"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย
จะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ
"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆ
อย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะ
ส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ
"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่"
"แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว
"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ
"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ"
"ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ"
"เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ
"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง
"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง
"อยู่บนห้อง นอนหลับไปละ สงสัยเพลีย"
"งั้นออกไปข้างนอกละนะ นัดเพื่อนไว้ ไปละ" ฉันบอกแล้วก็รีบเดินออกมาทันที
"ฉันบอกให้แกอยู่กินข้าวไง" ยายแจ๋มตะโกนตามหลังมา
"ไม่นัดไว้ก่อนช่วยไม่ได้ อีเว้นท์เยอะ ทีหลังต้องจองคิวก่อนนะจ๊ะ มีลูกสวยต้องทำใจ" ฉันหันไปยิ้มให้แม่แล้วหันกลับมาเดินต่อ
"กวนตีนจริง ๆ เดี๋ยวมึงเจอดีแน่อีแจง" แว่ว ๆ เสียงแม่ตะโกนมาอีก แต่ฉันไม่ใส่ใจ
เรื่องคำพูดที่เป็นกันเองกับครอบครัวฉันเป็นของคู่กัน อย่าไปซี เพราะยายแจ๋มชอบพูดคำสมัยพ่อขุน
จริง ๆ ฉันไม่มีนัดหรอก แต่พอรู้ว่าต้องเจอไอ้หมายิม การออกมาข้างนอกย่อมดีกว่าอยู่เห็นหน้ามัน
เดี๋ยวมันจะขี้ตู่ว่าฉันอยากเจอมัน...
เวลาเที่ยงคืนครึ่งฉันขับรถกลับมาบ้าน
ก่อนหน้านี้ฉันไปนั่งดื่มที่ร้านนั่งชิวเพียงลำพัง ไม่ได้มีเพื่อนไปด้วย แต่ผู้นี่ไม่ขาดนะ มีผู้ชายชะเง้อตามองฉันตรึม แต่ฉันขี้เกียจสานต่อสายสัมพันธ์
มันอยู่ในโมเม้นที่ว่าขี้เกียจคุยกับคน
ขี้เกียจทำความรู้จัก
ขี้เกียจถามว่า ฉันมีลูกติดรับได้ไหม
ขี้เกียจพาเข้าบ้านแล้วลูกสาวตั้งคำถามว่า 'นี่ใครคะแม่'
'อ๋อ นี่แฟนแม่ค่ะ' ฉันไม่อยากตอบคำถามพวกนี้
ฉันไม่อยากให้ลูกต้องเจอเหตุการณ์จำพวกนั้น ฉันคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะให้ลูกสาวจดจำ
สู้ฉันอยู่สวย ๆ แล้วเลี้ยงลูก ดีกว่าไขว่คว้าหาผู้ชายมาเป็นพ่อให้ลูก
ลูกไม่มีพ่อ ไม่ได้มีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกขนาดนั้น
ไลน์ ไลน์!
(พีค: อยู่ไหน)
(พีค: นอนยัง)
ไลน์เด้งเข้ามาก่อนที่ฉันจะลงจากรถ
(แจง: บ้าน)
(แจง: ไม)
(พีค: ถามเฉย ๆ)
(พีค: นึกว่าอยู่ข้างนอก)
(แจง: กินเหล้าเหรอ)
(พีค: เออ)
(แจง: ตามบายเลย เพิ่งถึงบ้าน)
(แจง: ขี้เกียจออกละ)
(พีค: ไปไหนมา ไมเพิ่งถึง)
(แจง: นอนกะผู้มา)
(พีค: สัส ถามจริง)
(แจง: ตอบจริง มันส์มากกระแทกทีถึงใจอ่ะ หายเงี่ย_ไปอีกนาน)
(พีค: ทำไมเป็นคนส้นตีนวะ)
(แจง: ด่ากูไม กูทำไรผิด)
(พีค: สงสารจัส)
(แจง: หาพ่อให้ลูกไง เย_ดุรับพิจารณาเป็นพิเศษนะบอกเลย)
(พีค: อีแรด)
(แจง: สัส! เลิกคุย จะเข้าบ้านละ)
