เนยเดินเข้าห้องน้ำและพยายามสงบสติอารมณ์ พลางพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากยืนมองตัวเองในกระจกอยู่ครู่หนึ่ง เธอตัดสินใจว่าจะกลับบ้านทันทีที่เธอเดินออกจากห้องน้ำ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่คว้าตัวเธอและดึงเข้าไปในซอกมืดข้างห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เนยตกใจมาก หัวใจเต้นรัว แต่ด้วยสัญชาตญาณ เธอเตรียมพร้อมจะป้องกันตัวและต่อสู้ทันทีที่ได้โอกาส“นี่นาย!!”เนยร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นเบียร์ที่รวบข้อมือของเธอไว้ทั้งสองข้าง แล้วดันเธอจนแผ่นหลังแนบชิดติดกับผนัง เบียร์ยิ้มมุมปากด้วยแววตาเจ้าเล่ห์“อยู่ออฟฟิศไม่เห็นยั่วขนาดนี้” เขากระซิบเสียงทุ้มข้างหู ร่างสูงใหญ่ของเขาอยู่ใกล้จนลมหายใจของเขาระอุร้อนปะทะแก้มเธอเนยพยายามดิ้นรน แต่เขาใช้แรงทั้งหมดรวบข้อมือเธอขึ้นเหนือหัว พร้อมกับใช้ลำตัวของเขาดันร่างของเธอให้ติดผนัง ไม่ให้เธอขยับหนีไปไหนได้“ปล่อย!” เนยกัดฟันกรอด สถานการณ์ตอนนี้มันล่อแหลมจนเธอไม่สบายใจ“ทำหน้าบึ้งแบบนี้ ไม่สวยเลยนะ” เบียร์พูดเสียงเบา ยิ้มมุมปากอย่างยั่วเย้า ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอไม่วางตา แววตาของเนยสั่นระริกด้วยความโกรธที่พุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ“หรือว่า…จูบแรก?” เบียร์เหยียดยิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นสีหน้
ในเช้าวันถัดมา ที่ทำงานของเนยเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทุกคนกำลังเตรียมตัวสรุปยอดขายประจำเดือน เนยนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังตั้งใจพิมพ์สรุปรายงานยอดขายบัตรเครดิตอย่างเคร่งเครียด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันขณะตรวจสอบตัวเลขอย่างละเอียด จนกระทั่งเสียงของแพรดังขึ้นจากด้านหลัง“เนยๆ มีข่าวมาบอก!” แพรพูดเสียงใส พลางเดินเข้ามาหาเนยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเนยเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์“อะไรเหรอ?”“ทางบริษัทเขาจะพาพนักงานไป Outing นอกสถานที่! ที่เขาใหญ่ 4 วัน 3 คืน ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้เลย” แพรบอกอย่างตื่นเต้น“อ้อ...เหรอ น่าสนใจ” เนยพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยๆ แต่สีหน้าของเธอก็แสดงออกถึงความสนใจไม่น้อย“ฉันว่าดีนะ ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไม่ต้องนั่งทำงานเคร่งเครียดแบบนี้” แพรยังคงพูดต่อเนยหรี่ตามองแพร “ขับรถไปเองได้ไหมอะ? ฉันไม่ค่อยชอบนั่งรถบัส”แพรส่ายหน้าเบาๆ“น่าจะไม่ได้ เพราะสถานที่พักเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เขาใหญ่ เขาไม่ให้รถส่วนตัวจอดน่ะ ยังไงก็ต้องไปรถบัสของบริษัทน่ะแหละ”เนยถอนหายใจเล็กน้อย “โอเค ก็ต้องทนไปละกัน”“เอาน่า คิดในแง่ดีบ้าง อย่างน้อยก็ได้ไปเที่ยว ไม่ต้องนั่งทำงานจนหัวหมุนแบบนี้” แพรยิ้มหวาน ก
