การทำงานเกี่ยวกับบัตรเครดิตทั้งวันทำให้เนยรู้สึกเหนื่อยล้า โดยเฉพาะเมื่อเจอลูกค้าที่เรื่องมาก แต่เธอก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้เสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าสำหรับงานบริการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้า และดึงพวกเขากลับมาใช้บริการอีกครั้ง
สำหรับเนย เรื่องพวกนี้ไม่ยากเลย เธอสามารถ ‘ตีหน้า’ เก่งจนเพื่อนๆ ในออฟฟิศยกฉายาให้ว่า “นางนกสองหน้า” เพราะเธอสามารถแสดงออกอย่างมืออาชีพได้ตลอดเวลา
หลังเลิกงาน เป็นเวลาที่เนยชอบมากที่สุด หญิงสาวมักจะแวะที่โลตัสตรงสถานีอ่อนนุชเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวหรือของกินเล่น เธอมีความสุขกับการเลือกดูของ แม้ว่าบางครั้งจะไม่ได้ซื้อติดมือกลับบ้านเลยก็ตาม
พูดไม่ค่อยเก่ง...แต่รักหมดใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายของเนย หญิงสาวจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเพราะมีคนขัดจังหวะการช้อปปิ้งของเธอ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ ก่อนจะกดรับสายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ฮัลโหล นายมีอะไร?” เสียงเธอกรอกลงไปอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมา
“เออ ฉันเอง เธอจะกลับบ้านกี่โมง?” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่รู้ว่าคนฟังอารมณ์เสียแค่ไหน
“กำลังจะกลับ แค่แวะซื้อของนิดหน่อย” เนยตอบเรียบๆ แล้วเดินดูของต่อ
“รีบกลับหน่อยสิ ฉันจะให้ช่วยโหลดงานจากเน็ต” เสียงปลายสายเร่ง ทำให้เนยขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมนายไม่ทำเอง?”
“ก็ฉันติดงาน คงกลับดึก ช่วยหน่อยนะ” ปลายสายอ้อนแกมบังคับ
“เออๆ ก็ได้” เนยตอบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกดวางสาย น้องชายตัวดีของเธอชอบมาป่วนแบบนี้เสมอ เธอส่ายหน้าแล้วตัดสินใจเลิกช้อป และรีบกลับบ้านทันที
เมื่อกลับถึงบ้าน เนยตรงเข้าไปอาบน้ำทันที หลังจากชำระร่างกายที่เหนียวเหนอะมาทั้งวัน หญิงสาวสวมชุดนอนที่เบาสบายแล้วเดินลงไปในครัวหาคุณแม่ด้วยท่าทางประจบ
“แม่ขา... วันนี้มีอะไรทานบ้างคะ?” เนยเข้าไปกอดแม่แน่นทันที แม่ของเธอมักจะเตรียมอาหารเย็นให้หลังเธอกลับจากทำงานเสมอ
“อาบน้ำแล้วเหรอลูก วันนี้แม่ทำแซนวิชแฮมของโปรดของลูกไง” แม่ของเนยตอบด้วยเสียงนุ่ม แต่แฝงด้วยความเข้ม ก่อนจะเลื่อนจานแซนวิชที่หั่นพอดีคำให้เธอ
“โห...แม่รู้ใจหนูที่สุดเลย” เนยตาโตด้วยความดีใจ หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วหยิบแซนวิชขึ้นมา
แม่หันมาจ้องหน้าเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เนย...แม่สอนให้แกรู้จักควบคุมอารมณ์และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตั้งแต่เด็กๆ ...จำไว้นะ ลูกสาวของคนอย่างเรา ต้องไม่มีวันอ่อนแอ!”
