“อึ๊...อื๊อ...อ๊า..นาย...อื๊อ..อ๊าย”
เสียงครวญครางของเจนดังสะท้อนลั่นไปทั่วห้อง ร่างกายเปลือยเปล่าของเธอบิดเร่าเบาๆ ตามแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน มือเรียวขยุ้มกลุ่มผมของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังพริ้วลิ้นอย่างชำนาญอยู่ที่จุดอ่อนไหวของเธออย่างไม่หยุดพัก ร่างของเธอกระตุกทุกครั้งที่เขาขยับจังหวะ จนเธอเสร็จคาปากเขานับครั้งไม่ถ้วนในค่ำคืนนี้
“อื้ม...” เสียงพึมพำทุ้มต่ำดังชิดใบหู ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะกดทับลงบนริมฝีปากบาง สอดแทรกลิ้นเข้ามาอย่างลึกซึ้ง ตักตวงความหวานปนขมของแอลกอฮอล์ที่ดื่มในคืนนี้ จนเธอแทบลืมหายใจ
“อึ๊..อื๊อ.เจ็บ!” เจนเผลอร้องออกมา ใบหน้าเหยเก เมื่อคนตัวโตด้านบนค่อยๆ สอดใส่แก่นกายที่ใหญ่โตเกินคาดเข้ามาในร่างกายของเธออย่างช้าๆ
“หืม? ครั้งแรกเหรอ?” เขาถามเสียงพร่า ขณะค่อยๆ ดันแก่นกายเข้าไปในช่องทางที่คับแน่นอย่างระมัดระวัง
“อึ๊..อืม..เบาหน่อย..” เจนพึมพำเสียงแผ่ว พลางหลับตาพริ้ม ร่างกายเกร็งเล็กน้อยตามแรงสัมผัส
“ทนหน่อยละกัน” เขากระซิบเสียงพร่า ก่อนก้มลงใช้ปลายลิ้นไล้เบาๆ ที่ยอดถันชูชันของเธอ แล้วสลับกับการเม้มดูดแรงจนเจนครางออกมาด้วยความเสียวสะท้าน ร่างกายของเธอแอ่นขึ้นตามสัญชาตญาณ เพื่อให้เขาได้เม้มดูดอย่างถนัด
ปึก!
“โอ๊ย! เจ็บนะ!! ไอ้บ้านี่!!” เจนสบถเสียงขุ่น เมื่อเขากระแทกแก่นกายเข้ามาจนลึกสุดในคราเดียว
“ฮึ่ม...” เขาคำรามเสียงต่ำ ขบกรามแน่นขณะเริ่มขยับสะโพกอย่างช้าๆ ปลายลิ้นไล้ไปที่ยอดถัน สลับกับการเม้มดูดเบาๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายของเจนผ่อนคลายและรับสัมผัสได้มากขึ้น
“อ๊ะ.อ๊า...”
ไม่นานเสียงครางหวานแผ่วเบาก็หลุดออกจากริมฝีปากของเจน เมื่อร่างกายของเธอค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับขนาดของเขา ความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ
“ดีมั้ย?” เขากระซิบถามเสียงพร่า ขณะเพิ่มจังหวะที่ร้อนแรงขึ้น เจนไม่ได้ตอบ แต่ยกแขนเรียวโอบรอบคอเขาแน่น พร้อมขยับสะโพกตอบรับการเคลื่อนไหวอันเร่าร้อนของเขาอย่างเป็นจังหวะ
“ฮื่ม..แน่น...” เขาพึมพำเสียงแผ่วต่ำ ขบกรามแน่นเพื่อข่มความเสียวซ่านจากแรงตอดรัดของเจน ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากที่ยอดถันสีชมพูสวย สลับดูดเม้มด้วยความกระหายและหลงใหล
“อ๊ะ..อ๊า..นาย..ช้าหน่อย..อื๊อ..” เจนครางเสียงสั่น ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน ปลายเล็บจิกลงบนแผ่นหลังของเขาเป็นรอยแดง มือบางพยายามดันไปที่กล้ามท้องแน่นของเขา ราวกับจะผ่อนแรงที่ถาโถมเข้ามา
“อื้ม..”