ฉันเก็บมือถือใส่กระเป๋า แล้วจากนั้นก็ลงจากรถ เข้าบ้านนอนพักผ่อน เพราะถ้าจำไม่ผิดพรุ่งนี้จะมีลูกค้ามาลองชุดที่ร้าน
ฉันต้องตื่นเช้าหน่อย ถึงแม้พรุ่งนี้จะเป็นวันอาทิตย์ที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าเพื่อไปส่งลูก แต่ฉันต้องตื่น ไม่งั้นยายแจ๋มเล่นงานฉันแน่
ฉันขี้เกียจฟังยายแจ๋มบ่น
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะคะคุณลุง" จัสมินบอกกับไอ้หมายิมที่กำลังทำหน้าเป็นหมางงกับความอัธยาศัยดีของลูกสาวฉันฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้หมายิมมันยังมีเชื้อควายหลงเหลือ อย่าให้มันนึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่'ร้องไห้ทำไม' เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนมองฉันที่อยู่ในวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน'ชอบร้องไห้เหรอ ร้องไห้ไม่เห็นสวยเลย' เขานั่งลงตรงหน้าฉันแล้วมองตาแป๋ว'ไม่ชอบ แจงไม่ชอบ แจงอยากสวย' ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า พร้อมกับเอามือปาดเช็ดน้ำตา'ไม่ชอบก็เลิกร้องสิ แล้วก็ยิ้ม''เลิกไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ เพื่อนไม่เล่นด้วย''เพื่อนแกล้งเหรอ''อือ เพื่อนไม่เล่นด้วย เพื่อนบอกแจงสวยกว่า''อ่ะ อมยิ้ม กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะ เราชื่อยิม เป็นเพื่อนกันนะ' เขายื่นอมยิ้มให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ตราตรึงใจแล้ววันนั้นฉันก็แกะอมยิ้มกินทั้งน้ำตา พร้อมกับยิ้มให้เขาจากนั้นมาสายตาของฉันก็มองหาแต่เพื่อนที่ชื่อยิมมาตลอด และเพิ่งได้รู้ว่าแม่เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ตอนที่แม่ฉันย้ายมาอยู่ข้างบ้านของแม่ยิมตั้งแต่นั้นมาเราก็ใกล้กันมาตลอด ฉันตามยิมที่แสนใจดีไปเรียนทุกที่ ไม่ว่าวิชาที่ยิมเลือกจะถูกใจฉัน
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วยมาทำส้นอะไรวะ?"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟังยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะแต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัวถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูกจัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยา
"ลุงยิมให้จัสเรียกพ่อที่โรงเรียนได้ใช่ไหมคะ" จัสมินถามไอ้หมายิมที่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นคนขับรถ"อืม" มันส่งเสียงในลำคอแล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร เหมือนกับฉันที่ไม่คิดจะหันไปสนใจมันเช่นกัน"พ่อยิม หืมมมม ลองเรียกดู อายจังเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาจัสยังไม่เคยเรียกใครว่าพ่อเลย ขอบคุณนะคะที่ไปด้วย ยายแจ๋มบอกว่าลุงยิมใจดี น่ารัก"ฉันสตั๊นตั้งแต่ที่จัสมินเรียกไอ้หมายิมว่าพ่อแล้ว คำที่จัสมินเรียกทำเอาหัวใจของฉันชาวูบวาบ"ลุงว่างน่ะ" ไอ้หมายิมมันว่าแล้วยื่นมือมาลูบที่ศีรษะของจัสมินซึ่งนั่งอยู่บนตักฉันฉันเหลือบมองมันเมื่อมันพูดประโยคนี้ ดวงตาของมันที่มองจัสมินฉายแววอ่อนโยน เหมือนยิมที่ฉันเคยรู้จักตอนนี้มันคงกำลังนึกสงสารจัสมินสินะ"เดี๋ยวจัสไปช่วยยายอันขายทองตอบแทนนะคะ ยายอันบอกว่าจัสเรียกลูกค้าดี" ลูกสาวฉันหันไปฉีกยิ้มกว้างตามสไตล์ให้ไอ้หมายิม ส่วนไอ้หมายิมมันก็เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะหันไปมองทาง'ถึงโรงเรียนให้จัสเรียกพ่อได้ไหมยิม แม่โม้ไว้เยอะ" ยายแจ๋มกระซิบไอ้หมายิม ซึ่งฉันน่ะได้ยิน แล้วที่เรียกแม่ ก็เพราะครอบครัวเราสนิทกันมากไงล่ะ'สบายมากครับ' มันสร้างภาพด้วยการฉีกยิ้มอ่อนโ
"กูไม่ตลกนะยิม" ฉันจ้องหน้ามัน"หน้ากูตลกไหมแจง" มันขยับเข้าประชิดใกล้ฉันมากขึ้น"! ""อยากประเจิดประเจ้อตรงนี้ไหมล่ะ" ไอ้หมายิมมันพูดขู่"มึงต้องการอะไรยิม กูว่ากูพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ต้องรู้จักกันไงวะ" ฉันจ้องเขม็งไม่ไหวละ ฉันชักจะไม่เข้าใจมันขึ้นทุกวันในเมื่อบอกไม่ให้ยุ่ง ไม่เป็นเพื่อน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำซากอะไร"ยิม ยิมใช่ไหม" เสียงหวาน ๆ ที่เอ่ยเรียกชื่อไอ้หมายิม เจ้าของเสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันกับไอ้บ้านี่แตกหักกัน"อ้าว แจง... นึกว่าเลิกคบกันเป็น...เพื่อน แล้วนะ ที่มาด้วยกันที่นี่อย่าบอกนะว่ายิมให้อภัยแจงแล้ว หึ! อย่างว่าอ่ะเนอะ แจงมันคงตื๊อไม่เลิก มาถึงนี่อย่าบอกนะว่ามาประชุมงานโรงเรียน ได้ข่าวว่าท้อง ไม่มีพ่อให้ลูกเหรอแจง หึ สมน้ำหน้า มั่วไปเรื่อยก็แบบนี้แหละน๊า" เธอว่าแขวะฉันพร้อมยิ้มเยาะเย้ย ซึ่งฉันไม่เถียงกลับเพราะที่นี่มันสถานที่ศึกษา ทำอะไรย่อมต้องให้เกียรติสถานที่ไหนจะลูกที่เรียนอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้ลูกโดนล้อมากไปกว่านี้"ยิม... ทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เอคิดถึงยิมนะ คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของเรา ยิมสบายดีใช่ไหม"เอ ผู้
"ทำไมนั่งคนเดียวอ่ะ คนอื่นไปไหน" ฉันนั่งลงตรงข้ามกับแพท น้องสาวของพีค"มีแค่เราน่ะพี่แจง" แพทตอบและนั่งหน้าเครียด"จริงจังใช่ไหม" เรียกพี่แจงแสดงว่าเธอมีเรื่องปรึกษา และคงไม่พ้นเรื่องพี่ชายของเธอ ซึ่งในกลุ่มก็มีแค่ฉันกับแพทที่เป็นผู้หญิง ส่วนเมียของไอ้นายไม่ค่อยสุงสิงกับกลุ่มฉันอยู่แล้วจึงไม่ค่อยสนิทกันส่วนไอ้ภามมันก็รักร่วมเพศ ทั้งกลุ่มที่แพทจะสามารถปรึกษาเวลามีปัญหาจึงมีแค่ฉันแพทมักนัดฉันมาแล้วปรึกษาเรื่องของไอ้พีคอยู่บ่อยครั้ง จะเรียกว่าปรึกษาคงจะไม่ถูกไปทั้งหมด เพราะส่วนใหญ่ฉันรับฟังเธอซะมากกว่า"แม่บังคับให้พีคมันหมั้น" แพทเริ่มเล่า"ไอ้พีคปฏิเสธเหมือนทุกครั้งใช่ไหม" ฉันตั้งตารอคำตอบ"ไม่ ครั้งนี้แพทรู้เพราะแม่เล่าให้ฟัง แม่บอกว่าพีคตกลงหมั้นกับทางนั้น" แพทตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา น้ำตาของเธอกำลังเริ่มเอ่อคลอ"พีคมันไม่พูดให้แพทฟังเลยอ่ะแจง มันเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ทุกครั้งมันเป็นคนเล่าเองตลอด แพทต้องทำยังไง แพทเบื่อความสัมพันธ์แบบนี้เต็มทนแล้วนะ แพทควรมีคนอื่น หรือควรไปอยู่ที่อื่นดี แพทไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากคุยกับมัน" แล้วแพทก็เริ่มร้องไห้ พลางยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้
