บริษัท ทีเอ็กซ์สตรีม จำกัด เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการวางระบบคอมพิวเตอร์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ แม้จะก่อตั้งมาเพียง 5 ปี แต่บริษัทนี้ก็สามารถสร้างกำไรได้ถึง 100 ล้านบาทต่อปี
โดยเฉพาะแผนก Development ซึ่งเป็นแผนกที่ทำรายได้หลักจากการขายโปรแกรมให้กับบริษัทเอกชน แถมยังต้องมีพนักงานคอยดูแลและสนับสนุนลูกค้าหลังการขาย ซึ่งทำให้แผนกนี้ถือเป็น ‘หน้าตา’ ของบริษัท และพนักงานที่ทำงานในแผนกนี้ก็ได้รับทั้งอภิสิทธิ์และเงินเดือนสูงตามงานที่โปรแกรมเมอร์แต่ละคนทำได้
“เฮ้ย ไอ้เบียร์!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังซ่อมโน้ตบุ๊กอยู่ เขาหยุดมือทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเอง
“มีอะไร ไอ้เน?” เบียร์หันไปถามเพื่อนด้วยท่าทางที่ยังง่วนอยู่กับงาน
“วันนี้มึงไม่มีงานออกเทรนนอกบริษัทเหรอวะ?”
เน เพื่อนสนิทของเขาถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างสบายใจ พร้อมวางถุงน้ำอัดลมกระป๋องลงบนโต๊ะของเบียร์โดยไม่รอคำเชิญ
“ไม่มี วันนี้ว่าง แต่พรุ่งนี้กูต้องออกไปข้างนอก” เบียร์ตอบพร้อมกับลงมือซ่อมโน้ตบุ๊กต่อ
“ไปไหนล่ะ?” เนยื่นกระป๋องน้ำอัดลมส่งให้เบียร์
เบียร์รับไปและเปิดฝาดื่มพลางตอบ “บริษัทบัตรเครดิตอะไรซักอย่าง แถวสุขุมวิท”
เนทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “เฮ้ย บริษัทบัตรเครดิตเหรอ? จะใช่ที่เดียวกับที่พี่กูทำงานอยู่หรือเปล่าวะ?”
“กูจะไปรู้ได้ไงล่ะว่าพี่มึงทำงานที่ไหน” เบียร์ตอบขำๆ พลางยกกระป๋องน้ำวางไว้ข้างๆ โน้ตบุ๊กที่ยังถอดแบตเตอรี่ออก
“พี่กูทำงานบริษัทบัตรเครดิตแถวสุขุมวิทนี่แหละ ดูนี่ดิ นี่รูปพี่กู” เนว่าพร้อมกับควักรูปครอบครัวออกมาให้เบียร์ดู
“คนไหนวะ?” เบียร์ยื่นมือไปรับรูปก่อนจะมองดู ใบหน้าของผู้หญิงในรูปที่ยิ้มให้กล้องอย่างอ่อนโยนสะดุดตาเขาเล็กน้อย
“คนซ้ายสุดน่ะ” เนตอบ พร้อมกับหยิบชิ้นส่วนชิพเล็กๆ บนโต๊ะของเบียร์มาหมุนเล่นอย่างไม่ใส่ใจ
เบียร์มองใบหน้าของผู้หญิงในรูปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มขำแล้วส่งรูปคืนให้เน
“อะไรวะ แค่รูป มันจะสึกอะไรมากมาย พี่มึงก็ดูธรรมดาๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปนั่นแหละ”
เนรีบคว้ารูปกลับไปด้วยท่าทางหวงแหน
“อย่าพูดงั้น พอมึงได้เจอตัวจริงก่อนเหอะ แล้วมึงจะรู้ว่าพี่กูเป็นยังไง”