“ค่ะๆ หนูรู้แล้ว”
เนยตอบยิ้มๆ แม้จะคุ้นชินกับคำพูดหนักแน่นแบบนี้ของแม่ แต่เธอก็รักแม่มาก เพราะเบื้องหลังของแม่ที่ดูเหมือนเป็นแม่บ้านธรรมดา แท้จริงแล้วเป็นลูกสาวมาเฟียที่มีอำนาจ และแม่ก็เคี่ยวเข็ญให้เธอเรียนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็กเพื่อปกป้องตัวเอง
ที่สำคัญ พ่อของเธอดันไม่รู้เรื่องที่แม่เป็นลูกสาวมาเฟียนี่สิ
“มาอ้อนแม่เขาอีกแล้วนะลูก” เสียงพ่อดังขึ้น เมื่อเขาเดินเข้ามาในครัว
“เปล่าซักหน่อยค่ะ คุณพ่อ” เนยตอบเสียงกระเง้ากระงอด พร้อมกัดแซนวิชคำใหญ่
“หึหึ ทำไมไม่ทานข้าวข้างนอกบ้างล่ะ กว่าจะกลับบ้านก็ดึก เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะพอดี” พ่อพูดอย่างเป็นห่วง พร้อมลูบหัวเธอเบาๆ
อาหารข้างนอกสู้ฝีมือแม่ไม่ได้เลยนี่คะ” เนยหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“ประจบเก่งจริงนะเรา” พ่อของเนยหัวเราะ พร้อมเขกหัวเธอเบาๆ เป็นการหยอกล้อ
หลังจากนั้นเนยก็รีบขึ้นไปที่ห้องนอน พร้อมแซนวิชในมือ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อโหลดงานให้น้องชาย เธอเปิดโปรแกรม Chatzy เพื่อเข้าไปล็อกอิน และเช็คเมลตามปกติ
“โห... 20 เมล ใครมันช่างขยันส่งจัง” เนยพึมพำกับตัวเอง ขณะที่กวาดตาดูอีเมลต่างๆ
หลังจากโหลดงานให้น้องชายเสร็จ เธอก็เปิดดูรูปที่เพื่อนๆ ส่งมา ทั้งรูปดาราที่ถูกตัดต่อ หรือรูปน่ากลัวๆ ที่ทำให้เธอรีบปิดหน้าจอแทบไม่ทัน ขณะกำลังอ่านเมลเพลินๆ กล่องข้อความในโปรแกรม Chatzy ก็เด้งขึ้นมาให้เธอเพิ่มเพื่อน
“หืม... แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ? ใครกันนะ...”
เนยขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจกดตอบรับคำขอเพราะความอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: สวัสดีครับ
ทันทีที่เนยตอบรับคำขอเพิ่มเพื่อน อีกฝ่ายก็ทักทายมา หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
B u T T e R says: สวัสดีค่ะ
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: คุณรู้จักเนใช่มั้ยครับ?
คำถามของอีกฝ่ายทำให้เนยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะพิมพ์ตอบ
B u T T e R says: ค่ะ แล้วคุณคือใครเหรอคะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ผมรู้จักเนครับ
B u T T e R says: เพื่อนเนเหรอคะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ครับผม
B u T T e R says: มิน่า ตอนแรกก็งงว่าใคร ^^”
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เรียกผมว่าบีก็แล้วกันครับ แล้วคุณชื่อ...
B u T T e R says: อ๋อ ชื่อเนยค่ะ
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ยินดีที่ได้รู้จักครับ
B u T T e R says: ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ^^a
B u T T e R says: แล้วคุณรู้จักเนได้ยังไงคะ?
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อ๋อ...ผมทำงานที่เดียวกับเนครับ ^^
B u T T e R says: นึกว่าเนไม่มีคนคบซะอีก 555
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: จริงๆ เราสองคนก็ไม่ค่อยมีเพื่อนนะ
B u T T e R says: ง่ะ -___-a
แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ล้อเล่นครับ ล้อเล่น ^^
