"ทำไมลุงคนนั้นน่ากลัวจังเลยคะ มองแม่แจงไม่ดีด้วย" เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวของฉันก็เริ่มพูดขึ้น
"เขาใจดีค่ะ แต่เขาแค่ชอบทำหน้าดุ" เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย
"จริงเหรอคะ คนหน้าดุใจดีจริงเหรอ ตอนที่เขาเดินเข้ามาในร้านตอนบ่ายแล้วถามยายอันจ๋าว่าจัสคือใคร พอยายอันจ๋าบอกว่าเป็นลูกแม่แจง เขาก็มองตาดุ ๆ ใส่จัส" ไอ้หมายิม ไอ้ห่ารากนี่
"อ้อ ช่วงนี้ลุงเขาอารมณ์ไม่คงที่ค่ะลูก ลุงเขาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เขาปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน อารมณ์เขาเลยแปรปวน สติเขาไม่ค่อยดีหนูอย่าถือสาเลยนะคะ"
"โอเคค่ะ ลุงเขาสติไม่ดี น่าสงสารจัง จัสจะเข้าใจนะคะ ยายแจ๋มขาาาาา จัสมินมาแล้วค่า" ลูกสาวฉันยกมือชูนิ้วว่าเข้าใจ แล้วจากนั้นก็เดินตะโกนแหกปากเรียกยายแจ๋ม
นิสัยแหกปากนี่คงเลียนแบบฉันแน่ ๆ เห็นชัดขนาดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้
ฉันเดินขึ้นห้องหลังจากที่ลูกสาวเดินไปอยู่กับยายแจ๋มแม่ฉันเป็นที่เรียบร้อย
(แจง: เมื่อคืนใครเก็บศพกูมาวะ)
(ภาม: พวกกูไงจะใครล่ะ นึกว่าซ้อมตายเถอะ เกือบพาแวะวัดละ)
(แจง: ใครแก้ผ้ากู)
(พีค: กูมั้ง)
(แจง: สัสพีค เอาความจริง)
(แพท: แพทกับเค)
(แจง: อ่อ เจ้าประจำ ขอบคุณน๊าาาาา)
(เค: ชินละ เห็นบ่อย ๆ อีกหน่อยคงพิศวาสผู้หญิงละล่ะ)
(ภาม: อยากตายเหรอเค)
(เค: หยิกกูทำไมครับ)
(ภาม: ก็มึงจะมองหญิง)
(เค: พูดไปงั้นเถอะ เจอผู้หญิงแบบแจงคงเอือมตาย)
(แจง: เดี๋ยว ๆ พวกมึงอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องพิมพ์มาก็ได้ กูรู้กูสวย)
(พีค: มึงบ้าต่างหาก)
(แจง: เออนี่ ไอ้ควายยิมมันกลับมาตอนไหนวะ กูเจอมันละ มันแม่งกวนส้นตีนกู ปากก็หมากว่าเดิมอีก คงต้องเรียกไอ้หมายิมละ)
(นาย: มาตอนที่มึงซ้อมตายไง)
(แจง: เดี๋ยวเถอะไอ้นาย)
(แจง: กูแม่งหงุดหงิด โมโหสัส แม่งกวนตีนกู)
(แจง: มาพูดท้าทาย คิดว่ากูจะตกหลุมไง)
(แจง: สงสัยกูสวยมั้ง)
(ยิม: แค่พูดความจริง อย่าสำคัญตัวเอง)
"ไอ้เวร! " ฉันกดออกจากกรุ๊ปไลน์ทันที ไอ้หมายิมมันเข้ากลุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
"อีแจง อีโง่ ทำไมมึงไม่ดูแจ้งเตือนก่อน" ฉันด่าพร้อมกับทึ้งหัวตัวเองทันทีที่เห็นแจ้งเตือนว่าไอ้หมายิมถูกดึงเข้ากลุ่มตั้งแต่เช้าแล้ว
(ยิม: อีเน่า ควรไปอาบน้ำ ไม่ใช่นั่งดึงหัวตัวเองแบบนั้น)
ไลน์ส่วนตัวเด้งเข้ามา ฉันอ่านแล้วจึงหันไปทางหน้าต่างห้องนอน ไอ้หมายิมมันกำลังมองมาที่ฉัน
(แจง: ยุ่ง)
ฉันกดตอบกลับไปแล้วชักสีหน้าใส่มันก่อนจะเดินไปปิดม่าน
ฉันคงลืมเล่าให้ฟัง ว่าห้องของเราตรงข้ามกันด้วย และตลอดเวลา 5 ปีที่มันหายไป เวลาที่ฉันคิดถึงมันฉันมักจะยืนมองห้องนอนมันนี่แหละ
5 ปีที่มันหายไป ฉันไม่เคยได้คุยกับมันเลยสักครั้ง เพราะมันบอกเองว่าอย่ารู้จักกันอีก ฉันจึงพยายามไม่เข้าไปมีส่วนในชีวิตของมัน
(ยิม: เขินอยู่เหรอ ไหนว่าไม่รักกูแล้วไง)
(ยิม: อย่างมึงเลิกรักกูไม่ได้หรอก ถ้าเลิกได้มึงมีผัวเป็นตัวเป็นตนไปแล้ว)
(ยิม: แต่กูไม่รักมึงหรอกนะ)
ฉันอ่านข้อความแล้วกดโทรไลน์ไปหามันทันที พร้อมกับเดินไปเปิดม่าน เพราะคิดว่ามันต้องยืนเย้ยฉันอยู่
"เลิกส่งมาได้แล้ว กูรู้ว่ามึงเกลียดกู ไม่ต้องย้ำ กูจำใส่ใจฝังกระดูกดำไว้ละ และกูก็จำได้ว่ามึงบอกเองว่าต่อไปไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องรู้จักมึง กูทำมาตลอด 5 ปี เพราะฉะนั้นตอนนี้กูก็จะทำต่อไป เราคือคนไม่รู้จักกัน กูกับมึงไม่รู้จักกัน"
ฉันพูดจบก็กดวางสายพร้อมกับปิดม่าน จากนั้นฉันก็เดินมาทิ้งตัวบนเตียงแล้วผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ
การที่มันกลับมา แล้วเราได้พูดคุยกัน ทุกอย่างมันมีผลต่อหัวใจของฉัน
แต่ถ้าจะให้ฉันไปเป็นคู่นอน เพื่อสนองความรู้สึกตัวเอง ฉันไม่ทำอีกแล้ว
และไอ้คำท้าบ้า ๆ นั่นมันก็มีแต่ฉันเสียเปรียบ ตั้งแต่ร่างกายกระทั่งความรู้สึก
ฉันมาทบทวนดูเมื่อ 3นาทีก่อน ฉันคิดว่าไม่ยุ่งกับมันดีที่สุด
ไม่เอาตัวเองลงไปเล่นก็ไม่ต้องเจ็บ ที่ผ่านมาฉันเจ็บมามากพอแล้ว
ฉันจะไม่เจ็บเพราะผู้ชายคนนี้อีกแล้ว และฉันไม่อยากวุ่นวายให้ลูกต้องเกิดความสงสัย
ไอ้หมายิมมันจะเป็นแค่ผู้ชายคนแรกที่ฉันรักเท่านั้น
"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆอย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่""แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ""ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ""เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง"
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะคะคุณลุง" จัสมินบอกกับไอ้หมายิมที่กำลังทำหน้าเป็นหมางงกับความอัธยาศัยดีของลูกสาวฉันฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้หมายิมมันยังมีเชื้อควายหลงเหลือ อย่าให้มันนึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่'ร้องไห้ทำไม' เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนมองฉันที่อยู่ในวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน'ชอบร้องไห้เหรอ ร้องไห้ไม่เห็นสวยเลย' เขานั่งลงตรงหน้าฉันแล้วมองตาแป๋ว'ไม่ชอบ แจงไม่ชอบ แจงอยากสวย' ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า พร้อมกับเอามือปาดเช็ดน้ำตา'ไม่ชอบก็เลิกร้องสิ แล้วก็ยิ้ม''เลิกไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ เพื่อนไม่เล่นด้วย''เพื่อนแกล้งเหรอ''อือ เพื่อนไม่เล่นด้วย เพื่อนบอกแจงสวยกว่า''อ่ะ อมยิ้ม กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะ เราชื่อยิม เป็นเพื่อนกันนะ' เขายื่นอมยิ้มให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ตราตรึงใจแล้ววันนั้นฉันก็แกะอมยิ้มกินทั้งน้ำตา พร้อมกับยิ้มให้เขาจากนั้นมาสายตาของฉันก็มองหาแต่เพื่อนที่ชื่อยิมมาตลอด และเพิ่งได้รู้ว่าแม่เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ตอนที่แม่ฉันย้ายมาอยู่ข้างบ้านของแม่ยิมตั้งแต่นั้นมาเราก็ใกล้กันมาตลอด ฉันตามยิมที่แสนใจดีไปเรียนทุกที่ ไม่ว่าวิชาที่ยิมเลือกจะถูกใจฉัน