เบียร์ส่ายหน้าน้อยๆ ขำๆ เพราะเขารู้ดีว่าเนเป็นพวกหวงพี่สาวหนักมาก ทั้งออฟฟิศก็รู้กันดี วันหนึ่งหัวหน้าของพวกเขาบังเอิญไปเจอเนกับพี่สาวขณะทานอาหารที่ร้านแถวศรีนครินทร์ หลังจากนั้นหัวหน้าก็เพียรถามถึงพี่สาวของเนอยู่บ่อยๆ แถมยังสมัครบัตรเครดิตกับเธอด้วย ทั้งที่หัวหน้าปกติต่อต้านการทำบัตรเครดิตมาตลอด พฤติกรรมนี้ทำให้ทุกคนในทีมงงกันไปตามๆ กัน
“เออ จริงสิ วันนี้มึงว่างหรือเปล่า?” เนถามขึ้น
“ว่าง แล้วทำไม?” เบียร์หันมาตอบ ขณะที่หยิบแฟรชไดร์ฟออกมาจากตู้เก็บของ
“วันนี้เลี้ยงวันเกิดพี่ตูนไง จัดหนักกันเลย มีเบียร์มีเหล้าครบ!” เนพูดอย่างอารมณ์ดี พลางผิวปากอย่างสนุกสนาน
“เออจริง ลืมไปเลย” เบียร์พยักหน้ารับ
“งั้นเย็นนี้เจอกันนะเว้ย กูไปทำงานก่อน” เนตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้เบียร์นั่งขำในความร่าเริงไม่รู้จบของเพื่อนสนิท
เบียร์มองตามหลังเนที่เดินออกไป ก่อนจะถอนหายใจยาวและส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์พร้อมเสียบแฟลชไดรฟ์เพื่อแก้ไขโปรแกรมที่ค้างไว้ไปด้วย ทันทีที่เขาเปิดโปรแกรมเล่นเพลงในเครื่อง เสียงเพลงก็สุ่มขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เบียร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเนื้อเพลงที่ดังขึ้น เพราะมันตรงกับความรู้สึกของเขาอย่างประหลาด
“แอบยิ้มเมื่อเธอดีใจ แอบทุกข์เมื่อเธอเสียใจ... ไม่หวังให้เธอมีใจ ไม่หวังยืนใกล้ๆ แค่ได้เฝ้ามองก็พอ...”
เนื้อเพลงกระแทกใจเขาเต็มๆ ภาพของ มะปราง สาวน้อยวัยสดใสที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันปรากฏขึ้นในหัวชัดเจน พวกเขาอยู่ใกล้กันแค่ไม่กี่บ้าน แต่เบียร์กลับไม่อยากให้มะปรางรู้ว่าเขาคิดยังไง
เขาไม่ใช่คนขี้อาย แต่เขารู้ดีว่าถ้าปล่อยให้มะปรางรู้ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ เรื่องราวอาจไม่เป็นไปอย่างที่หวัง เขากลัวจะทำลายความสัมพันธ์ที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้ เบียร์จึงเลือกที่จะอยู่ห่างๆ ดูแลเธออย่างเงียบๆ แม้จะไม่ได้รับความสนใจจากเธอก็ตาม
บางครั้งตอนเลิกงาน เขาเจอเธอเดินผ่านไปบ้าง แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบ ไม่มีคำพูดใดๆ ที่ออกจากปากของเขา แม้ว่าในใจจะมีแต่ความรู้สึกอยากเข้าใกล้เธอมากขึ้น แต่เขาก็ต้องห้ามตัวเองไม่ให้แสดงออก
เขาเลือกที่จะไม่ทักทาย เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกนี้หลุดออกมา...
6 ปีแล้วที่เขาเฝ้ามองมะปรางเติบโตจากสาวน้อยกลายเป็นหญิงสาวที่น่ารักในสายตาของเขา และเขาก็พอใจกับการได้อยู่เคียงข้างเธอในฐานะพี่ชายที่ดี...
