"พอใจแล้วใช่ไหม" ผมถามเอ เมื่อเราสองคนขึ้นมานั่งอยู่ในรถด้วยกัน
"..." เอเลือกที่จะนั่งก้มหน้าแล้วเงียบ
"ถาม"
"..."
"เอ"
"อืม ส่วนงานแต่งก็ยกเลิกนะ" ในที่สุดเธอก็พูดออกมา และพูดประโยคที่ทำผมฝันสลาย
"ขอโทษสำหรับทุกอย่าง แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ สำหรับตลอดเวลาที่ผ่านมา"
"หุบปากแป๊ปดิ๊" ผมพูดขึ้นแล้วจากนั้นก็ฟุบหน้าลงที่พวงมาลัยรถ
มันเป็นความรู้สึกที่เคว้งคว้าง เหมือนผมกำลังอยู่บนยอดตึก แล้วตกลงมากระทบพื้น
"ที่ทำทุกอย่างแค่ต้องการแก้แค้นไอ้แจงใช่ไหม" ผ่านไปร่วมครึ่งโมงผมก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่พอจะรวบรวมสติย้อนความคิด เรียบเรียงสิ่งที่สองคนนั้นพูด
"อืม"
"ที่ผ่านมาไม่เคยรักกันเลยใช่ไหม" แล้วผมก็กลั้นใจถามคำถามที่ค้างคาใจ ไอ้คำที่เคยบอกว่ารักกัน ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันมีความจริงสักแค่ไหน
"อืม"
"มีหัวใจบ้างไหมวะ ทำแบบนี้ได้ไง เลือดเย็นไปไหม แล้วเด็กในท้อง..."
"เด็กในท้องเป็นลูกของแฟนเรา คือเรื่องแต่งงานเราคิดไว้อยู่แล้วว่าแจงมันต้องระเบิด เราไม่ได้คิดจะแต่งงานกับยิมอยู่แล้ว คือเราไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่าขอโทษ"
"เรียกคนนั้นว่าแฟน แล้วกับยิมคืออะไรวะ" ผมจุกในอกสุด ๆ นี่ผมตกเข้าไปอยู่ในเกมแค้นของผู้หญิงสองคนนี้มานานแล้วใช่ไหม
"เพราะยิมเป็นผู้ชายคนเดียวที่แจงมันหวงมากที่สุด เพราะยิมเป็นคนเดียวที่แจงมันไม่อยากให้เสียใจ การที่ยิมมาจีบเอจึงเข้าทางเอทุกอย่าง" เอสารภาพออกมาโต้ง ๆ
"ไม่เลิกได้ไหม แต่งงานกันนะ แต่งงานเถอะ ยิมสัญญาว่าจะดูแลเอให้ดี จะลืมเรื่องทุกอย่างที่เอเคยทำ ยิมจะไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้เลย เราแต่งงานกันนะ" แล้วผมก็เลือกที่จะยื้อ ผมหันหน้าไปพูดกับเธอพร้อมน้ำตาที่ไหลรินจากนัยน์ตา
"พอเถอะยิม มันเป็นไปไม่ได้ เอไม่ได้รักยิม ยิมเป็นคนดีนะ ยิมต้องเจอคนที่ดีกว่าเอแน่นอน ปล่อยเอไปเถอะ ขอโทษนะที่ดึงยิมเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราขอโทษจริง ๆ "
"อย่าพูดแบบนี้ดิ อย่าพูดแบบนี้ อย่าทำเหมือนจะทิ้งยิมดิ" ผมยื่นมือไปกุมมือเธอ
ผมยอมโง่ เพราะผมขาดเธอไม่ได้ ผมรักเธอไปแล้ว รักเธอจนหมดใจ
"เราต้องไปแล้ว จากนี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก โชคดีนะ" เธอดึงมือผมออกแล้วเปิดประตูรถลงไปทันที
"เอ... อย่าไป อย่าไปยิมขอร้อง อย่าทำกับยิมแบบนี้" ผมรีบลงจากรถแล้วตามไปสวมกอดเธอไว้
