"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ
"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วย
มาทำส้นอะไรวะ?
"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟัง
ยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ
'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'
นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่าง
แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะ
แต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว
"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัว
ถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...
'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'
คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ
"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูก
จัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยายแจ๋มเล่นอีกแล้ว
"ใช่เรื่องจะสอนลูกไหม จะพูดอะไรหัดคิดซะบ้าง มันทำให้หลานฉันดูเป็นเด็กไม่น่ารัก" ยายแจ๋มวางถ้วยโจ๊กให้ไอ้หมายิม แล้วรีบเดินเข้ามาจีบปากจีบคอกระซิบกระซาบใส่ฉันอย่างจริงจัง
พรเช้านี้ช่างสดใส อรุณเบิกฟ้าสว่างเจิดจ้า
เรื่องสอนจัสมินแบบผิด ๆ นี่ไม่ได้เลยนะ เพราะแม่ฉันมีหลานคนเดียว ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วง ต่างจากวันที่รู้ว่าฉันท้องจริง ๆ
คิดแล้วก็หมั่นไส้ไอ้หมายิม
มานั่งแสล๋นทำสากกะเบืออะไรตรงนี้ก็ไม่รู้
"แล้วใช่เรื่องที่แม่จะรบกวนคนอื่นมาเป็นพ่อให้จัสไหม" ฉันย้อนยายแจ๋มทันที
คิดได้ยังไงไปพึ่งพาไอ้ห่านี่ ดูหน้ามันก็รู้ว่าแม่ฉันไปขอร้องแม่มัน แม่มันเลยบังคับมันมา
"แล้วแกมีพ่อให้ลูกหรือไง ไม่กลัวลูกอายเพื่อนเหรอ"
"แล้วแม่ไม่บอกแจงล่ะ แจงจะได้ให้เพื่อนแจงไปด้วย" ฉันถกเถียง
"แล้วยิมไม่ใช่เพื่อนแกหรือไง" ยายแจ๋มแย้ง ทำเอาฉันจอดสนิท อย่างที่บอก ครอบครัวฉันและมันไม่มีใครรู้เรื่องเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงในครั้งนั้น
"แต่มันเพิ่งกลับมาไง จัสมินสนิทใจกับพวกไอ้พีคไอ้นายไอ้ภามไอ้เคมากกว่าอีก วานพวกนั้นยังเบาใจกว่า"
"แต่ผู้ปกครองในห้องเรียนเข้าใจว่าพ่อหลานฉันไปเมืองนอกเพิ่งกลับ เพราะฉะนั้นยิมเหมาะสุด"
หัวใจฉันกระตุกกึก กับคำพูดของยายแจ๋ม
"อย่าบอกว่าไปโม้ไว้นะ หลัง ๆ เห็นนั่งจิ้มไลน์แล้วยิ้มแป้นคือไปโม้ใช่ไหม" เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องไอ้หมายิมเป็นพ่อจัสมินไม่มีใครรู้
ฉันจึงนึกออกทันทีว่ายายแจ๋มอาจจะไปโม้ เพื่อไม่ให้หลานสาวอับอาย
ต้องบอกก่อนว่าโรงเรียนจัสมินไกลจากบ้าน และคนที่ตะบี้ตะบันให้จัสมินไปเรียนที่นั่นก็คือยายแจ๋มนั่นแหละ
"ก็ใช่น่ะสิ ก็อีพวกผู้ปกครองทั้งหลายแหล่ก็พากันแห่อวดพ่อของลูก แล้วทำมาเป็นแซะหลานฉัน ฉันก็เลยมือลั่นไปหน่อย แต่จะให้พวกเพื่อนแกไปก็หน้าซ้ำแล้ว เพราะงั้นยิมเหมาะสุด" ดูสิ ดูยายแจ๋มเขาสิ ยิ่งกว่าวัยรุ่นใจร้อนซะอีก
"ต่อไปควรเลิกเล่นไลน์ห้องเรียนหลานนะ ใจร้อนอะไรขนาดนั้น ความจริงก็คือความจริงสิแม่ ใช่ว่าจัสไม่มีพ่อแล้วจัสจะเป็นคนดีไม่ได้"
คือตอนนี้จัสมินไปนั่งจ้องแล้วยิ้มให้ไอ้หมายิมที่นั่งเขมือบโจ๊กอยู่บนโต๊ะแล้วนะ ฉันกับแม่เลยคุยกันได้ แต่ไม่ดังมากนักหรอก
