“ฮื้อ...อีกแล้ว” เสียงพึมพำอย่างไม่พอใจหลุดออกมาจากปากของเนยขณะที่จ้องมองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอดับไปอีกครั้ง
“เป็นอะไรเหรอเนย?” แพรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ชะโงกหน้ามาถามด้วยความสงสัย
“ก็เครื่องคอมฯ ฉันน่ะสิ รวนอีกแล้ว” เนยบ่นด้วยความหงุดหงิด
“อ้าว เมื่อวานนี้ฝ่ายสารสนเทศเพิ่งมาซ่อมให้ไม่ใช่เหรอ?” แพรเดินเข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเนยที่ตอนนี้ดับสนิท
“ใช่น่ะสิ! ทำไมหมู่นี้มันถึงได้รวนบ่อยนักก็ไม่รู้” เนยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“สงสัยช่างที่มาซ่อมจะวางยาเครื่องเธอแล้วล่ะ” แพรหัวเราะแซว
“หมายความว่าไงยะ?” เนยหันไปมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หมอนั่นอาจจะอยากมาหาเธอทุกวันไงล่ะ เลยแอบทำให้เครื่องเธอเสียตลอดไง สาวสวยเสน่ห์แรงอย่างเธอ ใครจะไม่อยากมาเจอบ่อยๆ” แพรหัวเราะคิกคัก
“อย่ามาล้อเล่นน่า อีตาช่างคนนั้นน่ะเหรอ? เฮอะ!” เนยยิ้มเหยียดเล็กน้อย
“ก็แค่หน้าตาธรรมดา หน้าปลาจวดชัดๆ”
“โธ่ เธอพูดอย่างนี้ได้ไง หมอนั่นเขามีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อของบริษัทเลยนะ” แพรทำตาโต
“ถ้านั่นน่ะหล่อ โลกนี้คงไม่มีใครหล่อแล้วล่ะ” เนยสวนกลับทันที
“เอาน่าๆ รีบโทรตามเขามาเถอะ เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้” แพรหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อน
“เออๆ รู้แล้วน่า” เนยพูดพร้อมกับย่นจมูกเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์กดหมายเลขไปยังฝ่ายสารสนเทศ
ไม่นานนัก ช่างของฝ่ายสารสนเทศก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มคนนั้นเริ่มตรวจเช็คคอมพิวเตอร์ของเธออย่างตั้งใจ โดยที่เนยยืนมองเขาอย่างประหลาดใจ เพราะชื่อของเขาเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ทั้งที่เจอกันแทบทุกวันมาสองอาทิตย์แล้ว จากการที่คอมพิวเตอร์ของเธอเสียบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะหน้าจอดับ หรือ CPU หยุดทำงาน
“เสร็จแล้วครับ” ชายหนุ่มพูดขณะปิดฝาเครื่อง
“อะ...เหรอคะ” เนยสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังใช้ความคิดอยู่
“คุณเนยลองเปิดเครื่องดูอีกทีนะครับ” เขายิ้มให้เธออย่างสุภาพ
“ค่ะ แล้วมันเป็นอะไรคะ? ทำไมถึงเสียบ่อยนัก” เนยถามอย่างสงสัย
“ผมคิดว่าจออาจจะเริ่มเสื่อมแล้วล่ะครับ แต่ถ้าเป็นแบบนี้อีก ผมจะลองติดต่อบริษัทที่ดูแลเครื่องโดยตรงให้ดูนะครับ” ชายหนุ่มอธิบายพลางยิ้มเล็กน้อย
“อืม...ก็ดีค่ะ” เนยตอบพร้อมส่งยิ้มกลับไปเล็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนจะเอ่ยลา
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ คุณชื่ออะไรเหรอคะ?” เนยนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยถามขึ้น
“ผมชื่อบีครับ” ชายหนุ่มหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม
“บีเหรอคะ...” เนยสะดุดเล็กน้อยกับชื่อของเขา
“ขอบคุณมากนะคะ คุณบี” หญิงสาวกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มที่ชัดเจนกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีปัญหาอีกก็เรียกผมได้เลยนะครับ” บีพูดพร้อมส่งยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเดินจากไป
“จ้ะ...” เนยพยักหน้าพร้อมมองตามหลังเขาไป
“เฮ้ เป็นไงบ้าง?” แพรที่นั่งมองอยู่ร้องทักขึ้นมาจากข้างหลัง ทำให้เนยสะดุ้ง
“โธ่! ตกใจหมดเลย” เนยหันไปตีแขนเพื่อนอย่างหมั่นไส้