"ขอโทษนะยิม แต่ถ้าจะโทษก็โทษแจงนะ เพราะแจงมันรักยิม ถ้าแจงมันไม่ทำให้พี่ชายเราตาย เรื่องแบบนี้คงไม่เกิด" เธอดึงรั้งแขนผมออกแล้วเดินขึ้นรถที่มาจอดรับเธอ
ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นถนนของลานจอดรถ ผมหมดแรงที่จะลุกขึ้นยืน
เธอทิ้งผมไปแล้ว ทิ้งผมไปทั้งที่ผมพยายามหลับหูหลับตาเรื่องเธอมีคนอื่นมาโดยตลอด
ทั้งที่ผมพยายามหลบซ่อนความจริง เพราะอยากรักษาหัวใจตัวเองไว้
"กูขอโทษยิม กูขอโทษ" ไอ้แจงมันนั่งลงตรงหน้าผมแล้วกอดผมไว้
"กูโคตรเกลียดมึงเลยแจง กูโคตรเกลียดมึงเลย มึงเห็นไหม มึงเห็นไหมว่าเอมันไปแล้ว เพราะมึง เพราะมึงคนเดียวกูถึงเจ็บแบบนี้"
"ขอโทษยิม กูขอโทษ"
"ทำไม ทำไมวะ ถ้ามึงรู้ว่าเขาจะหลอกกู ทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก ทำไมมึงปล่อยให้กูรักเขา ทำไมมึงปล่อยให้กูรักผู้หญิงคนนั้นจนหมดหัวใจแบบนี้"
"กูไม่อยากให้มึงเสียใจ กูขอโทษนะยิม กูขอโทษ" ไอ้แจงมันร้องสะอื้นแล้วกอดผมไว้แนบแน่น
"แต่ตอนนี้กูโคตรเสียใจเลย กูโคตรเสียใจเลยมึงได้ยินไหมแจง ต่อไปนี้กูกับมึงอย่าเจอกันอีกดีที่สุด ไม่ต้องรู้จักกันเลยยิ่งดี" ผมผลักไอ้แจงออกแล้วลุกขึ้นเดินกลับมาที่รถก่อนจะขับรถออกมาทันที
ไอ้แจงมันเคยคบกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่มันคบแล้วไม่ใช่มันก็เลยเลิก ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สำหรับไอ้แจง แต่ไอ้แจงมันดันใช่สำหรับผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นง้อไอ้แจงอยู่นาน แต่ไอ้แจงมันไม่กลับไป
และด้วยความคิดตื้น ๆ คิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วไอ้แจงมันจะกลับไปหา
ผู้ชายคนนั้นเลยเลือกขู่ว่าจะโดดตึกถ้าไอ้แจงไม่กลับไปหา แต่เพราะไอ้แจงมันเป็นไอ้แจงที่ไม่แคร์ใคร มันก็เลยไม่ใส่ใจ
ผู้ชายคนนั้นจึงโดดตึกลงมาตายอย่างที่ขู่จริง ๆ
และเพราะผมไม่รู้ว่าเอคือน้องสาวของผู้ชายคนนั้น ผมก็เลยเผลอตกไปอยู่ในการแก้แค้นของเอ ที่เป็นน้องสาวของผู้ชายคนนั้น
ผมกลายเป็นคนที่โง่ที่สุดในเกมครั้งนี้
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...
การที่ผมไม่มีเอเข้ามาอยู่ในชีวิต มันแม่งโคตรหดหู่ ผมสิ้นหวัง พ่อแม่ก็เศร้าตาม
และถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปผมคงตายแน่ ๆ และคงไม่ใช่แค่ผมที่จะตาย พ่อแม่ผมก็คงตรอมใจตาม
เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพื่อลืมเรื่องราวร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นกับผม
ผมจะพยายามเริ่มต้นใหม่ เพื่อครอบครัวของผม เพื่ออนาคตที่ผมยังมองไม่เห็นแสงสว่าง
แต่ผมมั่นใจว่าวันข้างหน้าต้องดีกว่าวันนี้ที่เป็นอยู่...