"ฉันรู้ แกอย่ามาสอนฉัน ฉันเป็นแม่แกนะ ฉันก็แค่หมั่นไส้อีพวกผู้ปกครองปากส้นตีนเฉย ๆ ยังไงยิมก็มาแล้ว จัสมินก็โอเคกับยิม แกจะเรื่องมากทำไม เดี๋ยวหลานฉันน้อยหน้าพวกนั้นอีก ฉันไม่ยอมหรอกนะ" แล้วยายแจ๋มก็เตะเข้าประตูตัวเอง
"จ้ะ" ฉันว่าและมองบนใส่ ก่อนจะเดินไปหากาแฟดื่ม
"นี่ ๆ เดี๋ยวแกถึงโรงเรียนแล้วถ่ายรูปส่งมาให้ฉันด้วยนะ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนฉันเพิ่งถ่ายรูปจัสมินกับยิมลงกรุ๊ปไลน์ไปอวด เดี๋ยวพอถึงโรงเรียนก็ถ่ายมาเยอะ ๆ ฉันจะอวดพวกมัน" ยายแจ๋มตะโกนตามหลังฉันมา
"น่าอวดตรงไหนวะ" ฉันได้แต่พึมพำและส่ายหัวอย่างเอือมยายแจ๋มแม่ตัวเอง
"ลุงยิมให้จัสเรียกพ่อที่โรงเรียนได้ใช่ไหมคะ" จัสมินถามไอ้หมายิมที่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นคนขับรถ"อืม" มันส่งเสียงในลำคอแล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร เหมือนกับฉันที่ไม่คิดจะหันไปสนใจมันเช่นกัน"พ่อยิม หืมมมม ลองเรียกดู อายจังเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาจัสยังไม่เคยเรียกใครว่าพ่อเลย ขอบคุณนะคะที่ไปด้วย ยายแจ๋มบอกว่าลุงยิมใจดี น่ารัก"ฉันสตั๊นตั้งแต่ที่จัสมินเรียกไอ้หมายิมว่าพ่อแล้ว คำที่จัสมินเรียกทำเอาหัวใจของฉันชาวูบวาบ"ลุงว่างน่ะ" ไอ้หมายิมมันว่าแล้วยื่นมือมาลูบที่ศีรษะของจัสมินซึ่งนั่งอยู่บนตักฉันฉันเหลือบมองมันเมื่อมันพูดประโยคนี้ ดวงตาของมันที่มองจัสมินฉายแววอ่อนโยน เหมือนยิมที่ฉันเคยรู้จักตอนนี้มันคงกำลังนึกสงสารจัสมินสินะ"เดี๋ยวจัสไปช่วยยายอันขายทองตอบแทนนะคะ ยายอันบอกว่าจัสเรียกลูกค้าดี" ลูกสาวฉันหันไปฉีกยิ้มกว้างตามสไตล์ให้ไอ้หมายิม ส่วนไอ้หมายิมมันก็เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะหันไปมองทาง'ถึงโรงเรียนให้จัสเรียกพ่อได้ไหมยิม แม่โม้ไว้เยอะ" ยายแจ๋มกระซิบไอ้หมายิม ซึ่งฉันน่ะได้ยิน แล้วที่เรียกแม่ ก็เพราะครอบครัวเราสนิทกันมากไงล่ะ'สบายมากครับ' มันสร้างภาพด้วยการฉีกยิ้มอ่อนโ
"กูไม่ตลกนะยิม" ฉันจ้องหน้ามัน"หน้ากูตลกไหมแจง" มันขยับเข้าประชิดใกล้ฉันมากขึ้น"! ""อยากประเจิดประเจ้อตรงนี้ไหมล่ะ" ไอ้หมายิมมันพูดขู่"มึงต้องการอะไรยิม กูว่ากูพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ต้องรู้จักกันไงวะ" ฉันจ้องเขม็งไม่ไหวละ ฉันชักจะไม่เข้าใจมันขึ้นทุกวันในเมื่อบอกไม่ให้ยุ่ง ไม่เป็นเพื่อน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำซากอะไร"ยิม ยิมใช่ไหม" เสียงหวาน ๆ ที่เอ่ยเรียกชื่อไอ้หมายิม เจ้าของเสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันกับไอ้บ้านี่แตกหักกัน"อ้าว แจง... นึกว่าเลิกคบกันเป็น...เพื่อน แล้วนะ ที่มาด้วยกันที่นี่อย่าบอกนะว่ายิมให้อภัยแจงแล้ว หึ! อย่างว่าอ่ะเนอะ แจงมันคงตื๊อไม่เลิก มาถึงนี่อย่าบอกนะว่ามาประชุมงานโรงเรียน ได้ข่าวว่าท้อง ไม่มีพ่อให้ลูกเหรอแจง หึ สมน้ำหน้า มั่วไปเรื่อยก็แบบนี้แหละน๊า" เธอว่าแขวะฉันพร้อมยิ้มเยาะเย้ย ซึ่งฉันไม่เถียงกลับเพราะที่นี่มันสถานที่ศึกษา ทำอะไรย่อมต้องให้เกียรติสถานที่ไหนจะลูกที่เรียนอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้ลูกโดนล้อมากไปกว่านี้"ยิม... ทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เอคิดถึงยิมนะ คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของเรา ยิมสบายดีใช่ไหม"เอ ผู้
