” น้ำเสียงอ่อนลงแถมยังทำหน้าออดอ้อนออกมาอีกใบหน้าหวานนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรกแต่หากมาได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบเขาร้อยทั้งร้อยคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งต้องถูกเนรเทศออกจากห้องแน่ๆเล่นบ่นสากกะเบือยันเรือรบขนาดนั้นใครจะทนคนอย่างสรพงษ์ได้ขนาดนี้นอกจากพ่อพระอย่างเขา“ผมก็บอกถ้าคุณหาย”“ทำไมฉันต้องทำ”“ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ”“แล้วไงแกชน
อันดารันตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีดธรรมดาดูแล้วคล้ายเด็กมหาลัยดูไม่มีพิษสงแต่อย่าให้อ้าปากพูดเชียวไอ้ใบหน้าใสๆน่าเอ็นดูนั่นล่อตีนได้ไม่ยากดีที่ไม่สวมผ้าพันคอผืนใหญ่คล้ายลูกเสือออกมาด้วย“ฉันอยากได้ครีมบำรุงผิวมันหยาบกร้านไปหมดแล้ว” “แล้วก็ของกินบำรุงพวกคอลลาเจนไฟเบอร์เครื่องสำอางดูสิหน้าฉันโล่งขนาดนี้หากใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“คุณมีเงินเหรอ?” “ไม่มี…แกสิต้องจ่ายเรื่องอะไรฉันต้องมานั่งจ่ายด้วยแกชนฉันฉันอยู่ในสภาพนี้เพราะใคร—”“หยุดเลย” อันดารันยกยิ้มมุมปากคิดว่าอีกฝ่ายต้องยอมทำตามความต้องการเขาแน่ๆไหนจะเสื้อผ้าที่เชยระเบิดแบบนี้อีกให้ตาย! อยู่ไปได้ยังไงเนี่ยสรพงษ์นายแม่งเฮงซวยจริงๆ “ไม่ซื้อฟังนะ…ผมไม่ได้มีเงินฟุ้งเฟ้อที่จะเติมความต้องการของคุณได้ทั้งหมดหรอกมีงบให้แค่ 500 บาทแบงก์สีแดง 5 ใบนี้เท่านั้น” เจียอีกรีดแบงก์แล้วนับทวนให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น“ห้าร้อยเนี่ยนะ!”“ใช่…ไม่พอก็ต้องพอ” อันดารันอ้าปากค้างช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน“นี่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งเงินเดือนผมหักนั่นนี่เหลือแบงก์สีเทา 16 ใบก็คือ 16,000 บาทจ่ายค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันค่าซ่อมรถเต่าน้อยของผมเดือนนี
“เพิ่มอีกห่อนะนะนะ” อันดารันเหมือนลืมตัวสมัยก่อนพอเขาอยากซื้ออะไรอยากทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อาร์ชินก็เหมือนกับเจียอีตอนนี้หากใช้ไม้แข็งไม่มีทางโน้มน้าวได้ก็ต้องใช้ลูกอ้อนใส่จริตจะก้านเข้าไปเพื่อให้ได้มาและทำตามใจตัวเองถือบะหมี่พร้อมทำหน้าแมวอ้อนในสายตาเจียอีเหมือนแมวตัวน้อยที่ส่งสายตาอ้อนวอนให้ทาสทำตามหรือรับไปเลี้ยงงั้นแหละวิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังจนชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ“ก็บอกไม่ได้ไง” เสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว“ใจร้ายก็แค่อีกแพ็คเดียวเองนะนะ” “งั้นก็ต้องแบ่งส่วนห้าร้อยของคุณออกมา” อันดารันหน้าตึงทันทีไอ้หมอนี่ “ได้ไงแค่นี้ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย”“ก็ใช่ไงผมมีงบสำหรับปากท้องพวกเราเดือนนี้เพียงสามพันกว่าๆรวมกับของใช้อื่นๆในบ้านด้วยก็สี่พันบาทเท่านั้น”“ทำไมแกจนอย่างนี้!!!” อันดารันแหวใส่อย่างหมดความอดทนนั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ “เออผมมันจนคุณก็ไปหาคนที่รวยๆแล้วไปเกาะเขาสิคุณโอเมก้าอันดับหนึ่ง” เจียอีหัวเสียเป็นอย่างมากเดินเข็นรถเข็นเดินออกมาโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีกพวกเขาทะเลาะกันคล้ายคู่รักคู่หนึ่งในสายตาของสาววายที่มองมาแถมยังกระซิบกระซาบอมยิ้มกันใหม่อันดารันไม่มีทางเลือกมากนักได้แต่วิ่งตามอี