คุณเคยแอบรักใครไหม รักมาตั้งแต่เด็ก รักจนยอมทุกอย่าง รักโดยที่ไม่ต้องครอบครองก็ได้ ขอแค่เขามีความสุขก็พอมันอาจจะดูเหมือนคนโง่ แต่ถ้าใครไม่มาอยู่ในจุดนี้ไม่มีทางเข้าใจการรักใครสักคนแบบงมงายมันเป็นยังไง"มันจะกลับมาแล้วนะ"ภามเพื่อนชายของฉันเกริ่นขึ้นมา มันที่ว่าฉันรู้ดีว่าหมายถึงใคร"เหรอ" ฉันทำทีไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในใจรู้สึกตื่นเต้นจนอยากกระโดดโลดโผน"อืม ไปรับมันด้วยกันไหมล่ะ" ภามถามต่อ"มึงก็รู้ว่ามันเกลียดกู กูกับมันคือคนไม่รู้จักกัน" ฉันบอกระหว่างที่มือสาละวนกับการเก็บการรื้อชุดเจ้าสาว"มันอาจจะหายโกรธแล้วก็ได้ มันถึงได้กลับมา" พีคเพื่อนชายอีกคนเดินเข้ามาในร้านแล้วพูดขึ้นพูดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้"กูรู้จักมันดี คนอย่างมันเกลียดคนฝังใจ แล้วยิ่งคนที่ทำให้มันเจ็บ มันยิ่งไม่คิดชายตามอง""แต่นี่มัน5ปีแล้วโว้ย มันอาจจะคิดได้แล้วมั้ง" พีคแย้งขึ้น"ถ้าพูดตามหลักความเป็นคนทั่วไป ถ้ากูเป็นมัน กูก็ไม่หายโกรธหายเกลียดนะ นั่นแม่งความรู้สึกคนทั้งคนเลยเว้ย ไหนจะโดนแก้แค้นทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีก" ภามมันพูดในแง่ของความรู้สึกซึ่งฉันก็คิดแบบภามนั่นแหละ"แล้วนี่จะอยู่ยังไง บ้านก็ติดกันแม่
"ไหนว่าทำงานพรุ่งนี้ นี่มึงแดกกะจะตื่นพรุ่งนี้เย็นๆ เลยเหรอแจง" เสียงของใครสักคนในกลุ่มเพื่อนของฉัน ทักท้วงกับการดื่มแอลกอฮอล์ของฉันในวันนี้ส่วนฉันจำไม่ได้หรอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน เพราะตอนนี้สมองฉันเริ่มจะทำงานช้าลงเรื่อยๆ"ฉลองล่วงหน้าให้กับผู้ชายที่กูโคตรรักไง มันกำลังจะกลับมาแล้วเห็นไหม ในที่สุดมันก็จะกลับมา หลังจากที่มันหนีกูไป 5 ปี ป่านนี้มีเมียไปแล้วมั้ง มันจะรู้ไหมว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกูก็โคตรเสียใจเหมือนกัน แต่มันคงไม่อยากรู้หรอก เพราะมันเกลียดกู มันบอกว่ามันโคตรเกลียดกู แต่กู... โคตรรักมัน กูรักมันพวกมึงได้ยินไหมว่ากูรักมัน กูโคตรรักมันฉิบหาย กูไม่สวยตรงไหนวะ ทำไมมันไม่รักกู กูไม่เข้าใจ..."แล้วฉันก็เริ่มโวยวาย เริ่มพร่ำเพ้อ พูดพล่ามถึงเรื่องที่กักเก็บไว้ในใจซึ่งฉันจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่เมามาก ๆ แต่ถ้าในวันที่สติดี ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางออกจากปากของอีแจงแสนสวยแน่นอน"ถ้ามึงเห็นมันตอนนี้ มึงอาจจะไม่รักมันแล้วก็ได้ มันไม่ใช่ไอ้ยิมแสนดีที่มึงเคยรู้จักแล้วแจง" แว่ว ๆ เสียงของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดขึ้นมาซึ่งฉันจับประโยคได้ประมาณเ
ฉันที่ยืนค้างเพราะความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอมันคือฉันรู้ว่ามันจะมา แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมาเร็วแบบนี้หรือฉันฟังเพื่อนไม่เข้าใจไอ้ควายยิมมันลุกจากโซฟา แล้วมันก็เดินมาหาฉัน ท่าทางการเดินของมันดูแบดบอยมาก แต่สายตาที่มันมองฉันดูเฉยชาความตกใจของฉันทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ทำตัวไม่ถูก หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุแล้ว ณ จุดนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากฉันกับมันไอ้ควายยิมมันเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน สองมือของมันเหน็บที่กระเป๋ากางเกง สายตาของมันมองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมันก็ค่อย ๆ เอนตัวเข้ามาใกล้ฉันมันทำเหมือนจะจูบฉันเลย ฉันไม่ได้มโนไปใช่ไหม ก็ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้าฉันถ้ามันจะจูบฉัน แสดงว่ามันไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่ไหมและที่สำคัญถ้ามันทำจริง ฉันใจง่าย ฉันยินยอม ยอมพลีกายเลยนะ ถึงแม้ร่างกายมันจะมีรอยสักมากมายแต่นิสัยมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้!"