ทั้งสองคนประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่ม รสชาติแอลกอฮอล์เจือจางในความหวานของริมฝีปาก ยิ่งปลุกเร้าให้คนตัวโตเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวที่เร่าร้อนขึ้นกว่าเดิม
ช่วงล่างของเขาขยับอย่างบ้าคลั่ง ราวกับลืมไปว่านี่คือครั้งแรกของเธอ เสียงครางหวานที่ดังขึ้นทุกครั้งที่เธอถึงจุดหมาย ยิ่งกระตุ้นให้เขาเร่งจังหวะเร็วและหนักหน่วงขึ้น จนในที่สุด ความคับแน่นและการตอดรัดจากร่างกายของเธอพาเขาไปถึงปลายทางพร้อมกันในเวลาไม่นาน
เจนนอนหอบหายใจถี่ ร่างกายอ่อนล้าจนแทบขยับไม่ได้ ดวงตาคู่สวยปรือด้วยความเหนื่อยล้าและความง่วงงุนที่เริ่มเข้าครอบงำ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พอใจ
“...ขออีกรอบนะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหู ก่อนที่เขาจะเริ่มจังหวะรักรอบใหม่อย่างต่อเนื่อง พาเธอล่องลอยไปจนกระทั่งแสงแรกของยามเช้าทอประกายเข้ามาในห้อง
แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านสีอ่อน ส่องกระทบเปลือกตาคนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทบนเตียงกว้าง เจนพลิกตัวเล็กน้อย ความรู้สึกเจ็บหน่วงที่ท้องน้อยทำให้เธอเผลอครางเบาๆ ดวงตากลมโตค่อยๆ ปรือขึ้น ภาพตรงหน้าทำให้หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันทันที
ความหนักหน่วงที่พาดอยู่บนเอวเล็ก คือแขนแกร่งของใครบางคนที่นอนเคียงข้าง ดวงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ยังหลับสนิทอยู่ใกล้จนเกินไป ริมฝีปากได้รูปของเขาดูผ่อนคลาย แต่สำหรับเจน หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...’
ความทรงจำจากเมื่อคืนเริ่มพรั่งพรูเข้ามาในหัว เจนเม้มปากแน่น ก่อนจะพยายามยกแขนของอีกฝ่ายออกอย่างระมัดระวัง แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง เมื่อคนที่นอนหลับอยู่ดันขยับตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม พร้อมกระชับอ้อมแขนที่พาดอยู่จนเธอไม่สามารถหนีไปไหนได้ง่ายๆ
เสียงทุ้มต่ำที่แหบพร่าเปล่งออกมาพร้อมกับดวงตาคมที่เปิดขึ้นเล็กน้อย
“จะหนีไปไหนล่ะ...”
“เชี่ย!” เจนสะดุ้งเฮือกพร้อมสบถออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้มพร่าที่ดังขึ้นใกล้หู เธอหันขวับไปสบตากับชายหนุ่มที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาแล้ว ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอด้วยสายตากึ่งขี้เล่นกึ่งจับผิด
“ฉะ...ฉันไม่ได้หนี” เจนตอบอย่างติดขัด มือเล็กพยายามผลักแขนแกร่งที่ยังพาดอยู่บนตัว แต่กลับเหมือนขัดขืนไม่ได้มากนัก
เชษยิ้มมุมปาก ขยับตัวขึ้นมาพิงหัวเตียงอย่างผ่อนคลาย
“งั้นเหรอ?แต่หน้าเธอบอกชัดเลยว่าคิดจะหนี”
หัวใจเจนเต้นรัว เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมตัวเอง รู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นมาบนใบหน้า
“ฉัน... มีธุระ” เธอพึมพำก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วรีบลุกจากเตียงอย่างทุลักทุเล
เชษเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ มองท่าทางรีบร้อนของเธอด้วยความสนุกปนเอ็นดู เขากอดอกมองอยู่เฉยๆ ราวกับรอให้เธอเปิดปากพูดอะไรสักอย่าง
เจนรีบก้มเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายบนพื้น และรีบใส่ด้วยความกระอักกระอ่วน ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากหาโอกาสไล่เรียง แต่เวลานี้เธอมีแค่เป้าหมายเดียว—หนีจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้โดยเร็วที่สุด
“ขอบคุณนะ... แต่เราคงไม่ได้เจอกันอีก” เจนพูดรัวเร็ว พยายามรักษาน้ำเสียงให้ราบเรียบ แม้จะรู้ว่าตัวเองทำได้ไม่ดีนัก
เชษหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงศีรษะมองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกอ่านใจจนหมด
“แน่ใจเหรอ ว่าอยากให้มันจบแบบนี้?”
