เจนรีบร้อนเดินออกจากคอนโดด้วยจังหวะก้าวที่เร่งร้อน ภายในหัวของเธอเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ไหลย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว
งานเลี้ยงเฟรชชี่ต้อนรับน้องใหม่ในฐานะรุ่นพี่ปีสาม เธอ ฟ้า และแจงได้รับมอบหมายให้ดูแลบรรยากาศในงาน รวมถึงคอยแจกเครื่องดื่มให้บรรดารุ่นน้องที่มาร่วมสนุก แต่ดูเหมือนจะมีไอ้บ้าที่ไหนซักตัวคิดกิจกรรมสุดบ้าขึ้นมาเพื่อเพิ่มสีสันให้ค่ำคืน
“ถ้ารุ่นน้องได้รับการดูแลจากพี่รหัสอย่างดี ให้ยกแก้วเหล้าให้พี่รหัสดื่มเป็นรางวัล!”
เสียงประกาศดังลั่น
ความซวยของเธอคือ—เจนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในฐานะรุ่นพี่ เธอไม่อยากทำให้น้องๆ ผิดหวัง เลยจำใจรับแก้วที่ส่งมาแบบปฏิเสธไม่ได้ ความวุ่นวายที่รุ่นน้องต่อแถวมาอย่างไม่ขาดสายทำให้เธอไม่รู้เลยว่าดื่มไปกี่แก้ว รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทุกอย่างมืดสนิท
และเมื่อเธอตื่นขึ้นในวันถัดมา—เธอกลับพบตัวเองบนเตียงกว้างในสภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้น... กับเขา!
เชษ หนุ่มหล่อสุดฮอตแห่งคณะวิศวะที่ใครๆ ต่างหมายปอง ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาคือจุดสนใจเสมอ เป็นผู้ชายที่สาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยอยากจะครอบครอง
เจนยิ่งเดิน ยิ่งเม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา แต่ไม่ใช่เพราะความเขินอาย หากแต่เป็นเพราะความรู้สึกไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นอีกเลย!
เจนทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มทันทีที่กลับถึงห้อง ใบหน้าสวยหวานฉายแววอ่อนล้าจากเหตุการณ์หนักหน่วงเมื่อคืน ท้องน้อยของเธอปวดหน่วงจนต้องเอามือกุมเบาๆ ความทรงจำที่พร่าเลือนเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด
“แม่งเอ๊ย... เมื่อคืนไอ้บ้านั่นทำกี่รอบกันแน่วะ?” เธอสบถกับตัวเองเสียงเบา ความร้อนที่พุ่งพล่านเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความเหนื่อยอ่อนและหงุดหงิด เธอพลิกตัวอย่างไม่สบอารมณ์ ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนออกจากห้องนั้นจะกลับมาในหัว
ซากถุงยางที่กองกระจัดกระจายรอบเตียง... หกหรือเจ็ดชิ้น
เจนถอนหายใจยาว
“เฮ้อ... เอาวะ ไว้ตื่นค่อยไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินกันไว้ก่อนละกัน” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางหลับตาลงบนหมอนเย็นเฉียบ
เสียงข้อความแจ้งเตือนจากมือถือที่ดังรัวๆ ไม่อาจปลุกให้เธอใส่ใจได้อีกต่อไป เจนปล่อยให้ตัวเองจมหายไปในความง่วงทันที โดยไม่รู้เลยว่า ข้อความที่เข้ามานั้นกำลังจะนำพาความยุ่งยากมาให้เธออีกครั้ง...
เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านบางสีขาว เจนพลิกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความง่วงงุน มือควานหามือถือที่วางอยู่ข้างหมอน เปิดดูด้วยสายตาครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่เพียงเสี้ยววินาที เธอก็เบิกตากว้าง
ข้อความแจ้งเตือนที่ขึ้นบนหน้าจอทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว
‘เจน... โทรกลับมาด่วน!’ — ฟ้า
‘เมื่อคืนแกอยู่กับใคร?’ — แจง
‘แก... อยู่กับเชษ คณะวิศวะใช่มั้ย!?’ — ฟ้า
หัวใจของเจนเต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก เธอรีบกดโทรกลับไปหาฟ้า เสียงปลายสายดังเพียงไม่นานก็มีเสียงฟ้าโพล่งออกมา
“เจน! เมื่อคืนแกทำอะไรลงไป!”
