เนยกระแทกแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดัง “ปัง!” ทำเอาแพรที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าของเนยตึงเครียดและมีแววไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด จนทำให้คนรอบข้างเริ่มสนใจว่าใครทำให้เธอโกรธขนาดนี้“เบาๆ หน่อยยัยเนย โต๊ะมันจะพังแล้ว!” แพรเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ ทำทีเป็นล้อเลียน แต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย“ยุ่งอะไรด้วย!” เนยหันไปเอ็ดเพื่อนเสียงเขียว ทำเอาแพรถึงกับเงียบไปชั่วคราว“อะไรล่ะเนี่ย คุณเนยที่รัก โดนใครกระตุกหนวดเสือมารึไง” แพรยังไม่วายแหย่ต่อ“ก็อีตาบ้าเบียร์ ฝ่ายสารสนเทศนั่นยังไงล่ะ” เสียงของเนยแหลมสูงด้วยความโมโห ทำให้แพรถึงกับเลิกคิ้วสูง“เบียร์? คนไหนเนี่ย?” แพรเริ่มงง“ก็ใครซะอีก! ก็อีตาน้ำเมาที่ชอบแกล้งทำคอมพังนั่นแหละ! หมอนั่นหาว่าฉันทำคอมพัง ทั้งๆ ที่ฉันแค่ทำงานธรรมดา! หนอย...หาว่าฉันทำระบบคอมเสียอีก น่าอัดซะให้เข็ด” เนยบ่นพร้อมกับกัดฟันแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“อ๋อ...นายเบียร์ Outsource คนนั้นน่ะเหรอ” แพรถึงบางอ้อ ท่าทางของเนยที่โมโหสุดๆ กับเรื่องคอมพิวเตอร์มันไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก แต่ทำให้แพรขำมากกว่า“แหม...พี่เนยคะ ใครๆ ก็อยากให้พี่เบียร์มาดูแลคอม
เนยกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็น หลังจากวันที่เหนื่อยล้าเต็มไปด้วยปัญหาที่ทำงาน แต่ทันทีที่ก้าวลงจากรถ เธอก็เห็นฝูงคนจำนวนมากยืนมุงอยู่หน้าบ้านตรงข้าม สายตาของเธอหันไปยังบ้านหลังนั้นที่มีรั้วพังและหน้าต่างเปิดออก เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” เนยถามหญิงวัยกลางคนที่ยืนมองด้วยท่าทางสนใจ“น่าจะขโมยขึ้นบ้านนะคะ เห็นว่าประตูเปิดทิ้งไว้แบบนี้” หญิงคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงคาดเดา ก่อนจะมีอีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นมา“แต่ของก็ไม่หาย ดูเหมือนจะเข้ามาขู่มากกว่านะคะ”เสียงชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์สถานการณ์ ทำให้เนยรู้สึกอึดอัด เธอไม่อยากรับฟังอีกต่อไป จึงหันกลับเดินเข้าบ้านทันทีด้วยความรู้สึกหงุดหงิด“กลับมาแล้วเหรอ?” แม่ของเนยเอ่ยทัก ขณะที่เธอเดินเข้ามาในบ้าน“ค่ะ แม่ บ้านตรงข้ามเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” เนยถามแม้จะพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วจากที่ได้ยินมา“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องคนอื่นหรอกลูก ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวดีกว่า” แม่ของเนยตอบอย่างเบาๆ ตัดบทเรื่องที่เนยสงสัยหลังจากที่เนยอาบน้ำเสร็จ เธอก็ลงไปนั่งทานข้าวร่วมกับพ่อและแม่ ขาดเพียงแต่เน น้องชายตัวดีของเธอที่ยังไม่กลับบ้าน ซึ่งเธอรู้ดีว่า เขาต้องไ
ที่ Night Owl เบียร์กับเนนั่งอยู่ในโซน VIP สายตาของทั้งสองคนเหลือบมองสาวๆ ที่กำลังสนุกอยู่กลางฟลอร์อย่างเพลินๆ เบียร์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบช้าๆ ในขณะที่เนนั่งพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ ชายหนุ่มทั้งสองกำลังสนุกกับการพักผ่อน หลังจากทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์“เฮ้ พวกมึง” เสียงของคิง เจ้าของผับดังขึ้นเมื่อเขาเดินเข้ามาหาทั้งคู่“มีอะไรเหรอวะ?” เนหันไปถาม พร้อมยิ้มขำเล็กน้อย เพราะเห็นคิงเดินมาอย่างรีบๆ ไม่เหมือนปกติ“ไอ้นพเว้ย มันมาหาข้อตกลงเรื่องโปรแกรมเว้ย อยากให้พวกมึงช่วยเขียนโปรแกรมป้องกันไวรัสกับกันแฮกเกอร์ให้หน่อย” คิงอธิบายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ยังไงล่ะ?” เบียร์หรี่ตาอย่างสนใจทันที“เออ มันฝากบอกว่ามีปัญหากับระบบที่บริษัทน่ะ พวกมึงสนใจคุยธุรกิจกับมันหน่อยไหม?” คิงยักคิ้วอย่างเป็นนัย ขณะที่เบียร์กับเนสบตากันแล้วพยักหน้าเห็นพ้อง“ก็ดีนะ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว" เนพูดพร้อมลุกขึ้นจากโซฟา เขายังรู้สึกเข็ดกับการโดนซ้อมจากพี่สาวอยู่ ช่วงนี้จึงพยายามทำตัวให้เรียบร้อย“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงานกูเลย จะได้เจอไอ้นพที่นั่น”คิงกล่าวพลางเดินนำทั้งสองคนไปยังห้องทำงานของเขา ที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของโซน VIP