เบียร์ถอนหายใจเบาๆ เมื่อคิดถึงความรู้สึกที่เขาแอบชอบมะปรางมานานหลายปี เขารู้จักกับพี่ชายของเธอดี ทั้งสองคนสนิทกันมาก พี่ชายของเธอมักชวนเขาไปซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ด้วยกัน ซึ่งเป็นข้ออ้างให้เบียร์ได้แวะไปที่บ้านของเธอ เขามักจะแอบมองหาเธอทุกครั้งที่ไป แต่บางครั้งก็พบกับความผิดหวังเมื่อเธอไม่อยู่บ้าน
แต่ในวันที่เธออยู่ และเดินออกมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่กี่ประโยคที่เธอพูดก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง แม้ภายนอกเขาจะยังคงทำตัวขี้เล่น พูดจาแบบสบายๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจกลับตื่นเต้นแทบจะระเบิดทุกครั้ง
แม้เบียร์จะเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน แต่เขารู้ดีว่าไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกจริงจังได้เท่ากับ มะปราง สาวข้างบ้านที่เขาแอบมองมาตั้งแต่เธอยังเด็ก ปัจจุบันมะปรางกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง และเบียร์ก็เฝ้ามองดูการเติบโตของเธออยู่ห่างๆ ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
เบียร์รู้สึกว่ามะปรางเป็นคนเดียวที่เขารักอย่างจริงใจ เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอหรือคบหา ถึงแม้เขาจะมีเสน่ห์และมีสาวๆ ห้อมล้อมอยู่มากมาย แต่สำหรับมะปราง เขากลับรู้สึกว่าต้องคอยยับยั้งตัวเอง ไม่ให้ทำอะไรเกินเลย
เพราะรู้ดีว่าเธอยังเด็กเกินไป เขาไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาเลือกที่จะปิดบังความรู้สึกของตัวเองไว้ และใช้ความขี้เล่นกลบเกลื่อนทุกครั้งที่เจอเธอ ถึงแม้ในใจเขาจะตื่นเต้นจนแทบจะระเบิดออกมาก็ตาม
“เฮ้ย ไอ้เบียร์ หัวหน้าเรียก!”เสียงเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะโกนบอก ทำให้เบียร์หลุดออกจากภวังค์ เขาพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะวางกล่องโปรแกรมลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องหัวหน้าก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตครับ” เบียร์เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไป หัวหน้าที่กำลังตรวจเอกสารเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม“อ้าว มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” หัวหน้าฝ่ายทัก ก่อนจะผายมือให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงาน“หัวหน้ามีอะไรหรือครับ?” เบียร์ถามตรงๆ เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่มีงานด่วน หัวหน้าคงไม่เรียกเขามา“เรื่องงานพรุ่งนี้น่ะ ทางบริษัทบัตรเครดิตที่เราทำซอฟต์แวร์ให้ ตอนนี้เขาต้องการพัฒนาโปรแกรมควบคู่ไปด้วย และต้องให้เราส่งคนไปเทรนพนักงานที่นั่นด้วย เงื่อนไขทั้งหมดจะคุยกันพรุ่งนี้ในการประชุม” หัวหน้าพูดด้วยสีหน้าหนักใจ“ฟังดูไม่น่ายากเลยนี่ครับ” เบียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ดูเหมือนง่ายนะ แต่โปรเจกต์นี้มีความซับซ้อนหน่อย ทางเราต้องส่งคนไปประจำที่บริษัทบัตรเครดิตในช่วงแรก เพื่อเทรนพนักงานให้ใช้งานโปรแกรมของเรา และ...” หัวหน้าหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ“นอกจากอธิพงศ์แล้ว นายคืออีกคนที่ฉันไว้ใจได้ แต่ตอนนี้อธิพงศ