“ฉันไม่รู้ว่าทำอะไร...” เจนตอบเสียงแผ่ว มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหน้าเบาๆ
“ฉันตื่นมาแล้วก็...”
ฟ้าพ่นลมหายใจทางสาย ก่อนพูดเสียงเร่งรีบ
“เชษโพสต์ข้อความลงในกรุ๊ปคณะวิศวะ! ตอนนี้มีแต่คนตามหาแกกันให้ควั่ก!”
เจนชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดเสียงต่ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เขาโพสต์อะไร?”
ฟ้าตอบทันที
“เขาบอกว่าเจอเนื้อคู่เมื่อคืน...” เสียงฟ้าชะงักไปเล็กน้อยเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ
“...แล้วก็มีคนคาดเดาว่าเป็นแก เพราะเขาโพสต์รูปเสื้อที่แกลืมไว้!”
“เวร!” เจนหน้าซีดเผือด ความรู้สึกอับอายและโมโหประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน เธอกำมือถือแน่นจนแทบจะบีบมันแตก
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เจนคำรามในคอ เสียงสะท้อนออกมาเต็มไปด้วยความเดือดดาล ก่อนฟ้าจะพูดจบ เจนก็ตัดสายทิ้งทันที
เจนรีบลุกจากเตียงด้วยความหงุดหงิดและตื่นตระหนก มือข้างหนึ่งยังถือมือถือไว้แน่น อีกข้างกวาดหาชุดที่พอจะใส่ออกไปได้ในตู้เสื้อผ้า
เธอเลือกเสื้อยืดสีดำเรียบๆ พอดีตัว กับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ขาดตรงเข่าเล็กน้อย เพิ่มด้วยรองเท้าผ้าใบคู่เก่งที่วางอยู่ข้างประตู หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เธอก็รวบผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่กระเซอะกระเซิงจากการนอนเป็นหางม้าสูงแบบลวกๆ เผยให้เห็นต้นคอระหง
เธอมองกระจกในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นใบหน้าที่แทบไม่เหลือคราบเครื่องสำอางจากเมื่อคืน เหลือเพียงความซีดจางเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่สนใจเรื่องความเรียบร้อยของตัวเองในตอนนี้
“เดี๋ยวค่อยกลับมาแต่งหน้าก็ได้ ตอนนี้ต้องไปเจอไอ้บ้านั่นก่อน!” เจนพึมพำพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้างในมีโทรศัพท์ กุญแจ และเงินสดนิดหน่อย
เธอสะพายกระเป๋าแล้วเปิดประตูออกไปด้วยจังหวะก้าวที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ในหัวของเธอมีเพียงเป้าหมายเดียว—ไปหาคนต้นเรื่องที่ทำให้ชีวิตเธอต้องวุ่นวายในเช้านี้!
เจนเดินเร็วแทบจะกลายเป็นวิ่งออกจากคอนโด ลมเย็นที่ปะทะใบหน้าไม่อาจดับความร้อนในอกของเธอได้เลย เธอรีบเรียกแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาพร้อมบอกปลายทางอย่างเร่งร้อน
"ไปคณะวิศวะค่ะ เร็วๆ เลย!"
คนขับแท็กซี่หันมามองเธอเล็กน้อยก่อนจะออกรถ ทิ้งให้เจนนั่งอยู่เบาะหลังด้วยความร้อนใจ มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าพลางสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์เมื่อคืน
ภาพเขา... เชษ ที่ตอนนี้ดูจะกวนใจเธอมากกว่าที่ควร
“เนื้อคู่บ้าอะไรของเขา... โพสต์แบบนั้นต้องการอะไร?” เจนพึมพำพลางเม้มปากแน่น เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะปล่อยให้ตัวเองถูกมองเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นง่ายๆ
เมื่อถึงคณะวิศวะ เจนจ่ายค่าแท็กซี่และก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เธอเดินเข้าไปในอาคาร เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองมา เสียงกระซิบกระซาบของกลุ่มนักศึกษายิ่งทำให้ความร้อนในแก้มเพิ่มขึ้น
“นั่นเจนรึเปล่า?”
“ใช่คนที่เชษพูดถึงปะ?”