"ทำไมนั่งคนเดียวอ่ะ คนอื่นไปไหน" ฉันนั่งลงตรงข้ามกับแพท น้องสาวของพีค"มีแค่เราน่ะพี่แจง" แพทตอบและนั่งหน้าเครียด"จริงจังใช่ไหม" เรียกพี่แจงแสดงว่าเธอมีเรื่องปรึกษา และคงไม่พ้นเรื่องพี่ชายของเธอ ซึ่งในกลุ่มก็มีแค่ฉันกับแพทที่เป็นผู้หญิง ส่วนเมียของไอ้นายไม่ค่อยสุงสิงกับกลุ่มฉันอยู่แล้วจึงไม่ค่อยสนิทกันส่วนไอ้ภามมันก็รักร่วมเพศ ทั้งกลุ่มที่แพทจะสามารถปรึกษาเวลามีปัญหาจึงมีแค่ฉันแพทมักนัดฉันมาแล้วปรึกษาเรื่องของไอ้พีคอยู่บ่อยครั้ง จะเรียกว่าปรึกษาคงจะไม่ถูกไปทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่ฉันรับฟังเธอซะมากกว่า"แม่บังคับให้พีคมันหมั้น" แพทเริ่มเล่า"ไอ้พีคปฏิเสธเหมือนทุกครั้งใช่ไหม" ฉันตั้งตารอคำตอบ"ไม่ ครั้งนี้แพทรู้เพราะแม่เล่าให้ฟัง แม่บอกว่าพีคตกลงหมั้นกับทางนั้น" แพทตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา น้ำตาของเธอกำลังเริ่มเอ่อคลอ"พีคมันไม่พูดให้แพทฟังเลยอ่ะแจง มันเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ทุกครั้งมันเป็นคนเล่าเองตลอด แพทต้องทำยังไง แพทเบื่อความสัมพันธ์แบบนี้เต็มทนแล้วนะ แพทควรมีคนอื่น หรือควรไปอยู่ที่อื่นดี แพทไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากคุยกับมัน" แล้วแพทก็เริ่มร้องไห้ พลางยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้
"ขอบใจมากนะแจงที่เมาเป็นเพื่อนแพท" แพทบอกขณะที่เรานั่งอยู่ร้านโจ๊กริมทางยามเช้าตรู่ เมื่อคืนเราสองคนเปิดห้องดื่มจนสลบ รู้สึกตัวก็ตอนเช้ามืด จึงชวนกันออกมากินโจ๊กก่อนกลับก็อยากจะตื่นสาย ๆ อยู่หรอก แต่เป็นห่วงจัสมินกับเกรงว่ายายแจ๋มจะด่า"ไม่เป็นไรหรอกน่า เพื่อนกันทั้งนั้น" ฉันยิ้มให้แพทที่ตอนนี้พยายามฝืนยิ้ม"ไม่อยากเข้าบ้านเลยอ่ะ ขอไปหาจัสด้วยนะ""ได้ ๆ เดี๋ยวก็ขับตามกันไปนั่นแหละ แต่ป่านนี้ไอ้พีคคงโวยวายในกลุ่มแล้วมั้ง แจงปิดเครื่องไว้ด้วย" ฉันเอ่ยคาดเดา เพราะคนอย่างไอ้พีคมันหวงแพทยิ่งกว่าอะไร และนี่แทบเป็นครั้งแรกที่แพทค้างข้างนอกโดยไม่บอกมัน"แพทก็ปิดตั้งแต่โทรชวนแจงเสร็จ""เลิศ กิน ๆ จะได้โล่ง ๆ " จากนั้นฉันก็นั่งก้มหน้าก้มตากินโจ๊กกับแพทแชะ แชะ!เสียงแฟลชดัง มันทำให้ฉันหันไปมอง"โทษที พอดีเก็บหลักฐานว่าเราเจอกันครั้งที่สองแล้ว เหลืออีกแค่ครั้งเดียวนะครับแจง" ผู้ชายตาตี่หน้าตี๋ที่นั่งโต๊ะข้างฉันหันมายิ้มโชว์เหล็กดัดฟัน"เป็นใครคะ" ฉันถามกลับเมื่อมั่นใจว่าเขาคุยกับฉัน"หึ ก็คนที่ผับที่คุณเพิ่ง...""อ้อ! คิดออกแล้วคิดออกแล้ว ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ งั้นเอาไว้ถ้าอีกครั้งค่อยว่ากันนะคะ" เ
"แม่แจงงงงง" พอเดินเข้าบ้านลูกสาวฉันก็ตะโกนเรียกทันที"ว่าไงคะคนสวยของแม่" ฉันเดินเข้าไปหาจัสมินแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ"ไปไหนมาคะ" เอิ่ม ควรตอบลูกว่าอะไรดีล่ะ ทุกทีลูกก็ไม่ถามนะ"ไปอยู่เป็นเพื่อนครูแพทไงคะ" แพทเดินเข้ามาแล้วเป็นคนตอบคำถามของจัสมิน"ครูแพทไม่สบายเหรอคะ" จัสมินหันมองแพท ก่อนจะออกจากอ้อมกอดฉันแล้วเดินไปให้แพทอุ้ม"ใช่ค่ะ ครูแพทไม่สบายใจนิดหน่อย แม่แจงเลยไปอยู่เป็นเพื่อน จัสมินรู้แล้วห้ามบอกใครนะคะ""ความลับใช่ไหมคะ" ลูกสาวฉันทำท่าชอบใจเมื่อพูดถึงคำว่าความลับ"ใช่ค่ะ""ครูแพทมีความลับเหมือนลุงยิมเลยค่ะ ลุงยิมก็บอกว่าห้ามบอกใคร" เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะไอ้หมายิมมันเกี่ยวอะไรวะ"ลุงยิมมีความลับอะไรคะลูก" อยากรู้ขึ้นมาทันทีเลยฉัน"บอกไม่ได้ค่ะ สัญญาต้องเป็นสัญญา จัสไปบ้านลุงยิมนะคะ วันนี้จะไปช่วยยายอันขายทอง ตอบแทนที่ลุงยิมให้เรียกพ่อ" จัสมินบอก แล้วจากนั้นก็วิ่งออกทางประตูหลังบ้าน พร้อมเสียงตะโกนแว่ว ๆ ว่า 'จัสมาแล้วค่า'เหมือนฉันจริง ๆ ลูกคงเอาตามอย่างฉันแน่นอน เฮ้อ..."ไปนอนบนห้องไหมแพท" ฉันหันหน้ามาถามแพท ซึ่งหน้าตาดูอิดโรยมาก ๆ"แจงนอนกับแพทไหม""นอนดิ แม่เห็นว่ากลับบ้าน