การทำงานเกี่ยวกับบัตรเครดิตทั้งวันทำให้เนยรู้สึกเหนื่อยล้า โดยเฉพาะเมื่อเจอลูกค้าที่เรื่องมาก แต่เธอก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้เสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าสำหรับงานบริการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้า และดึงพวกเขากลับมาใช้บริการอีกครั้งสำหรับเนย เรื่องพวกนี้ไม่ยากเลย เธอสามารถ ‘ตีหน้า’ เก่งจนเพื่อนๆ ในออฟฟิศยกฉายาให้ว่า “นางนกสองหน้า” เพราะเธอสามารถแสดงออกอย่างมืออาชีพได้ตลอดเวลาหลังเลิกงาน เป็นเวลาที่เนยชอบมากที่สุด หญิงสาวมักจะแวะที่โลตัสตรงสถานีอ่อนนุชเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวหรือของกินเล่น เธอมีความสุขกับการเลือกดูของ แม้ว่าบางครั้งจะไม่ได้ซื้อติดมือกลับบ้านเลยก็ตามพูดไม่ค่อยเก่ง...แต่รักหมดใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายของเนย หญิงสาวจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเพราะมีคนขัดจังหวะการช้อปปิ้งของเธอ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ ก่อนจะกดรับสายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์“ฮัลโหล นายมีอะไร?” เสียงเธอกรอกลงไปอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมา“เออ ฉันเอง เธอจะกลับบ้านกี่โมง?” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่รู้ว่าคนฟังอารมณ์เสียแค่ไหน“กำลังจะกลับ แค่แวะซื้อของนิดหน่อย” เนยตอ
เนยเริ่มรู้สึกสนุกกับการสนทนามากขึ้น เธอจึงเริ่มพิมพ์ข้อความอย่างเป็นกันเองB u T T e R says: แล้วคุณทำงานแผนกเดียวกับเนเหรอ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อืม แต่ผมไม่เก่งเท่าเนหรอก หมอนั่นมันเทพมากB u T T e R says: ยังไงล่ะ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ไม่ว่าจะเจองานยากแค่ไหน เนก็แก้ได้ทุกครั้งเลย หมอนั่น ไม่ใช่คนแล้วอะB u T T e R says: ฮะๆ แบบนี้เรียกว่าใกล้บ้ารึเปล่าแค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: น่าจะประมาณนั้นนะB u T T e R says: แล้วไม่กลัวเราเอาไปฟ้องเนเหรอ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: โอ้...ลืมไปเลย แหะๆ อย่าไปบอกเลยนะ (-/\-)B u T T e R says: หุหุ ไม่บอกหรอก แต่เดี๋ยวจะตะโกนให้เนได้ยินดีกว่า ^O^แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหวอ! อย่าทำแบบนั้นนะ สงสารผมเถอะ หมอนั่นเวลาโกรธเอาเรื่องอยู่B u T T e R says: แล้วคุณรู้จักเนนานรึยัง?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ประมาณ 3-4 เดือนได้ แต่รู้สึกเหมือนสนิทกันมานานแล้ว ^^B u T T e R says: แปลกดีนะ ปกติเนไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆ เลยนี่นาแค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหรอ แต่เขาก็สนิทกับผมนะ ^^ คงเพราะผมเป็นคนดีล
หลังจากกินดื่มกันจนจบมื้อค่ำ เพื่อนๆ ก็เริ่มคุยกันถึงการไปต่อที่ผับของคิง เพื่อนสนิทของเบียร์และเน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร“ไปต่อที่ Night Owl ร้านของคิงกันดีกว่า” พี่ตูนเอ่ยขึ้น ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยผับ Night Owl เป็นผับขนาดกลางที่คึกคักไปด้วยแสงสีและเสียงเพลง ริมถนนใหญ่ในย่านที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายวัย เบียร์ขับรถตามหลังกลุ่มเพื่อนไปยังร้าน