“ต๊าย...พี่บีทำให้เธอใจลอยขนาดนี้เชียวเหรอ?” แพรแซวพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์
“บ้าสิ ไม่มีอะไรเลย” เนยตอบอย่างรวดเร็ว
“อ้าว ถ้าไม่มีอะไรทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะจ๊ะ แม่คุณ” แพรไม่ยอมแพ้ ยังคงล้อเลียนไม่หยุด
“แค่ชื่อเขาดันเหมือนกับคนที่ฉันคุยด้วยใน Chatzy เท่านั้นเอง” เนยตอบพร้อมย่นจมูก
“จริงเหรอ? แบบนี้ต้องตรวจสอบแล้วสิ” แพรยิ้มเจ้าเล่ห์กว่าเดิม
“พอเถอะน่า! กลับไปทำงานได้แล้ว” เนยไล่เพื่อนสาวอย่างดื้อๆ ก่อนจะกลับมาสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งซ่อมเสร็จ
แพรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยักไหล่ เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่ในใจของเนยกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานเลยสักนิด ชื่อ "บี" ทำให้เธอสะดุดใจ ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นช่างที่มาซ่อมเครื่องให้บ่อยๆ แต่เพราะว่าเขาชื่อเหมือนกับคนที่เธอคุยด้วยใน Chatzy อย่างน่าประหลาดใจ ชายคนนั้นคือคนที่เนยคุยด้วยแทบทุกวัน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เธอขาดไม่ได้ในตอนนี้
“ฮื้อ” เนยส่งเสียงด้วยความขัดใจเมื่อคอมพิวเตอร์ของเธออยู่ๆ ก็ค้างไปเฉยๆ
“มีอะไรเหรอพี่เนย?” เจี๊ยบถามด้วยความเป็นห่วง ขณะเดินผ่านไปหาพี่เหมย
“ก็เครื่องคอมฯ นี่ไง ดูสิ เพิ่งทำงานไปได้นิดเดียวก็ค้างอีกแล้ว” เนยบ่นออกมาพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดสุดๆ
“อีกแล้วเหรอ? เมื่อกี้ฝ่ายสารสนเทศก็เพิ่งมาซ่อมให้ไม่ใช่เหรอ?” แพรชะโงกหน้ามาดูด้วยความสงสัย
“ใช่น่ะสิ! ทำไมถึงได้รวนอยู่เรื่อยก็ไม่รู้” เนยหันไปมองคอมพิวเตอร์ด้วยความอ่อนใจ
“สงสัยจะต้องตามช่างมาอีกแล้วมั้ง” แพรแซวขำๆ
“ยุ่งน่ะ!” เนยทำเสียงดุเพื่อนเล็กน้อย “ฉันจะลองแก้เองก่อน จะได้ไม่ต้องตามใครมากวน”
“เธอจะแก้ได้เหรอ?” แพรเลิกคิ้วถาม
“ตามช่างดีกว่ามั้ยคะ?” เจี๊ยบเสริมด้วยความหวังดี
“ไม่เป็นไร ลองดูก่อน” เนยโบกมือปฏิเสธ ก่อนจะรีสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคอมพิวเตอร์ของเธอจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ หน้าจอยังคงค้างสนิทเช่นเดิม แพรและเจี๊ยบยืนมองอย่างอ่อนใจในความดื้อรั้นของเนย โดยที่ทั้งสามคนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ
ป้าป!“โธ่เว้ย! ติดซะทีเซ่!” เนยฟาดมือลงบนหน้าจอด้วยความโมโห“เฮ้ย! ตบลงไปแบบนั้น เดี๋ยวจอก็พังหรอก” แพรร้องออกมาอย่างตกใจ“มันน่าโมโหนี่นา” เนยบ่นก่อนจะบีบมือตัวเองด้วยความเจ็บ“แล้วเจ็บมั้ยล่ะนั่น” แพรแซวพร้อมขำเล็กๆ“เจ็บดิ ลองมั้ยล่ะ!” เนยมองแพรตาเขียว“พี่เนยแก้ปัญหาด้วยวิธีแปลกๆ นะคะ” เจี๊ยบหัวเราะคิกคัก“ไม่ต้องพูดมากน่ะ!” เนยพูดจบก็ก้มไปเตะเคสเครื่องคอมเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด“คู้ณ เตะเครื่องมันแบบนั้น มันคงจะติดหรอกนะ” เสียงของชายหนุ่มแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ยุ่งอะไรด้วย!” เนยหันขวับไปมองทันทีด้วยความไม่พอใจ“เครื่องมือพวกนี้มันต้องถนอมๆ ใช้นะคุณ ไม่ใช่จะตบจะเตะเหมือนคุณทำเมื่อกี้” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พร้อมยิ้มเย้ย“นี่มันเครื่องของฉัน ฉันจะทำยังไงก็เรื่องของฉันสิ!” เนยเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ“เครื่องคุณที่ไหนล่ะ นี่มันเครื่องบริษัทต่างหาก” ชายหนุ่มแย้งกลับ“แล้วคุณเป็นใครถึงมายุ่ง?” เนยรู้สึกว่าถูกขัดใจหนักขึ้น จึงถามอย่างไม่พอใจ“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้ เครื่องคอมพ์ของคุณสำคัญกว่านะ” ชายหนุ่มยิ้มกวนๆ“ทำเป็นพูดแบบนี้ คุณซ่อมเป็นหรือไง?” เนยถ
เนยนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะทำงาน โชคดีที่บ่ายนี้ไม่ต้องไปพบลูกค้า ไม่อย่างนั้นอารมณ์หงุดหงิดของเธอคงทำให้ขายบัตรเครดิตไม่ออกแน่ เธอขบฟันแน่นเมื่อคิดถึงผู้ชายที่ชื่อเบียร์ ผู้ชายคนนี้น่าหงุดหงิดมากที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งหยิ่ง ทั้งกวน โมโหที่สุด!“เป็นอะไรคะพี่เนย? หน้าบูดเชียว” เจี๊ยบถามด้วยความสงสัย“ไม่มีอะไรจ้ะ” เนยตอบพลางฝืนยิ้ม“วันนี้ไม่ทานเยลลี่เหรอคะ?” เจี๊ยบถามต่อ“อ๋อ โดนคนตัดหน้าซื้อไปหมดแล้ว” เนยบ่นด้วยน้ำเสียงประชด“ใครกันคะ?” เจี๊ยบถามอย่างแปลกใจ“ไม่รู้เหมือนกัน” เนยตอบอย่างอ่อนใจ“พี่เนยนี่ตลกจัง” เจี๊ยบหัวเราะเนยรู้สึกหงุดหงิดและตัดสินใจลุกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ“เป็นอะไรของเรานะ ทำไมเห็นหน้าหมอนั่นแล้วหงุดหงิดทุกที” เธอบ่นกับตัวเองขณะล้างมือในห้องน้ำ“บ่นอะไรอยู่เหรอ เนย?” เสียงของพี่เต้ย หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศดังขึ้น“อ้าว พี่เต้ย” เนยทักด้วยรอยยิ้ม“บ่นมากระวังแก่เร็วนะ” พี่เต้ยแซวพร้อมยิ้ม“พูดแบบนี้ พี่เต้ยแอบแซวเรื่องคอมพ์ใช่ไหมคะ” เนยหัวเราะ“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ต้องห่วง ปีหน้าเดี๋ยวพี่จะทำเรื่องเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทุกแผนกเลย” พี่เต้ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“เยี่ยมเล
ขณะที่เนยกำลังยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก เตรียมพร้อมที่จะออกไปผับกับแพรและเจี๊ยบ ในจังหวะที่เธอกำลังจะหยิบกระเป๋าคลัทช์ใบโปรด เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น“ติ๊ง!”เนยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และสายตาก็เหลือบไปเห็นการแจ้งเตือนจาก Instagram ของ ‘เน’ น้องชายตัวดีของเธอ“หืม...โพสต์อะไรอีกล่ะ?” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมารูปภาพล่าสุดปรากฏชัดเจน เป็นภาพของเน นั่งอยู่ในผับที่เธอคุ้นเคย Night Owl ผับที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น หนุ่มสาวนั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่ที่ทำให้เนยรู้สึกไม่พอใจที่สุดคือ…ข้างๆ เน มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักยืนใกล้ชิดกับเขา เธอยิ้มอย่างสนุกสนานพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือเนยเม้มปากแน่น ดวงตาเธอเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด“ไอ้หมอนี่...สองวันแล้วไม่กลับบ้าน มัวไปเที่ยวสินะ...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำพ่อกับแม่ของเธอไม่ได้สงสัยอะไร คิดว่าเนออกไปทำงานแต่เช้า แต่ความจริงน้องชายของเธอกำลังไปเฮฮาเที่ยวกลางคืนอยู่ต่างหาก“ไอ้น้องบ้านี่! เดี๋ยวได้เจอกันแน่” เนยพูดออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะหันมามองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมถอนหายใจยาวเพื่อสงบสติอ