เหอะ! เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบเดิมมาจนถึงทุกวันนี้เนอะมึงอ่ะ ดูสภาพสิ"เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ เมื่อกี๊ฉันขอเปลี่ยนคำพูด ที่ว่าจะยอมมัน เพราะมันกำลังเบะปากมองฉันอย่างสมเพช"ได้ข่าวว่าเมาโดนเอาจนท้อง จำหน้าพ่อของลูกไม่ได้ เหอะ! น่
"ทำไมลุงคนนั้นน่ากลัวจังเลยคะ มองแม่แจงไม่ดีด้วย" เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวของฉันก็เริ่มพูดขึ้น"เขาใจดีค่ะ แต่เขาแค่ชอบทำหน้าดุ" เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย"จริงเหรอคะ คนหน้าดุใจดีจริงเหรอ ตอนที่เขาเดินเข้ามาในร้านตอนบ่ายแล้วถามยายอันจ๋าว่าจัสคือใคร พอยายอันจ๋าบอกว่าเป็นลูกแม่แจง เขาก็มองตาดุ ๆ ใส่จัส" ไอ้หมายิม ไอ้ห่ารากนี่"อ้อ ช่วงนี้ลุงเขาอารมณ์ไม่คงที่ค่ะลูก ลุงเขาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เขาปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน อารมณ์เขาเลยแปรปวน สติเขาไม่ค่อยดีหนูอย่าถือสาเลยนะคะ""โอเคค่ะ ลุงเขาสติไม่ดี น่าสงสารจัง จัสจะเข้าใจนะคะ ยายแจ๋มขาาาาา จัสมินมาแล้วค่า" ลูกสาวฉันยกมือชูนิ้วว่าเข้าใจ แล้วจากนั้นก็เดินตะโกนแหกปากเรียกยายแจ๋มนิสัยแหกปากนี่คงเลียนแบบฉันแน่ ๆ เห็นชัดขนาดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ฉันเดินขึ้นห้องหลังจากที่ลูกสาวเดินไปอยู่กับยายแจ๋มแม่ฉันเป็นที่เรียบร้อย(แจง: เมื่อคืนใครเก็บศพกูมาวะ)(ภาม: พวกกูไงจะใครล่ะ นึกว่าซ้อมตายเถอะ เกือบพาแวะวัดละ)(แจง: ใครแก้ผ้ากู)(พีค: กูมั้ง)(แจง: สัสพีค เอาความจริง)(แพท: แพทกับเค)(แจง: อ่อ เจ้าประจำ ขอบคุณน๊าาาาา)(เค: ชินละ เห็นบ่อย ๆ อีกหน่อยคง
"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆอย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่""แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ""ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ""เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง"
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะคะคุณลุง" จัสมินบอกกับไอ้หมายิมที่กำลังทำหน้าเป็นหมางงกับความอัธยาศัยดีของลูกสาวฉันฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้หมายิมมันยังมีเชื้อควายหลงเหลือ อย่าให้มันนึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่'ร้องไห้ทำไม' เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนมองฉันที่อยู่ในวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน'ชอบร้องไห้เหรอ ร้องไห้ไม่เห็นสวยเลย' เขานั่งลงตรงหน้าฉันแล้วมองตาแป๋ว'ไม่ชอบ แจงไม่ชอบ แจงอยากสวย' ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า พร้อมกับเอามือปาดเช็ดน้ำตา'ไม่ชอบก็เลิกร้องสิ แล้วก็ยิ้ม''เลิกไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ เพื่อนไม่เล่นด้วย''เพื่อนแกล้งเหรอ''อือ เพื่อนไม่เล่นด้วย เพื่อนบอกแจงสวยกว่า''อ่ะ อมยิ้ม กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะ เราชื่อยิม เป็นเพื่อนกันนะ' เขายื่นอมยิ้มให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ตราตรึงใจแล้ววันนั้นฉันก็แกะอมยิ้มกินทั้งน้ำตา พร้อมกับยิ้มให้เขาจากนั้นมาสายตาของฉันก็มองหาแต่เพื่อนที่ชื่อยิมมาตลอด และเพิ่งได้รู้ว่าแม่เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ตอนที่แม่ฉันย้ายมาอยู่ข้างบ้านของแม่ยิมตั้งแต่นั้นมาเราก็ใกล้กันมาตลอด ฉันตามยิมที่แสนใจดีไปเรียนทุกที่ ไม่ว่าวิชาที่ยิมเลือกจะถูกใจฉัน
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วยมาทำส้นอะไรวะ?"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟังยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะแต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัวถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูกจัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยา
"กูไม่ตลกนะยิม" ฉันจ้องหน้ามัน"หน้ากูตลกไหมแจง" มันขยับเข้าประชิดใกล้ฉันมากขึ้น"! ""อยากประเจิดประเจ้อตรงนี้ไหมล่ะ" ไอ้หมายิมมันพูดขู่"มึงต้องการอะไรยิม กูว่ากูพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ต้องรู้จักกันไงวะ" ฉันจ้องเขม็งไม่ไหวละ ฉันชักจะไม่เข้าใจมันขึ้นทุกวันในเมื่อบอกไม่ให้ยุ่ง ไม่เป็นเพื่อน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำซากอะไร"ยิม ยิมใช่ไหม" เสียงหวาน ๆ ที่เอ่ยเรียกชื่อไอ้หมายิม เจ้าของเสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันกับไอ้บ้านี่แตกหักกัน"อ้าว แจง... นึกว่าเลิกคบกันเป็น...เพื่อน แล้วนะ ที่มาด้วยกันที่นี่อย่าบอกนะว่ายิมให้อภัยแจงแล้ว หึ! อย่างว่าอ่ะเนอะ แจงมันคงตื๊อไม่เลิก มาถึงนี่อย่าบอกนะว่ามาประชุมงานโรงเรียน ได้ข่าวว่าท้อง ไม่มีพ่อให้ลูกเหรอแจง หึ สมน้ำหน้า มั่วไปเรื่อยก็แบบนี้แหละน๊า" เธอว่าแขวะฉันพร้อมยิ้มเยาะเย้ย ซึ่งฉันไม่เถียงกลับเพราะที่นี่มันสถานที่ศึกษา ทำอะไรย่อมต้องให้เกียรติสถานที่ไหนจะลูกที่เรียนอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้ลูกโดนล้อมากไปกว่านี้"ยิม... ทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เอคิดถึงยิมนะ คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของเรา ยิมสบายดีใช่ไหม"เอ ผู้
"ลุงยิมให้จัสเรียกพ่อที่โรงเรียนได้ใช่ไหมคะ" จัสมินถามไอ้หมายิมที่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นคนขับรถ"อืม" มันส่งเสียงในลำคอแล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร เหมือนกับฉันที่ไม่คิดจะหันไปสนใจมันเช่นกัน"พ่อยิม หืมมมม ลองเรียกดู อายจังเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาจัสยังไม่เคยเรียกใครว่าพ่อเลย ขอบคุณนะคะที่ไปด้วย ยายแจ๋มบอกว่าลุงยิมใจดี น่ารัก"ฉันสตั๊นตั้งแต่ที่จัสมินเรียกไอ้หมายิมว่าพ่อแล้ว คำที่จัสมินเรียกทำเอาหัวใจของฉันชาวูบวาบ"ลุงว่างน่ะ" ไอ้หมายิมมันว่าแล้วยื่นมือมาลูบที่ศีรษะของจัสมินซึ่งนั่งอยู่บนตักฉันฉันเหลือบมองมันเมื่อมันพูดประโยคนี้ ดวงตาของมันที่มองจัสมินฉายแววอ่อนโยน เหมือนยิมที่ฉันเคยรู้จักตอนนี้มันคงกำลังนึกสงสารจัสมินสินะ"เดี๋ยวจัสไปช่วยยายอันขายทองตอบแทนนะคะ ยายอันบอกว่าจัสเรียกลูกค้าดี" ลูกสาวฉันหันไปฉีกยิ้มกว้างตามสไตล์ให้ไอ้หมายิม ส่วนไอ้หมายิมมันก็เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะหันไปมองทาง'ถึงโรงเรียนให้จัสเรียกพ่อได้ไหมยิม แม่โม้ไว้เยอะ" ยายแจ๋มกระซิบไอ้หมายิม ซึ่งฉันน่ะได้ยิน แล้วที่เรียกแม่ ก็เพราะครอบครัวเราสนิทกันมากไงล่ะ'สบายมากครับ' มันสร้างภาพด้วยการฉีกยิ้มอ่อนโ