นี่มันวินาศสันตะโรอะไรที่โอเมก้าสวย เริด เชิด หยิ่งแห่งยุคอย่าง อันดารัน หนึ่งตระการ ได้วาร์ปมาอยู่ในอีกโลก ทั้ง ๆ ที่การขยับตัวจะทำอะไรของเขากำลังเป็นที่จับตามองของสังคม หน้าจอออนไลน์มักจะปรากฏชื่อโอเมก้าเนื้อหอมที่มักจะถูกจับจองพาดหัวฮอตเสิร์ชอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง หรือต้นเหตุของการวิวาท โอเมก้าที่อัลฟ่าทั้งหลายต่างหมายปอง ในโลกวิวัฒนาการและเทคโนโลยีล้ำหน้า อีกทั้งยังมีการจับคู่ของรัฐบาลซึ่งแก้ปัญหาประชากรที่เกิดโรคระบาดเมื่อหลายสิบปีก่อน อันดารันเป็นโอเมก้าคนสวยที่นอกจากความสวยแล้วก็อาจจะมองหาอย่างอื่นไม่ได้…หากไม่มีการจับคู่ของรัฐบาลเพื่อคัดกรองยีนที่สมบูรณ์แบบ อันดารันคิดว่าชีวิตของเขาคงมีความสุขและใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงมากกว่านี้แต่ชีวิตป๊อปๆในสังคมไฮโซต้องพังเพียงเพราะเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับอัลฟ่าที่อายุห่างกันเกือบสิบปีอย่างซานนาห์ชองส์เรื่องอะไรที่จะต้องมีผัวแก่อย่างนั้นแถมยังทำหน้าเหม็นเบื่อโลกสายตาที่ใช้มองเขานั้นช่างทิ่มแทงและดูหมิ่นอยู่ในทีแม้ไม่บริภาษอะไรออกมาสักคำมีผัวแบบนั้นน่าเบื่อตายดีไม่ดีต้องได้ปรนนิบัติรับใช้เป็นเมียในเรือนทาสหรือเปล่าก
“เพิ่มอีกห่อนะนะนะ” อันดารันเหมือนลืมตัวสมัยก่อนพอเขาอยากซื้ออะไรอยากทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อาร์ชินก็เหมือนกับเจียอีตอนนี้หากใช้ไม้แข็งไม่มีทางโน้มน้าวได้ก็ต้องใช้ลูกอ้อนใส่จริตจะก้านเข้าไปเพื่อให้ได้มาและทำตามใจตัวเองถือบะหมี่พร้อมทำหน้าแมวอ้อนในสายตาเจียอีเหมือนแมวตัวน้อยที่ส่งสายตาอ้อนวอนให้ทาสทำตามหรือรับไปเลี้ยงงั้นแหละวิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังจนชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ“ก็บอกไม่ได้ไง” เสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว“ใจร้ายก็แค่อีกแพ็คเดียวเองนะนะ” “งั้นก็ต้องแบ่งส่วนห้าร้อยของคุณออกมา” อันดารันหน้าตึงทันทีไอ้หมอนี่ “ได้ไงแค่นี้ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลย”“ก็ใช่ไงผมมีงบสำหรับปากท้องพวกเราเดือนนี้เพียงสามพันกว่าๆรวมกับของใช้อื่นๆในบ้านด้วยก็สี่พันบาทเท่านั้น”“ทำไมแกจนอย่างนี้!!!” อันดารันแหวใส่อย่างหมดความอดทนนั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ “เออผมมันจนคุณก็ไปหาคนที่รวยๆแล้วไปเกาะเขาสิคุณโอเมก้าอันดับหนึ่ง” เจียอีหัวเสียเป็นอย่างมากเดินเข็นรถเข็นเดินออกมาโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีกพวกเขาทะเลาะกันคล้ายคู่รักคู่หนึ่งในสายตาของสาววายที่มองมาแถมยังกระซิบกระซาบอมยิ้มกันใหม่อันดารันไม่มีทางเลือกมากนักได้แต่วิ่งตามอี
อันดารันตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงยีนสีซีดธรรมดาดูแล้วคล้ายเด็กมหาลัยดูไม่มีพิษสงแต่อย่าให้อ้าปากพูดเชียวไอ้ใบหน้าใสๆน่าเอ็นดูนั่นล่อตีนได้ไม่ยากดีที่ไม่สวมผ้าพันคอผืนใหญ่คล้ายลูกเสือออกมาด้วย“ฉันอยากได้ครีมบำรุงผิวมันหยาบกร้านไปหมดแล้ว” “แล้วก็ของกินบำรุงพวกคอลลาเจนไฟเบอร์เครื่องสำอางดูสิหน้าฉันโล่งขนาดนี้หากใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“คุณมีเงินเหรอ?” “ไม่มี…แกสิต้องจ่ายเรื่องอะไรฉันต้องมานั่งจ่ายด้วยแกชนฉันฉันอยู่ในสภาพนี้เพราะใคร—”“หยุดเลย” อันดารันยกยิ้มมุมปากคิดว่าอีกฝ่ายต้องยอมทำตามความต้องการเขาแน่ๆไหนจะเสื้อผ้าที่เชยระเบิดแบบนี้อีกให้ตาย! อยู่ไปได้ยังไงเนี่ยสรพงษ์นายแม่งเฮงซวยจริงๆ “ไม่ซื้อฟังนะ…ผมไม่ได้มีเงินฟุ้งเฟ้อที่จะเติมความต้องการของคุณได้ทั้งหมดหรอกมีงบให้แค่ 500 บาทแบงก์สีแดง 5 ใบนี้เท่านั้น” เจียอีกรีดแบงก์แล้วนับทวนให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น“ห้าร้อยเนี่ยนะ!”