หลังเลิกงาน เนยกลับถึงบ้านพร้อมความเหนื่อยล้าจากวันทำงานที่แสนยาวนาน พอเปิดประตูเข้ามา เธอก็พบว่าเน น้องชายตัวดีของเธอกลับมาบ้านแล้ว นั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น“ประหลาดนะเนี่ยที่นายกลับบ้านไว” เนยเอ่ยขึ้นพร้อมถอดรองเท้า พลางเดินเข้ามานั่งข้างๆเนหันมายิ้มเล็กน้อย “วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่ ออกไปสวีทกันน่ะ”เนยหัวเราะเบาๆ “อ้าวเหรอ งั้นสั่งอะไรมากินดี พิซซ่ามั้ย?”“อะไรก็ได้อะ ฉันไม่เรื่องมาก” เนตอบกลับแบบไม่ใส่ใจมากนัก สายตายังจดจ่ออยู่กับเกมในมือเนยหยิบมือถือขึ้นมา เปิดแอพสั่งอาหาร เลือกสั่งพิซซ่าหน้าโปรด ขอบชีสเยิ้มๆ พร้อมกับสปาเก็ตตี้คาโบนารา และไก่ทอดกรอบๆ ที่เป็นเมนูประจำเวลาเธอกับเนกินข้าวด้วยกันไม่นานนัก เมื่อไรเดอร์มาส่งอาหาร เนก็ลุกขึ้นไปจัดการใส่จานเรียบร้อยบนโต๊ะอาหาร รอพี่สาวที่ขึ้นไปอาบน้ำเสร็จลงมาทานข้าวด้วยกันเนยเดินลงบันไดมาก็เห็นโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวนของพิซซ่าและสปาเก็ตตี้ที่เนจัดแจงไว้เรียบร้อย“นี่พี่ ไอ้เบียร์ทำงานบริษัทพี่ เป็นไงมั่ง?” อยู่ๆ เนก็ถามขึ้นขณะนั่งกินข้าวเนยหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็...ปกติดี ถามทำไม?”เนแอบมองหน้าพี่สาวเล็
หลังจากแพรกดปุ่มสำหรับจับคู่บัดดี้เสร็จ เนยก็ก้าวเข้าไปเป็นคนต่อไป“อ้าว พี่เต้ย” เนยทัก“ว่าไง ยัยเนย” พี่เต้ยตอบพลางยิ้มมุมปาก“ทำไมอยู่ๆ ต้องมาสุ่มจับคู่ล่ะคะ?” สาวสวยเอียงคอถามด้วยความสงสัย ขณะเซ็นชื่อในกระดาษลงทะเบียน“นโยบายเบื้องบนสั่งมาน่ะ ต้องการให้พนักงานทุกคนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น” พี่เต้ยตอบพลางพยักหน้าให้เธอเนยถอนหายใจยาว “เฮ้อ...แล้วหนูต้องทำยังไงคะ?”“ไม่ยากเลย” พี่เต้ยพูดพลางชี้ไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์“แค่เนยบอกชื่อจริงของตัวเองที่ไมค์นี่ แล้วกดปุ่มเขียวตรงนี้ ชื่อบัดดี้ที่สุ่มก็จะถูกปริ้นออกมาให้ทันที”“แหม อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ หนุ่มๆ ที่รอลุ้นให้ได้คู่กับเนยคงใจสั่นหมดแล้วล่ะ” พี่เต้ยหยอกล้อเบาๆเนยกลอกตาอย่างเอือมๆ“หวังว่าหนูจะไม่โชคร้ายเกินไปนะคะ”“เอาเลยจ้ะ” พี่เต้ยพยักหน้าให้เนยสูดลมหายใจลึก ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไมโครโฟน “อมลวัทน์” จากนั้นเธอก็กดปุ่มสีเขียวเครื่องคอมพิวเตอร์คำนวณอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชื่อบัดดี้จะถูกปริ้นออกมา กระดาษเล็กๆ หลุดออกจากเครื่องพร้อมกับชื่อ “มนสิช”“พี่เต้ย ‘มนสิช’ ใครกันคะ? หนูรู้จักไหม?” เนยเอ่ยถามพลางมองกระดาษในมือด้วยความสงสัยพี่