เจนชะงัก หันกลับมาสบตาเขาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“แน่ใจ” เธอตอบเสียงเบาและรีบเดินออกไป โดยไม่รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
เสียงปิดประตูดังขึ้น เชษนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“น่าสนใจดีนี่... คุณเจนจิรา” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับความคิดที่ว่า นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
เจนรีบร้อนเดินออกจากคอนโดด้วยจังหวะก้าวที่เร่งร้อน ภายในหัวของเธอเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ไหลย้อนกลับมาอย่างรวดเร็วงานเลี้ยงเฟรชชี่ต้อนรับน้องใหม่ในฐานะรุ่นพี่ปีสาม เธอ ฟ้า และแจงได้รับมอบหมายให้ดูแลบรรยากาศในงาน รวมถึงคอยแจกเครื่องดื่มให้บรรดารุ่นน้องที่มาร่วมสนุก แต่ดูเหมือนจะมีไอ้บ้าที่ไหนซักตัวคิดกิจกรรมสุดบ้าขึ้นมาเพื่อเพิ่มสีสันให้ค่ำคืน“ถ้ารุ่นน้องได้รับการดูแลจากพี่รหัสอย่างดี ให้ยกแก้วเหล้าให้พี่รหัสดื่มเป็นรางวัล!” เสียงประกาศดังลั่นความซวยของเธอคือ—เจนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในฐานะรุ่นพี่ เธอไม่อยากทำให้น้องๆ ผิดหวัง เลยจำใจรับแก้วที่ส่งมาแบบปฏิเสธไม่ได้ ความวุ่นวายที่รุ่นน้องต่อแถวมาอย่างไม่ขาดสายทำให้เธอไม่รู้เลยว่าดื่มไปกี่แก้ว รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทุกอย่างมืดสนิทและเมื่อเธอตื่นขึ้นในวันถัดมา—เธอกลับพบตัวเองบนเตียงกว้างในสภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้น... กับเขา!เชษ หนุ่มหล่อสุดฮอตแห่งคณะวิศวะที่ใครๆ ต่างหมายปอง ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาคือจุดสนใจเสมอ เป็นผู้ชายที่สาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยอยากจะครอบครองเจนยิ่งเดิน ยิ่งเม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา แต่ไม่ใช่เพราะความเข
เจนเดินออกจากสนามบาสด้วยจังหวะก้าวเร่งรีบ ความโกรธยังตีวนอยู่ในอก แต่ยิ่งพยายามลืมก็ยิ่งนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์ของเชษที่มองเธออย่างเหนือกว่า เธอกัดฟันแน่น พยายามสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปยังไม่ทันเดินพ้นเขตคณะดี เสียงมือถือในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้น เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา เห็นชื่อฟ้าปรากฏอยู่บนหน้าจอเจนกดรับสายทันที “ว่าไง?”“เจน! แกอยู่ไหนเนี่ย?เมื่อกี้เพื่อนฉันบอกว่าเห็นแกอยู่กับเชษ จริงปะ?” ฟ้าถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนอยากรู้อยากเห็นเจนกลอกตาและถอนหายใจ“ก็... เออ ฉันไปหาเขามา แต่แค่ไปเคลียร์เรื่องโพสต์บ้าๆ นั่น! แล้วอีกอย่าง...มันไม่ใช่แบบที่แกคิด”“ไม่ใช่แบบที่ฉันคิด?แล้วมันแบบไหนกันยะ? "เจนเม้มริมฝีปากแน่น ความหงุดหงิดและอึดอัดพุ่งขึ้นในอก เธอไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน“ฉันไม่รู้!”ฟ้าทำเสียงอืมในลำคอเหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เอางี้ เดี๋ยวฉันไปหาแกที่ห้อง แกค่อยเล่าให้ฟัง โอเคมะ? "“เออ ก็ได้” เจนตอบสั้นๆ ก่อนจะกดวางสายเธอเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นในใจ แล้วเดินออกจากเขตคณะอย่างเร่งรีบ แม้จะพยายามสลัดคว
เช้าวันใหม่ เจนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงข้อความแจ้งเตือนจากมือถือ เธอคว้ามือถือขึ้นมาอ่านด้วยอาการงัวเงีย แต่เมื่อเห็นข้อความจากฟ้าที่ส่งมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที‘แก เชษเดินมาหาที่คณะบัญชีตอนฉันกลับ! เดินชิลๆ เหมือนมาเที่ยว คนทั้งคณะมองกันตาแทบไม่กระพริบ รีบจัดการเรื่องนี้เถอะก่อนจะวุ่นไปกว่านี้!’เจนกัดริมฝีปากแน่น ความรำคาญและอายประดังเข้ามาพร้อมกัน เธอโยนมือถือลงบนเตียงอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง“โอ๊ย! จะอะไรนักหนาวะ…” เจนพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพิมพ์ตอบกลับหาฟ้า‘วันนี้ฉันไม่ไปเรียน ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะ’ส่งข้อความเสร็จ เธอโยนมือถือลงบนเตียงอีกครั้ง คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ตัดสินใจกลับไปที่ค่ายมวยของที่บ้านแทน เธอรู้ว่าที่นั่นเป็นที่เดียวที่จะช่วยให้เธอหลบพ้นจากความวุ่นวายในหัวได้ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเสียงกระสอบทรายถูกต่อยดังก้องอยู่ภายในค่ายมวย ‘ศักดิ์ประภาไฟต์คลับ’ เจนกำลังซ้อมอยู่หน้ากระสอบทรายอย่างมีสมาธิ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาลูกศิษย์ที่ฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ“ซ้ายอีก! อย่าลืมบิดตัว!” พี่เดย์ พี่ชายคนเล็กที่รับหน้าที่เป
ภายในมหาวิทยาลัยเจนนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ยาวในมุมสงบของคณะ สายตาจับจ้องไปยังสมุดโน้ตตรงหน้าที่เต็มไปด้วยลายมือของเธอ ขณะที่มือข้างหนึ่งหมุนปากกาไปมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่มักดูมั่นใจ ตอนนี้กลับฉายแววครุ่นคิด“มาขยันอะไรตอนนี้เนี่ย?” เสียงฟ้าดังขึ้นขัดจังหวะ เจนเงยหน้าขึ้นทันที เห็นฟ้าและแจงเดินตรงเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มในมือ“ชาเย็นไข่มุก เพิ่มวิปครีมสุดโปรดของแก” ฟ้าวางแก้วลงตรงหน้าเจนพร้อมรอยยิ้มกว้างเจนถอนหายใจยาว หยิบแก้วขึ้นมาดูดหนึ่งอึกแล้ววางลง“ขอบใจนะ แต่วันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเรียนหรอก ฉันแค่...”แจงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมเท้าคางมองหน้าเพื่อน “แค่... เจอเรื่องอะไรมาอีกล่ะ?”เจนเลี่ยงโดยการดูดไข่มุกจากชาเย็นขึ้นมา ไม่ยอมตอบตรงๆ เธอไม่อยากเล่าเรื่องเชษให้ใครฟังอีก เพราะแค่คิดถึงเขา หัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างน่ารำคาญฟ้าสังเกตสีหน้าเพื่อนที่ดูตึงเครียด จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น“เอางี้ไหม? วันนี้หลังเลิกเรียนไปที่ผับของพี่คิงมะ? ไนท์อาวน์ ผ่อนคลายหน่อย”“ไนท์อาวน์?” เจนถามพร้อมเลิกคิ้วแจงพยักหน้าเสริม“ผับพี่ชายยัยฟ้านั่นแหละ บรรยากาศดี ดนตรีสดก็เริ่ด แล้วฉันรู้นะว่าแกน่ะ ไม่ได้เที่ยวที่ไ
“เจน?” เสียงชายหนุ่มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังเจนหันไปมอง ก่อนจะเห็นโต๊ดและเจษเดินตรงมาที่โต๊ะ“อ้าว โต๊ด เจษ มายังไงเนี่ย?” เธอทักอย่างแปลกใจทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ต้องทำงานกลุ่มด้วยกันในวิชาการตลาด ซึ่งมีพรีเซนต์ส่งอาจารย์ทุกสองสัปดาห์“พวกเรามาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เธอสิแปลก อยู่ดีๆ มาเที่ยวได้” เจษพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างเจนอย่างไม่ต้องขออนุญาต“เบื่อๆ เซ็งๆ เลยออกมาผ่อนคลาย” เจนตอบเรียบๆ พลางหันมองไปทางฟลอร์เต้นรำที่เริ่มคึกคักขึ้น เมื่อดนตรีสดพักการแสดง และดีเจเริ่มเปิดเพลงจังหวะสนุกเจษยิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้าใกล้เล็กน้อย“เบื่อๆ เซ็งๆ งั้นเหรอ งั้นไปสนุกกันหน่อยดีมั้ย?”เจนเลิกคิ้วมองเขา “สนุกอะไร?”เจษพยักเพยิดไปทางฟลอร์“ไปเต้นไง ฉันรู้ว่าเธอชอบเพลงนี้”“เฮ้ย ไม่เอา ฉันเต้นไม่เป็น” เจนรีบปฏิเสธทันที“ใครบอกต้องเต้นเป็น แค่ไปปล่อยตัวปล่อยใจสนุกๆ เดี๋ยวฉันช่วย” เจษยื่นมือมาให้เธอ พร้อมสายตาที่มองมาเหมือนจะไม่รับคำปฏิเสธฟ้ากับแจงที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองพร้อมกัน ก่อนจะยิ้มขำแล้วสะกิดเจน“ไปเถอะ อย่าให้พวกฉันเสียโอกาสดูฉากเด็ดแบบนี้”เจนกลอกตา แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นม