"ขอบใจมากนะแจงที่เมาเป็นเพื่อนแพท" แพทบอกขณะที่เรานั่งอยู่ร้านโจ๊กริมทางยามเช้าตรู่ เมื่อคืนเราสองคนเปิดห้องดื่มจนสลบ รู้สึกตัวก็ตอนเช้ามืด จึงชวนกันออกมากินโจ๊กก่อนกลับก็อยากจะตื่นสาย ๆ อยู่หรอก แต่เป็นห่วงจัสมินกับเกรงว่ายายแจ๋มจะด่า"ไม่เป็นไรหรอกน่า เพื่อนกันทั้งนั้น" ฉันยิ้มให้แพทที่ตอนนี้พยายามฝืนยิ้ม"ไม่อยากเข้าบ้านเลยอ่ะ ขอไปหาจัสด้วยนะ""ได้ ๆ เดี๋ยวก็ขับตามกันไปนั่นแหละ แต่ป่านนี้ไอ้พีคคงโวยวายในกลุ่มแล้วมั้ง แจงปิดเครื่องไว้ด้วย" ฉันเอ่ยคาดเดา เพราะคนอย่างไอ้พีคมันหวงแพทยิ่งกว่าอะไร และนี่แทบเป็นครั้งแรกที่แพทค้างข้างนอกโดยไม่บอกมัน"แพทก็ปิดตั้งแต่โทรชวนแจงเสร็จ""เลิศ กิน ๆ จะได้โล่ง ๆ " จากนั้นฉันก็นั่งก้มหน้าก้มตากินโจ๊กกับแพทแชะ แชะ!เสียงแฟลชดัง มันทำให้ฉันหันไปมอง"โทษที พอดีเก็บหลักฐานว่าเราเจอกันครั้งที่สองแล้ว เหลืออีกแค่ครั้งเดียวนะครับแจง" ผู้ชายตาตี่หน้าตี๋ที่นั่งโต๊ะข้างฉันหันมายิ้มโชว์เหล็กดัดฟัน"เป็นใครคะ" ฉันถามกลับเมื่อมั่นใจว่าเขาคุยกับฉัน"หึ ก็คนที่ผับที่คุณเพิ่ง...""อ้อ! คิดออกแล้วคิดออกแล้ว ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ งั้นเอาไว้ถ้าอีกครั้งค่อยว่ากันนะคะ" เ
"แม่แจงงงงง" พอเดินเข้าบ้านลูกสาวฉันก็ตะโกนเรียกทันที"ว่าไงคะคนสวยของแม่" ฉันเดินเข้าไปหาจัสมินแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ"ไปไหนมาคะ" เอิ่ม ควรตอบลูกว่าอะไรดีล่ะ ทุกทีลูกก็ไม่ถามนะ"ไปอยู่เป็นเพื่อนครูแพทไงคะ" แพทเดินเข้ามาแล้วเป็นคนตอบคำถามของจัสมิน"ครูแพทไม่สบายเหรอคะ" จัสมินหันมองแพท ก่อนจะออกจากอ้อมกอดฉันแล้วเดินไปให้แพทอุ้ม"ใช่ค่ะ ครูแพทไม่สบายใจนิดหน่อย แม่แจงเลยไปอยู่เป็นเพื่อน จัสมินรู้แล้วห้ามบอกใครนะคะ""ความลับใช่ไหมคะ" ลูกสาวฉันทำท่าชอบใจเมื่อพูดถึงคำว่าความลับ"ใช่ค่ะ""ครูแพทมีความลับเหมือนลุงยิมเลยค่ะ ลุงยิมก็บอกว่าห้ามบอกใคร" เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะไอ้หมายิมมันเกี่ยวอะไรวะ"ลุงยิมมีความลับอะไรคะลูก" อยากรู้ขึ้นมาทันทีเลยฉัน"บอกไม่ได้ค่ะ สัญญาต้องเป็นสัญญา จัสไปบ้านลุงยิมนะคะ วันนี้จะไปช่วยยายอันขายทอง ตอบแทนที่ลุงยิมให้เรียกพ่อ" จัสมินบอก แล้วจากนั้นก็วิ่งออกทางประตูหลังบ้าน พร้อมเสียงตะโกนแว่ว ๆ ว่า 'จัสมาแล้วค่า'เหมือนฉันจริง ๆ ลูกคงเอาตามอย่างฉันแน่นอน เฮ้อ..."ไปนอนบนห้องไหมแพท" ฉันหันหน้ามาถามแพท ซึ่งหน้าตาดูอิดโรยมาก ๆ"แจงนอนกับแพทไหม""นอนดิ แม่เห็นว่ากลับบ้าน