ทุกคนลงจากรถด้วยอารมณ์สนุกสนานหลังจากดื่มเบียร์กันไปพอหอมปากหอมคอภายในผับ Night Owl ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีผนังอิฐเปลือย โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม และแสงไฟสลัวที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา วงดนตรีสดเริ่มบรรเลงเพลงต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามา ทั้งกลุ่มเพื่อนและคนที่มาเที่ยวกันเป็นคู่คิง เจ้าของร้านและเพื่อนสนิทของเบียร์ เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง“มาแล้วเหรอวะพวกมึง! ยินดีต้อนรับ” คิงทักทายพร้อมผายมือให้พวกเขานั่งที่โซนวีไอพี“เออ พลาดได้ไง” เบียร์ยิ้มพลางจับมือทักทายกับคิงเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทุกคนนั่งดื่มและคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะเดียวกันที่โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มสาวพริตตี้ที่มาฉลองกัน กลุ่มสาวๆ ในชุดเดรสรั
เมื่อทั้งสองมาถึงชั้นบน เบียร์เปิดประตูห้องที่คุ้นเคย เป็นห้องส่วนตัวที่ใช้สำหรับรับรองแขกพิเศษ ห้องถูกตกแต่งด้วยแสงไฟสลัวและบรรยากาศเงียบสงบ มีเตียงขนาดคิงไซส์อยู่ตรงกลางห้อง เมย์เดินตามเข้าไปในห้องโดยไม่มีความลังเล“ที่นี่เงียบดีจัง...” เมย์เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ ห้อง ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มอย่างมีนัย เบียร์ปิดประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง“ใช่… เหมาะสำหรับค่ำคืนแบบนี้” เบียร์กระซิบเบาๆ ริมฝีปากของเขาเกือบจะแตะกับแก้มของเธอ ก่อนจะค่อยๆ สัมผัสเบาๆเมย์ไม่พูดอะไร เธอหันกลับมาสบตากับเขาอย่างท้าทาย ทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้กันจนแทบไม่มีช่องว่าง สัมผัสของเบียร์ที่แขนของเธอทำให้ร่างกายของเธอสั่นเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น บรรยากาศในห้องเริ่มร้อนระอุร่างของเมย์ถูกเบียร์ดึงเข้ามาใกล้จนแนบชิดกับตัวเขา ริมฝีปากของเขากดลงเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่กลับสร้างความรู้สึกเร่าร้อนจนเมย์หายใจสะดุดเมย์ถอยหลังเล็กน้อย ขยับร่างตัวเองขึ้นไปนั่งบนเตียง มือบางของเธอค่อยๆ ลูบไล้แผงอกของเบียร์ ผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขายังสวมอยู่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความต้องการที่ชัดเจน"คุณร้อนแรงกว่า
“ฮื้อ...อีกแล้ว” เสียงพึมพำอย่างไม่พอใจหลุดออกมาจากปากของเนยขณะที่จ้องมองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอดับไปอีกครั้ง“เป็นอะไรเหรอเนย?” แพรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ชะโงกหน้ามาถามด้วยความสงสัย“ก็เครื่องคอมฯ ฉันน่ะสิ รวนอีกแล้ว” เนยบ่นด้วยความหงุดหงิด“อ้าว เมื่อวานนี้ฝ่ายสารสนเทศเพิ่งมาซ่อมให้ไม่ใช่เหรอ?” แพรเดินเข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเนยที่ตอนนี้ดับสนิท“ใช่น่ะสิ! ทำไมหมู่นี้มันถึงได้รวนบ่อยนักก็ไม่รู้” เนยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ“สงสัยช่างที่มาซ่อมจะวางยาเครื่องเธอแล้วล่ะ” แพรหัวเราะแซว“หมายความว่าไงยะ?” เนยหันไปมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“ก็หมอนั่นอาจจะอยากมาหาเธอทุกวันไงล่ะ เลยแอบทำให้เครื่องเธอเสียตลอดไง