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วยมาทำส้นอะไรวะ?"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟังยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะแต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัวถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูกจัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยา
"กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะคะคุณลุง" จัสมินบอกกับไอ้หมายิมที่กำลังทำหน้าเป็นหมางงกับความอัธยาศัยดีของลูกสาวฉันฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้หมายิมมันยังมีเชื้อควายหลงเหลือ อย่าให้มันนึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่'ร้องไห้ทำไม' เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนมองฉันที่อยู่ในวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน'ชอบร้องไห้เหรอ ร้องไห้ไม่เห็นสวยเลย' เขานั่งลงตรงหน้าฉันแล้วมองตาแป๋ว'ไม่ชอบ แจงไม่ชอบ แจงอยากสวย' ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า พร้อมกับเอามือปาดเช็ดน้ำตา'ไม่ชอบก็เลิกร้องสิ แล้วก็ยิ้ม''เลิกไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ เพื่อนไม่เล่นด้วย''เพื่อนแกล้งเหรอ''อือ เพื่อนไม่เล่นด้วย เพื่อนบอกแจงสวยกว่า''อ่ะ อมยิ้ม กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะ เราชื่อยิม เป็นเพื่อนกันนะ' เขายื่นอมยิ้มให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ตราตรึงใจแล้ววันนั้นฉันก็แกะอมยิ้มกินทั้งน้ำตา พร้อมกับยิ้มให้เขาจากนั้นมาสายตาของฉันก็มองหาแต่เพื่อนที่ชื่อยิมมาตลอด และเพิ่งได้รู้ว่าแม่เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ตอนที่แม่ฉันย้ายมาอยู่ข้างบ้านของแม่ยิมตั้งแต่นั้นมาเราก็ใกล้กันมาตลอด ฉันตามยิมที่แสนใจดีไปเรียนทุกที่ ไม่ว่าวิชาที่ยิมเลือกจะถูกใจฉัน
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆอย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่""แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ""ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ""เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง"
"ทำไมลุงคนนั้นน่ากลัวจังเลยคะ มองแม่แจงไม่ดีด้วย" เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวของฉันก็เริ่มพูดขึ้น"เขาใจดีค่ะ แต่เขาแค่ชอบทำหน้าดุ" เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย"จริงเหรอคะ คนหน้าดุใจดีจริงเหรอ ตอนที่เขาเดินเข้ามาในร้านตอนบ่ายแล้วถามยายอันจ๋าว่าจัสคือใคร พอยายอันจ๋าบอกว่าเป็นลูกแม่แจง เขาก็มองตาดุ ๆ ใส่จัส" ไอ้หมายิม ไอ้ห่ารากนี่"อ้อ ช่วงนี้ลุงเขาอารมณ์ไม่คงที่ค่ะลูก ลุงเขาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เขาปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน อารมณ์เขาเลยแปรปวน สติเขาไม่ค่อยดีหนูอย่าถือสาเลยนะคะ""โอเคค่ะ ลุงเขาสติไม่ดี น่าสงสารจัง จัสจะเข้าใจนะคะ ยายแจ๋มขาาาาา จัสมินมาแล้วค่า" ลูกสาวฉันยกมือชูนิ้วว่าเข้าใจ แล้วจากนั้นก็เดินตะโกนแหกปากเรียกยายแจ๋มนิสัยแหกปากนี่คงเลียนแบบฉันแน่ ๆ เห็นชัดขนาดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ฉันเดินขึ้นห้องหลังจากที่ลูกสาวเดินไปอยู่กับยายแจ๋มแม่ฉันเป็นที่เรียบร้อย(แจง: เมื่อคืนใครเก็บศพกูมาวะ)(ภาม: พวกกูไงจะใครล่ะ นึกว่าซ้อมตายเถอะ เกือบพาแวะวัดละ)(แจง: ใครแก้ผ้ากู)(พีค: กูมั้ง)(แจง: สัสพีค เอาความจริง)(แพท: แพทกับเค)(แจง: อ่อ เจ้าประจำ ขอบคุณน๊าาาาา)(เค: ชินละ เห็นบ่อย ๆ อีกหน่อยคง