“มากันแล้ว มา ๆ ลูกเข้าบ้านเร็ว” แม่ของผมกวักมือเรียกผมและภามเพื่อเข้าบ้านหลังจากที่เมื่อคืนผมโดนจัดชุดใหญ่ เพราะไม่ไว้ใจเก็บเรื่องไร้สาระของภามไปฝันเป็นตุเป็นตะ พอตื่นมาก็งี่เง่าเง้างอนนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมาบ้านแล้วโดนกระหน่ำแทงเช้ามาภามมันเลยลากผมมาทานข้าวเช้าที่บ้านของผม เนื่องจากเมื่อคืนมันบังคับให้ผมโทรนัดครอบครัวซึ่งตลอดการเดินทางมาที่บ้านแม่ของผมนั้น ผมเกร็งมากครับ เกร็งกลัวไปหมด กลัวครอบครัวจะรับเรื่องของผมกับภามไม่ได้กลัวพวกท่านจะกีดกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่นอน“พ่อแม่สวัสดีครับ” ภามยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่ของผม ซึ่งพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร ส่วนแม่ท่านเพิ่งจะเดินไปนั่งที่ข้างกายพ่อ“นั่ง ๆ ภาม แล้วนี่นึกอะไรถึงพากันมาแต่เช้า” พ่อยิ้มรับและชวนให้นั่ง ต้องขยายความก่อนนะครับว่าภามมาที่บ้านของผมบ่อย มาในฐานะเพื่อนในความเข้าใจของครอบครัวผม“มีเรื่องจะพูดคุยกับพ่อแม่ครับ” ภามเป็นคนตอบ ส่วนผมยังยืนเกร็งเพราะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดในเวลาอีกไม่นานที่จะถึง“ดูท่าจะซีเรียส งั้นกินข้าวกันก่อนค่อยคุยกันนะ นั่งทานลงทานข้าวสิเค” แม่ของผมบอกแล้วยิ้ม ผมจึงนั่ง
“เค เค เคด่วย ไอ้เค!!!” เสียงแว่วมาของไอ้ภามมันเอ่ยเรียกผมพร้อมกับแรงเขย่าแรง ๆ“ไอ้ภาม!!!” ผมเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ“เป็นบ้าอะไรของมึง เห็นกูทำไมต้องตกใจ มึงมีความผิดอะไร พูดมา” ไอ้ภามมันเดินมาที่โซฟาที่ผมนอนอยู่และนั่งลงข้างผมก่อนจะยื่นมือมาดึงจับที่ตัวผม“อย่ามาจับกู ไอ้เหี้ย มึงมันเลว ใจร้าย ทำร้ายจิตใจกู ที่ทำทุกอย่างก็แค่สงสารกู มึงไม่เคยรักกูเลย” ผมขยับตัวหนีออกจากมันปัก!ไอ้ภามมันตบที่หัวของผม“ไอ้เค รอบนี้อะไรพูดมา กูงอนเรื่องที่บ้านของมึง มึงถึงขั้นเก็บเอาไปฝันคิดว่ากูนอกใจใช่ไหม มึงถึงได้นอนร้องไห้อยู่แบบนี้”เวรแล้วครับ“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเพราะกูฝันเป็นตุเป็นตะ” ผมมองไอ้ภามแล้วทำหน้าอึ้งรอครับ เพราะรู้สึกเหมือนจะรู้คำตอบแล้ว“เออดิ กูเนี่ยนะจะนอกใจมึง ไอ้เหี้ย เรื่องนี้นี่คิดไม่เลิกสักทีเนอะ แล้วนี่ยังไง”“ยังไงอะไรภาม” เมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างคือความฝันที่ผมสรรค์สร้างมันขึ้นมา ผมก็รีบขยับตัวนอนหนุนที่ตักของคนที่ผมเรียกว่าแฟน รีบเตรียมแผนอ้อนมันเลยครับ“มึงให้ลูกค้าในร้านกอดทำไม”แต่เดี๋ยวนะ!!!เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ผมจะนอนท่านี้ไม่ได้เหมือนจะไม่ทัน ผมรู้ตัวช
สามวันผ่านไป...สามวันผ่านไปแล้ว ชีวิตของผมก็ยังจมอยู่กับความเมา ผมเช่าห้องพักรายวันแล้วซื้อเหล้าเข้ามากินแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากเรื่องราวที่ผ่านมาของผมกับไอ้ภาม ผมคิดซ้ำ ๆ วกไปวนมา คิดแล้วคิดอีกและเมาหลับไปผมโคตรเสียศูนย์ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับใช้ชีวิตของผมแล้วครับเรื่องร้านที่ทำร่วมกันมา ถ้าหากว่ามันจะเอาคนรักของมันมาทำ ผมก็พร้อมจะเดินออกมาพร้อมเงินทุนและกำไรที่ผมสมควรได้เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกทีให้เข้าใจแต่ที่แน่ ๆ คือผมจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่มันสงสารผมแน่นอนครับสองชั่วโมงต่อมา...