“เนื้อคู่? จริงดิ!”
เจนสูดลมหายใจลึก กดความอับอายไว้ในใจ ก่อนจะก้าวตรงไปยังกลุ่มเพื่อนของเชษที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของลานคณะ
“นายเชษล่ะ!” เธอถามเสียงเรียบ แต่แฝงด้วยความเด็ดขาด
กลุ่มเพื่อนของเชษหันมามองเธอด้วยสายตากึ่งตกใจกึ่งสนใจ หนึ่งในนั้นยิ้มมุมปากก่อนจะชี้นิ้วไปทางสนามบาส
“อยู่ตรงนั้นครับ พี่เจน”
เจนเดินตามที่เขาบอก ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา แต่ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น หากแต่เป็นความโกรธ
เมื่อมาถึงสนามบาส เธอเห็นเชษในชุดเสื้อยืดสีเทาและกางเกงกีฬา กำลังเล่นบาสอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางกลุ่มเพื่อน เขาดูผ่อนคลายและไม่มีท่าทีสำนึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด
“นายเชษ!”
เสียงตะโกนของเจนทำให้ทุกคนในสนามหยุดชะงัก เชษหันมามองพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบของเขาสบตาเธอด้วยแววตาขี้เล่น
“อ้าว มาเร็วเหมือนกันนะ” เขาพูดเสียงทุ้ม ทำเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติ
เจนเดินเข้าไปหาเขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ
“นี่นาย!! โพสต์บ้าอะไรลงไป! ลบเดี๋ยวนี้!”
เชษหัวเราะเบาๆ ยกมือเสยผมที่ปรกหน้าเพราะเหงื่อขึ้นไปเบาๆ
“โพสต์อะไรล่ะ? ก็แค่บอกความจริง...” น้ำเสียงของเขาราวกับจะยั่วโมโห
เจนกัดริมฝีปากจนแน่น ความโกรธทำให้มือเล็กกำเข้าหากันจนสั่น
“ความจริงบ้าอะไร!”
“เอ้าก็เรื่องที่เรา...”
“หยุดเลยนะ!! มันก็แค่เมาปะ” เธอกระซิบเสียงดุ ราวกับกลัวว่าคำพูดของตัวเองจะดังเกินไป
เชษยิ้มมุมปาก โน้มตัวเข้ามาใกล้จนระยะห่างระหว่างพวกเขาเหลือเพียงลมหายใจบางเบาคั่นกลาง ดวงตาคมกริบของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ ราวกับต้องการค้นทุกความลับในใจ
“จริงเหรอ? ฉันคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างต่างหากล่ะ...”
หัวใจเจนเต้นแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะโกรธหรือเพราะคำพูดของเขากันแน่ ดวงตาคมสีน้ำตาลที่จ้องมองเธอราวกับจะสำรวจไปทั้งร่าง ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
“นี่นาย!!” เจนกัดริมฝีปากแน่นพยายามสะกดอารมณ์โกรธ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขายิ่งทำให้ความอดทนของเธอขาดสะบั้น
“ฮึ๊ย!! เสียเวลาคุยกับคนแบบนายจริงๆ”
เธอสะบัดหน้า หมุนตัวเดินหนีไปทันทีด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ยังไม่ทันเดินพ้นสนาม เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเชษดังไล่หลังมา
“ไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ? เดี๋ยวเราก็ต้องเจอกันอีกอยู่ดี...”