อีกด้านหนึ่งเจนเดินกลับไปที่โต๊ะ ฟ้าและแจงมองเธอด้วยสายตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่มีอะไร” เจนตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำแอปเปิ้ลโซดาขึ้นมาดื่มฟ้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบแจงเบาๆ“แกว่า... เจษหรือเชษ?”แจงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าใคร ก็วุ่นวายแน่ๆ”เจนฟังเสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน แต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกเธอคาดเดาไป ตอนนี้ตัวเธอรู้สึกแค่ว่า เชษกำลังทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้นในผับไนท์อาวน์หลังจากเชษเห็นเจนเดินออกไปพร้อมฟ้าและแจง เขากลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ดวงตาคมยังมองไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไร้จุดหมาย“เป็นอะไร?ทำหน้าเหมือนหมาหงอยโดนทิ้ง” โจ้ เพื่อนสนิทแซะด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางกระดกเหล้าเชษไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด“พี่เชษ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้างโจ้หันไปมองทันที ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยสัดส่วนเย้ายวน ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนส่งประกายภายใต้แสงไฟ เธอส่งยิ้มหวานให้เชษ ก่อนจะเลื่อนตัวลงนั่งข้างเขาโดยไม่รอคำเชิญเชษเลิกคิ้วเล็กน้อย“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย“หนูชื่อมินนี่ค่ะ
เชษฐา วรวิชญานนท์ หรือ เชษ ชายหนุ่มหล่อผู้เติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในวงการก่อสร้าง พ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนแม่เป็นนักออกแบบภายในชื่อดัง บ้านที่หรูหราและเครือข่ายทางสังคมกว้างขวางคือโลกที่เขาเติบโตมาด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น สูง 185 ซม. ดวงตาคมที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ เชษมักเป็นจุดสนใจของสาวๆ แต่ลึกๆ เขากลับ ‘ไม่เชื่อในความรัก’ การเติบโตในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เขามองความรักในแง่ลบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผูกพัน เขาเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ เฟิร์น เพื่อนสาวคนสนิทจากกลุ่มเพื่อนวิศวะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มจากข้อตกลงง่ายๆ ว่าจะมีแค่เรื่องทางกายโดยไม่มีข้อผูกมัดทางใจแต่สิ่งที่เชษไม่เคยรู้คือ เฟิร์นเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้มาเนิ่นนาน เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะหันมามองและเลือกเธอ แทนที่จะเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเช้าวันหนึ่งในห้องเรียนวิชาการตลาดซึ่งเป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้เอง เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้อง ท่าทางเหมือนกำลังฟังอาจารย์สอน แต่ความจริงสายตาเ