ณ ร้านอาหาร“สวัสดีค่ะคุณเค” พนักงานในร้านยกมือไหว้ผมเหมือนที่เคยทำตลอด แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่ผมไม่ยิ้มครับ คนที่ตกอยู่ในอารมณ์แบบผมคงไม่มีอารมณ์มาปั้นหน้ายิ้มหรอกใช่ไหมครับ ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นผมเดินผ่านพนักงานมาที่ห้องทำงานด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่เปิดร้านมา จึงไม่แปลกที่จะเป็นจุดสนใจ เพราะผมก็หายไปสามวันเต็ม ๆผมเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วนั่งดูยอดบัญชีการซื้อของเข้า และเมนูอาหารที่ขายออกไป ผมตรวจผมเช็กแบบที่ผมเคยทำ เพื่อ
ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ครับ ผมกลับมาบ้านของภาม บ้านที่ภามมันซื้อไว้ก่อนที่เราจะรู้จักกัน เราอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน และนาน ๆ ครั้งเพื่อนจะมาปาร์ตี้ โดยที่มีแจงเป็นสายเมาที่ชอบเต้นจนสุดเหวี่ยง และสุดท้ายก็น็อกกลางอากาศ ตั้งแต่ที่แจงมีลูกคนที่สอง การเที่ยวเตร่เมาแล้วเลื้อยของแจงก็น้อยลง หรือเพราะมีความเป็นแม่ที่มากขึ้นก็ไม่รู้นะครับ แจงถึงได้ดูกลายเป็นคนดีแต่กว่าจะดีได้ กว่าจะลงตัวกับคนที่เป็นผัวอย่างยิมก็ยากเอาเรื่องนะครับ ไหนจะเรื่องของจัสมินที่แจงปกปิดแม้กระทั่งเพื่อนว่าใครคือพ่อ ไหนจะผู้ชายที่ตามจีบ และยังเมียเก่าของยิมที่ยิมเคยรักมาก แต่ละปัญหาของทั้งคู่มันทำให้ผมเหนื่อยและท้อแทนเลยครับ“เฮ้อ” ผมถอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อขวดเหล้ามันกระจัดกระจายระเนระนาดไปหมด แล้วก็ต้องเป็นผมที่ต้องเก็บเป็นประจำตอนนี้คนเมาคงอยู่ในห้องนอนแต่เดี๋ยวนะ!!!ทำไมมีแก้วสองใบ ใครมาดื่มกับมันวะสองเท้าของผมรีบเดินมาที่ห้องนอน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจแต่ผมแค่อยากพิสูจน์ และไม่อยากให้เป็นแบบที่ผมคิดแต่แม่ง...ไม่ใช่ไง มันไม่ใช่เมื่อเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องนอน ตามทางเดินที่ผมกำลังก้าวไป ยิ่งผมเฉียดใกล้
สวัสดีครับ เรียกผมว่า ‘เค’ อย่างที่แจงเรียกก็แล้วกันนะครับผมมีแฟนครับ ชื่อ ‘ภาม’ เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เราสองคนร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อเลี้ยงชีพของเราทั้งสอง กิจการร้านอาหารของเราดำเนินไปได้ด้วยดีครับคงจะเพราะเจ้าของร้านทั้งสองคนหล่อกันทั้งคู่ จะว่าผมหลงตัวเองไม่ได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาทานอาหารร้านผมนั้นเป็นสาว ๆ กันซะมากกว่าคงไม่ต้องบอกพวกคุณที่ตามแจงมาก็คงจะรู้ว่าผมกับภามเป็นคู่รักร่วมเพศ เป็นคู่เกย์กันขอสารภาพตามตรงนะครับว่าตอนแรกผมก็ไม่คิดที่จะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาผมชอบผู้หญิงมาตลอด แต่แล้วจู่ ๆ ชีวิตที่เจอแต่ความผิดหวังก็ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป อาจจะเพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากการประชดชีวิตที่คบใครก็มีแต่โดนทิ้ง โดนหักหลังมาตลอดผมก็เลยลองมองหาผู้ชายดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องเจอกับความเสียใจ เหมือนตอนที่คบกับผู้หญิงจุดเปลี่ยน จุดแปลกใหม่ในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมต้องมากลายเป็นฝ่ายรับจากผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกัน ตอนนั้นขอเรียกเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกันนะครับที่เรียกวันไนท์สแตนด์ก็เพราะอยากจะทดลองก่อนที่จะเริ่มมีคนรักที่เรียกว่าเพศเดียวกันและผู้ชายคนแรกที่ไ
“พวกแกจะบ้ากันหรือไง ทำอะไรกันอยู่ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!!!” แม่พูดเสียงสั่นดวงตากำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่านกำลังมองฉันและพี่ชาย“แค่เรารักกัน ทำไมแม่ไม่เข้าใจ”“รักกันฉันเข้าใจ แต่พวกแกจะรักกันแบบนี้ไม่ได้ พี่น้องจะรักกันแบบนี้ไม่ได้”“แม่…”“หยุดเรื่องน่ารังเกียจนี้ซะยัยแพท แกเป็นถึงครู แกไม่ควรให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” แม่หยิบยาดมขึ้นมาสูดดม“เรารักกันครับแม่ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันได้เหรอครับ แม่ครับ…”“เงียบปากไปเลยพีค นี่พวกแกเป็นบ้ากันหรือไง กำลังทำอะไรอยู่ ทำอะไรทำไมไม่คิดถึงใจฉันบ้าง” แม่ของฉันเริ่มหลั่งน้ำตาฉันกับพี่ชายกำลังทำให้แม่บังเกิดเกล้าเสียใจ เพราะเราทั้งสองตัดสินใจกลับมาบ้านและบอกเรื่องราวที่เราสองคนได้แอบทำร่วมกันมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อแม่ได้ยินเรื่องที่พี่ชายเป็นคนเอ่ยปากเริ่มเล่า ท่านก็เริ่มหน้าซีด และหลั่งน้ำตาน้ำตาของแม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก แต่เมื่อพูดออกไปแล้วคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก และคงต้องยอมรับความจริงซึ่งมันดูเหมือนเราทั้งคู่บีบบังคับให้แม่ยอมรับเรื่องของเราเรื่องระยำที่เราแอบทำ“แม่คะ แพทขอโทษ แต่
“คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรแพท” เมื่อฉันก้าวขาเข้ามาในห้องของคอนโด พี่ชายที่พ่วงด้วยตำแหน่งสามีก็เริ่มโวยวาย“ยุ่งอะไรด้วย” ฉันวางของแล้วเดินหนี“นี่ผัว”“ผัวคนอื่นน่ะสิ” ฉันสวนกลับทันที“ไม่โดนเอาหลายวันเลยปากดีว่างั้น” พีคเดินมาดึงฉันเข้าหาตัว“อย่ามาพูดแบบนี้ เราเลิกกันแล้ว ถอยไป” ฉันชักสีหน้าและน้ำเสียงไม่พอใจ“พี่ไม่เคยเลิก และอย่าคิดจะมีใหม่ มาย้ำความสัมพันธ์กันเถอะจะได้จำว่าไม่ควรไปสนิทกับผู้ชายคนไหน” พีคว่าและอุ้มฉันขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็พาฉันเดินเข้ามาในห้องนอนวางฉันลงที่เตียงนอน“ออกไปเดี๋ยวนี้ เราเลิก…อื้อ” กลีบปากหนาประกบชิดที่ริมฝีปากของฉัน คำพูดถูกกลืนหาย สัมผัสที่คุ้นเคยมานานหลายปีถูกแทรกเข้ามาแทน“อย่าบอกว่าเราเลิกกัน พีครักแพท รักแพทมาก ๆ” พี่ชายของฉันถอนจูบออกและพูดออกมา ในขณะที่พูดเขาก็ดึงกางเกงชั้นในของฉันออก และใช้นิ้วเข้ามาเขี่ยที่รูร่องแคบ จังหวะเดียวกันกับการป้อนจูบให้ฉันเคลิบเคลิ้มอีกครั้ง และอีกครั้ง จูบซ้ำ ๆ ย้ำอยู่แบบนั้นกระทั่งแท่งเอ็นสอดเข้ามาในช่องแคบของฉัน เอ็นแท่งเดียวที่มีโอกาสได้เข้า และคงจะเป็นดุ้นเดียวตลอดไปปึก!“อ้ะ! มันจุกนะพีค” ฉันร้องเพราะพีคกระแท