“ใช่…ไม่พอก็ต้องพอ” อันดารันอ้าปากค้างช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน“นี่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งเงินเดือนผมหักนั่นนี่เหลือแบงก์สีเทา 16 ใบก็คือ 16,000 บาทจ่ายค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันค่าซ่อมรถเต่าน้อยของผมเดือนนี
“อร่อยล่ะสิไหนบอกไม่เปรี้ยวไม่เค็มไม่เผ็ดไม่หวานจนเลี่ยน” อันเจียได้ทีรีบเอาคืนแม้คำพูดเขาจะไม่ระคายผิวคุณสรพงษ์เลยสักกระผีกก็ตามขอให้ได้กัดได้จิกสักนิดก็ยังดี อันดารันเชิดหน้าอย่างท้าทาย“แล้วไงก็พอถูไถให้อิ่มไปได้หนึ่งมื้อ” “อ้อเหรอ” อันเจียลากเสียงยาวววววขนาดถูไถน้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือหากคุณเขามาเห็นปริมาณโซเดียมในหนึ่งซองคนอกแตกตาย “หากคุณแขนดีคุณต้องเป็นฝ่ายเก็บไปล้างผมทำกับข้าวคุณล้างตกลงไหม”“ไม่” อันดารันตอบโดยไม่ต้องคิดมือไวกว่าความคิดเขาก็ดีดหน้าผากคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ “โอ๊ยไอ้บ้าดีดมาได้”“คุณน่ะสิบ้าบ้าไม่พอยังนิสัยเสียถ้าคุณไม่ทำก็ไม่ต้องกินเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงระหว่างเราที่ต้องอยู่ร่วมกัน”“ตอนนี้ฉันแขนหักใส่เฝือกอยู่นะ” น้ำเสียงอ่อนลงแถมยังทำหน้าออดอ้อนออกมาอีกใบหน้าหวานนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอกสำหรับคนที่พบเห็นเป็นครั้งแรกแต่หากมาได้ใช้ชีวิตด้วยกันแบบเขาร้อยทั้งร้อยคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งต้องถูกเนรเทศออกจากห้องแน่ๆเล่นบ่นสากกะเบือยันเรือรบขนาดนั้นใครจะทนคนอย่างสรพงษ์ได้ขนาดนี้นอกจากพ่อพระอย่างเขา“ผมก็บอกถ้าคุณหาย”“ทำไมฉันต้องทำ”“ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ”“แล้วไงแกชน
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”“แกว่าฉันบ้า?”“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ “ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียท
เจียอีกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เป็นคอนโดเก่ามีเพียงหนึ่งห้องนอนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหนุ่มโสด ดีที่เมื่อวานเป็นวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ออกไปทำงานที่บริษัท เนื่องจากวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงที่กำลังแพร่ระบาด ทางฝ่ายกรมควบคุมโรคก็กำลังประสานงานไปยังสนามบินเพื่อคัดกรองผู้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังพอควบคุมได้ ดีกว่าหลาย ๆ ทวีปที่ติดกันอย่างหนัก ไหนจะอุปกรณ์ขาดแคลน เพียงว่าอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งไม่มีเวลาออกไปซื้อของเข้าห้องมากนัก เขาจึงมักสั่งของแห้งตุนเอาไว้ ถือสโลแกนเหลือก็ยังดีกว่าขาด มองดูแพ็คขวดน้ำหลายสิบแพ็ค ข้าวสารสองสามถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช เพราะจากที่ติดตามข่าวคาดว่าโรคระบาดจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในไม่ช้าแน่ ๆ จึงอาบน้ำชำระร่างกาย นอนพักสักตื่นตกเย็นจึงออกจากห้องไปหาอะไรกิน จึงเข้าห้างใกล้บ้านไปขนเสบียงมาตุนไว้ และตุนไว้เผื่อสำหรับสองคนด้วยจะว่าไม่ให้คิดถึงสรพงษ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนชนอีกฝ่ายก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจียอีก็คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่เพื่อนมนุษย์หนึ่งคนจะทำได้ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ป
เจียอีหัวเสียเดินไปพบหมอเจ้าของไข้อย่างไม่สบอารมณ์เจอคนไข้ที่ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะขอโทษขอโพยหรือขอความเห็นใจไม่ให้เขาเอาเรื่องเอาราวแต่ที่ไหนได้ไม่ใช่แขนอย่างเดียวที่เดี้ยงต้องใส่เฝือกปากน่าจะได้เย็บด้วยผู้ชายอะไรหน้าตาพอใช้ได้แต่กิริยามารยาทขี้ติเตียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกหนักสุดคงจะเป็นสมอง…เบต้าโอเมก้าอะไรบ้าบอแล้วไม่รู้ว่าคนเจ็บมีพ่อแม่พี่น้องที่ไหนบ้างแต่เขากลัวว่าจะเป็นพวกลักลอบทำงานผิดกฎหมายซะมากกว่าแบบโดนฆ่าตัดตอนอะไรเทือกนั้นไม่ก็เสพยาจนหลอน“สวัสดีครับผมเป็นญาติของคุณเอ่อ…สรพงษ์มาพบคุณหมอทัชชกรครับ”“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ” พยาบาลประจำวอร์ดต่อสายโทรศัพท์ถึงปลายสายสักครู่ก็เอ่ย“เชิญค่ะคุณหมอรออยู่ออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวานะคะหน้าห้องจะมีชื่อนายแพทย์ทัชชกรเขียนติดอยู่ค่ะเข้าไปได้เลยค่ะ” “ขอบคุณมากครับ” เจียอีเดินไปตามทางที่พยาบาลสาวแนะนำก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเข้าพบคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของคนเจ็บทันทีที่เปิดประตูเข้าไป“ไงไอ้คุณเจียไม่เจอกันนานมาเจอกันที่นี่ได้”“เออไอ้หมอขนาดใส่แมสยังจำได้อยู่นะ”“คบกันมาตั้งนานแค่เห็นข้างหลังก็ดูออก”“เออช่างเถอะ…กูมาถามอาการของสรพงษ์จะกลับบ้าน
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนคนเจ็บปางตาย ขวัญแตกกระเจิงตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อโดนอีกฝ่ายฉอดก็ฟังไม่เข้าหัวสักอย่าง โชคดีที่มีโรงพยาบาลรัฐอยู่ใกล้ ๆ ถ้าเป็นเอกชนไม่อยากจะคิดว่าค่ารักษาพยาบาลจะเท่าไหร่เจียอีเกาหัวอย่างลวกๆปัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงค่อยๆพูดค่อยๆจากับคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงแต่ในใจเขาคิดว่าส่วนที่ควรจะบาดเจ็บที่สุดควรจะเป็นฝีปากที่คมกริบเหมือนกรรไกรของเจ้าตัวมากกว่าพูดแต่ละอย่างเรียกตีนได้ง่ายมาก“นี่ติดต่อเลขาฉันหรือยัง ‘อินคา’ แล้วย้ายฉันไปห้องพิเศษ…แกไม่รู้จักฉันหรือไง?”“…”“อ้อ…อีกอย่างแกต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำฉันเจ็บตัวอยู่แบบนี้อีกอย่างแกต้องรับผิดชอบค่ารักษาใบหน้าแขนขาของฉันที่ต้องเกิดรอยขีดข่วนแกคงไม่รู้สินะว่าวงเงินประกันฉันสูงมากกกก”“…” “แกเป็นใบ้หรือไงหรือลืมเอาปากมาฮะ!!”เห็นหน้าตาทึ่มทื่อของไอ้หมอนี่แล้วหัวเสียชะมัดถามอะไรก็ไม่ตอบบ้าบออันดารันสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแถมไอ้คนตรงหน้าดูเหมือนจะเมินเขาเสียด้วยเหมือนตะโกนคุยกับกำแพง“นี่!!!”“คุณเป็นใครคุณยังไม่รู้ผมจะไปรู้ได้ยังไงอีกเรื่องผมย้ายคุณไปห้องพิเศษไม่ได้หรอกมันแพงอีก