สาวสวยเสน่ห์แรงอย่างเธอ ใครจะไม่อยากมาเจอบ่อยๆ” แพรหัวเราะคิกคัก“อย่ามาล้อเล่นน่า อีตาช่างคนนั้นน่ะเหรอ? เฮอะ!” เนยยิ้มเหยียดเล็กน้อย“ก็แค่หน้าตาธรรมดา หน้าปลาจวดชัดๆ”“โธ่ เธอพูดอย่างนี้ได้ไง หมอนั่นเขามีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อของบริษัทเลยนะ” แพรทำตาโต“ถ้านั่นน่ะหล่อ โลกนี้คงไม่มีใครหล่อแล้วล่ะ” เนยสวนกลับทันที“เอาน่าๆ รีบโทรตามเขามาเถอะ เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้” แพรหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจที่ได้
ป้าป!“โธ่เว้ย! ติดซะทีเซ่!” เนยฟาดมือลงบนหน้าจอด้วยความโมโห“เฮ้ย! ตบลงไปแบบนั้น เดี๋ยวจอก็พังหรอก” แพรร้องออกมาอย่างตกใจ“มันน่าโมโหนี่นา” เนยบ่นก่อนจะบีบมือตัวเองด้วยความเจ็บ“แล้วเจ็บมั้ยล่ะนั่น” แพรแซวพร้อมขำเล็กๆ“เจ็บดิ ลองมั้ยล่ะ!” เนยมองแพรตาเขียว“พี่เนยแก้ปัญหาด้วยวิธีแปลกๆ นะคะ” เจี๊ยบหัวเราะคิกคัก“ไม่ต้องพูดมากน่ะ!” เนยพูดจบก็ก้มไปเตะเคสเครื่องคอมเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด“คู้ณ เตะเครื่องมันแบบนั้น มันคงจะติดหรอกนะ” เสียงของชายหนุ่มแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ยุ่งอะไรด้วย!” เนยหันขวับไปมองทันทีด้วยความไม่พอใจ“เครื่องมือพวกนี้มันต้องถนอมๆ ใช้นะคุณ ไม่ใช่จะตบจะเตะเหมือนคุณทำเมื่อกี้” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พร้อมยิ้มเย้ย“นี่มันเครื่องของฉัน ฉันจะทำยังไงก็เรื่องของฉันสิ!” เนยเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ“เครื่องคุณที่ไหนล่ะ นี่มันเครื่องบริษัทต่างหาก” ชายหนุ่มแย้งกลับ“แล้วคุณเป็นใครถึงมายุ่ง?” เนยรู้สึกว่าถูกขัดใจหนักขึ้น จึงถามอย่างไม่พอใจ“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้ เครื่องคอมพ์ของคุณสำคัญกว่านะ” ชายหนุ่มยิ้มกวนๆ“ทำเป็นพูดแบบนี้ คุณซ่อมเป็นหรือไง?” เนยถ
เนยนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะทำงาน โชคดีที่บ่ายนี้ไม่ต้องไปพบลูกค้า ไม่อย่างนั้นอารมณ์หงุดหงิดของเธอคงทำให้ขายบัตรเครดิตไม่ออกแน่ เธอขบฟันแน่นเมื่อคิดถึงผู้ชายที่ชื่อเบียร์ ผู้ชายคนนี้น่าหงุดหงิดมากที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งหยิ่ง ทั้งกวน โมโหที่สุด!“เป็นอะไรคะพี่เนย? หน้าบูดเชียว” เจี๊ยบถามด้วยความสงสัย“ไม่มีอะไรจ้ะ” เนยตอบพลางฝืนยิ้ม“วันนี้ไม่ทานเยลลี่เหรอคะ?” เจี๊ยบถามต่อ“อ๋อ โดนคนตัดหน้าซื้อไปหมดแล้ว” เนยบ่นด้วยน้ำเสียงประชด“ใครกันคะ?” เจี๊ยบถามอย่างแปลกใจ“ไม่รู้เหมือนกัน” เนยตอบอย่างอ่อนใจ“พี่เนยนี่ตลกจัง” เจี๊ยบหัวเราะเนยรู้สึกหงุดหงิดและตัดสินใจลุกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ“เป็นอะไรของเรานะ ทำไมเห็นหน้าหมอนั่นแล้วหงุดหงิดทุกที” เธอบ่นกับตัวเองขณะล้างมือในห้องน้ำ“บ่นอะไรอยู่เหรอ เนย?” เสียงของพี่เต้ย หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศดังขึ้น“อ้าว พี่เต้ย” เนยทักด้วยรอยยิ้ม“บ่นมากระวังแก่เร็วนะ” พี่เต้ยแซวพร้อมยิ้ม“พูดแบบนี้ พี่เต้ยแอบแซวเรื่องคอมพ์ใช่ไหมคะ” เนยหัวเราะ“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ต้องห่วง ปีหน้าเดี๋ยวพี่จะทำเรื่องเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทุกแผนกเลย” พี่เต้ยบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู“เยี่ยมเล