เช้าวันใหม่ เจนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงข้อความแจ้งเตือนจากมือถือ เธอคว้ามือถือขึ้นมาอ่านด้วยอาการงัวเงีย แต่เมื่อเห็นข้อความจากฟ้าที่ส่งมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที
‘แก เชษเดินมาหาที่คณะบัญชีตอนฉันกลับ! เดินชิลๆ เหมือนมาเที่ยว คนทั้งคณะมองกันตาแทบไม่กระพริบ รีบจัดการเรื่องนี้เถอะก่อนจะวุ่นไปกว่านี้!’
เจนกัดริมฝีปากแน่น ความรำคาญและอายประดังเข้ามาพร้อมกัน เธอโยนมือถือลงบนเตียงอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“โอ๊ย! จะอะไรนักหนาวะ…” เจนพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพิมพ์ตอบกลับหาฟ้า
‘วันนี้ฉันไม่ไปเรียน ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะ’
ส่งข้อความเสร็จ เธอโยนมือถือลงบนเตียงอีกครั้ง คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ตัดสินใจกลับไปที่ค่ายมวยของที่บ้านแทน เธอรู้ว่าที่นั่นเป็นที่เดียวที่จะช่วยให้เธอหลบพ้นจากความวุ่นวายในหัวได้
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เสียงกระสอบทรายถูกต่อยดังก้องอยู่ภายในค่ายมวย ‘ศักดิ์ประภาไฟต์คลับ’ เจนกำลังซ้อมอยู่หน้ากระสอบทรายอย่างมีสมาธิ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาลูกศิษย์ที่ฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ
“ซ้ายอีก! อย่าลืมบิดตัว!” พี่เดย์ พี่ชายคนเล็กที่รับหน้าที่เป็นโค้ชยืนดูอยู่ข้างๆ พร้อมตะโกนแนะนำ
เจนต่อยกระสอบทรายไปเรื่อยๆ พยายามใช้แรงทั้งหมดระบายความหงุดหงิดในใจ เหงื่อไหลชุ่มไปทั่วร่าง แต่เธอไม่สนใจ เธอแค่ต้องการให้สมองปลอดโปร่งจากเรื่องวุ่นวาย
“เป็นอะไรไป วันนี้ดูอัดอั้นนะ” พี่เดย์ถามเมื่อเห็นน้องสาวท่าทางไม่ปกติ
“เปล่าค่ะพี่” เจนตอบกลับสั้นๆ แต่เสียงของเธอกลับฟังดูห้วนจนเดย์ต้องเลิกคิ้ว
“เปล่าที่ไหน หน้าบอกหมดแล้วนั่น”
เจนกลอกตา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร เสียงของพี่นนท์ พี่ชายคนกลางก็ดังขึ้นจากอีกด้านของค่าย
“เจน! มีคนมาหาแกที่หน้าค่าย!”
เธอหยุดต่อยทันที หันไปมองพี่นนท์ด้วยสีหน้าฉงน
“ใครมา?”
“ผู้ชาย ตัวสูงๆ หล่อใช้ได้” พี่นนท์ตอบพร้อมยิ้มแปลกๆ
หัวใจของเจนกระตุกวูบ เธอรีบถอดนวมออกแล้วเดินตรงไปที่หน้าค่ายอย่างเร่งรีบ แต่พอเดินมาถึง เธอก็ชะงัก
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงยีนส์ยืนอยู่ข้างรั้ว ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มที่เธอคุ้นเคยหันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“ว่าไง สาวห้าว ฉันมาหาเธอ” เชษพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
เจนเม้มปากแน่น ความโกรธที่เธอพยายามระบายออกเมื่อครู่กลับพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
“นายมาทำอะไรที่นี่!”
เชษยกไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ
“ฉันมาขอสมัครเรียนมวย”
คำพูดของเขาทำเอาเจนทั้งอึ้งทั้งหงุดหงิด เธอขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“นี่นายคิดจะเล่นอะไรอีก?”
เชษหัวเราะเบาๆ
“ไม่ได้เล่น ฉันอยากเรียนจริงๆ แต่ถ้าฉันได้เจอเธอทุกวัน มันก็ถือว่าเป็นโบนัส”
เจนกัดฟันกรอด มองเชษอย่างไม่รู้จะจัดการเขายังไง แต่เสียงพี่เดย์ที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เธอชะงัก
“ถ้าสนใจจริง ก็เข้ามาสมัครได้เลย เรายินดีรับทุกคน!”
เชษหันไปยิ้มให้พี่ชายของเจน ก่อนจะเดินเข้ามาในค่ายด้วยท่าทีมั่นใจ ทิ้งให้เจนยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
เจนยังคงยืนมองตามร่างสูงของเชษที่เดินเข้าไปในค่ายด้วยท่าทางสบายๆ สายตาคนในค่ายเริ่มจับจ้องไปที่เขาอย่างสนใจ
“นี่เขา... มาได้ยังไง?” เจนพึมพำกับตัวเอง หัวใจเต้นระรัวด้วยความไม่สบายใจ
เธอรีบเดินกลับไปที่มุมพักของตัวเอง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกะจะโทรหาฟ้า แต่พอเปิดหน้าจอ มือถือก็โชว์ข้อความจากฟ้าที่ส่งมารัวๆ
‘เจน! แกอยู่ไหน!?’