คำพูดนั้นทำให้เจนหยุดชะงักไปชั่วครู่ แต่เธอเลือกจะไม่ตอบสนอง และก้าวเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งให้คนตัวโตยืนยิ้มกริ่มอยู่ตรงนั้น ราวกับเขาเป็นผู้ชนะในศึกเล็กๆ ระหว่างพวกเขา
เจนเดินออกจากสนามบาสด้วยจังหวะก้าวเร่งรีบ ความโกรธยังตีวนอยู่ในอก แต่ยิ่งพยายามลืมก็ยิ่งนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์ของเชษที่มองเธออย่างเหนือกว่า เธอกัดฟันแน่น พยายามสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปยังไม่ทันเดินพ้นเขตคณะดี เสียงมือถือในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้น เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา เห็นชื่อฟ้าปรากฏอยู่บนหน้าจอเจนกดรับสายทันที “ว่าไง?”“เจน! แกอยู่ไหนเนี่ย?เมื่อกี้เพื่อนฉันบอกว่าเห็นแกอยู่กับเชษ จริงปะ?” ฟ้าถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนอยากรู้อยากเห็นเจนกลอกตาและถอนหายใจ“ก็... เออ ฉันไปหาเขามา แต่แค่ไปเคลียร์เรื่องโพสต์บ้าๆ นั่น! แล้วอีกอย่าง...มันไม่ใช่แบบที่แกคิด”“ไม่ใช่แบบที่ฉันคิด?แล้วมันแบบไหนกันยะ? "เจนเม้มริมฝีปากแน่น ความหงุดหงิดและอึดอัดพุ่งขึ้นในอก เธอไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน“ฉันไม่รู้!”ฟ้าทำเสียงอืมในลำคอเหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เอางี้ เดี๋ยวฉันไปหาแกที่ห้อง แกค่อยเล่าให้ฟัง โอเคมะ? "“เออ ก็ได้” เจนตอบสั้นๆ ก่อนจะกดวางสายเธอเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นในใจ แล้วเดินออกจากเขตคณะอย่างเร่งรีบ แม้จะพยายามสลัดคว
เช้าวันใหม่ เจนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงข้อความแจ้งเตือนจากมือถือ เธอคว้ามือถือขึ้นมาอ่านด้วยอาการงัวเงีย แต่เมื่อเห็นข้อความจากฟ้าที่ส่งมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที‘แก เชษเดินมาหาที่คณะบัญชีตอนฉันกลับ! เดินชิลๆ เหมือนมาเที่ยว คนทั้งคณะมองกันตาแทบไม่กระพริบ รีบจัดการเรื่องนี้เถอะก่อนจะวุ่นไปกว่านี้!’เจนกัดริมฝีปากแน่น ความรำคาญและอายประดังเข้ามาพร้อมกัน เธอโยนมือถือลงบนเตียงอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง“โอ๊ย! จะอะไรนักหนาวะ…” เจนพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพิมพ์ตอบกลับหาฟ้า‘วันนี้ฉันไม่ไปเรียน ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะ’ส่งข้อความเสร็จ เธอโยนมือถือลงบนเตียงอีกครั้ง คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ตัดสินใจกลับไปที่ค่ายมวยของที่บ้านแทน เธอรู้ว่าที่นั่นเป็นที่เดียวที่จะช่วยให้เธอหลบพ้นจากความวุ่นวายในหัวได้ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเสียงกระสอบทรายถูกต่อยดังก้องอยู่ภายในค่ายมวย ‘ศักดิ์ประภาไฟต์คลับ’ เจนกำลังซ้อมอยู่หน้ากระสอบทรายอย่างมีสมาธิ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาลูกศิษย์ที่ฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ“ซ้ายอีก! อย่าลืมบิดตัว!” พี่เดย์ พี่ชายคนเล็กที่รับหน้าที่เป
ภายในมหาวิทยาลัยเจนนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ยาวในมุมสงบของคณะ สายตาจับจ้องไปยังสมุดโน้ตตรงหน้าที่เต็มไปด้วยลายมือของเธอ ขณะที่มือข้างหนึ่งหมุนปากกาไปมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่มักดูมั่นใจ ตอนนี้กลับฉายแววครุ่นคิด“มาขยันอะไรตอนนี้เนี่ย?” เสียงฟ้าดังขึ้นขัดจังหวะ เจนเงยหน้าขึ้นทันที เห็นฟ้าและแจงเดินตรงเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มในมือ“ชาเย็นไข่มุก เพิ่มวิปครีมสุดโปรดของแก” ฟ้าวางแก้วลงตรงหน้าเจนพร้อมรอยยิ้มกว้างเจนถอนหายใจยาว หยิบแก้วขึ้นมาดูดหนึ่งอึกแล้ววางลง“ขอบใจนะ แต่วันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเรียนหรอก ฉันแค่...”แจงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมเท้าคางมองหน้าเพื่อน “แค่... เจอเรื่องอะไรมาอีกล่ะ?”เจนเลี่ยงโดยการดูดไข่มุกจากชาเย็นขึ้นมา ไม่ยอมตอบตรงๆ เธอไม่อยากเล่าเรื่องเชษให้ใครฟังอีก เพราะแค่คิดถึงเขา หัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างน่ารำคาญฟ้าสังเกตสีหน้าเพื่อนที่ดูตึงเครียด จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น“เอางี้ไหม? วันนี้หลังเลิกเรียนไปที่ผับของพี่คิงมะ? ไนท์อาวน์ ผ่อนคลายหน่อย”“ไนท์อาวน์?” เจนถามพร้อมเลิกคิ้วแจงพยักหน้าเสริม“ผับพี่ชายยัยฟ้านั่นแหละ บรรยากาศดี ดนตรีสดก็เริ่ด แล้วฉันรู้นะว่าแกน่ะ ไม่ได้เที่ยวที่ไ