"ถามเหมือนมึงไร้เดียงสา" มันโยนเสื้อทิ้งลงพื้น ในขณะที่กางเกงมันหลุดร่วงไปก่อนหน้านี้แล้ว"ยิม กูไม่เล่นกับมึงนะ" ฉันหายใจเข้าออกติด ๆ ขัด ๆ เมื่อมันทำหน้าจริงจังเอามาก ๆ"หน้ากูเหมือนเล่นเหรอแจง เรื่องแบบนี้ใครเขาเล่นกัน" มันเดินมาชิดปลายเตียง สัญชาตญาณของฉันบอกให้ถอยหนีฉันเขยิบถอยหลัง คือรู้ว่าไม่มีประโยชน์แต่ก็ถอยไว้ก่อน"กรี๊ดดดดด ไอ้ยิมมมมม" ฉันแหกปากดังลั่นเมื่อมันลากขาฉันเข้าหามันแล้วมันก็เอาตัวมาทาบทับฉัน พร้อมกับใช้มือรวบแขนฉันทั้งสองข้างแล้วดันไว้เหนือศีรษะ"แหกปากทำเหี้ยอะไรครับ" มันจูบฉันไอ้เหี้ยยิมมันแตะจูบที่ปากฉัน"มึงจะทำอะไรกู ปล่อยกูเลยนะ กูไม่เล่นแบบนี้" ฉันทำหน้าจริงจัง"บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปากดีกับกู" มันว่าแล้วก็ก้มลงมาจูบปากฉันอีกรอบ"เล่นบ้าอะไรเนี่ย อื้อ..." มันประกบปากแล้วสอดลิ้นเข้ามาในจังหวะที่ฉันร้องถาม มันยัดเยียดจูบจนหนำใจแล้วมันก็เลื่อนใบหน้ามาซุกไซ้ที่ต้นคอ"อย่า" ฉันเอ่ยปรามขณะที่มันกำลังจะเกี่ยวกางเกงฉันลง"ยิมกูบอกว่าอย่าไง มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มึงเกลียดกูไม่ใช่เหรอ เกลียดกูมึงจะมาเอากูทำไม กูมั่ว กูร่านแค่ไหนมึงก็รู้" ฉันเริ่มสาธยายหาทางรอด เมื่อก
"ไม่แดกล่ะ" มันมองอาหารตรงหน้าฉันแล้วก็เลิกคิ้วรอคำตอบ"ไม่อยากกิน" ฉันตอบแล้วนั่นเอามือท้าวคาง'เวลากูถามต้องตอบ โทรหาต้องรีบรับ ไลน์ต้องรีบอ่าน สั่งอะไรต้องรีบทำ อย่าอิดออดเพราะความอดทนกูน้อย พอความอดทนกูน้อยมือกูชอบเป็นโรคชักกระตุก อาจจะกระตุกกดส่งคลิปว่อนเน็ตได้นะ'มันขู่ฉันระหว่างที่บังคับให้ฉันใส่เสื้อตัวใหญ่ ๆ ของมัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเสื้อผ้าฉันมันแรด"มึงว่ามึงควรกินไหม" มันเอาตะเกียบเคาะกับถ้วยก๋วยเตี๋ยว"เฮ้อ..." แล้วฉันก็ต้องกิน เมื่อมันบังคับซึ่ง ๆ หน้า"ข้าวไม่รู้จักแดก ตัวแทบจะเหลือแต่กระดูก แดกแม่งแต่เหล้าเดี๋ยวก็ตายก่อนลูกมึงโต" พอข้าวเริ่มเข้าปากฉัน ไอ้หมายิมมันก็เริ่มบ่น"บ่นอย่างกับผัว""ก็ผัวมึงนั่นแหละ เตรียมตัวไว้เลย""เตรียมตัวไร""เสือก มีหน้าที่แดกก็แดกเข้าไป" ดูมันตอกกลับฉันสิ ปากมันนี่น่าจะ... หึ๋ย"ไอ้หมาบ้า" ฉันมองค้อนมันแล้วพูดเบา ๆแล้วฉันก็นั่งกินเงียบ ๆ ไม่ถกไม่เถียง เดี๋ยวไอ้หมายิมมันจะเป็นโรคชักกระตุกครืด ครืด ครืด..."ใคร" มันถามขึ้นขณะที่ฉันยังล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงไม่ได้เลย"จะรู้ไหม กำลังจะดูเนี่ย" ฉันบอกพร้อมกับหยิบขึ้นมาดูคนที่โทรเข้ามา