‘เชษเขารู้ว่าแกอยู่ที่ค่ายมวยนะ!’
‘ขอโทษทีนะ ฉันหลุดปากบอกเขาไปเอง! เขาดันถามจี้จนฉันอึดอัด แกจะฆ่าฉันมั้ยเนี่ย TT’
เจนตาโตทันทีเมื่ออ่านจบ เธอกัดริมฝีปากแน่น ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นมาอีกระลอก
“ไอ้บ้าเชษ!”
เธอกดโทรหาฟ้าแทบจะทันที และอีกฝั่งก็กดรับสายเร็วเหมือนรู้ว่าเธอต้องโทรมา
“ฟ้า!” เสียงของเจนแทบจะตะโกน
“ทำไมแกบอกเขาว่าฉันอยู่ที่นี่!”
“โอ๊ย ใจเย็นเจน!” ฟ้าตอบเสียงอ่อย
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ! เขาถามซ้ำๆ แล้วสายตาเขาน่ะ มันกดดันฉันสุดๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!”
“แล้วนี่ฉันต้องมานั่งรับมือกับเขาที่ค่ายอีกเหรอ!” เจนกดเสียงต่ำอย่างหัวเสีย
ฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ฉันว่านายเชษเนี่ย ถ้าแกยิ่งไปโมโหใส่ เขาจะยิ่งสนุก แกต้องสงบสติอารมณ์ แล้วดูว่าหมอนั่นมันต้องการอะไรกันแน่”
เจนฟังแล้วรู้สึกว่าเพื่อนพูดถูก เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบใจ
“เออ...ฉันจะลองดู ขอบใจนะฟ้า”
“เออๆ ใจเย็นนะ มีอะไรก็โทรมา” ฟ้าพูดก่อนจะวางสาย
เจนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ขมวดคิ้วแน่น ในใจยังคงรู้สึกหงุดหงิดปนสงสัย แต่เธอรู้ว่าโมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในค่ายของเธอแล้ว เธอก็ต้องหาทางรับมือกับเขาให้ได้
อีกด้านหนึ่ง
เชษยืนคุยกับพี่เดย์ด้วยท่าทีผ่อนคลาย แม้จะโดนพี่ชายของเจนมองสำรวจเหมือนกำลังประเมินตัวเขาอยู่ก็ตาม
“อยากเรียนมวยจริงเหรอ?” พี่เดย์ถามพลางเลิกคิ้ว
“หรือแค่มาหาเรื่องสนุก?”
เชษยิ้มกว้าง
“ผมตั้งใจมาสมัครจริงๆ ครับ คิดว่าน่าจะช่วยให้ผมเรียนรู้วินัยอะไรบางอย่างด้วย”
พี่เดย์หรี่ตามองเขา เหมือนกำลังชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเหรอ...เอางี้ ถ้านายชนะน้องสาวฉันได้ ฉันจะยอมให้นายเรียนมวยที่นี่”
“หมายความว่ายังไงครับ?” เชษเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
พี่เดย์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกเจนที่เพิ่งเดินกลับมา
“เจน! มานี่”
“มีอะไรพี่?” เจนถามเสียงห้วน ขณะเดินเข้ามา สีหน้าแสดงความเบื่อหน่ายเต็มทีเมื่อเห็นเชษยืนอยู่
“เป็นคู่ซ้อมให้หมอนี่หน่อย” พี่เดย์พูดสั้นๆ พร้อมส่งยิ้มขำๆ
เจนชะงัก มองหน้าพี่ชายอย่างไม่อยากเชื่อ
“พี่พูดจริง?” ดวงตาเป็นประกายวาววับ เหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่
“ผมไม่อยากสู้กับผู้หญิ..” เชษพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันจบประโยค พี่เดย์ก็พูดแทรกขึ้นทันที
“คำพูดนั้น ไว้ชนะก่อนค่อยพูดเหอะ” น้ำเสียงพี่ชายติดจะเย้ยเล็กน้อย ก่อนจะหันไปโบกมือให้ลูกน้องในค่ายเตรียมสังเวียน
เจนพ่นลมออกจมูก มองหน้าเชษด้วยรอยยิ้มเยาะ
“กลัวเหรอ? ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปซะ”
คำพูดของเจนกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเชษ เขาเลิกคิ้วมองเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
“อืม... ถ้าเธอท้าขนาดนี้ ลองดูซักตั้งก็ได้”
เชษพับแขนเสื้อเชิ้ต ก่อนจะเดินตามเจนขึ้นไปบนสังเวียน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ขณะที่ทุกสายตาในค่ายจับจ้องไปที่พวกเขา
เสียงระฆังเริ่มต้นดังขึ้น เจนยืนอยู่กลางสังเวียน ท่าทางสงบนิ่ง ดวงตากลมโตจับจ้องเชษราวกับกำลังวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหวของเขา น้ำเสียงรอบข้างที่ส่งเสียงเชียร์ดังระงมไม่ได้ทำให้เธอเสียสมาธิแม้แต่น้อย
เชษเองก็ก้าวเข้าหาอย่างมั่นใจ ถึงเขาจะไม่มีประสบการณ์ต่อยมวยแบบจริงจัง แต่ก็มีฝีมือในการต่อยตีตามสไตล์เด็กวิศวะที่ผ่านศึกทะเลาะวิวาทมาบ้าง ดวงตาคมของเขาจับจ้องเจนเหมือนพยายามอ่านการเคลื่อนไหว
เขายกหมัดขึ้นตั้งการ์ดแบบที่เคยเห็นจากคลิปในอินเทอร์เน็ต แล้วพุ่งเข้าหาเจนทันทีที่เธอเริ่มขยับ
เจนหลบหมัดของเขาได้อย่างง่ายดาย ความเร็วของเธอเหนือกว่าเชษอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังประเมินฝีมือของเขา
“หมัดดีนะ แต่ยังไม่เร็วพอ” เธอพูดพลางเหวี่ยงหมัดสวนกลับไป หมัดตรงของเธอพุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเต็มแรง จนเชษเซไปด้านข้าง
เสียงเชียร์ดังลั่นในค่าย แต่เชษยังยิ้มออกมา
“หมัดหนักไม่เบานะ...”