เนยเริ่มรู้สึกสนุกกับการสนทนามากขึ้น เธอจึงเริ่มพิมพ์ข้อความอย่างเป็นกันเองB u T T e R says: แล้วคุณทำงานแผนกเดียวกับเนเหรอ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อืม แต่ผมไม่เก่งเท่าเนหรอก หมอนั่นมันเทพมากB u T T e R says: ยังไงล่ะ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ไม่ว่าจะเจองานยากแค่ไหน เนก็แก้ได้ทุกครั้งเลย หมอนั่น ไม่ใช่คนแล้วอะB u T T e R says: ฮะๆ แบบนี้เรียกว่าใกล้บ้ารึเปล่าแค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: น่าจะประมาณนั้นนะB u T T e R says: แล้วไม่กลัวเราเอาไปฟ้องเนเหรอ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: โอ้...ลืมไปเลย แหะๆ อย่าไปบอกเลยนะ (-/\-)B u T T e R says: หุหุ ไม่บอกหรอก แต่เดี๋ยวจะตะโกนให้เนได้ยินดีกว่า ^O^แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหวอ! อย่าทำแบบนั้นนะ สงสารผมเถอะ หมอนั่นเวลาโกรธเอาเรื่องอยู่B u T T e R says: แล้วคุณรู้จักเนนานรึยัง?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ประมาณ 3-4 เดือนได้ แต่รู้สึกเหมือนสนิทกันมานานแล้ว ^^B u T T e R says: แปลกดีนะ ปกติเนไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆ เลยนี่นาแค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหรอ แต่เขาก็สนิทกับผมนะ ^^ คงเพราะผมเป็นคนดีล
หลังจากกินดื่มกันจนจบมื้อค่ำ เพื่อนๆ ก็เริ่มคุยกันถึงการไปต่อที่ผับของคิง เพื่อนสนิทของเบียร์และเน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร“ไปต่อที่ Night Owl ร้านของคิงกันดีกว่า” พี่ตูนเอ่ยขึ้น ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยผับ Night Owl เป็นผับขนาดกลางที่คึกคักไปด้วยแสงสีและเสียงเพลง ริมถนนใหญ่ในย่านที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายวัย เบียร์ขับรถตามหลังกลุ่มเพื่อนไปยังร้าน ทุกคนลงจากรถด้วยอารมณ์สนุกสนานหลังจากดื่มเบียร์กันไปพอหอมปากหอมคอภายในผับ Night Owl ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีผนังอิฐเปลือย โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม และแสงไฟสลัวที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา วงดนตรีสดเริ่มบรรเลงเพลงต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามา ทั้งกลุ่มเพื่อนและคนที่มาเที่ยวกันเป็นคู่คิง เจ้าของร้านและเพื่อนสนิทของเบียร์ เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง“มาแล้วเหรอวะพวกมึง! ยินดีต้อนรับ” คิงทักทายพร้อมผายมือให้พวกเขานั่งที่โซนวีไอพี“เออ พลาดได้ไง” เบียร์ยิ้มพลางจับมือทักทายกับคิงเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทุกคนนั่งดื่มและคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะเดียวกันที่โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มสาวพริตตี้ที่มาฉลองกัน กลุ่มสาวๆ ในชุดเดรสรั
เมื่อทั้งสองมาถึงชั้นบน เบียร์เปิดประตูห้องที่คุ้นเคย เป็นห้องส่วนตัวที่ใช้สำหรับรับรองแขกพิเศษ ห้องถูกตกแต่งด้วยแสงไฟสลัวและบรรยากาศเงียบสงบ มีเตียงขนาดคิงไซส์อยู่ตรงกลางห้อง เมย์เดินตามเข้าไปในห้องโดยไม่มีความลังเล“ที่นี่เงียบดีจัง...” เมย์เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ ห้อง ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มอย่างมีนัย เบียร์ปิดประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง“ใช่… เหมาะสำหรับค่ำคืนแบบนี้” เบียร์กระซิบเบาๆ ริมฝีปากของเขาเกือบจะแตะกับแก้มของเธอ ก่อนจะค่อยๆ สัมผัสเบาๆเมย์ไม่พูดอะไร เธอหันกลับมาสบตากับเขาอย่างท้าทาย ทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้กันจนแทบไม่มีช่องว่าง สัมผัสของเบียร์ที่แขนของเธอทำให้ร่างกายของเธอสั่นเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น บรรยากาศในห้องเริ่มร้อนระอุร่างของเมย์ถูกเบียร์ดึงเข้ามาใกล้จนแนบชิดกับตัวเขา ริมฝีปากของเขากดลงเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่กลับสร้างความรู้สึกเร่าร้อนจนเมย์หายใจสะดุดเมย์ถอยหลังเล็กน้อย ขยับร่างตัวเองขึ้นไปนั่งบนเตียง มือบางของเธอค่อยๆ ลูบไล้แผงอกของเบียร์ ผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขายังสวมอยู่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความต้องการที่ชัดเจน"คุณร้อนแรงกว่า