พี่โจหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดถึงกิจกรรมในวันสุดท้าย “ส่วนในวันที่ 3 จะมี 5 ฐานเหมือนกันครับ เริ่มจาก ‘สไลเดอร์โฟม’ เป็นการสไลด์ผ่านโฟมและอุปสรรคต่างๆ ไปให้ถึงเส้นชัยเร็วที่สุด”“ถัดมา ‘คีบลูกโป่ง’ ใช้ไม้คีบลูกโป่งไปใส่ตะกร้า โดยห้ามใช้มือ คู่ไหนคีบได้เร็วและเยอะที่สุดก็รับคะแนนไป”“ฐานต่อไปคือ ‘ปีนกำแพงบัดดี้’ ช่วยกันปีนกำแพงสูง ใครปีนได้ถึงยอดก่อนก็ชนะ”“ส่วนฐานที่ 4 ‘หยิบลูกบอลจากบ่อน้ำ’ ช่วยกันโยนและรับลูกบอลจากบ่อน้ำให้แม่นยำ”“และปิดท้ายด้วย ‘ลากบัดดี้’ ต้องลากบัดดี้นั่งบนพรมหรือสเก็ตบอร์ดไปถึงเส้นชัยให้เร็วที่สุด”“ใครได้คะแนนเยอะที่สุดใน 3 วัน ก็จะได้รับของรางวัลสุดพิเศษนั่นก็คือ ‘แพคเกจตั๋วเครื่องบินไปกลับมัลดีฟ 3 วัน 2 คืน จำนวน 2 ท่าน’ ค่ะ” พี่หญิงประกาศด้วยรอยยิ้มสดใสทันทีที่ได้ยินคำว่า มัลดีฟ เนยถึงกับตาโต เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เธอหันไปหาเบียร์ทันที“มัลดีฟ!!” เสียงเธอแฝงด้วยความกระตือรือร้นอย่างชัดเจน“หืม?” เบียร์หันมามองหน้าเธอด้วยความแปลกใจเนยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง "ไหนๆ เราก็ต้องอยู่ทีมเดียวกันละ ฉันต้องการรางวัลชนะเลิศ เพราะฉะนั้นหวังว่านายคงไม่ถ่
ในวันแรก คู่บัดดี้ของพนักงานทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะเข้าฐานกิจกรรม เบียร์และเนยยืนเคียงข้างกันที่ฐานแรกพร้อมกับคู่บัดดี้อื่นๆ ฐานกิจกรรมวันแรกมีทั้งหมด 5 ฐาน แต่ละฐานต้องใช้ทั้งความแข็งแรงและทักษะการทำงานร่วมกันฐานที่ 1: หอคอยมนุษย์เนยและเบียร์ต้องช่วยกันสร้างหอคอยมนุษย์จากร่างกายของทั้งคู่ เนยมองเบียร์ขึ้นลงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่า“คุณอยู่ข้างล่างละกัน เดี๋ยวฉันอยู่ข้างบนเอง” เบียร์อึ้งเพราะคำพูดของเธอชวนคิดไปไกล ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์“คุณชอบอยู่ข้างบนเหรอ? แต่ผมชอบให้เราอยู่เท่ากันมากกว่านะ” เขาพูดด้วยสายตายั่วเย้าเนยหรี่ตามองอย่างรู้ทัน “นี่นาย... คิดเรื่องลามกอยู่ล่ะสิ”“ก็คุณพูดเอง” เบียร์ยักไหล่ ขำในทีเนยถอนหายใจเบาๆ “ตลกละ รีบทำเถอะ”“โอเคๆ” เบียร์หัวเราะ พร้อมเริ่มสร้างหอคอยจากร่างกายของเขาเบียร์คุกเข่าลง กางแขนออกเพื่อรับน้ำหนักเนย เมื่อเธอก้าวขึ้นไปยืนบนตัวเขา เขารู้สึกถึงความเบาของเธอ แต่ก็ต้องคอยทรงตัวให้มั่นคง เนยเองก็ต้องระวังไม่ให้เสียหลัก เมื่อทั้งคู่ประสานงานกันได้ดี ในที่สุดหอคอยมนุษย์ก็สำเร็จ เสียงเชียร์จากเพื่อนร่วมงานดังก้อง ทำให้ทั้งคู่ยิ้มออกมาอย่