เชษยิ้มมุมปาก สูดหายใจลึกแล้วพุ่งเข้าหาอีกครั้ง คราวนี้เขาออกหมัดซ้ายต่อยลำตัว หมัดขวาตรงเข้าหน้า แต่เจนยังคงหลบได้อย่างสวยงาม
“นายช้าจังนะ” เจนเย้าก่อนจะสวนหมัดฮุกเข้าใต้คางของเขา
แรงกระแทกทำให้เชษถอยหลังไปหลายก้าว เขากัดฟันแน่น ตั้งการ์ดขึ้นใหม่ ก่อนจะออกหมัดชุดเข้าใส่เจน หมัดแรกของเขาเกือบเฉียดปลายคางเธอได้ แต่เจนกลับก้มตัวหลบแล้วปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตเข้าชายโครง
เสียงกระแทกดังสนั่นทำให้ทุกคนในค่ายแทบกลั้นหายใจ เชษเริ่มเสียจังหวะ มือที่เคยตั้งการ์ดหล่นลงไปเล็กน้อย
เจนยิ้มมุมปาก สบโอกาสก้าวประชิดตัวเขา ก่อนจะปล่อยหมัดฮุกขวาเต็มแรงเข้ากรามของเขา
ปึก!
เชษล้มลงไปกองกับพื้น เสียงระฆังดังขึ้นเพื่อยุติการต่อสู้
ทุกคนในค่ายปรบมือดังสนั่น เสียงหัวเราะและคำพูดที่คล้ายจะเย้าก็ดังขึ้นรอบตัว
“คิดไว้แล้ว!”
“จะมาสู้เจน? ฝันไปเถอะ!”
“นี่แหละลูกสาวเจ้าของค่าย!”
พี่เดย์เดินเข้ามาข้างสังเวียน ยกมือปรบอย่างพอใจ
“เยี่ยมมากเจน ฝีมือไม่ตกเลย”
เจนหอบเล็กน้อย มองเชษที่ยังนอนอยู่บนพื้น เธอกระตุกยิ้มเย็นชา
“ลุกไหวมะ?”
เชษพยายามยันตัวขึ้นช้าๆ มือยกขึ้นแตะกรามที่เจ็บจนชา แต่เขายังยิ้ม
“ฉันยอมรับ เธอเก่งจริงๆ ...”
เจนยักไหล่
“ถ้ารู้แล้วก็กลับไปซะ”
เชษหัวเราะในลำคอ แม้จะเจ็บไปทั้งตัวแต่เขาก็ยังพูดออกมา
“คิดว่าแค่นี้จะทำให้ฉันยอมแพ้เหรอ?”