“ฮื้อ...อีกแล้ว” เสียงพึมพำอย่างไม่พอใจหลุดออกมาจากปากของเนยขณะที่จ้องมองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอดับไปอีกครั้ง“เป็นอะไรเหรอเนย?” แพรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ชะโงกหน้ามาถามด้วยความสงสัย“ก็เครื่องคอมฯ ฉันน่ะสิ รวนอีกแล้ว” เนยบ่นด้วยความหงุดหงิด“อ้าว เมื่อวานนี้ฝ่ายสารสนเทศเพิ่งมาซ่อมให้ไม่ใช่เหรอ?” แพรเดินเข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเนยที่ตอนนี้ดับสนิท“ใช่น่ะสิ! ทำไมหมู่นี้มันถึงได้รวนบ่อยนักก็ไม่รู้” เนยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ“สงสัยช่างที่มาซ่อมจะวางยาเครื่องเธอแล้วล่ะ” แพรหัวเราะแซว“หมายความว่าไงยะ?” เนยหันไปมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“ก็หมอนั่นอาจจะอยากมาหาเธอทุกวันไงล่ะ เลยแอบทำให้เครื่องเธอเสียตลอดไง สาวสวยเสน่ห์แรงอย่างเธอ ใครจะไม่อยากมาเจอบ่อยๆ” แพรหัวเราะคิกคัก“อย่ามาล้อเล่นน่า อีตาช่างคนนั้นน่ะเหรอ? เฮอะ!” เนยยิ้มเหยียดเล็กน้อย“ก็แค่หน้าตาธรรมดา หน้าปลาจวดชัดๆ”“โธ่ เธอพูดอย่างนี้ได้ไง หมอนั่นเขามีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อของบริษัทเลยนะ” แพรทำตาโต“ถ้านั่นน่ะหล่อ โลกนี้คงไม่มีใครหล่อแล้วล่ะ” เนยสวนกลับทันที“เอาน่าๆ รีบโทรตามเขามาเถอะ เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้” แพรหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจที่ได้
ป้าป!“โธ่เว้ย! ติดซะทีเซ่!” เนยฟาดมือลงบนหน้าจอด้วยความโมโห“เฮ้ย! ตบลงไปแบบนั้น เดี๋ยวจอก็พังหรอก” แพรร้องออกมาอย่างตกใจ“มันน่าโมโหนี่นา” เนยบ่นก่อนจะบีบมือตัวเองด้วยความเจ็บ“แล้วเจ็บมั้ยล่ะนั่น” แพรแซวพร้อมขำเล็กๆ“เจ็บดิ ลองมั้ยล่ะ!” เนยมองแพรตาเขียว“พี่เนยแก้ปัญหาด้วยวิธีแปลกๆ นะคะ” เจี๊ยบหัวเราะคิกคัก“ไม่ต้องพูดมากน่ะ!” เนยพูดจบก็ก้มไปเตะเคสเครื่องคอมเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด“คู้ณ เตะเครื่องมันแบบนั้น มันคงจะติดหรอกนะ” เสียงของชายหนุ่มแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ยุ่งอะไรด้วย!” เนยหันขวับไปมองทันทีด้วยความไม่พอใจ“เครื่องมือพวกนี้มันต้องถนอมๆ ใช้นะคุณ ไม่ใช่จะตบจะเตะเหมือนคุณทำเมื่อกี้” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พร้อมยิ้มเย้ย“นี่มันเครื่องของฉัน ฉันจะทำยังไงก็เรื่องของฉันสิ!” เนยเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ“เครื่องคุณที่ไหนล่ะ นี่มันเครื่องบริษัทต่างหาก” ชายหนุ่มแย้งกลับ“แล้วคุณเป็นใครถึงมายุ่ง?” เนยรู้สึกว่าถูกขัดใจหนักขึ้น จึงถามอย่างไม่พอใจ“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้ เครื่องคอมพ์ของคุณสำคัญกว่านะ” ชายหนุ่มยิ้มกวนๆ“ทำเป็นพูดแบบนี้ คุณซ่อมเป็นหรือไง?” เนยถ
เนยนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะทำงาน โชคดีที่บ่ายนี้ไม่ต้องไปพบลูกค้า ไม่อย่างนั้นอารมณ์หงุดหงิดของเธอคงทำให้ขายบัตรเครดิตไม่ออกแน่ เธอขบฟันแน่นเมื่อคิดถึงผู้ชายที่ชื่อเบียร์ ผู้ชายคนนี้น่าหงุดหงิดมากที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งหยิ่ง ทั้งกวน โมโหที่สุด!