ในช่วงค่ำ ศูนย์ฝึกอบรมได้จัดงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำเป็นแบบค็อกเทลที่ดูหรูหราและอลังการ ภายในงานตกแต่งด้วยแสงไฟอ่อนๆ สร้างบรรยากาศสุดผ่อนคลายให้พนักงานได้พักผ่อนจากกิจกรรมประจำวันอาหารในงานเลี้ยงเป็นนานาชาติ มีทั้ง คานาเป้หลากชนิด, แซลมอนรมควัน, กุ้งพันเบคอนอบ, บรูเชตต้า*, สลัดคีนัว, พาสต้าเพสโต้เส้นสด, ซูชิ, เทมปุระ, มินิสเต็กซอสพริกไทยดำ และของหวานอย่าง ทาร์ตผลไม้รวมและมูสช็อกโกแลต ส่วนเครื่องดื่มก็มีตั้งแต่ไวน์ เบียร์ และน้ำผลไม้สำหรับผู้ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เนยและแพรแต่งตัวลงมาในชุดที่ดูดีเข้ากับบรรยากาศค็อกเทล เนยเลือกสวม เดรสผ้าเนื้อบางสีดำแบบคอกลมแขนกุด ความยาวของกระโปรงอยู่เหนือเข่าเล็กน้อย ดูทะมัดทะแมงและไม่โป๊ แต่ด้วยการเข้ารูปเน้นสัดส่วนที่พอดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่แบบมีเสน่ห์ ด้านหลังเปิดเล็กน้อยเผยให้เห็นแผ่นหลังเนียน ผมของเธอถูกรวบขึ้นเล็กน้อย ดูเป็นธรรมชาติส่วนแพรสวม เสื้อเชิ้ตไหมพรมสีครีมแขนยาว คู่กับกางเกงสแลคเอวสูงสีดำเข้ารูป ซึ่งช่วยเสริมความคล่องตัวให้เธอดูเท่และมั่นใจ ผมสั้นประบ่าของเธอถูกจัดทรงอย่างมีสไตล์ ดูเป็นลุคที่สบายๆ แต่ยังคงดูดีในบรรยากาศงานค็อกเทล“พี่เนย พี่แพร
เช้าวันใหม่ของกิจกรรม Outing วันที่สอง เนยเดินมายังลานกิจกรรมด้วยความรู้สึกสับสน เธอพยายามข่มความรู้สึกที่ยังค้างคาในใจจากเหตุการณ์เมื่อคืน จูบอันอ่อนหวานที่เบียร์มอบให้โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เธอทั้งโกรธและสับสน ราวกับลมหายใจของเขายังอ้อยอิ่งอยู่บนริมฝีปากของเธอ‘เลิกคิดถึงมันได้แล้ว ตั้งสติหน่อยสิ!’เนยพยายามสะบัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัว ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ ซึ่งยังคงส่งยิ้มกวนๆ มาให้ ราวกับเรื่องเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“วันนี้ต้องชนะนะ” เนยพูดขึ้นเสียงเข้ม พยายามปกปิดความรู้สึกวุ่นวายภายในใจเบียร์หันมามอง สายตาแฝงความเจ้าเล่ห์ “ไม่ต้องห่วง ฉันรักษาคำพูด”เนยพยายามปั้นหน้าให้เรียบเฉย แม้หัวใจจะเต้นแรงเมื่อเห็นรอยยิ้มยั่วเย้าของเขา“อย่าถ่วงฉันละกัน” เธอสวนกลับเสียงแข็ง พยายามไม่ให้อารมณ์หวั่นไหว“ชนะแน่นอน เชื่อดิ” เบียร์ตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ แต่แววตาที่มองมานั้นเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ จนทำให้เนยอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ แต่เธอก็พยายามเพิกเฉย เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำคะแนนให้ได้มากที่สุดในกิจกรรมวันนี้เธอยืดเส้นยืดสาย เตรียมพร้อมจะลุยกิจกรรมต่อไป โดยไม่อยากให้อะไ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