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วยมาทำส้นอะไรวะ?"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟังยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะแต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัวถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูกจัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยา
"ลุงยิมให้จัสเรียกพ่อที่โรงเรียนได้ใช่ไหมคะ" จัสมินถามไอ้หมายิมที่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นคนขับรถ"อืม" มันส่งเสียงในลำคอแล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร เหมือนกับฉันที่ไม่คิดจะหันไปสนใจมันเช่นกัน"พ่อยิม หืมมมม ลองเรียกดู อายจังเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาจัสยังไม่เคยเรียกใครว่าพ่อเลย ขอบคุณนะคะที่ไปด้วย ยายแจ๋มบอกว่าลุงยิมใจดี น่ารัก"ฉันสตั๊นตั้งแต่ที่จัสมินเรียกไอ้หมายิมว่าพ่อแล้ว คำที่จัสมินเรียกทำเอาหัวใจของฉันชาวูบวาบ"ลุงว่างน่ะ" ไอ้หมายิมมันว่าแล้วยื่นมือมาลูบที่ศีรษะของจัสมินซึ่งนั่งอยู่บนตักฉันฉันเหลือบมองมันเมื่อมันพูดประโยคนี้ ดวงตาของมันที่มองจัสมินฉายแววอ่อนโยน เหมือนยิมที่ฉันเคยรู้จักตอนนี้มันคงกำลังนึกสงสารจัสมินสินะ"เดี๋ยวจัสไปช่วยยายอันขายทองตอบแทนนะคะ ยายอันบอกว่าจัสเรียกลูกค้าดี" ลูกสาวฉันหันไปฉีกยิ้มกว้างตามสไตล์ให้ไอ้หมายิม ส่วนไอ้หมายิมมันก็เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะหันไปมองทาง'ถึงโรงเรียนให้จัสเรียกพ่อได้ไหมยิม แม่โม้ไว้เยอะ" ยายแจ๋มกระซิบไอ้หมายิม ซึ่งฉันน่ะได้ยิน แล้วที่เรียกแม่ ก็เพราะครอบครัวเราสนิทกันมากไงล่ะ'สบายมากครับ' มันสร้างภาพด้วยการฉีกยิ้มอ่อนโ
"กูไม่ตลกนะยิม" ฉันจ้องหน้ามัน"หน้ากูตลกไหมแจง" มันขยับเข้าประชิดใกล้ฉันมากขึ้น"! ""อยากประเจิดประเจ้อตรงนี้ไหมล่ะ" ไอ้หมายิมมันพูดขู่"มึงต้องการอะไรยิม กูว่ากูพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ต้องรู้จักกันไงวะ" ฉันจ้องเขม็งไม่ไหวละ ฉันชักจะไม่เข้าใจมันขึ้นทุกวันในเมื่อบอกไม่ให้ยุ่ง ไม่เป็นเพื่อน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำซากอะไร"ยิม ยิมใช่ไหม" เสียงหวาน ๆ ที่เอ่ยเรียกชื่อไอ้หมายิม เจ้าของเสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันกับไอ้บ้านี่แตกหักกัน"อ้าว แจง... นึกว่าเลิกคบกันเป็น...เพื่อน แล้วนะ ที่มาด้วยกันที่นี่อย่าบอกนะว่ายิมให้อภัยแจงแล้ว หึ! อย่างว่าอ่ะเนอะ แจงมันคงตื๊อไม่เลิก มาถึงนี่อย่าบอกนะว่ามาประชุมงานโรงเรียน ได้ข่าวว่าท้อง ไม่มีพ่อให้ลูกเหรอแจง หึ สมน้ำหน้า มั่วไปเรื่อยก็แบบนี้แหละน๊า" เธอว่าแขวะฉันพร้อมยิ้มเยาะเย้ย ซึ่งฉันไม่เถียงกลับเพราะที่นี่มันสถานที่ศึกษา ทำอะไรย่อมต้องให้เกียรติสถานที่ไหนจะลูกที่เรียนอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้ลูกโดนล้อมากไปกว่านี้"ยิม... ทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เอคิดถึงยิมนะ คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของเรา ยิมสบายดีใช่ไหม"เอ ผู้