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…หลังจากที่ฉันย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง ภาพขวางหูขวางตาที่ต้องเห็นคนรักสวีตหวานกับภรรยาของเขาก็ไม่ปรากฏให้ฉันได้เจ็บปวดหัวใจจะมีก็แต่ความคิดถึง ซึ่งฉันคิดถึงเขามาก ฉันร้องไห้ตาบวมไปสอนเด็กทุกวันก็ฉันรักเขามาตั้งนาน จะไม่ให้คิดถึงเลยฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้นะ เพราะฉันคิดถึงเขามาก มากสุดหัวใจเขาโทรมา ส่งข้อความมา แต่ฉันเพิกเฉยฉันไม่อยากจะเป็นชู้อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากทำเรื่องแบบนั้นอีก“ครูแพทไปไหนต่อไหมครับ” เสียงของครูหนุ่มเอ่ยทักฉันค่ะ“แพทว่าจะกลับคอนโดเลยค่ะ ครูหนุ่มมีอะไรให้แพทช่วยเหรอคะ” ฉันตั้งคำถามเผื่อว่าครูหนุ่มจะมีอะไรให้ฉันช่วยเหลือเรื่องงานของเขาครูหนุ่มคือครูที่ย้ายมาสอนแทนครูเอกที่สอนวิชาพละศึกษา“อ้อ ผมแค่ต้องการจะถามอุปนิสัยเด็กชั้นม. 4/3 บางคนน่ะครับ เห็นครูแพทสอนเด็กห้องนั้นด้วย พอดีรู้สึกเหมือนจะมีเด็กที่แตกต่างอยู่ครับ”“อ๋อ ถ้างั้นเด็กคนไหนคะ เอ่ยชื่อมาเลย แพทก็ค่อนข้างจดจำเด็กห้องนั้นได้พอสมควร”“จะเป็นอะไรไหมครับถ้าหากว่าจะไปทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วพูดคุยกันไป” ครูหนุ่มพูดแล้วจับลูบที่หลังคอตัวเองฉันพอจะเข้าใจที่ครูหนุ่มสื่อแล้วล่ะเพ
“ฮัลโหลลล สามี มิสยูที่สุด” พนักงานแอร์ของสายการบินหนึ่งเดินเข้ามาสวมกอดผม“เหนื่อยไหม” ผมผละกอดออกและลากกระเป๋าเดินทางให้เธอ“ไม่อะ แต่ตอนนี้หิว แวะหาอะไรทานด้วยนะคะที่รัก”“อยากกินอะไร”“สเต็กโคขุนแล้วกัน”“โอเค”จากนั้นผมและเธอก็เดินมาที่ลานจอดรถครับ ผมชื่อ ‘พีค’ เป็นเพื่อนกับไอ้ยิม และไอ้แจง ที่นั่งเบาะข้างกายผมอยู่ตอนนี้ก็คือ ‘ภรรยา’ ใช่ครับ ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ถูกต้องตามหัวใจที่เรียกร้องเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคือน้องสาวของผม เธอชื่อ ‘แพท’ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักแตกต่างจาก ‘ครีม’ ผู้หญิงที่แม่ของผมหาให้ ผมยอมแต่งงานกับครีมเพราะไม่อยากให้แพทต้องโดนบังคับแต่งกับผู้ชายอื่นที่แม่เลือกให้ ผมก็เลยเลือกที่จะแต่งเองและก็กลายเป็นว่าผมผิดคำพูด เห็นแก่ตัว ผิดสัญญา“บนรถดีไหมพีค ครีมอยากตื่นเต้นอะ” ขณะที่ผมกำลังจะขับรถออกจากลานจอดรถของสนามบินครีมเธอก็เริ่มเอ่ยชวนพร้อมการเล้าโลม“คนเยอะ”“แต่รถติดฟิล์มดำไง นะ ๆ ตื่นเต้นดีออก ขย่มกันตอนที่คนเดินผ่านไปมา ไหนดูซิ น้องชายของพีคคิดถึงน้องของครีมไหมน้า” แล้วครีมก็เริ่มลูบตรงเป้าของผมพร้อมกับรูดซิปลง“ครีม…” ผมเผลอครางออกมาเพราะเธอใช้ปาก