หลังจากกินดื่มกันจนจบมื้อค่ำ เพื่อนๆ ก็เริ่มคุยกันถึงการไปต่อที่ผับของคิง เพื่อนสนิทของเบียร์และเน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร
“ไปต่อที่ Night Owl ร้านของคิงกันดีกว่า” พี่ตูนเอ่ยขึ้น ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ผับ Night Owl เป็นผับขนาดกลางที่คึกคักไปด้วยแสงสีและเสียงเพลง ริมถนนใหญ่ในย่านที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายวัย เบียร์ขับรถตามหลังกลุ่มเพื่อนไปยังร้าน ทุกคนลงจากรถด้วยอารมณ์สนุกสนานหลังจากดื่มเบียร์กันไปพอหอมปากหอมคอ
ภายในผับ Night Owl ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีผนังอิฐเปลือย โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม และแสงไฟสลัวที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา วงดนตรีสดเริ่มบรรเลงเพลงต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามา ทั้งกลุ่มเพื่อนและคนที่มาเที่ยวกันเป็นคู่
คิง เจ้าของร้านและเพื่อนสนิทของเบียร์ เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“มาแล้วเหรอวะพวกมึง! ยินดีต้อนรับ” คิงทักทายพร้อมผายมือให้พวกเขานั่งที่โซนวีไอพี
“เออ พลาดได้ไง” เบียร์ยิ้มพลางจับมือทักทายกับคิง
เครื่องดื่มถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทุกคนนั่งดื่มและคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะเดียวกันที่โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มสาวพริตตี้ที่มาฉลองกัน กลุ่มสาวๆ ในชุดเดรสรัดรูปสีดำและสีแดงสั้น กำลังหัวเราะพูดคุยกันเสียงดัง เบียร์อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังสนุกกับการถ่ายรูปและเชียร์ดื่มเครื่องดื่ม
“เอาไงดีวะ น่ารักทุกคนเลย” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นพลางหันไปมองสาวๆ อย่างสนใจ
“มึงก็ลองทักทายดูสิ เผื่อจะได้เบอร์” เนกระซิบพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
เบียร์มองภาพนั้นแล้วยิ้มบางๆ เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ก็อดขำกับท่าทางของเพื่อนๆ ที่เริ่มคึกคักไม่ได้
วงดนตรีเริ่มเล่นเพลงเร็วขึ้น บรรยากาศในร้านเริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนๆ เริ่มลุกขึ้นไปเต้นบนฟลอร์ ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงหัวเราะ
“ไปเต้นด้วยกันดิวะ เบียร์” เนสะกิดให้เบียร์ลุกขึ้นไปสนุกด้วย
“ไม่เว้ย ขอเป็นคนดูดีกว่า” เบียร์หัวเราะพร้อมยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
ท่ามกลางความสนุกสนาน เบียร์นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะ เขาเหลือบมองไปยังกลุ่มสาวๆ พริตตี้ที่ยังคงสนุกกับการฉลองและถ่ายรูปอยู่ ก่อนจะหันกลับมานั่งคิดอะไรเพลินๆ พลางยิ้มเบาๆ ความคิดของเขาดูเหมือนจะวนเวียนอยู่กับบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดี
บรรยากาศในผับเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เสียงเพลงดังก้องไปทั่ว แต่เบียร์ยังคงนั่งจิบเบียร์เงียบๆ สายตาเขาเหลือบมองไปยังกลุ่มพริตตี้ที่นั่งฉลองอยู่ใกล้ๆ พวกเธอหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะคนที่ดูโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เธอสวมเดรสสีแดงเข้ารูป ผมยาวสลวย ดวงตากลมโตเป็นประกาย เธอชื่อ "เมย์" ซึ่งดูจะเป็นจุดสนใจของทุกคนในร้าน
เมย์หันมามองเบียร์ก่อนจะยิ้มเล็กๆ ท่าทางของเขาที่นั่งคนเดียวพร้อมดื่มอย่างเงียบๆ ดูมีเสน่ห์จนเธออดไม่ได้ที่จะสนใจ หญิงสาวยกแก้วค็อกเทลขึ้นจิบ ก่อนจะลุกจากกลุ่มเพื่อน แล้วเดินตรงมาหาเบียร์
“ทำไมถึงนั่งคนเดียวล่ะคะ?” เมย์เอ่ยถามเสียงหวาน พลางขยับตัวเข้ามาใกล้จนปลายผมเธอแทบจะสัมผัสกับไหล่ของเขา เบียร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันมามองเธอด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะยิ้มมุมปากเบาๆ
“พวกนั้นลุกไปเต้นกันหมดแล้วน่ะ”
เมย์ยิ้มกลับอย่างยั่วยวน พลางขยับตัวเข้าใกล้อีกจนร่างกายของเธอแทบจะแนบชิดกับเขา ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอพัดเข้าที่ใบหูของเขา
“งั้น...คืนนี้ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณดีไหมคะ?”