ความรัก มักจะทำให้เรากลายเป็นคนโง่แต่จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้โง่หรอก เราก็แค่...รักคนอื่นมากกว่าตัวเราเองเหอะ! แต่ถ้าเอาเข้าจริง ๆ มันก็แค่คำปลอบใจคนอ่อนแอก็แค่นั้นแหละเพราะความจริงแล้วเราก็คนโง่ดี ๆ นี่เอง...(ฮัลโหล) น้ำเสียงของผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยเอ่ยขึ้น เมื่อเธอกดรับสายที่ผมโทรเข้าไปหา"อยู่ไหนแล้ว ใกล้ถึงยัง" ผมถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะเธอคือหัวใจของผม(วันนี้เอคงไปหาไม่ได้นะยิม พอดีมีงานใหม่เข้ามา แล้วพี่ที่ทำงานเขาบอกว่าต้องส่งด่วน ยิมไม่โกรธเอใช่ไหม) เธอที่พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ผิดนัดกับผมน้ำเสียงของเธอทำให้ผมโกรธไม่ลง"เอทำงานเถอะ ยิมไม่โกรธหรอก ยิมเข้าใจ" ผมบอกเธอไป แม้จริง ๆ แล้วผมก็รู้สึกน้อยใจ แต่เพราะเธอต้องทำงาน ผมจึงพยายามเข้าใจเธอ(ยิมเป็นแฟนที่น่ารักที่สุดเลย ขอบคุณที่เข้าใจเอนะ เสร็จงานแล้วจะรีบไปหาทันทีเลย)"ครับ รักเอมากนะครับ"ผมชื่อ 'ยิม' อายุ24ปี เป็นลูกชายคนเดียว บ้านของผมเปิดร้านทอง วัน ๆ ผมก็เลยมีหน้าที่นั่งขายทองอยู่หน้าร้าน ทั้ง ๆ ที่เรียนจบมาอีกสาย แต่เพราะพ่อแม่ต้องการให้ผมสบาย เลยยกร้านทองให้ผมดูแล แต่ตอนนี้ผมยังไม่ใช่เจ้าของ พ่อบอกรอให้ผมมี
"อ่ะ" ไอ้ภามยื่นมือถือมาให้ผม"ไม่ดู" ผมยื่นคืนกลับไป"ควรดูจะได้เลิกเป็นควาย" ไอ้ภามยัดใส่มือผม"กูยังไม่อยากดู" ผมวางไว้ที่โต๊ะ"อย่าไปยัดเยียดมันเลยภาม มันไม่อยากดูก็เรื่องของมันเถอะ มันรักของมันมึงก็รู้" ไอ้แจงที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะกระดกเหล้าลงคอหลังจากที่บอกไอ้ภามไป"รักน่ะกูรู้ แต่ควรดูด้วยว่าอะไรคือความจริง ไม่ใช่พยายามหลอกตัวเองอยู่แบบนี้ รูปหล่อ บ้านรวย โตเป็นควายแต่ปล่อยให้ผู้หญิงหลอก" ไอ้ภามมันขัดขึ้นทันใด"แต่มึงก็ควายจริง ๆ นะยิม มึงควรจะตาสว่างสักที" ไอ้พีคเพื่อนอีกคนของผมเสริมแทรก"เลิกว่ามันเถอะ พูดไปมันก็ไม่รับรู้หรอก" ไอ้นายท้วง"โอ๊ย พวกมึงเลิกยุ่งเรื่องมันเถอะ มันอยากลองเป็นควาย เดี๋ยวมันเบื่อมันก็เลิก อย่าไปเสือกเรื่องมันเลย วันนี้มาแดกค่ะ ไม่ใช่มาเกลี้ยกล่อมให้ควายกลับมาเป็นคน มาชน ๆ มึงอย่าคิดมากยิม เดี๋ยวก็ดีเอง เบื่อการเป็นควายค่อยกลับมาเป็นคน ไม่มีอะไรยากหรอก" ไอ้แจงมันว่าดักเพื่อนในกลุ่มที่กำลังกล่อมให้ผมเปิดดูความจริงในมือถือของพวกมันว่าเพื่อนในกลุ่ม แต่ด่าผมเต็ม ๆความจริงที่พวกมันพยายามหาข้อมูลมาให้ผมตาสว่างความจริงที่ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมพยายามหลบซ่อน