“ถ้ามึงไม่เปิด งั้นกูเปิด”คิงพึมพำลอยๆ เขามองไปยังกลุ่มของสามสาวสวยที่กำลังสนุกกับเสียงเพลง ก่อนจะหันไปหาลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ“เอาค็อกเทลที่แพงที่สุดในร้านไปเลี้ยงโต๊ะนั้นที” คิงเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับพยักเพยิดไปทางโต๊ะของสามสาวสวยลูกน้องรับคำสั่งทันที เขาเดินออกไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่ช้าถาดค็อกเทลหลากสีราคาแพงที่สุดในร้านก็ถูกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะสามสาว เมื่อค็อกเทลถูกวางลงตรงหน้า เนยหันไปมองชายคนนั้น ส่งยิ้มหวานให้“พวกเราไม่ได้สั่งนี่คะ”“คุณคิงขอเลี้ยงพวกคุณครับ” ลูกน้องของคิงตอบ“ไหนคะ คุณคิง?” เนยเลิกคิ้วถามลูกน้องของคิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางโซน VIP เมื่อเนยหันไปมองตาม เธอก็เห็นคิงนั่งอยู่และส่งยิ้มกว้างให้ เนยส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปอย่างมีมารยาท แต่ก็แฝงความเย้ายวนที่ทำให้คิงพอใจขึ้นไปอีก“เธอเล่นตามน้ำได้น่ารักดีแฮะ” คิงพูดเบาๆ กับตัวเอง พลางยิ้มตอบอย่างไม่ปิดบังความสนใจที่เขามีต่อเนยเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ คิงมองดูการแลกยิ้มระหว่างสองคนแล้วกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่แววตาและรอยยิ้มของเนยที่ส่งให้คิง ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่คาดคิด
บรรยากาศในเรือนซ้อมเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากที่เนโดนซ้อมจนตัวน่วม แต่ก่อนที่เขาจะได้พักเต็มที่ เสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้น“มือหนักเหมือนเดิมนะ” เคน พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเนยกล่าวพลางยืนกอดอก สูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขามองดูการซ้อมของเนยด้วยแววตาแฝงความเอ็นดู“อ้าว...เฮียเคน มาเมื่อไหร่น่ะ” เนยหันไปส่งยิ้มหวาน แม้เหงื่อจะชุ่มตัว“ซ้อมน้องซะน่วมเลยนะเรา” เขาแซวเชิงหยอก ก่อนเหลือบมองเนที่นั่งหมดแรงพิงผนังเรือนซ้อมเหมือนคนหมดสภาพ“มันสมควรแล้วที่โดน” เนยตอบกลับพลางยิ้มมุมปาก เธอยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผากอย่างไม่ใส่ใจนัก“มาเถอะ ซ้อมกะเฮียสักยกหน่อยเป็นไง” เคนยิ้มกวนๆ เขาอัดบุหรี่เข้าปอดพ่นควันออกมา ก่อนดีดบุหรี่ทิ้งอย่างไม่รีบร้อน แล้วถอดเสื้อนอกออก พร้อมเดินเข้ามาในพื้นที่ซ้อมเนยเลิกคิ้ว ยิ้มด้วยความพอใจ"หืม... แบบนี้สิ น่าสนุก เฮียแน่ใจนะ?"“แน่สิ” เคนยิ้มอย่างท้าทาย พลางยกมือเตรียมตัวปะทะกับเนย"OK, come on bro!" เนยยิ้มร้ายกาจ กวักมือเรียกเคนให้เข้ามา ทั้งสองเริ่มประจันหน้ากันเนยเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ส่งหมัดและลูกเตะอย่างว่องไว ทำให้เคนต้องตั้งรับอย่างรวดเร็ว ในช่ว
ในโซน VIP ของผับ Night Owl ของคิง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและแสงไฟที่กระพริบวูบวาบ เบียร์และบี นั่งเอนหลังอย่างสบายใจพร้อมกับมือถือในมือ โดยทั้งคู่ต่างก็กำลังเล่นแอพ Chatzy ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสมาธิในการพิมพ์ข้อความคิงที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการเดินตรวจรอบผับ สังเกตเห็นท่าทางของสองคนก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาทัก“เฮ้ย พวกมึงสองคนจะมาแดกเหล้าหรือมาแชทกะสาววะ” คิงใช้เท้าเขี่ยเพื่อน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา สายตาจับจ้องไปที่โทรศัพท์ของเพื่อน“ทั้งสองอย่าง” บีตอบขำๆ“แม่ง เล่นแอพโบราณชิบหาย”“แอพนี้มันดีออก ไม่เห็นหน้าคนที่คุยด้วยหรอก จะได้ตื่นเต้นไง ตอนเจอตัวจริง” บีเงยหน้าส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนคิงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“แล้วมึงจะแน่ใจได้ไงว่า คนที่มึงคุยด้วยมันเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่พวกมีงวงอะ?”