แล้วฉันก็ฟื้นขึ้นมาจากความเมา พร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและสิ่งที่ปลุกฉันให้ตื่นไม่ใช่อะไรหรอก"โอ๊ยยยย เหี้ยอะไรเนี่ย" ฉันดึงหัวผู้ชายขึ้นจากหน้าอกของตัวเอง เพราะมันงับที่จุกฉันอยู่ แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จากลวดลายรอยสักมันทำให้ฉันจำได้ทันที"อย่าโวยวายดิ๊ แดกนิดแดกหน่อยจะเป็นไรไป ทีเมื่อคืนมึงแดกกูทั้งคืนกูยังยอม" มันว่าก่อนจะก้มหน้าลงไปงับที่หัวนมฉัน"เดี๋ยวนะ กูแดกอะไรมึง" ฉันดึงหัวมันขึ้นมาอีกรอบ"ทั้งตัวกูมึงอยากแดกอะไรล่ะ เมื่อคืนยังบอก ยิม ยิมจ๋าไหนดูซิตรงไหนน่ากินน๊า แจงจะกินทั้งตัวเลย แจงรักยิมน๊า" ไอ้ยิมมันพูดพร้อมทำหน้าทำตาล้อเลียนฉัน"ไม่ เป็นไปไม่ได้ กูไม่มีทางพูดอะไรเลี่ยน ๆ แบบนั้นกับคนอย่างมึงแน่นอน กูมั่นใจ""มั่นใจอะไร คนเมาอย่างมึงจะไปจำอะไรได้" มันย้อนแล้วก้มลงมาจูบปากฉัน"เออ เมื่อคืนกูเมา แล้วกูมานอนห้องมึงได้ไง กูมาได้ไงวะ" ฉันผลักมันออกแล้วลุกขึ้นนั่งครุ่นคิดย้อนความจำ ย้อนคิด แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ฉันลืมทุกอย่างงงงง โอ๊ยยยยย ทำไมเมาแล้วทิ้งตัวแบบนี้วะ"ขอนอนด้วยหน่อยยิม กูรักมึงนะ กูรักมึงนะ มึงเย_ดุถูกใจกูมาก มึงมาเคาะประตูห้องกูแล้วพู
“มากันแล้ว มา ๆ ลูกเข้าบ้านเร็ว” แม่ของผมกวักมือเรียกผมและภามเพื่อเข้าบ้านหลังจากที่เมื่อคืนผมโดนจัดชุดใหญ่ เพราะไม่ไว้ใจเก็บเรื่องไร้สาระของภามไปฝันเป็นตุเป็นตะ พอตื่นมาก็งี่เง่าเง้างอนนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมาบ้านแล้วโดนกระหน่ำแทงเช้ามาภามมันเลยลากผมมาทานข้าวเช้าที่บ้านของผม เนื่องจากเมื่อคืนมันบังคับให้ผมโทรนัดครอบครัวซึ่งตลอดการเดินทางมาที่บ้านแม่ของผมนั้น ผมเกร็งมากครับ เกร็งกลัวไปหมด กลัวครอบครัวจะรับเรื่องของผมกับภามไม่ได้กลัวพวกท่านจะกีดกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่นอน“พ่อแม่สวัสดีครับ” ภามยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่ของผม ซึ่งพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร ส่วนแม่ท่านเพิ่งจะเดินไปนั่งที่ข้างกายพ่อ“นั่ง ๆ ภาม แล้วนี่นึกอะไรถึงพากันมาแต่เช้า” พ่อยิ้มรับและชวนให้นั่ง ต้องขยายความก่อนนะครับว่าภามมาที่บ้านของผมบ่อย มาในฐานะเพื่อนในความเข้าใจของครอบครัวผม“มีเรื่องจะพูดคุยกับพ่อแม่ครับ” ภามเป็นคนตอบ ส่วนผมยังยืนเกร็งเพราะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดในเวลาอีกไม่นานที่จะถึง“ดูท่าจะซีเรียส งั้นกินข้าวกันก่อนค่อยคุยกันนะ นั่งทานลงทานข้าวสิเค” แม่ของผมบอกแล้วยิ้ม ผมจึงนั่ง
“เค เค เคด่วย ไอ้เค!!!” เสียงแว่วมาของไอ้ภามมันเอ่ยเรียกผมพร้อมกับแรงเขย่าแรง ๆ“ไอ้ภาม!!!” ผมเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ“เป็นบ้าอะไรของมึง เห็นกูทำไมต้องตกใจ มึงมีความผิดอะไร พูดมา” ไอ้ภามมันเดินมาที่โซฟาที่ผมนอนอยู่และนั่งลงข้างผมก่อนจะยื่นมือมาดึงจับที่ตัวผม“อย่ามาจับกู ไอ้เหี้ย มึงมันเลว ใจร้าย ทำร้ายจิตใจกู ที่ทำทุกอย่างก็แค่สงสารกู มึงไม่เคยรักกูเลย” ผมขยับตัวหนีออกจากมันปัก!ไอ้ภามมันตบที่หัวของผม“ไอ้เค รอบนี้อะไรพูดมา กูงอนเรื่องที่บ้านของมึง มึงถึงขั้นเก็บเอาไปฝันคิดว่ากูนอกใจใช่ไหม มึงถึงได้นอนร้องไห้อยู่แบบนี้”เวรแล้วครับ“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเพราะกูฝันเป็นตุเป็นตะ” ผมมองไอ้ภามแล้วทำหน้าอึ้งรอครับ เพราะรู้สึกเหมือนจะรู้คำตอบแล้ว“เออดิ กูเนี่ยนะจะนอกใจมึง ไอ้เหี้ย เรื่องนี้นี่คิดไม่เลิกสักทีเนอะ แล้วนี่ยังไง”“ยังไงอะไรภาม” เมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างคือความฝันที่ผมสรรค์สร้างมันขึ้นมา ผมก็รีบขยับตัวนอนหนุนที่ตักของคนที่ผมเรียกว่าแฟน รีบเตรียมแผนอ้อนมันเลยครับ“มึงให้ลูกค้าในร้านกอดทำไม”แต่เดี๋ยวนะ!!!เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ผมจะนอนท่านี้ไม่ได้เหมือนจะไม่ทัน ผมรู้ตัวช