"กูไม่ตลกนะยิม" ฉันจ้องหน้ามัน"หน้ากูตลกไหมแจง" มันขยับเข้าประชิดใกล้ฉันมากขึ้น"! ""อยากประเจิดประเจ้อตรงนี้ไหมล่ะ" ไอ้หมายิมมันพูดขู่"มึงต้องการอะไรยิม กูว่ากูพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ต้องรู้จักกันไงวะ" ฉันจ้องเขม็งไม่ไหวละ ฉันชักจะไม่เข้าใจมันขึ้นทุกวันในเมื่อบอกไม่ให้ยุ่ง ไม่เป็นเพื่อน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำซากอะไร"ยิม ยิมใช่ไหม" เสียงหวาน ๆ ที่เอ่ยเรียกชื่อไอ้หมายิม เจ้าของเสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันกับไอ้บ้านี่แตกหักกัน"อ้าว แจง... นึกว่าเลิกคบกันเป็น...เพื่อน แล้วนะ ที่มาด้วยกันที่นี่อย่าบอกนะว่ายิมให้อภัยแจงแล้ว หึ! อย่างว่าอ่ะเนอะ แจงมันคงตื๊อไม่เลิก มาถึงนี่อย่าบอกนะว่ามาประชุมงานโรงเรียน ได้ข่าวว่าท้อง ไม่มีพ่อให้ลูกเหรอแจง หึ สมน้ำหน้า มั่วไปเรื่อยก็แบบนี้แหละน๊า" เธอว่าแขวะฉันพร้อมยิ้มเยาะเย้ย ซึ่งฉันไม่เถียงกลับเพราะที่นี่มันสถานที่ศึกษา ทำอะไรย่อมต้องให้เกียรติสถานที่ไหนจะลูกที่เรียนอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้ลูกโดนล้อมากไปกว่านี้"ยิม... ทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เอคิดถึงยิมนะ คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของเรา ยิมสบายดีใช่ไหม"เอ ผู้
"ลุงยิมให้จัสเรียกพ่อที่โรงเรียนได้ใช่ไหมคะ" จัสมินถามไอ้หมายิมที่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นคนขับรถ"อืม" มันส่งเสียงในลำคอแล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร เหมือนกับฉันที่ไม่คิดจะหันไปสนใจมันเช่นกัน"พ่อยิม หืมมมม ลองเรียกดู อายจังเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาจัสยังไม่เคยเรียกใครว่าพ่อเลย ขอบคุณนะคะที่ไปด้วย ยายแจ๋มบอกว่าลุงยิมใจดี น่ารัก"ฉันสตั๊นตั้งแต่ที่จัสมินเรียกไอ้หมายิมว่าพ่อแล้ว คำที่จัสมินเรียกทำเอาหัวใจของฉันชาวูบวาบ"ลุงว่างน่ะ" ไอ้หมายิมมันว่าแล้วยื่นมือมาลูบที่ศีรษะของจัสมินซึ่งนั่งอยู่บนตักฉันฉันเหลือบมองมันเมื่อมันพูดประโยคนี้ ดวงตาของมันที่มองจัสมินฉายแววอ่อนโยน เหมือนยิมที่ฉันเคยรู้จักตอนนี้มันคงกำลังนึกสงสารจัสมินสินะ"เดี๋ยวจัสไปช่วยยายอันขายทองตอบแทนนะคะ ยายอันบอกว่าจัสเรียกลูกค้าดี" ลูกสาวฉันหันไปฉีกยิ้มกว้างตามสไตล์ให้ไอ้หมายิม ส่วนไอ้หมายิมมันก็เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะหันไปมองทาง'ถึงโรงเรียนให้จัสเรียกพ่อได้ไหมยิม แม่โม้ไว้เยอะ" ยายแจ๋มกระซิบไอ้หมายิม ซึ่งฉันน่ะได้ยิน แล้วที่เรียกแม่ ก็เพราะครอบครัวเราสนิทกันมากไงล่ะ'สบายมากครับ' มันสร้างภาพด้วยการฉีกยิ้มอ่อนโ
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วยมาทำส้นอะไรวะ?"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟังยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะแต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัวถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูกจัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยา
"กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะคะคุณลุง" จัสมินบอกกับไอ้หมายิมที่กำลังทำหน้าเป็นหมางงกับความอัธยาศัยดีของลูกสาวฉันฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้หมายิมมันยังมีเชื้อควายหลงเหลือ อย่าให้มันนึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่'ร้องไห้ทำไม' เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนมองฉันที่อยู่ในวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน'ชอบร้องไห้เหรอ ร้องไห้ไม่เห็นสวยเลย' เขานั่งลงตรงหน้าฉันแล้วมองตาแป๋ว'ไม่ชอบ แจงไม่ชอบ แจงอยากสวย' ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า พร้อมกับเอามือปาดเช็ดน้ำตา'ไม่ชอบก็เลิกร้องสิ แล้วก็ยิ้ม''เลิกไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ เพื่อนไม่เล่นด้วย''เพื่อนแกล้งเหรอ''อือ เพื่อนไม่เล่นด้วย เพื่อนบอกแจงสวยกว่า''อ่ะ อมยิ้ม กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะ เราชื่อยิม เป็นเพื่อนกันนะ' เขายื่นอมยิ้มให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ตราตรึงใจแล้ววันนั้นฉันก็แกะอมยิ้มกินทั้งน้ำตา พร้อมกับยิ้มให้เขาจากนั้นมาสายตาของฉันก็มองหาแต่เพื่อนที่ชื่อยิมมาตลอด และเพิ่งได้รู้ว่าแม่เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ตอนที่แม่ฉันย้ายมาอยู่ข้างบ้านของแม่ยิมตั้งแต่นั้นมาเราก็ใกล้กันมาตลอด ฉันตามยิมที่แสนใจดีไปเรียนทุกที่ ไม่ว่าวิชาที่ยิมเลือกจะถูกใจฉัน
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆอย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่""แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ""ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ""เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง"
"ทำไมลุงคนนั้นน่ากลัวจังเลยคะ มองแม่แจงไม่ดีด้วย" เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวของฉันก็เริ่มพูดขึ้น"เขาใจดีค่ะ แต่เขาแค่ชอบทำหน้าดุ" เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย"จริงเหรอคะ คนหน้าดุใจดีจริงเหรอ ตอนที่เขาเดินเข้ามาในร้านตอนบ่ายแล้วถามยายอันจ๋าว่าจัสคือใคร พอยายอันจ๋าบอกว่าเป็นลูกแม่แจง เขาก็มองตาดุ ๆ ใส่จัส" ไอ้หมายิม ไอ้ห่ารากนี่"อ้อ ช่วงนี้ลุงเขาอารมณ์ไม่คงที่ค่ะลูก ลุงเขาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เขาปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน อารมณ์เขาเลยแปรปวน สติเขาไม่ค่อยดีหนูอย่าถือสาเลยนะคะ""โอเคค่ะ ลุงเขาสติไม่ดี น่าสงสารจัง จัสจะเข้าใจนะคะ ยายแจ๋มขาาาาา จัสมินมาแล้วค่า" ลูกสาวฉันยกมือชูนิ้วว่าเข้าใจ แล้วจากนั้นก็เดินตะโกนแหกปากเรียกยายแจ๋มนิสัยแหกปากนี่คงเลียนแบบฉันแน่ ๆ เห็นชัดขนาดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ฉันเดินขึ้นห้องหลังจากที่ลูกสาวเดินไปอยู่กับยายแจ๋มแม่ฉันเป็นที่เรียบร้อย(แจง: เมื่อคืนใครเก็บศพกูมาวะ)(ภาม: พวกกูไงจะใครล่ะ นึกว่าซ้อมตายเถอะ เกือบพาแวะวัดละ)(แจง: ใครแก้ผ้ากู)(พีค: กูมั้ง)(แจง: สัสพีค เอาความจริง)(แพท: แพทกับเค)(แจง: อ่อ เจ้าประจำ ขอบคุณน๊าาาาา)(เค: ชินละ เห็นบ่อย ๆ อีกหน่อยคง