บีหัวเราะออกมาเสียงดัง“ก็แล้วแต่ดวงล่ะว่ะ แต่กูว่ากูดวงดี สวยๆ ทั้งนั้น”คิงส่ายหัวพลางหัวเราะ“มึงนี่โบราณเกินว่ะ ใช้แอพแบบนี้ กูละขำ” เขาว่าพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ แล้วหันไปทางเบียร์ที่ยังคงก้มหน้าก้มตาพิมพ์อยู่“โบราณที่ไหนวะ ไอ้เบียร์ก็เล่นเหมือนกัน” บีเถียงทันทีคิงหันไปมองเบ
เนยกระแทกแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดัง “ปัง!” ทำเอาแพรที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าของเนยตึงเครียดและมีแววไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด จนทำให้คนรอบข้างเริ่มสนใจว่าใครทำให้เธอโกรธขนาดนี้“เบาๆ หน่อยยัยเนย โต๊ะมันจะพังแล้ว!” แพรเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ ทำทีเป็นล้อเลียน แต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย“ยุ่งอะไรด้วย!” เนยหันไปเอ็ดเพื่อนเสียงเขียว ทำเอาแพรถึงกับเงียบไปชั่วคราว“อะไรล่ะเนี่ย คุณเนยที่รัก โดนใครกระตุกหนวดเสือมารึไง” แพรยังไม่วายแหย่ต่อ“ก็อีตาบ้าเบียร์ ฝ่ายสารสนเทศนั่นยังไงล่ะ” เสียงของเนยแหลมสูงด้วยความโมโห ทำให้แพรถึงกับเลิกคิ้วสูง“เบียร์? คนไหนเนี่ย?” แพรเริ่มงง“ก็ใครซะอีก! ก็อีตาน้ำเมาที่ชอบแกล้งทำคอมพังนั่นแหละ! หมอนั่นหาว่าฉันทำคอมพัง ทั้งๆ ที่ฉันแค่ทำงานธรรมดา! หนอย...หาว่าฉันทำระบบคอมเสียอีก น่าอัดซะให้เข็ด” เนยบ่นพร้อมกับกัดฟันแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“อ๋อ...นายเบียร์ Outsource คนนั้นน่ะเหรอ” แพรถึงบางอ้อ ท่าทางของเนยที่โมโหสุดๆ กับเรื่องคอมพิวเตอร์มันไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก แต่ทำให้แพรขำมากกว่า“แหม...พี่เนยคะ ใครๆ ก็อยากให้พี่เบียร์มาดูแลคอม
เนยกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็น หลังจากวันที่เหนื่อยล้าเต็มไปด้วยปัญหาที่ทำงาน แต่ทันทีที่ก้าวลงจากรถ เธอก็เห็นฝูงคนจำนวนมากยืนมุงอยู่หน้าบ้านตรงข้าม สายตาของเธอหันไปยังบ้านหลังนั้นที่มีรั้วพังและหน้าต่างเปิดออก เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” เนยถามหญิงวัยกลางคนที่ยืนมองด้วยท่าทางสนใจ“น่าจะขโมยขึ้นบ้านนะคะ เห็นว่าประตูเปิดทิ้งไว้แบบนี้” หญิงคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงคาดเดา ก่อนจะมีอีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นมา“แต่ของก็ไม่หาย ดูเหมือนจะเข้ามาขู่มากกว่านะคะ”เสียงชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์สถานการณ์ ทำให้เนยรู้สึกอึดอัด เธอไม่อยากรับฟังอีกต่อไป จึงหันกลับเดินเข้าบ้านทันทีด้วยความรู้สึกหงุดหงิด“กลับมาแล้วเหรอ?” แม่ของเนยเอ่ยทัก ขณะที่เธอเดินเข้ามาในบ้าน“ค่ะ แม่ บ้านตรงข้ามเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” เนยถามแม้จะพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วจากที่ได้ยินมา“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องคนอื่นหรอกลูก ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวดีกว่า” แม่ของเนยตอบอย่างเบาๆ ตัดบทเรื่องที่เนยสงสัยหลังจากที่เนยอาบน้ำเสร็จ เธอก็ลงไปนั่งทานข้าวร่วมกับพ่อและแม่ ขาดเพียงแต่เน น้องชายตัวดีของเธอที่ยังไม่กลับบ้าน ซึ่งเธอรู้ดีว่า เขาต้องไ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