เจนกลอกตา ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันหลังเดินลงจากสังเวียน ปล่อยให้เชษนั่งยิ้มอยู่บนพื้นกลางสายตาคนทั้งค่ายที่กำลังวิจารณ์เขาอย่างออกรส
ภายในมหาวิทยาลัยเจนนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ยาวในมุมสงบของคณะ สายตาจับจ้องไปยังสมุดโน้ตตรงหน้าที่เต็มไปด้วยลายมือของเธอ ขณะที่มือข้างหนึ่งหมุนปากกาไปมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่มักดูมั่นใจ ตอนนี้กลับฉายแววครุ่นคิด“มาขยันอะไรตอนนี้เนี่ย?” เสียงฟ้าดังขึ้นขัดจังหวะ เจนเงยหน้าขึ้นทันที เห็นฟ้าและแจงเดินตรงเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มในมือ“ชาเย็นไข่มุก เพิ่มวิปครีมสุดโปรดของแก” ฟ้าวางแก้วลงตรงหน้าเจนพร้อมรอยยิ้มกว้างเจนถอนหายใจยาว หยิบแก้วขึ้นมาดูดหนึ่งอึกแล้ววางลง“ขอบใจนะ แต่วันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเรียนหรอก ฉันแค่...”แจงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมเท้าคางมองหน้าเพื่อน “แค่... เจอเรื่องอะไรมาอีกล่ะ?”เจนเลี่ยงโดยการดูดไข่มุกจากชาเย็นขึ้นมา ไม่ยอมตอบตรงๆ เธอไม่อยากเล่าเรื่องเชษให้ใครฟังอีก เพราะแค่คิดถึงเขา หัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างน่ารำคาญฟ้าสังเกตสีหน้าเพื่อนที่ดูตึงเครียด จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น“เอางี้ไหม? วันนี้หลังเลิกเรียนไปที่ผับของพี่คิงมะ? ไนท์อาวน์ ผ่อนคลายหน่อย”“ไนท์อาวน์?” เจนถามพร้อมเลิกคิ้วแจงพยักหน้าเสริม“ผับพี่ชายยัยฟ้านั่นแหละ บรรยากาศดี ดนตรีสดก็เริ่ด แล้วฉันรู้นะว่าแกน่ะ ไม่ได้เที่ยวที่ไ
“เจน?” เสียงชายหนุ่มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังเจนหันไปมอง ก่อนจะเห็นโต๊ดและเจษเดินตรงมาที่โต๊ะ“อ้าว โต๊ด เจษ มายังไงเนี่ย?” เธอทักอย่างแปลกใจทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ต้องทำงานกลุ่มด้วยกันในวิชาการตลาด ซึ่งมีพรีเซนต์ส่งอาจารย์ทุกสองสัปดาห์“พวกเรามาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เธอสิแปลก อยู่ดีๆ มาเที่ยวได้” เจษพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างเจนอย่างไม่ต้องขออนุญาต“เบื่อๆ เซ็งๆ เลยออกมาผ่อนคลาย” เจนตอบเรียบๆ พลางหันมองไปทางฟลอร์เต้นรำที่เริ่มคึกคักขึ้น เมื่อดนตรีสดพักการแสดง และดีเจเริ่มเปิดเพลงจังหวะสนุกเจษยิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้าใกล้เล็กน้อย“เบื่อๆ เซ็งๆ งั้นเหรอ งั้นไปสนุกกันหน่อยดีมั้ย?”เจนเลิกคิ้วมองเขา “สนุกอะไร?”เจษพยักเพยิดไปทางฟลอร์“ไปเต้นไง ฉันรู้ว่าเธอชอบเพลงนี้”“เฮ้ย ไม่เอา ฉันเต้นไม่เป็น” เจนรีบปฏิเสธทันที“ใครบอกต้องเต้นเป็น แค่ไปปล่อยตัวปล่อยใจสนุกๆ เดี๋ยวฉันช่วย” เจษยื่นมือมาให้เธอ พร้อมสายตาที่มองมาเหมือนจะไม่รับคำปฏิเสธฟ้ากับแจงที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองพร้อมกัน ก่อนจะยิ้มขำแล้วสะกิดเจน“ไปเถอะ อย่าให้พวกฉันเสียโอกาสดูฉากเด็ดแบบนี้”เจนกลอกตา แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นม
อีกด้านหนึ่งเจนเดินกลับไปที่โต๊ะ ฟ้าและแจงมองเธอด้วยสายตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่มีอะไร” เจนตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำแอปเปิ้ลโซดาขึ้นมาดื่มฟ้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบแจงเบาๆ“แกว่า... เจษหรือเชษ?”แจงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าใคร ก็วุ่นวายแน่ๆ”เจนฟังเสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน แต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกเธอคาดเดาไป ตอนนี้ตัวเธอรู้สึกแค่ว่า เชษกำลังทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้นในผับไนท์อาวน์หลังจากเชษเห็นเจนเดินออกไปพร้อมฟ้าและแจง เขากลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ดวงตาคมยังมองไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไร้จุดหมาย“เป็นอะไร?ทำหน้าเหมือนหมาหงอยโดนทิ้ง” โจ้ เพื่อนสนิทแซะด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางกระดกเหล้าเชษไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด“พี่เชษ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้างโจ้หันไปมองทันที ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยสัดส่วนเย้ายวน ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนส่งประกายภายใต้แสงไฟ เธอส่งยิ้มหวานให้เชษ ก่อนจะเลื่อนตัวลงนั่งข้างเขาโดยไม่รอคำเชิญเชษเลิกคิ้วเล็กน้อย“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย“หนูชื่อมินนี่ค่ะ