ทันทีที่พวกเบียร์เดินเข้ามาใน Eclipse Luxe Lounge บรรยากาศหรูหราและเสียงเพลงเร้าใจทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น“ตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมมา” คุณนพขอตัวไปบอกหุ้นส่วนของเขาก่อน โดยเขาสั่งลูกน้องคนสนิทให้คอยดูแลพวกเขาในช่วงที่เขาไม่อยู่ในขณะที่พวกเบียร์กำลังปรับตัวกับบรรยากาศในผับนั้น พลันสายตาคมเข้มของเบียร์ก็ปะทะกับร่างของหญิงสาวที่เขาจำได้ดี เนย—หญิงสาวคู่กรณีของเขา กำลังขยับร่างกายอย่างอิสระกลางฟลอร์เต้นรำ แสงไฟสีสลัวตัดกับชุดที่เซ็กซี่ของเธอทำให้เบียร์อดที่จะมองตามไม่ได้เขายืนจ้องเธออยู่นานพอสมควร รู้สึกได้ถึงความเย้ายวนและความมั่นใจในท่วงท่าของเธอ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกทั้งหงุดหงิดและดึงดูดในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้น เบียร์ตัดสินใจเดินตรงเข้าไปยังฟลอร์ทันที“เดี๋ยวมานะ”เบียร์บอกกับเนและคิง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร่างของเนยที่ยังคงเต้นอยู่กลางฟลอร์ เขาเดินฝ่าฝูงชนไปจนถึงตัวเธอ เมื่อมาถึงใกล้ๆ เขาก็ยืนประกบอยู่ข้างๆ พร้อมกับยกยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ขณะที่เนยยังไม่รู้ตัวว่ามีคนมาประกบใกล้‘คืนนี้มันคงจะสนุกกว่าที่คิด’ เบียร์คิดในใจพลางขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น“เจอกันอีกแล้วนะ”เบียร์กระซิบเบาๆ ที่ข้า
เมื่อมาถึงห้อง เนยปิดประตูทันที หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังปั่นป่วน แต่ยิ่งดื่มก็ยิ่งรู้สึกไม่สงบ เธอพยายามทำใจให้เย็นลง“อ้าว ทำไมเรารีบกลับขึ้นมาล่ะ?” เคนถามอย่างแปลกใจ“ข้างล่างไม่สนุกแล้วค่ะ” เนยเริ่มโยกคอโยกไหล่ไปมายืดเส้นสาย“เดี๋ยวๆ ไอ้ท่าทางแบบนั้น จะไปฟาดใคร?” เคนถามอย่างรู้ทัน“หึ หนูฆ่าคนได้มั้ยเฮีย?”“ใจเย็น มานี่มา” เคนกวักมือ พร้อมกับตบที่นั่งข้างๆ เรียกให้เธอไปนั่ง หญิงสาวพ่นลมออกจมูกก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ“นี่ไอ้นพ เพื่อนและหุ้นส่วนคนสำคัญของเฮีย” เคนแนะนำชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเนยที่กำลังอารมณ์เดือดพล่าน หันไปมองคุณนพด้วยสายตาเย็นชา แต่ยังคงรักษามารยาทไว้ เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามปรับอารมณ์ให้สงบก่อนจะยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท“สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงของเธอออกมานิ่งๆ“สวัสดีครับ คุณเนย” คุณนพตอบรับพร้อมรอยยิ้มสุภาพ ท่าทางดูสุขุม แต่สายตายังคงสังเกตการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธออย่างไม่ละสายตา“เคนเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังบ่อยๆ ครับ ได้ยินว่าคุณเป็นคนที่ฝีมือไม่ธรรมดา”เนยหันไปเหล่เคนเล็กน้อยอย่างไม่พอใจที่เฮียดันไปเล่าเรื่องของเธอให้คนอื่นฟัง ก่อ
เบียร์นั่งลงที่เก้าอี้ด้วยท่าทีมั่นใจ เขายกแฟ้มเอกสารและโน้ตบุ๊กออกมาวางบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเปิดจอสไลด์ให้เคนดู“เอาล่ะครับคุณเคน โปรแกรมที่ทีมของเราจะเขียนให้ จะเป็นระบบป้องกันไวรัสและป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ โปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่การป้องกันทั่วไปนะครับ แต่เราจะสร้าง 'Firewall อัจฉริยะ' ที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการโจมตีใหม่ๆ ได้ในแบบเรียลไทม์”เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สายตาเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ขณะที่เขาคลิกเปลี่ยนสไลด์ เนยที่นั่งฟังอยู่ก็อดทึ่งไม่ได้ แม้ว่าเธอจะพยายามไม่แสดงออก“ระบบนี้จะทำการตรวจจับพฤติกรรมการเข้าถึงข้อมูลที่ผิดปกติ หรือการที่มีคนพยายามแฮกข้อมูลจากภายนอก โดยเราจะใช้ 'Machine Learning' หรือการเรียนรู้ของโปรแกรมในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรูปแบบป้องกันที่ทันสมัยอยู่ตลอด ซึ่งจะแตกต่างจากโปรแกรมทั่วไปที่มักใช้การป้องกันแบบเดิมซ้ำๆ และต้องอัพเดตบ่อยๆ” เบียร์อธิบายอย่างละเอียด พลางกดให้ดูแผนภาพโครงสร้างของโปรแกรมที่จะแทรกเข้ากับระบบของผับและธุรกิจที่เคนดูแลเคนพยักหน้าอย่างตั้งใจฟัง เบียร์เลื่อนสไลด์ต่อไปเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่โปรแกรมจะทำได้
เนยเดินเข้าห้องน้ำและพยายามสงบสติอารมณ์ พลางพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากยืนมองตัวเองในกระจกอยู่ครู่หนึ่ง เธอตัดสินใจว่าจะกลับบ้านทันทีที่เธอเดินออกจากห้องน้ำ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่คว้าตัวเธอและดึงเข้าไปในซอกมืดข้างห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เนยตกใจมาก หัวใจเต้นรัว แต่ด้วยสัญชาตญาณ เธอเตรียมพร้อมจะป้องกันตัวและต่อสู้ทันทีที่ได้โอกาส“นี่นาย!!”เนยร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นเบียร์ที่รวบข้อมือของเธอไว้ทั้งสองข้าง แล้วดันเธอจนแผ่นหลังแนบชิดติดกับผนัง เบียร์ยิ้มมุมปากด้วยแววตาเจ้าเล่ห์“อยู่ออฟฟิศไม่เห็นยั่วขนาดนี้” เขากระซิบเสียงทุ้มข้างหู ร่างสูงใหญ่ของเขาอยู่ใกล้จนลมหายใจของเขาระอุร้อนปะทะแก้มเธอเนยพยายามดิ้นรน แต่เขาใช้แรงทั้งหมดรวบข้อมือเธอขึ้นเหนือหัว พร้อมกับใช้ลำตัวของเขาดันร่างของเธอให้ติดผนัง ไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนได้“ปล่อย!” เนยกัดฟันกรอด สถานการณ์ตอนนี้มันล่อแหลมจนเธอไม่สบายใจ“ทำหน้าบึ้งแบบนี้ ไม่สวยเลยนะ” เบียร์พูดเสียงเบา ยิ้มมุมปากอย่างยั่วเย้า ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอไม่วางตา แววตาของเนยสั่นระริกด้วยความโกรธที่พุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ“หรือว่า…จูบแรก?” เบียร์เหยียดยิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นสีหน้
ในเช้าวันถัดมา ที่ทำงานของเนยเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทุกคนกำลังเตรียมตัวสรุปยอดขายประจำเดือน เนยนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังตั้งใจพิมพ์สรุปรายงานยอดขายบัตรเครดิตอย่างเคร่งเครียด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันขณะตรวจสอบตัวเลขอย่างละเอียด จนกระทั่งเสียงของแพรดังขึ้นจากด้านหลัง“เนยๆ มีข่าวมาบอก!” แพรพูดเสียงใส พลางเดินเข้ามาหาเนยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเนยเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์“อะไรเหรอ?”“ทางบริษัทเขาจะพาพนักงานไป Outing นอกสถานที่! ที่เขาใหญ่ 4 วัน 3 คืน ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้เลย” แพรบอกอย่างตื่นเต้น“อ้อ...เหรอ น่าสนใจ” เนยพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยๆ แต่สีหน้าของเธอก็แสดงออกถึงความสนใจไม่น้อย“ฉันว่าดีนะ ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไม่ต้องนั่งทำงานเคร่งเครียดแบบนี้” แพรยังคงพูดต่อเนยหรี่ตามองแพร “ขับรถไปเองได้ไหมอะ? ฉันไม่ค่อยชอบนั่งรถบัส”แพรส่ายหน้าเบาๆ“น่าจะไม่ได้ เพราะสถานที่พักเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เขาใหญ่ เขาไม่ให้รถส่วนตัวจอดน่ะ ยังไงก็ต้องไปรถบัสของบริษัทน่ะแหละ”เนยถอนหายใจเล็กน้อย “โอเค ก็ต้องทนไปละกัน”“เอาน่า คิดในแง่ดีบ้าง อย่างน้อยก็ได้ไปเที่ยว ไม่ต้องนั่งทำงานจนหัวหมุนแบบนี้” แพรยิ้มหวาน ก
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