เบียร์ไม่ตอบทันที เขามองเข้าไปในดวงตาของเธอ ความเย้ายวนในแววตาของเมย์ทำให้เขารู้ดีว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวขยับเข้าใกล้จนริมฝีปากของเธอแทบจะแตะกับริมฝีปากของเขา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มปรากฏบนใบหน้าของเบียร์
“เธอแน่ใจเหรอว่าจะรับมือกับฉันไหว?" เขากระซิบเสียงต่ำ ท้าทายด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเจ้าเล่ห์
เมย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบที่แขนของเขาเบาๆ สัมผัสของเธอเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและเย้ายวน
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกค่ะ” เธอขยับเข้ามาจนริมฝีปากทั้งคู่เกือบจะสัมผัสกัน
เบียร์มองลึกเข้าไปในดวงตาของเมย์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเขาทำให้บรรยากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนเป็นความร้อนแรง สายตาของเขาสำรวจทุกส่วนของเธออย่างชัดเจน แต่ยังคงแฝงความน่าดึงดูดในแบบที่ทำให้เธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้
“งั้น...ไปดูซิว่าเธอจะรับมือไหวจริงหรือเปล่า” เบียร์กระซิบอย่างนุ่มนวล แต่แฝงความท้าทาย มือของเขาเลื่อนมาแตะเอวบางของเมย์เบาๆ ก่อนจะจับเธออย่างแนบแน่น
เมย์หัวเราะเบาๆ รับรู้ถึงแรงดึงดูดที่เกิดขึ้น เธอเอียงคอเข้าใกล้เบียร์มากขึ้น
"ถ้าอย่างนั้น...นำทางเลยค่ะ" เธอกระซิบตอบ
เบียร์ลุกขึ้นยืน เขายื่นมือให้เธอจับ เมย์คว้ามือเขาไว้โดยไม่ลังเล สายตาของทั้งคู่สื่อสารกันอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เบียร์พาเธอเดินไปยังบันไดที่นำขึ้นไปยังชั้นบนของผับ Night Owl ซึ่งเป็นโซนส่วนตัว
ขณะที่พวกเขาเดินขึ้นบันได เพื่อนๆ ที่อยู่ในผับเริ่มสังเกตเห็น โดยเฉพาะเนที่ยืนอยู่บนฟลอร์เต้น เนหันไปมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำ
“เฮ้ย ไอ้เบียร์มันพาสาวขึ้นไปอีกแล้ว” เพื่อนๆ ต่างพากันหันไปมองตามด้วยความอิจฉา
“โคตรเจ๋งเลยวะ สาวๆ มันชอบไอ้เบียร์ขนาดนี้ได้ไงวะ!” เพื่อนอีกคนพูดพร้อมหัวเราะ
“ก็หล่อขนาดนั้น ใครจะไม่สนใจวะ” พวกเขาหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
เมื่อทั้งสองมาถึงชั้นบน เบียร์เปิดประตูห้องที่คุ้นเคย เป็นห้องส่วนตัวที่ใช้สำหรับรับรองแขกพิเศษ ห้องถูกตกแต่งด้วยแสงไฟสลัวและบรรยากาศเงียบสงบ มีเตียงขนาดคิงไซส์อยู่ตรงกลางห้อง เมย์เดินตามเข้าไปในห้องโดยไม่มีความลังเล“ที่นี่เงียบดีจัง...” เมย์เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ ห้อง ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มอย่างมีนัย เบียร์ปิดประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง“ใช่… เหมาะสำหรับค่ำคืนแบบนี้” เบียร์กระซิบเบาๆ ริมฝีปากของเขาเกือบจะแตะกับแก้มของเธอ ก่อนจะค่อยๆ สัมผัสเบาๆเมย์ไม่พูดอะไร เธอหันกลับมาสบตากับเขาอย่างท้าทาย ทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้กันจนแทบไม่มีช่องว่าง สัมผัสของเบียร์ที่แขนของเธอทำให้ร่างกายของเธอสั่นเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น บรรยากาศในห้องเริ่มร้อนระอุร่างของเมย์ถูกเบียร์ดึงเข้ามาใกล้จนแนบชิดกับตัวเขา ริมฝีปากของเขากดลงเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่กลับสร้างความรู้สึกเร่าร้อนจนเมย์หายใจสะดุดเมย์ถอยหลังเล็กน้อย ขยับร่างตัวเองขึ้นไปนั่งบนเตียง มือบางของเธอค่อยๆ ลูบไล้แผงอกของเบียร์ ผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขายังสวมอยู่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความต้องการที่ชัดเจน"คุณร้อนแรงกว่า