ฉันที่ยืนค้างเพราะความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอมันคือฉันรู้ว่ามันจะมา แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมาเร็วแบบนี้หรือฉันฟังเพื่อนไม่เข้าใจไอ้ควายยิมมันลุกจากโซฟา แล้วมันก็เดินมาหาฉัน ท่าทางการเดินของมันดูแบดบอยมาก แต่สายตาที่มันมองฉันดูเฉยชาความตกใจของฉันทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ทำตัวไม่ถูก หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุแล้ว ณ จุดนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากฉันกับมันไอ้ควายยิมมันเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน สองมือของมันเหน็บที่กระเป๋ากางเกง สายตาของมันมองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมันก็ค่อย ๆ เอนตัวเข้ามาใกล้ฉันมันทำเหมือนจะจูบฉันเลย ฉันไม่ได้มโนไปใช่ไหม ก็ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้าฉันถ้ามันจะจูบฉัน แสดงว่ามันไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่ไหมและที่สำคัญถ้ามันทำจริง ฉันใจง่าย ฉันยินยอม ยอมพลีกายเลยนะ ถึงแม้ร่างกายมันจะมีรอยสักมากมายแต่นิสัยมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้!"เหอะ! เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบเดิมมาจนถึงทุกวันนี้เนอะมึงอ่ะ ดูสภาพสิ"เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ เมื่อกี๊ฉันขอเปลี่ยนคำพูด ที่ว่าจะยอมมัน เพราะมันกำลังเบะปากมองฉันอย่างสมเพช"ได้ข่าวว่าเมาโดนเอาจนท้อง จำหน้าพ่อของลูกไม่ได้ เหอะ! น่
"ไหนว่าทำงานพรุ่งนี้ นี่มึงแดกกะจะตื่นพรุ่งนี้เย็นๆ เลยเหรอแจง" เสียงของใครสักคนในกลุ่มเพื่อนของฉัน ทักท้วงกับการดื่มแอลกอฮอล์ของฉันในวันนี้ส่วนฉันจำไม่ได้หรอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน เพราะตอนนี้สมองฉันเริ่มจะทำงานช้าลงเรื่อยๆ"ฉลองล่วงหน้าให้กับผู้ชายที่กูโคตรรักไง มันกำลังจะกลับมาแล้วเห็นไหม ในที่สุดมันก็จะกลับมา หลังจากที่มันหนีกูไป 5 ปี ป่านนี้มีเมียไปแล้วมั้ง มันจะรู้ไหมว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกูก็โคตรเสียใจเหมือนกัน แต่มันคงไม่อยากรู้หรอก เพราะมันเกลียดกู มันบอกว่ามันโคตรเกลียดกู แต่กู... โคตรรักมัน กูรักมันพวกมึงได้ยินไหมว่ากูรักมัน กูโคตรรักมันฉิบหาย กูไม่สวยตรงไหนวะ ทำไมมันไม่รักกู กูไม่เข้าใจ..."แล้วฉันก็เริ่มโวยวาย เริ่มพร่ำเพ้อ พูดพล่ามถึงเรื่องที่กักเก็บไว้ในใจซึ่งฉันจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่เมามาก ๆ แต่ถ้าในวันที่สติดี ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางออกจากปากของอีแจงแสนสวยแน่นอน"ถ้ามึงเห็นมันตอนนี้ มึงอาจจะไม่รักมันแล้วก็ได้ มันไม่ใช่ไอ้ยิมแสนดีที่มึงเคยรู้จักแล้วแจง" แว่ว ๆ เสียงของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดขึ้นมาซึ่งฉันจับประโยคได้ประมาณเ