เชษฐา วรวิชญานนท์ หรือ เชษ ชายหนุ่มหล่อผู้เติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในวงการก่อสร้าง พ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนแม่เป็นนักออกแบบภายในชื่อดัง บ้านที่หรูหราและเครือข่ายทางสังคมกว้างขวางคือโลกที่เขาเติบโตมาด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น สูง 185 ซม. ดวงตาคมที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ เชษมักเป็นจุดสนใจของสาวๆ แต่ลึกๆ เขากลับ ‘ไม่เชื่อในความรัก’ การเติบโตในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เขามองความรักในแง่ลบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผูกพัน เขาเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ เฟิร์น เพื่อนสาวคนสนิทจากกลุ่มเพื่อนวิศวะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มจากข้อตกลงง่ายๆ ว่าจะมีแค่เรื่องทางกายโดยไม่มีข้อผูกมัดทางใจแต่สิ่งที่เชษไม่เคยรู้คือ เฟิร์นเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้มาเนิ่นนาน เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะหันมามองและเลือกเธอ แทนที่จะเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเช้าวันหนึ่งในห้องเรียนวิชาการตลาดซึ่งเป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้เอง เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้อง ท่าทางเหมือนกำลังฟังอาจารย์สอน แต่ความจริงสายตาเ
วันสุ่มจับคู่ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 3 จากทั้งสองคณะต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเต็มพื้นที่ บรรยากาศคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและความตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีที่จัดเตรียมไว้สำหรับการประกาศรายชื่อ“นี่ถ้าฉันจับคู่ได้กับคนขี้เกียจ จะทำไงดีเนี่ย?” แจงพึมพำเบาๆ พลางถอนหายใจ“ก็ทำใจสิ แก” ฟ้าหัวเราะเสียงใส ก่อนตบไหล่เพื่อนเบาๆ“เอาน่า ไม่แน่นะ แกอาจโชคดีก็ได้”ทันใดนั้น เสียงประกาศจากไมโครโฟนดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง“ขอให้นักศึกษาทั้งสองคณะเตรียมตัวสำหรับการสุ่มจับคู่ ทีมของคุณ จะขึ้นอยู่กับโชคชะตา... หรืออาจจะเป็นโอกาสที่คุณได้พบคนที่ใช่สำหรับงานนี้”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นระลอกในกลุ่มนักศึกษา หลายคนแอบกระซิบกระซาบถึงความตื่นเต้น“เอาล่ะ เราจะเริ่มการสุ่มจับคู่โดยใช้ระบบออนไลน์ ทุกคนสามารถตรวจสอบรายชื่อคู่ของตนเองได้จากหน้าจอที่จะแสดงผลทันที”แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่ลง หน้าจอขนาดใหญ่เริ่มฉายผลการจับคู่แบบเรียลไทม์ รายชื่อนักศึกษาจากทั้งสองคณะถูกจับคู่โดยระบบอัตโนมัติ ชื่อทีละชื่อค่อยๆ ปรากฏขึ้นเจนมองหน้าจออย่างจดจ่อ ฟ้ากับแจงที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าไม่ต่างกัน“มา
วันรุ่งขึ้น: ห้องสมุดมหาวิทยาลัยช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เจนเดินตรงมายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเรียนมาทั้งวัน เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่นัดไว้ และพบเชษกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุดร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมจับจ้องหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่มือเลื่อนเมาส์และพิมพ์งานอย่างตั้งใจ รอบตัวเขามีเอกสารวางเป็นระเบียบ ทั้งชีตข้อมูล ไอเดียการออกแบบ และตัวเลขที่คำนวณอย่างละเอียดเจนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเขา“นายมานานแล้วเหรอ?”เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์“สักพัก แต่ไม่เป็นไร ฉันกำลังตรวจแบบแผนงานอยู่”“แผนงาน?” เจนถามด้วยความสงสัยเชษยื่นเอกสารบางส่วนให้เธอ“นี่คือรายละเอียดโครงการที่จะส่งเข้าประกวด มันคือการออกแบบระบบ ‘พลังงานหมุนเวียนในชุมชน’ ”เจนเปิดเอกสารอ่าน ดวงตาเริ่มจับจ้องรายละเอียดที่ซับซ้อน“แนวคิดคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็ก เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในชุมชนที่ห่างไกล แถมยังสามารถเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแดดหรือลม”เชษพูดต่อพร้อมเลื่อนภาพกราฟิกจำลองให้เธอดู
เชษไม่หันกลับมาสนใจ มีเพียงรอยยิ้มขำที่แต้มอยู่บนมุมปาก ขณะพวกเขาเดินเคียงกันไปในความเงียบกระทั่งเสียง โครกกกก! ดังขึ้นจากท้องของเจนทำลายความสงบลง เชษหยุดเดินก่อนหันมามองเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นอย่างห้ามไม่ได้“หาอะไรกินก่อนกลับละกัน” เขาพูดขึ้นเรียบๆ“แต่—” เจนทำท่าจะค้าน แต่เชษยกคิ้วขึ้นนิดๆ“ท้องเธอร้องดังขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวล่ะ?” น้ำเสียงของเขาแฝงความขบขันเจนยืนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ เสียงท้องร้องเมื่อครู่ทำลายเหตุผลทั้งหมดที่เธอคิดจะอ้าง“ก็ได้...” เธอพึมพำเหมือนยอมจำนนเชษยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารใกล้ๆ โดยมีเจนเดินตามหลังมาเงียบๆ แม้จะยังทำหน้าขัดใจ แต่แก้มที่แดงนิดๆ ก็บ่งบอกว่าเธอเองก็เขินอยู่เหมือนกันร้านอาหารริมถนนเชษพาเจนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัย บรรยากาศเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ ที่ส่องอยู่เหนือโต๊ะไม้เล็กๆ“นั่งนี่แหละ” เขาพูดพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้เจนเจนมองเขาเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วหยิบเมนูขึ้นมาเปิด รายการอาหารในนั้นธรรมดาอย่างข้าวผัด ราดหน้า และแกงจืด“มาร้านแบบนี้...ไม่เข้ากับลุคของนายเลย
เชษเดินออกจากคอนโดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ภายในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่วุ่นวาย เขาตรงไปยังลานจอดรถส่วนตัว ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาMcLaren Artura สีดำเงาวาว ราวกับสะท้อนตัวตนที่ทั้งมั่นใจและหยิ่งทะนง เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำทันทีที่เขาสตาร์ทรถ เชษนั่งนิ่งครู่หนึ่ง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเหยียบคันเร่งเบาๆ รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดไปหน้าคอนโดสกายไลท์ของเจนเชษจอดรถหน้าอาคาร ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังทางเข้าที่มีลุงรปภ.นั่งประจำการอยู่ เขาปรับสีหน้าให้ดูผ่อนคลาย ก่อนจะเดินตรงเข้าไป“อ่า... สวัสดีครับลุง” เชษเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรลุงรปภ.มองเขาอย่างแปลกใจ“มาหาใครเหรอ หนุ่ม?”เชษยิ้มบางๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์รูปของเจน รูปที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนเธอนอนหลับที่ห้องสมุด“มาหาแฟนครับ นี่เธอ...เจนจิรา ห้อง...” เชษพูดพร้อมระบุหมายเลขห้องที่ได้มาจากทะเบียนนักศึกษา น้ำเสียงฟังดูมั่นใจจนไม่มีช่องให้สงสัยลุงรปภ.มองรูปในโทรศัพท์ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองเชษ“แต่หนุ่มไม่มีคีย์การ์ดนี่ จะขึ้นไปยังไง?”เชษหัวเราะเบาๆ ก่อนล้วงธนบัตรสีเทาออกมาสองสามใบ ยัดใส่มือของลุงอย่างเนียนๆ“ผมลืมคีย์การ์ดไว้ที่ห้อ
หลังจากจบงานพรีเซนต์ เชษก็จำใจต้องกลับไปคอนโดของตัวเอง เพราะครบกำหนดเวลาตามที่เขาอ้างไว้แล้ว เขามีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเก็บของออกจากห้องของเจน“เธอแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันอยู่ต่อ?” เชษถามเป็นครั้งที่สาม พร้อมหันมาส่งสายตาอ้อน“แน่สิ! นายอยู่จนฉันจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวแล้ว” เจนพูดเสียงแข็ง แต่กลับรู้สึกใจหวิวแปลกๆ“งั้นไปละนะ...” เชษพูดพลางลากเสียงยาว ก่อนเดินออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดแรง มือบางคว้ามือถือขึ้นมาไถดูข่าวสารในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย“อื้ม...อาทิตย์หน้าต้องไปออกค่ายแล้วนี่นา หวังว่าคงไม่ซวยเกินไปนะ” เธอพึมพำเบาๆแต่หลังจากนอนนิ่งไปได้สักพัก ความเงียบในห้องก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ เจนเปิดโทรศัพท์ดูซีรีส์ที่ค้างไว้ แต่กลับไม่มีสมาธิดูเหมือนปกติ“พอหมอนั่นไม่อยู่...ห้องดูเงียบพิลึกแฮะ” เธอพูดเบาๆ พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองเตียงที่เคยมีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ“...ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยเนี่ย” เจนเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่มือยังถือรีโมตเลื่อนไปมาบนหน้าจอทีวีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดความเงียบในห้อง เจนหยิบขึ้นมาดูชื่อ
ไม่นานนัก ไนท์ผู้จัดการผับไนท์อาวน์ก็เดินมาเชิญทั้งสองคนให้ขึ้นไปที่ห้องด้านบนของผับเมื่อถึงเวลา เจินและเจษเดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน ดวงตาของทั้งคู่สบกันด้วยความประหลาดใจ“เธอมาที่นี่ทำไม?” เจษถามเจินด้วยความงุนงง“ฉันควรถามนายมากกว่า ว่ามาทำไม” เจินแปลกใจเช่นกันยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้โต้เถียงกันต่อ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเชษที่ก้าวเข้ามา“โอ้...มาครบดีนี่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องมองทั้งสองคน“เชษ?” เจษขมวดคิ้ว“นายต้องการอะไร?”เชษไม่ตอบ แต่โยนแฟ้มเอกสารสองแฟ้มลงบนโต๊ะ“นี่คือสิ่งที่พวกนายควรดู”เจษหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับเจิน การช่วยเหลือเจินในบางเรื่อง รวมถึงข้อความบางส่วนที่บ่งบอกว่าเขาเคยพยายามเข้าใกล้เจนด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์“นี่นายตามสืบฉันเหรอ?” เจษถามเสียงแข็ง ดวงตาเบิกกว้างด้านเจิน เมื่อเปิดแฟ้มของตัวเอง ภายในเอกสารมีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการว่าจ้างพี่ตั้มให้ฉุดเจน ทั้งรายละเอียดการโอนเงิน และข้อความสนทนาที่เปิดเผยว่าเธอเป็นคนวางแผนทั้งหมดเจินหน้าซีดเผือด มือที่ถือแฟ้มสั่นเทา“นี่มัน...” เจินพึ