ฉันที่ยืนค้างเพราะความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอมันคือฉันรู้ว่ามันจะมา แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมาเร็วแบบนี้หรือฉันฟังเพื่อนไม่เข้าใจไอ้ควายยิมมันลุกจากโซฟา แล้วมันก็เดินมาหาฉัน ท่าทางการเดินของมันดูแบดบอยมาก แต่สายตาที่มันมองฉันดูเฉยชาความตกใจของฉันทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ทำตัวไม่ถูก หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุแล้ว ณ จุดนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากฉันกับมันไอ้ควายยิมมันเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน สองมือของมันเหน็บที่กระเป๋ากางเกง สายตาของมันมองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมันก็ค่อย ๆ เอนตัวเข้ามาใกล้ฉันมันทำเหมือนจะจูบฉันเลย ฉันไม่ได้มโนไปใช่ไหม ก็ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้าฉันถ้ามันจะจูบฉัน แสดงว่ามันไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่ไหมและที่สำคัญถ้ามันทำจริง ฉันใจง่าย ฉันยินยอม ยอมพลีกายเลยนะ ถึงแม้ร่างกายมันจะมีรอยสักมากมายแต่นิสัยมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้!"เหอะ! เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบเดิมมาจนถึงทุกวันนี้เนอะมึงอ่ะ ดูสภาพสิ"เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ เมื่อกี๊ฉันขอเปลี่ยนคำพูด ที่ว่าจะยอมมัน เพราะมันกำลังเบะปากมองฉันอย่างสมเพช"ได้ข่าวว่าเมาโดนเอาจนท้อง จำหน้าพ่อของลูกไม่ได้ เหอะ! น่
"ไหนว่าทำงานพรุ่งนี้ นี่มึงแดกกะจะตื่นพรุ่งนี้เย็นๆ เลยเหรอแจง" เสียงของใครสักคนในกลุ่มเพื่อนของฉัน ทักท้วงกับการดื่มแอลกอฮอล์ของฉันในวันนี้ส่วนฉันจำไม่ได้หรอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน เพราะตอนนี้สมองฉันเริ่มจะทำงานช้าลงเรื่อยๆ"ฉลองล่วงหน้าให้กับผู้ชายที่กูโคตรรักไง มันกำลังจะกลับมาแล้วเห็นไหม ในที่สุดมันก็จะกลับมา หลังจากที่มันหนีกูไป 5 ปี ป่านนี้มีเมียไปแล้วมั้ง มันจะรู้ไหมว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกูก็โคตรเสียใจเหมือนกัน แต่มันคงไม่อยากรู้หรอก เพราะมันเกลียดกู มันบอกว่ามันโคตรเกลียดกู แต่กู... โคตรรักมัน กูรักมันพวกมึงได้ยินไหมว่ากูรักมัน กูโคตรรักมันฉิบหาย กูไม่สวยตรงไหนวะ ทำไมมันไม่รักกู กูไม่เข้าใจ..."แล้วฉันก็เริ่มโวยวาย เริ่มพร่ำเพ้อ พูดพล่ามถึงเรื่องที่กักเก็บไว้ในใจซึ่งฉันจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่เมามาก ๆ แต่ถ้าในวันที่สติดี ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางออกจากปากของอีแจงแสนสวยแน่นอน"ถ้ามึงเห็นมันตอนนี้ มึงอาจจะไม่รักมันแล้วก็ได้ มันไม่ใช่ไอ้ยิมแสนดีที่มึงเคยรู้จักแล้วแจง" แว่ว ๆ เสียงของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดขึ้นมาซึ่งฉันจับประโยคได้ประมาณเ