“ฮื้อ...อีกแล้ว” เสียงพึมพำอย่างไม่พอใจหลุดออกมาจากปากของเนยขณะที่จ้องมองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอดับไปอีกครั้ง“เป็นอะไรเหรอเนย?” แพรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ชะโงกหน้ามาถามด้วยความสงสัย“ก็เครื่องคอมฯ ฉันน่ะสิ รวนอีกแล้ว” เนยบ่นด้วยความหงุดหงิด“อ้าว เมื่อวานนี้ฝ่ายสารสนเทศเพิ่งมาซ่อมให้ไม่ใช่เหรอ?” แพรเดินเข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเนยที่ตอนนี้ดับสนิท“ใช่น่ะสิ! ทำไมหมู่นี้มันถึงได้รวนบ่อยนักก็ไม่รู้” เนยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ“สงสัยช่างที่มาซ่อมจะวางยาเครื่องเธอแล้วล่ะ” แพรหัวเราะแซว“หมายความว่าไงยะ?” เนยหันไปมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“ก็หมอนั่นอาจจะอยากมาหาเธอทุกวันไงล่ะ เลยแอบทำให้เครื่องเธอเสียตลอดไง สาวสวยเสน่ห์แรงอย่างเธอ ใครจะไม่อยากมาเจอบ่อยๆ” แพรหัวเราะคิกคัก“อย่ามาล้อเล่นน่า อีตาช่างคนนั้นน่ะเหรอ? เฮอะ!” เนยยิ้มเหยียดเล็กน้อย“ก็แค่หน้าตาธรรมดา หน้าปลาจวดชัดๆ”“โธ่ เธอพูดอย่างนี้ได้ไง หมอนั่นเขามีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อของบริษัทเลยนะ” แพรทำตาโต“ถ้านั่นน่ะหล่อ โลกนี้คงไม่มีใครหล่อแล้วล่ะ” เนยสวนกลับทันที“เอาน่าๆ รีบโทรตามเขามาเถอะ เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้” แพรหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจที่ได้
ป้าป!“โธ่เว้ย! ติดซะทีเซ่!” เนยฟาดมือลงบนหน้าจอด้วยความโมโห“เฮ้ย! ตบลงไปแบบนั้น เดี๋ยวจอก็พังหรอก” แพรร้องออกมาอย่างตกใจ“มันน่าโมโหนี่นา” เนยบ่นก่อนจะบีบมือตัวเองด้วยความเจ็บ“แล้วเจ็บมั้ยล่ะนั่น” แพรแซวพร้อมขำเล็กๆ“เจ็บดิ ลองมั้ยล่ะ!” เนยมองแพรตาเขียว“พี่เนยแก้ปัญหาด้วยวิธีแปลกๆ นะคะ” เจี๊ยบหัวเราะคิกคัก“ไม่ต้องพูดมากน่ะ!” เนยพูดจบก็ก้มไปเตะเคสเครื่องคอมเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด“คู้ณ เตะเครื่องมันแบบนั้น มันคงจะติดหรอกนะ” เสียงของชายหนุ่มแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ยุ่งอะไรด้วย!” เนยหันขวับไปมองทันทีด้วยความไม่พอใจ“เครื่องมือพวกนี้มันต้องถนอมๆ ใช้นะคุณ ไม่ใช่จะตบจะเตะเหมือนคุณทำเมื่อกี้” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พร้อมยิ้มเย้ย“นี่มันเครื่องของฉัน ฉันจะทำยังไงก็เรื่องของฉันสิ!” เนยเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ“เครื่องคุณที่ไหนล่ะ นี่มันเครื่องบริษัทต่างหาก” ชายหนุ่มแย้งกลับ“แล้วคุณเป็นใครถึงมายุ่ง?” เนยรู้สึกว่าถูกขัดใจหนักขึ้น จึงถามอย่างไม่พอใจ“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้ เครื่องคอมพ์ของคุณสำคัญกว่านะ” ชายหนุ่มยิ้มกวนๆ“ทำเป็นพูดแบบนี้ คุณซ่อมเป็นหรือไง?” เนยถ
เนยนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะทำงาน โชคดีที่บ่ายนี้ไม่ต้องไปพบลูกค้า ไม่อย่างนั้นอารมณ์หงุดหงิดของเธอคงทำให้ขายบัตรเครดิตไม่ออกแน่ เธอขบฟันแน่นเมื่อคิดถึงผู้ชายที่ชื่อเบียร์ ผู้ชายคนนี้น่าหงุดหงิดมากที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งหยิ่ง ทั้งกวน โมโหที่สุด!“เป็นอะไรคะพี่เนย? หน้าบูดเชียว” เจี๊ยบถามด้วยความสงสัย“ไม่มีอะไรจ้ะ” เนยตอบพลางฝืนยิ้ม“วันนี้ไม่ทานเยลลี่เหรอคะ?” เจี๊ยบถามต่อ“อ๋อ โดนคนตัดหน้าซื้อไปหมดแล้ว” เนยบ่นด้วยน้ำเสียงประชด“ใครกันคะ?” เจี๊ยบถามอย่างแปลกใจ“ไม่รู้เหมือนกัน” เนยตอบอย่างอ่อนใจ“พี่เนยนี่ตลกจัง” เจี๊ยบหัวเราะเนยรู้สึกหงุดหงิดและตัดสินใจลุกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ“เป็นอะไรของเรานะ ทำไมเห็นหน้าหมอนั่นแล้วหงุดหงิดทุกที” เธอบ่นกับตัวเองขณะล้างมือในห้องน้ำ“บ่นอะไรอยู่เหรอ เนย?” เสียงของพี่เต้ย หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศดังขึ้น“อ้าว พี่เต้ย” เนยทักด้วยรอยยิ้ม“บ่นมากระวังแก่เร็วนะ” พี่เต้ยแซวพร้อมยิ้ม“พูดแบบนี้ พี่เต้ยแอบแซวเรื่องคอมพ์ใช่ไหมคะ” เนยหัวเราะ“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ต้องห่วง ปีหน้าเดี๋ยวพี่จะทำเรื่องเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทุกแผนกเลย” พี่เต้ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“เยี่ยมเล
ขณะที่เนยกำลังยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก เตรียมพร้อมที่จะออกไปผับกับแพรและเจี๊ยบ ในจังหวะที่เธอกำลังจะหยิบกระเป๋าคลัทช์ใบโปรด เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น“ติ๊ง!”เนยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และสายตาก็เหลือบไปเห็นการแจ้งเตือนจาก Instagram ของ ‘เน’ น้องชายตัวดีของเธอ“หืม...โพสต์อะไรอีกล่ะ?” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมารูปภาพล่าสุดปรากฏชัดเจน เป็นภาพของเน นั่งอยู่ในผับที่เธอคุ้นเคย Night Owl ผับที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น หนุ่มสาวนั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่ที่ทำให้เนยรู้สึกไม่พอใจที่สุดคือ…ข้างๆ เน มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักยืนใกล้ชิดกับเขา เธอยิ้มอย่างสนุกสนานพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือเนยเม้มปากแน่น ดวงตาเธอเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด“ไอ้หมอนี่...สองวันแล้วไม่กลับบ้าน มัวไปเที่ยวสินะ...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำพ่อกับแม่ของเธอไม่ได้สงสัยอะไร คิดว่าเนออกไปทำงานแต่เช้า แต่ความจริงน้องชายของเธอกำลังไปเฮฮาเที่ยวกลางคืนอยู่ต่างหาก“ไอ้น้องบ้านี่! เดี๋ยวได้เจอกันแน่” เนยพูดออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะหันมามองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมถอนหายใจยาวเพื่อสงบสติอ
“ถ้ามึงไม่เปิด งั้นกูเปิด”คิงพึมพำลอยๆ เขามองไปยังกลุ่มของสามสาวสวยที่กำลังสนุกกับเสียงเพลง ก่อนจะหันไปหาลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ“เอาค็อกเทลที่แพงที่สุดในร้านไปเลี้ยงโต๊ะนั้นที” คิงเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับพยักเพยิดไปทางโต๊ะของสามสาวสวยลูกน้องรับคำสั่งทันที เขาเดินออกไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่ช้าถาดค็อกเทลหลากสีราคาแพงที่สุดในร้านก็ถูกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะสามสาว เมื่อค็อกเทลถูกวางลงตรงหน้า เนยหันไปมองชายคนนั้น ส่งยิ้มหวานให้“พวกเราไม่ได้สั่งนี่คะ”“คุณคิงขอเลี้ยงพวกคุณครับ” ลูกน้องของคิงตอบ“ไหนคะ คุณคิง?” เนยเลิกคิ้วถามลูกน้องของคิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางโซน VIP เมื่อเนยหันไปมองตาม เธอก็เห็นคิงนั่งอยู่และส่งยิ้มกว้างให้ เนยส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปอย่างมีมารยาท แต่ก็แฝงความเย้ายวนที่ทำให้คิงพอใจขึ้นไปอีก“เธอเล่นตามน้ำได้น่ารักดีแฮะ” คิงพูดเบาๆ กับตัวเอง พลางยิ้มตอบอย่างไม่ปิดบังความสนใจที่เขามีต่อเนยเบียร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ คิงมองดูการแลกยิ้มระหว่างสองคนแล้วกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่แววตาและรอยยิ้มของเนยที่ส่งให้คิง ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่คาดคิด
บรรยากาศในเรือนซ้อมเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากที่เนโดนซ้อมจนตัวน่วม แต่ก่อนที่เขาจะได้พักเต็มที่ เสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังขึ้น“มือหนักเหมือนเดิมนะ” เคน พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเนยกล่าวพลางยืนกอดอก สูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขามองดูการซ้อมของเนยด้วยแววตาแฝงความเอ็นดู“อ้าว...เฮียเคน มาเมื่อไหร่น่ะ” เนยหันไปส่งยิ้มหวาน แม้เหงื่อจะชุ่มตัว“ซ้อมน้องซะน่วมเลยนะเรา” เขาแซวเชิงหยอก ก่อนเหลือบมองเนที่นั่งหมดแรงพิงผนังเรือนซ้อมเหมือนคนหมดสภาพ“มันสมควรแล้วที่โดน” เนยตอบกลับพลางยิ้มมุมปาก เธอยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผากอย่างไม่ใส่ใจนัก“มาเถอะ ซ้อมกะเฮียสักยกหน่อยเป็นไง” เคนยิ้มกวนๆ เขาอัดบุหรี่เข้าปอดพ่นควันออกมา ก่อนดีดบุหรี่ทิ้งอย่างไม่รีบร้อน แล้วถอดเสื้อนอกออก พร้อมเดินเข้ามาในพื้นที่ซ้อมเนยเลิกคิ้ว ยิ้มด้วยความพอใจ"หืม... แบบนี้สิ น่าสนุก เฮียแน่ใจนะ?"“แน่สิ” เคนยิ้มอย่างท้าทาย พลางยกมือเตรียมตัวปะทะกับเนย"OK, come on bro!" เนยยิ้มร้ายกาจ กวักมือเรียกเคนให้เข้ามา ทั้งสองเริ่มประจันหน้ากันเนยเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ส่งหมัดและลูกเตะอย่างว่องไว ทำให้เคนต้องตั้งรับอย่างรวดเร็ว ในช่ว
ในโซน VIP ของผับ Night Owl ของคิง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและแสงไฟที่กระพริบวูบวาบ เบียร์และบี นั่งเอนหลังอย่างสบายใจพร้อมกับมือถือในมือ โดยทั้งคู่ต่างก็กำลังเล่นแอพ Chatzy ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสมาธิในการพิมพ์ข้อความคิงที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการเดินตรวจรอบผับ สังเกตเห็นท่าทางของสองคนก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาทัก“เฮ้ย พวกมึงสองคนจะมาแดกเหล้าหรือมาแชทกะสาววะ” คิงใช้เท้าเขี่ยเพื่อน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา สายตาจับจ้องไปที่โทรศัพท์ของเพื่อน“ทั้งสองอย่าง” บีตอบขำๆ“แม่ง เล่นแอพโบราณชิบหาย”“แอพนี้มันดีออก ไม่เห็นหน้าคนที่คุยด้วยหรอก จะได้ตื่นเต้นไง ตอนเจอตัวจริง” บีเงยหน้าส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนคิงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“แล้วมึงจะแน่ใจได้ไงว่า คนที่มึงคุยด้วยมันเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่พวกมีงวงอะ?”บีหัวเราะออกมาเสียงดัง“ก็แล้วแต่ดวงล่ะว่ะ แต่กูว่ากูดวงดี สวยๆ ทั้งนั้น”คิงส่ายหัวพลางหัวเราะ“มึงนี่โบราณเกินว่ะ ใช้แอพแบบนี้ กูละขำ” เขาว่าพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ แล้วหันไปทางเบียร์ที่ยังคงก้มหน้าก้มตาพิมพ์อยู่“โบราณที่ไหนวะ ไอ้เบียร์ก็เล่นเหมือนกัน” บีเถียงทันทีคิงหันไปมองเบ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