หลังจากเชษส่งทุกคนลงที่หน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อย เขาก็ขับรถพาเจนกลับมาที่คอนโดของเธอ บรรยากาศภายในรถเงียบงันตลอดทาง เชษไม่พูดอะไร ส่วนเจนก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด กำลังวางแผนว่าควรจะจัดการกับเจินอย่างไรดี ความอึมครึมระหว่างทั้งสองคนทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดเมื่อมาถึงห้องพัก เชษไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดินตรงเข้ามาช้อนตัวเจนขึ้นทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว“เฮ้ย!” เจนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบยกแขนโอบรอบคอเขาไว้ตามสัญชาตญาณเชษวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่งเสียงเรียบ“เอ่อ...” เจนอ้าปากจะพูด แต่เชษยกมือขึ้นปราม“นั่งเฉยๆ เถอะน่ะ” น้ำเสียงของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอเถียงไม่นาน เขาก็เดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูในมือ เขาวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ“นาย...”“เงียบเถอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น พลางหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอย่างใจเย็น แล้วเริ่มเช็ดมือของเจนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเปื้อนจากการต่อสู้ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปยังรอยแผลเล็กๆ ที่มือบาง เขาขบกรามแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างเห็นได้ชัด“ใคร? มันเป็นใคร?” เชษถามเสียงต่ำ ดวงตาวาว
เชษที่ยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่า เจนเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย ไอ้พวกนี้จะทำอะไรเธอได้ ดีแค่ไหนที่ไอ้พวกนี้ไม่ตายคาตีนเธอเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำปั้นเล็กๆ ของเธอเปื้อนเลือดจนแดงฉานเจนที่เพิ่งได้คำตอบว่าใครเป็นคนจ้างชายพวกนี้มา โยนร่างของชายที่คอเสื้อยังอยู่ในมือเธอลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมาเจอเชษยืนมองอยู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ“นะ...นะ...นายมาได้ไง” เธอพูดตะกุกตะกัก มองซ้ายขวาเลิกลั่กเชษอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แม้จะเพิ่งจัดการพวกชายฉกรรจ์จนปางตาย แต่สำหรับเขากลับดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ“เธอนี่นะ...” เชษพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดึงร่างเล็กของเธอเข้ามากอดแน่น“หืม?” เจนเลิกคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้ขัดขืน“ฉันเป็นห่วงแทบแย่” เชษพูดเสียงทุ้มเบาๆ ใกล้หูเธอเจนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพึมพำตอบเสียงอ่อน“อะ...โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”เชษไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนเจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อ
ภายในห้องนั่งเล่นของเจิน บรรยากาศเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรู มือเรียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใบหน้าสวยที่มักแสดงความมั่นใจ ตอนนี้ฉายแววขุ่นเคืองทุกครั้งที่สายตาเลื่อนผ่านโพสต์ข่าวหรือรูปของเจนในกลุ่มต่างๆ“เจษต้องเป็นของฉัน...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความริษยาเธอเริ่มครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการเจน ใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง สุดท้าย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาใครบางคนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“พี่ตั้ม ว่างปะ?” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นหวานลื่นทันทีที่ปลายสายรับสาย“ว่าง มีอะไรเหรอ?” เสียงห้าวของชายอีกฝั่งดังขึ้น“ฉันอยากให้พี่ช่วยงานหน่อยน่ะ... งานง่ายๆ พี่น่าจะถนัด” เจินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ้อนและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน“ว่ามา งานอะไร?”เธอยิ้มมุมปาก ลดเสียงให้เบาลง ราวกับกลัวว่าความลับนี้จะเล็ดลอดไปถึงหูคนอื่น“ดักฉุดสาวคนนึง... เธออยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้”“แล้วต้องถึงขั้นไหน?” ตั้มถามอย่างไม่ใส่ใจ“ตามใจพี่เลย... จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้มันเรียบร้อย” เจินพูด พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษขับรถมาส่งเจนที่หน้าตึกไม่ไกลจากคณะบัญชี ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ มือหนาของเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้“ระวังไอ้เจษด้วย” เขาเตือนเสียงจริงจัง“รู้แล้วน่า” เจนตอบพร้อมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย ท่าทีขี้เล่นของเธอทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้“เลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวฉันมารับ” เชษพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง” เจนส่ายหน้า แต่สายตาของเขาที่มองมา ทำให้เธอกลอกตาไปมาใช้ความคิดดวงตาคมจับจ้องเธอเขม็งจนเจนรู้สึกถึงแรงกดดัน เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็วเชษเบิกตากว้าง ราวกับไม่คาดคิดมาก่อน มือที่จับข้อมือเธอไว้เผลอคลายออกทันทีเจนยิ้มเล็กๆ รีบลงจากรถก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร“ไปก่อนนะ!” เธอหันมายิ้มหวาน พร้อมโบกมือให้เขา ก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไปทันทีเชษนั่งนิ่งอยู่ในรถ ใบหน้ายังคงติดรอยยิ้ม มือหนายกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ“แสบไม่เบาเลยนะ เจน...”ขณะที่เจนกำลังเร่งเท้าจะเดินเข้าห้องเรียน แขนสองข้างของเธอก็ถูกสอดเข้ามาจับไว้โดยฟ้าและแจง“หยุดเลย! วันนี้ไม่ต้องเรียน!” ฟ้าพูดเสียงเข้ม“ใช่ๆ วันนี้แกต้องโดนสอบสวน