“เป็นอะไรคะพี่เนย? หน้าบูดเชียว” เจี๊ยบถามด้วยความสงสัย“ไม่มีอะไรจ้ะ” เนยตอบพลางฝืนยิ้ม“วันนี้ไม่ทานเยลลี่เหรอคะ?” เจี๊ยบถามต่อ“อ๋อ โดนคนตัดหน้าซื้อไปหมดแล้ว” เนยบ่นด้วยน้ำเสียงประชด“ใครกันคะ?” เจี๊ยบถามอย่างแปลกใจ“ไม่รู้เหมือนกัน” เนยตอบอย่างอ่อนใจ“พี่เนยนี่ตลกจัง” เจี๊ยบหัวเราะเนยรู้สึกหงุดหงิดและตัดสินใจลุกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ“เป็นอะไรของเรานะ ทำไมเห็นหน้าหมอนั่นแล้วหงุดหงิดทุกที” เธอบ่นกับตัวเองขณะล้างมือในห้องน้ำ“บ่นอะไรอยู่เหรอ เนย?” เสียงของพี่เต้ย หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศดังขึ้น“อ้าว พี่เต้ย” เนยทักด้วยรอยยิ้ม“บ่นมากระวังแก่เร็วนะ” พี่เต้ยแซวพร้อมยิ้ม“พูดแบบนี้ พี่เต้ยแอบแซวเรื่องคอมพ์ใช่ไหมคะ” เนยหัวเราะ“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ต้องห่วง ปีหน้าเดี๋ยวพี่จะทำเรื่องเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทุกแผนกเลย” พี่เต้ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“เยี่ยมเล
ขณะที่เนยกำลังยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก เตรียมพร้อมที่จะออกไปผับกับแพรและเจี๊ยบ ในจังหวะที่เธอกำลังจะหยิบกระเป๋าคลัทช์ใบโปรด เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น“ติ๊ง!”เนยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และสายตาก็เหลือบไปเห็นการแจ้งเตือนจาก Instagram ของ ‘เน’ น้องชายตัวดีของเธอ“หืม...โพสต์อะไรอีกล่ะ?” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมารูปภาพล่าสุดปรากฏชัดเจน เป็นภาพของเน นั่งอยู่ในผับที่เธอคุ้นเคย Night Owl ผับที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น หนุ่มสาวนั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่ที่ทำให้เนยรู้สึกไม่พอใจที่สุดคือ…ข้างๆ เน มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักยืนใกล้ชิดกับเขา เธอยิ้มอย่างสนุกสนานพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือเนยเม้มปากแน่น ดวงตาเธอเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด“ไอ้หมอนี่...สองวันแล้วไม่กลับบ้าน มัวไปเที่ยวสินะ...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำพ่อกับแม่ของเธอไม่ได้สงสัยอะไร คิดว่าเนออกไปทำงานแต่เช้า แต่ความจริงน้องชายของเธอกำลังไปเฮฮาเที่ยวกลางคืนอยู่ต่างหาก“ไอ้น้องบ้านี่! เดี๋ยวได้เจอกันแน่” เนยพูดออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะหันมามองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมถอนหายใจยาวเพื่อสงบสติอ
“ถ้ามึงไม่เปิด งั้นกูเปิด”คิงพึมพำลอยๆ เขามองไปยังกลุ่มของสามสาวสวยที่กำลังสนุกกับเสียงเพลง ก่อนจะหันไปหาลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ“เอาค็อกเทลที่แพงที่สุดในร้านไปเลี้ยงโต๊ะนั้นที” คิงเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับพยักเพยิดไปทางโต๊ะของสามสาวสวยลูกน้องรับคำสั่งทันที เขาเดินออกไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่ช้าถาดค็อกเทลหลากสีราคาแพงที่สุดในร้านก็ถูกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะสามสาว เมื่อค็อกเทลถูกวางลงตรงหน้า เนยหันไปมองชายคนนั้น ส่งยิ้มหวานให้“พวกเราไม่ได้สั่งนี่คะ”“คุณคิงขอเลี้ยงพวกคุณครับ” ลูกน้องของคิงตอบ“ไหนคะ คุณคิง?” เนยเลิกคิ้วถามลูกน้องของคิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางโซน VIP เมื่อเนยหันไปมองตาม เธอก็เห็นคิงนั่งอยู่และส่งยิ้มกว้างให้ เนยส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปอย่างมีมารยาท แต่ก็แฝงความเย้ายวนที่ทำให้คิงพอใจขึ้นไปอีก“เธอเล่นตามน้ำได้น่ารักดีแฮะ” คิงพูดเบาๆ กับตัวเอง พลางยิ้มตอบอย่างไม่ปิดบังความสนใจที่เขามีต่อเนยเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ คิงมองดูการแลกยิ้มระหว่างสองคนแล้วกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่แววตาและรอยยิ้มของเนยที่ส่งให้คิง ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่คาดคิด