“เจน?” เสียงชายหนุ่มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังเจนหันไปมอง ก่อนจะเห็นโต๊ดและเจษเดินตรงมาที่โต๊ะ“อ้าว โต๊ด เจษ มายังไงเนี่ย?” เธอทักอย่างแปลกใจทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ต้องทำงานกลุ่มด้วยกันในวิชาการตลาด ซึ่งมีพรีเซนต์ส่งอาจารย์ทุกสองสัปดาห์“พวกเรามาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เธอสิแปลก อยู่ดีๆ มาเที่ยวได้” เจษพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างเจนอย่างไม่ต้องขออนุญาต“เบื่อๆ เซ็งๆ เลยออกมาผ่อนคลาย” เจนตอบเรียบๆ พลางหันมองไปทางฟลอร์เต้นรำที่เริ่มคึกคักขึ้น เมื่อดนตรีสดพักการแสดง และดีเจเริ่มเปิดเพลงจังหวะสนุกเจษยิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้าใกล้เล็กน้อย“เบื่อๆ เซ็งๆ งั้นเหรอ งั้นไปสนุกกันหน่อยดีมั้ย?”เจนเลิกคิ้วมองเขา “สนุกอะไร?”เจษพยักเพยิดไปทางฟลอร์“ไปเต้นไง ฉันรู้ว่าเธอชอบเพลงนี้”“เฮ้ย ไม่เอา ฉันเต้นไม่เป็น” เจนรีบปฏิเสธทันที“ใครบอกต้องเต้นเป็น แค่ไปปล่อยตัวปล่อยใจสนุกๆ เดี๋ยวฉันช่วย” เจษยื่นมือมาให้เธอ พร้อมสายตาที่มองมาเหมือนจะไม่รับคำปฏิเสธฟ้ากับแจงที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองพร้อมกัน ก่อนจะยิ้มขำแล้วสะกิดเจน“ไปเถอะ อย่าให้พวกฉันเสียโอกาสดูฉากเด็ดแบบนี้”เจนกลอกตา แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นม
อีกด้านหนึ่งเจนเดินกลับไปที่โต๊ะ ฟ้าและแจงมองเธอด้วยสายตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่มีอะไร” เจนตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำแอปเปิ้ลโซดาขึ้นมาดื่มฟ้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบแจงเบาๆ“แกว่า... เจษหรือเชษ?”แจงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าใคร ก็วุ่นวายแน่ๆ”เจนฟังเสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน แต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกเธอคาดเดาไป ตอนนี้ตัวเธอรู้สึกแค่ว่า เชษกำลังทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้นในผับไนท์อาวน์หลังจากเชษเห็นเจนเดินออกไปพร้อมฟ้าและแจง เขากลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ดวงตาคมยังมองไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไร้จุดหมาย“เป็นอะไร?ทำหน้าเหมือนหมาหงอยโดนทิ้ง” โจ้ เพื่อนสนิทแซะด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางกระดกเหล้าเชษไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด“พี่เชษ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้างโจ้หันไปมองทันที ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยสัดส่วนเย้ายวน ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนส่งประกายภายใต้แสงไฟ เธอส่งยิ้มหวานให้เชษ ก่อนจะเลื่อนตัวลงนั่งข้างเขาโดยไม่รอคำเชิญเชษเลิกคิ้วเล็กน้อย“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย“หนูชื่อมินนี่ค่ะ
เชษฐา วรวิชญานนท์ หรือ เชษ ชายหนุ่มหล่อผู้เติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในวงการก่อสร้าง พ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนแม่เป็นนักออกแบบภายในชื่อดัง บ้านที่หรูหราและเครือข่ายทางสังคมกว้างขวางคือโลกที่เขาเติบโตมาด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น สูง 185 ซม. ดวงตาคมที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ เชษมักเป็นจุดสนใจของสาวๆ แต่ลึกๆ เขากลับ ‘ไม่เชื่อในความรัก’ การเติบโตในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เขามองความรักในแง่ลบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผูกพัน เขาเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ เฟิร์น เพื่อนสาวคนสนิทจากกลุ่มเพื่อนวิศวะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มจากข้อตกลงง่ายๆ ว่าจะมีแค่เรื่องทางกายโดยไม่มีข้อผูกมัดทางใจแต่สิ่งที่เชษไม่เคยรู้คือ เฟิร์นเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้มาเนิ่นนาน เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะหันมามองและเลือกเธอ แทนที่จะเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเช้าวันหนึ่งในห้องเรียนวิชาการตลาดซึ่งเป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้เอง เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้อง ท่าทางเหมือนกำลังฟังอาจารย์สอน แต่ความจริงสายตาเ
วันสุ่มจับคู่ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 3 จากทั้งสองคณะต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเต็มพื้นที่ บรรยากาศคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและความตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีที่จัดเตรียมไว้สำหรับการประกาศรายชื่อ“นี่ถ้าฉันจับคู่ได้กับคนขี้เกียจ จะทำไงดีเนี่ย?” แจงพึมพำเบาๆ พลางถอนหายใจ“ก็ทำใจสิ แก” ฟ้าหัวเราะเสียงใส ก่อนตบไหล่เพื่อนเบาๆ“เอาน่า ไม่แน่นะ แกอาจโชคดีก็ได้”ทันใดนั้น เสียงประกาศจากไมโครโฟนดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง“ขอให้นักศึกษาทั้งสองคณะเตรียมตัวสำหรับการสุ่มจับคู่ ทีมของคุณ จะขึ้นอยู่กับโชคชะตา... หรืออาจจะเป็นโอกาสที่คุณได้พบคนที่ใช่สำหรับงานนี้”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นระลอกในกลุ่มนักศึกษา หลายคนแอบกระซิบกระซาบถึงความตื่นเต้น“เอาล่ะ เราจะเริ่มการสุ่มจับคู่โดยใช้ระบบออนไลน์ ทุกคนสามารถตรวจสอบรายชื่อคู่ของตนเองได้จากหน้าจอที่จะแสดงผลทันที”แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่ลง หน้าจอขนาดใหญ่เริ่มฉายผลการจับคู่แบบเรียลไทม์ รายชื่อนักศึกษาจากทั้งสองคณะถูกจับคู่โดยระบบอัตโนมัติ ชื่อทีละชื่อค่อยๆ ปรากฏขึ้นเจนมองหน้าจออย่างจดจ่อ ฟ้ากับแจงที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าไม่ต่างกัน“มา
วันรุ่งขึ้น: ห้องสมุดมหาวิทยาลัยช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เจนเดินตรงมายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเรียนมาทั้งวัน เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่นัดไว้ และพบเชษกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุดร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมจับจ้องหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่มือเลื่อนเมาส์และพิมพ์งานอย่างตั้งใจ รอบตัวเขามีเอกสารวางเป็นระเบียบ ทั้งชีตข้อมูล ไอเดียการออกแบบ และตัวเลขที่คำนวณอย่างละเอียดเจนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเขา“นายมานานแล้วเหรอ?”เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์“สักพัก แต่ไม่เป็นไร ฉันกำลังตรวจแบบแผนงานอยู่”“แผนงาน?” เจนถามด้วยความสงสัยเชษยื่นเอกสารบางส่วนให้เธอ“นี่คือรายละเอียดโครงการที่จะส่งเข้าประกวด มันคือการออกแบบระบบ ‘พลังงานหมุนเวียนในชุมชน’ ”เจนเปิดเอกสารอ่าน ดวงตาเริ่มจับจ้องรายละเอียดที่ซับซ้อน“แนวคิดคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็ก เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในชุมชนที่ห่างไกล แถมยังสามารถเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแดดหรือลม”เชษพูดต่อพร้อมเลื่อนภาพกราฟิกจำลองให้เธอดู
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน
ภายในห้องแกรนด์ฮออล์ของโรงแรม Aurora Heights หรูหราใจกลางเมือง สถานที่จัดงานแถลงข่าวและพิธีเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ ‘เซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์’ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของย่านธุรกิจพื้นที่ภายในถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโทนสีทองและขาว โต๊ะลงทะเบียนสำหรับแขกผู้มีเกียรติถูกตั้งไว้หน้าประตูเข้างาน ด้านในมีเวทีขนาดใหญ่พร้อมแบ็กดรอปที่แสดงชื่อโครงการและโลโก้ของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่น และ ‘Phoenix Development Group’ เจ้าของโครงการ ซึ่งนำโดย คุณอนุชิต วิจิตรกาญจนา ซีอีโอหนุ่มไฟแรงกล้องจากนักข่าวหลากหลายสำนักถูกตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อจับภาพเหตุการณ์สำคัญ โต๊ะนักข่าวเต็มไปด้วยเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการ และขนมขบเคี้ยวที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้บรรยากาศภายในงานคึกคักตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธี แขกผู้มีเกียรติในวงการธุรกิจ นักการเมือง และนักลงทุน ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เสียงแฟลชจากกล้องนักข่าวที่ประจำการอยู่หน้าเวทีดังขึ้นเป็นระยะเชษและเจนก้าวเข้ามาในงานอย่างเงียบๆ ทั้งคู่เลือกที่จะยืนแอบอยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักเชษอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบ
วันถัดมา เชษ โจ้ และเฟย์พากันไปเยี่ยมเฟิร์นที่โรงพยาบาลเซนต์แพทริค โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลผู้ป่วยอย่างพิถีพิถันเมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP บนชั้นสูงสุด บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังสม่ำเสมอ และเสียงเตียงปรับระดับที่ขยับขึ้นลงเป็นระยะ ห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ตัดกับม่านโปร่งที่ปล่อยให้แสงแดดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเฟิร์นนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ดูซูบเซียวและอ่อนแรง ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยฟกช้ำชัดเจน โดยเฉพาะตรงแก้มทั้งสองข้างและมุมปาก ฟันหน้าที่โยกถูกดามไว้ด้วยลวดดัดชั่วคราว ทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ถนัดโจ้กับเฟย์ยืนเกร็งอยู่ใกล้ปลายเตียง ขณะที่เชษก้าวเข้าไปใกล้ เขามองเฟิร์นด้วยสายตาที่ผสมระหว่างความเห็นใจและความเย็นชา ขณะที่หมอประจำห้องเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่ถือแฟ้มข้อมูลผู้ป่วย“อาการเธอเป็นไงมั่งครับ?”“อาการของคุณเฟิร์นตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยังต้องพักรักษาตัวอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ครับ” หมอรายงาน พร้อมเปิดแฟ้มข้อมูล“ฟันที่โยกต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินอีก
วันรุ่งขึ้น เวลา 13.30 น.เจนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านมาทาบทับบนใบหน้า เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงรอบตัว เธอพยายามขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยแล่นผ่านเข้ามา“อื้อ...” เธอครางเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวไปอีกด้าน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างหนาที่นอนอยู่ข้างๆเจนเหลือบตามองเชษที่กำลังหลับสนิท แขนแกร่งยังพาดอยู่บนเอวของเธอเหมือนจะกอดไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึมในเวลาปกติ ตอนนี้กลับดูสงบ อ่อนโยน อย่างไม่น่าเชื่อว่า เมื่อคืนเขาจะดุดันและร้อนแรงกว่าทุกครั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวทันที‘ยัยบ้า! คิดอะไรเนี่ย!’เจนกัดริมฝีปากแน่น พยายามข่มความคิดที่วิ่งวุ่นในหัว เธอยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ ดันแขนเขาออกอย่างเบามือ แต่ร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น รั้งเธอไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ขยับไปไหน“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ยังแหบพร่าดังขึ้นข้างหู ทำให้เธอสะดุ้ง“อะ...นาย!”เชษลืมตาขึ้นมองเธอ ดวงตาคมกริบแฝงแววขี้เล่น เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดขึ้น“เป็