สามวันผ่านไป...สามวันผ่านไปแล้ว ชีวิตของผมก็ยังจมอยู่กับความเมา ผมเช่าห้องพักรายวันแล้วซื้อเหล้าเข้ามากินแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากเรื่องราวที่ผ่านมาของผมกับไอ้ภาม ผมคิดซ้ำ ๆ วกไปวนมา คิดแล้วคิดอีกและเมาหลับไปผมโคตรเสียศูนย์ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับใช้ชีวิตของผมแล้วครับเรื่องร้านที่ทำร่วมกันมา ถ้าหากว่ามันจะเอาคนรักของมันมาทำ ผมก็พร้อมจะเดินออกมาพร้อมเงินทุนและกำไรที่ผมสมควรได้เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกทีให้เข้าใจแต่ที่แน่ ๆ คือผมจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่มันสงสารผมแน่นอนครับสองชั่วโมงต่อมา...ณ ร้านอาหาร“สวัสดีค่ะคุณเค” พนักงานในร้านยกมือไหว้ผมเหมือนที่เคยทำตลอด แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่ผมไม่ยิ้มครับ คนที่ตกอยู่ในอารมณ์แบบผมคงไม่มีอารมณ์มาปั้นหน้ายิ้มหรอกใช่ไหมครับ ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นผมเดินผ่านพนักงานมาที่ห้องทำงานด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่เปิดร้านมา จึงไม่แปลกที่จะเป็นจุดสนใจ เพราะผมก็หายไปสามวันเต็ม ๆผมเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วนั่งดูยอดบัญชีการซื้อของเข้า และเมนูอาหารที่ขายออกไป ผมตรวจผมเช็กแบบที่ผมเคยทำ เพื่อ
ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ครับ ผมกลับมาบ้านของภาม บ้านที่ภามมันซื้อไว้ก่อนที่เราจะรู้จักกัน เราอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน และนาน ๆ ครั้งเพื่อนจะมาปาร์ตี้ โดยที่มีแจงเป็นสายเมาที่ชอบเต้นจนสุดเหวี่ยง และสุดท้ายก็น็อกกลางอากาศ ตั้งแต่ที่แจงมีลูกคนที่สอง การเที่ยวเตร่เมาแล้วเลื้อยของแจงก็น้อยลง หรือเพราะมีความเป็นแม่ที่มากขึ้นก็ไม่รู้นะครับ แจงถึงได้ดูกลายเป็นคนดีแต่กว่าจะดีได้ กว่าจะลงตัวกับคนที่เป็นผัวอย่างยิมก็ยากเอาเรื่องนะครับ ไหนจะเรื่องของจัสมินที่แจงปกปิดแม้กระทั่งเพื่อนว่าใครคือพ่อ ไหนจะผู้ชายที่ตามจีบ และยังเมียเก่าของยิมที่ยิมเคยรักมาก แต่ละปัญหาของทั้งคู่มันทำให้ผมเหนื่อยและท้อแทนเลยครับ“เฮ้อ” ผมถอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อขวดเหล้ามันกระจัดกระจายระเนระนาดไปหมด แล้วก็ต้องเป็นผมที่ต้องเก็บเป็นประจำตอนนี้คนเมาคงอยู่ในห้องนอนแต่เดี๋ยวนะ!!!ทำไมมีแก้วสองใบ ใครมาดื่มกับมันวะสองเท้าของผมรีบเดินมาที่ห้องนอน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจแต่ผมแค่อยากพิสูจน์ และไม่อยากให้เป็นแบบที่ผมคิดแต่แม่ง...ไม่ใช่ไง มันไม่ใช่เมื่อเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องนอน ตามทางเดินที่ผมกำลังก้าวไป ยิ่งผมเฉียดใกล้