แสงแดดยามสายส่องเข้ามาภายในห้อง ทะลุผ่านม่านสีอ่อนที่ปลิวไหวไปตามสายลมอ่อนๆ แสงนั้นตกกระทบใบหน้าของเจนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่เธอขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความง่วงงุน ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่แยงเข้ามาแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนอยู่ใกล้จนแทบจะชนกัน“เชษ!” เธอร้องเสียงหลง รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีคนที่ถูกเรียกชื่อขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคมปรือขึ้นมามองเธอด้วยแววตากึ่งง่วงกึ่งขำ“เสียงดังแต่เช้าเลยนะ...”“ทำไม?...นาย??” เจนยกมือกุมหัวเมื่อรู้สึกยังมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนเธอก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะร้องเสียงหลงอีกครั้ง“เฮ้ย! แล้วทำไม!!”สายตาของเธอหยุดที่เนินอกของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ชัดเจนที่สำคัญเธอ โป๊!!!“ฮื้อ...เธอไม่ง่วงรึไง” เชษพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะใช้มือหนาดึงร่างของเธอให้ล้มลงนอนอีกครั้ง แล้วรวบร่างเธอเข้ามากอดแนบอก“นี่นาย! ตอบฉันก่อนดิ!” เจนดิ้นขลุกขลัก พยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนเขา“เธอนั่นล่ะ ทำไมดื่มแอลกอฮอล์?” เชษพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมมองเธออย่างคาดคั้น“ฉัน... ก็...แค่สปาย...” เจนพูดตะกุกตะกัก พ
ในร้านพิซซ่า พวกเจนกำลังฉลองวันเกิดให้เจินกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนในคณะเกือบสิบคนเจษที่นั่งข้างเจนดูแลเธออย่างเอาใจใส่ เขาคอยบริการตักพิซซ่าและอาหารอื่นๆ ให้เธอตลอด“เจน ลองสปายหน่อยมั้ย?” เจษพูดพร้อมยื่นแก้วสปายไวน์คูลเลอร์สีสวยให้เจน“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ” เจนส่ายหน้าพลางปฏิเสธ“นี่สปายไหมไทย เป็นค็อกเทลผลไม้ ไม่แรงหรอก ฉันว่าเธอน่าจะดื่มได้ ลองดิ” เจษบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมยิ้มกริ่มเจนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรับแก้วมาจากเจษ“อะ...อืม ก็ได้”เมื่อจิบเข้าไป เจนย่นคิ้วเล็กน้อย“อืม...กลิ่นแรงจัง แต่ก็อร่อยดีนะ” เธอพูดหลังจากรับรู้รสชาติฝาดๆ แต่มีความหวานเปรี้ยวแบบผลไม้“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว” เจษยิ้มกว้างอย่างพอใจในขณะที่เจษกำลังเอาใจใส่เจน เจินที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เธอจิบสปายที่อยู่ในแก้วของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเจษสนใจแต่เจน เจินเริ่มซดสปายขวดแล้วขวดเล่าโดยไม่หยุด จนไม่นานนัก เธอก็เริ่มมีอาการมึนเล็กน้อย ใบหน้าแดงเรื่อ และดูเหมือนเธอจะเริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าขณะเดียวกัน ฟ้าแ
ที่โต๊ะประจำของกลุ่มเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจนนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป กำลังพิมพ์ข้อมูลลงในรายงานการตลาดที่ต้องพรีเซนต์ในสัปดาห์นี้ ฟ้ากับแจงช่วยกันยื่นเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้เธอบันทึกอย่างขะมักเขม้นไม่นานนัก สมาชิกอีกส่วนของกลุ่มอย่างเจษ โต๊ด เจิน และมิ้ม ก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเอกสารในมือ“ฉันเอาข้อมูลมาเพิ่มให้” เจินพูดพลางวางเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ในการนำเสนอ“ชาเย็นไข่มุกของเธอ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเจน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เธอโดยไม่สนใจสายตาแซวๆ ของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาด้วยความรู้ทัน“ขอบใจนะ” เจนยิ้มบาง พลางหยิบแก้วชาขึ้นมาดูดอึกใหญ่ แล้ววางลง ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานต่อ“อะไรเนี่ย! มีแค่ของเจนคนเดียวเนี่ยนะ?” ฟ้ากับแจงโวยวายขึ้นพร้อมกัน สีหน้าผสมทั้งความไม่พอใจและแอบแซว“ใจเย็น ของพวกเธอก็มี อะนี่” โต๊ดหัวเราะขำ พลางวางแก้วชาเย็นลงตรงหน้าสองสาวขี้โวยวาย“นี่สิถึงจะถูก!” ฟ้าพูดพร้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดูดอย่างพอใจ ส่วนแจงก็ยิ้มรับพลางแอบเหล่เจนกับเจษที่ดูจะนั่งใกล้กันเกินไปหน่อย“ว่าแต่ เห็นประกาศกิจกร