สวัสดีครับ เรียกผมว่า ‘เค’ อย่างที่แจงเรียกก็แล้วกันนะครับผมมีแฟนครับ ชื่อ ‘ภาม’ เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เราสองคนร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อเลี้ยงชีพของเราทั้งสอง กิจการร้านอาหารของเราดำเนินไปได้ด้วยดีครับคงจะเพราะเจ้าของร้านทั้งสองคนหล่อกันทั้งคู่ จะว่าผมหลงตัวเองไม่ได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาทานอาหารร้านผมนั้นเป็นสาว ๆ กันซะมากกว่าคงไม่ต้องบอกพวกคุณที่ตามแจงมาก็คงจะรู้ว่าผมกับภามเป็นคู่รักร่วมเพศ เป็นคู่เกย์กันขอสารภาพตามตรงนะครับว่าตอนแรกผมก็ไม่คิดที่จะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาผมชอบผู้หญิงมาตลอด แต่แล้วจู่ ๆ ชีวิตที่เจอแต่ความผิดหวังก็ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป อาจจะเพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากการประชดชีวิตที่คบใครก็มีแต่โดนทิ้ง โดนหักหลังมาตลอดผมก็เลยลองมองหาผู้ชายดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องเจอกับความเสียใจ เหมือนตอนที่คบกับผู้หญิงจุดเปลี่ยน จุดแปลกใหม่ในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมต้องมากลายเป็นฝ่ายรับจากผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกัน ตอนนั้นขอเรียกเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกันนะครับที่เรียกวันไนท์สแตนด์ก็เพราะอยากจะทดลองก่อนที่จะเริ่มมีคนรักที่เรียกว่าเพศเดียวกันและผู้ชายคนแรกที่ไ
“พวกแกจะบ้ากันหรือไง ทำอะไรกันอยู่ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!!!” แม่พูดเสียงสั่นดวงตากำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่านกำลังมองฉันและพี่ชาย“แค่เรารักกัน ทำไมแม่ไม่เข้าใจ”“รักกันฉันเข้าใจ แต่พวกแกจะรักกันแบบนี้ไม่ได้ พี่น้องจะรักกันแบบนี้ไม่ได้”“แม่…”“หยุดเรื่องน่ารังเกียจนี้ซะยัยแพท แกเป็นถึงครู แกไม่ควรให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” แม่หยิบยาดมขึ้นมาสูดดม“เรารักกันครับแม่ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันได้เหรอครับ แม่ครับ…”“เงียบปากไปเลยพีค นี่พวกแกเป็นบ้ากันหรือไง กำลังทำอะไรอยู่ ทำอะไรทำไมไม่คิดถึงใจฉันบ้าง” แม่ของฉันเริ่มหลั่งน้ำตาฉันกับพี่ชายกำลังทำให้แม่บังเกิดเกล้าเสียใจ เพราะเราทั้งสองตัดสินใจกลับมาบ้านและบอกเรื่องราวที่เราสองคนได้แอบทำร่วมกันมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อแม่ได้ยินเรื่องที่พี่ชายเป็นคนเอ่ยปากเริ่มเล่า ท่านก็เริ่มหน้าซีด และหลั่งน้ำตาน้ำตาของแม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก แต่เมื่อพูดออกไปแล้วคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก และคงต้องยอมรับความจริงซึ่งมันดูเหมือนเราทั้งคู่บีบบังคับให้แม่ยอมรับเรื่องของเราเรื่องระยำที่เราแอบทำ“แม่คะ แพทขอโทษ แต่
“คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรแพท” เมื่อฉันก้าวขาเข้ามาในห้องของคอนโด พี่ชายที่พ่วงด้วยตำแหน่งสามีก็เริ่มโวยวาย“ยุ่งอะไรด้วย” ฉันวางของแล้วเดินหนี“นี่ผัว”“ผัวคนอื่นน่ะสิ” ฉันสวนกลับทันที“ไม่โดนเอาหลายวันเลยปากดีว่างั้น” พีคเดินมาดึงฉันเข้าหาตัว“อย่ามาพูดแบบนี้ เราเลิกกันแล้ว ถอยไป” ฉันชักสีหน้าและน้ำเสียงไม่พอใจ“พี่ไม่เคยเลิก และอย่าคิดจะมีใหม่ มาย้ำความสัมพันธ์กันเถอะจะได้จำว่าไม่ควรไปสนิทกับผู้ชายคนไหน” พีคว่าและอุ้มฉันขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็พาฉันเดินเข้ามาในห้องนอนวางฉันลงที่เตียงนอน“ออกไปเดี๋ยวนี้ เราเลิก…อื้อ” กลีบปากหนาประกบชิดที่ริมฝีปากของฉัน คำพูดถูกกลืนหาย สัมผัสที่คุ้นเคยมานานหลายปีถูกแทรกเข้ามาแทน“อย่าบอกว่าเราเลิกกัน พีครักแพท รักแพทมาก ๆ” พี่ชายของฉันถอนจูบออกและพูดออกมา ในขณะที่พูดเขาก็ดึงกางเกงชั้นในของฉันออก และใช้นิ้วเข้ามาเขี่ยที่รูร่องแคบ จังหวะเดียวกันกับการป้อนจูบให้ฉันเคลิบเคลิ้มอีกครั้ง และอีกครั้ง จูบซ้ำ ๆ ย้ำอยู่แบบนั้นกระทั่งแท่งเอ็นสอดเข้ามาในช่องแคบของฉัน เอ็นแท่งเดียวที่มีโอกาสได้เข้า และคงจะเป็นดุ้นเดียวตลอดไปปึก!“อ้ะ! มันจุกนะพีค” ฉันร้องเพราะพีคกระแท
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…หลังจากที่ฉันย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง ภาพขวางหูขวางตาที่ต้องเห็นคนรักสวีตหวานกับภรรยาของเขาก็ไม่ปรากฏให้ฉันได้เจ็บปวดหัวใจจะมีก็แต่ความคิดถึง ซึ่งฉันคิดถึงเขามาก ฉันร้องไห้ตาบวมไปสอนเด็กทุกวันก็ฉันรักเขามาตั้งนาน จะไม่ให้คิดถึงเลยฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้นะ เพราะฉันคิดถึงเขามาก มากสุดหัวใจเขาโทรมา ส่งข้อความมา แต่ฉันเพิกเฉยฉันไม่อยากจะเป็นชู้อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากทำเรื่องแบบนั้นอีก“ครูแพทไปไหนต่อไหมครับ” เสียงของครูหนุ่มเอ่ยทักฉันค่ะ“แพทว่าจะกลับคอนโดเลยค่ะ ครูหนุ่มมีอะไรให้แพทช่วยเหรอคะ” ฉันตั้งคำถามเผื่อว่าครูหนุ่มจะมีอะไรให้ฉันช่วยเหลือเรื่องงานของเขาครูหนุ่มคือครูที่ย้ายมาสอนแทนครูเอกที่สอนวิชาพละศึกษา“อ้อ ผมแค่ต้องการจะถามอุปนิสัยเด็กชั้นม. 4/3 บางคนน่ะครับ เห็นครูแพทสอนเด็กห้องนั้นด้วย พอดีรู้สึกเหมือนจะมีเด็กที่แตกต่างอยู่ครับ”“อ๋อ ถ้างั้นเด็กคนไหนคะ เอ่ยชื่อมาเลย แพทก็ค่อนข้างจดจำเด็กห้องนั้นได้พอสมควร”“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าหากว่าจะไปทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วพูดคุยกันไป” ครูหนุ่มพูดแล้วจับลูบที่หลังคอตัวเองฉันพอจะเข้าใจที่ครูหนุ่มสื่อแล้วล่ะเพ
“ฮัลโหลลล สามี มิสยูที่สุด” พนักงานแอร์ของสายการบินหนึ่งเดินเข้ามาสวมกอดผม“เหนื่อยไหม” ผมผละกอดออกและลากกระเป๋าเดินทางให้เธอ“ไม่อะ แต่ตอนนี้หิว แวะหาอะไรทานด้วยนะคะที่รัก”“อยากกินอะไร”“สเต็กโคขุนแล้วกัน”“โอเค”จากนั้นผมและเธอก็เดินมาที่ลานจอดรถครับ ผมชื่อ ‘พีค’ เป็นเพื่อนกับไอ้ยิม และไอ้แจง ที่นั่งเบาะข้างกายผมอยู่ตอนนี้ก็คือ ‘ภรรยา’ ใช่ครับ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ถูกต้องตามหัวใจที่เรียกร้องเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคือน้องสาวของผม เธอชื่อ ‘แพท’ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักแตกต่างจาก ‘ครีม’ ผู้หญิงที่แม่ของผมหาให้ ผมยอมแต่งงานกับครีมเพราะไม่อยากให้แพทต้องโดนบังคับแต่งกับผู้ชายอื่นที่แม่เลือกให้ ผมก็เลยเลือกที่จะแต่งเองและก็กลายเป็นว่าผมผิดคำพูด เห็นแก่ตัว ผิดสัญญา“บนรถดีไหมพีค ครีมอยากตื่นเต้นอะ” ขณะที่ผมกำลังจะขับรถออกจากลานจอดรถของสนามบินครีมเธอก็เริ่มเอ่ยชวนพร้อมการเล้าโลม“คนเยอะ”“แต่รถติดฟิล์มดำไง นะ ๆ ตื่นเต้นดีออก ขย่มกันตอนที่คนเดินผ่านไปมา ไหนดูซิ น้องชายของพีคคิดถึงน้องของครีมไหมน้า” แล้วครีมก็เริ่มลูบตรงเป้าของผมพร้อมกับรูดซิปลง“ครีม…” ผมเผลอครางออกมาเพราะเธอใช้ปาก