วันสุ่มจับคู่ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 3 จากทั้งสองคณะต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเต็มพื้นที่ บรรยากาศคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและความตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีที่จัดเตรียมไว้สำหรับการประกาศรายชื่อ“นี่ถ้าฉันจับคู่ได้กับคนขี้เกียจ จะทำไงดีเนี่ย?” แจงพึมพำเบาๆ พลางถอนหายใจ“ก็ทำใจสิ แก” ฟ้าหัวเราะเสียงใส ก่อนตบไหล่เพื่อนเบาๆ“เอาน่า ไม่แน่นะ แกอาจโชคดีก็ได้”ทันใดนั้น เสียงประกาศจากไมโครโฟนดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง“ขอให้นักศึกษาทั้งสองคณะเตรียมตัวสำหรับการสุ่มจับคู่ ทีมของคุณ จะขึ้นอยู่กับโชคชะตา... หรืออาจจะเป็นโอกาสที่คุณได้พบคนที่ใช่สำหรับงานนี้”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นระลอกในกลุ่มนักศึกษา หลายคนแอบกระซิบกระซาบถึงความตื่นเต้น“เอาล่ะ เราจะเริ่มการสุ่มจับคู่โดยใช้ระบบออนไลน์ ทุกคนสามารถตรวจสอบรายชื่อคู่ของตนเองได้จากหน้าจอที่จะแสดงผลทันที”แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่ลง หน้าจอขนาดใหญ่เริ่มฉายผลการจับคู่แบบเรียลไทม์ รายชื่อนักศึกษาจากทั้งสองคณะถูกจับคู่โดยระบบอัตโนมัติ ชื่อทีละชื่อค่อยๆ ปรากฏขึ้นเจนมองหน้าจออย่างจดจ่อ ฟ้ากับแจงที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าไม่ต่างกัน“มา
หลังจากจบงานพรีเซนต์ เชษก็จำใจต้องกลับไปคอนโดของตัวเอง เพราะครบกำหนดเวลาตามที่เขาอ้างไว้แล้ว เขามีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเก็บของออกจากห้องของเจน“เธอแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันอยู่ต่อ?” เชษถามเป็นครั้งที่สาม พร้อมหันมาส่งสายตาอ้อน“แน่สิ! นายอยู่จนฉันจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวแล้ว” เจนพูดเสียงแข็ง แต่กลับรู้สึกใจหวิวแปลกๆ“งั้นไปละนะ...” เชษพูดพลางลากเสียงยาว ก่อนเดินออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดแรง มือบางคว้ามือถือขึ้นมาไถดูข่าวสารในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย“อื้ม...อาทิตย์หน้าต้องไปออกค่ายแล้วนี่นา หวังว่าคงไม่ซวยเกินไปนะ” เธอพึมพำเบาๆแต่หลังจากนอนนิ่งไปได้สักพัก ความเงียบในห้องก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ เจนเปิดโทรศัพท์ดูซีรีส์ที่ค้างไว้ แต่กลับไม่มีสมาธิดูเหมือนปกติ“พอหมอนั่นไม่อยู่...ห้องดูเงียบพิลึกแฮะ” เธอพูดเบาๆ พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองเตียงที่เคยมีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ“...ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยเนี่ย” เจนเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่มือยังถือรีโมตเลื่อนไปมาบนหน้าจอทีวีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดความเงียบในห้อง เจนหยิบขึ้นมาดูชื่อ
ไม่นานนัก ไนท์ผู้จัดการผับไนท์อาวน์ก็เดินมาเชิญทั้งสองคนให้ขึ้นไปที่ห้องด้านบนของผับเมื่อถึงเวลา เจินและเจษเดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน ดวงตาของทั้งคู่สบกันด้วยความประหลาดใจ“เธอมาที่นี่ทำไม?” เจษถามเจินด้วยความงุนงง“ฉันควรถามนายมากกว่า ว่ามาทำไม” เจินแปลกใจเช่นกันยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้โต้เถียงกันต่อ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเชษที่ก้าวเข้ามา“โอ้...มาครบดีนี่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องมองทั้งสองคน“เชษ?” เจษขมวดคิ้ว“นายต้องการอะไร?”เชษไม่ตอบ แต่โยนแฟ้มเอกสารสองแฟ้มลงบนโต๊ะ“นี่คือสิ่งที่พวกนายควรดู”เจษหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับเจิน การช่วยเหลือเจินในบางเรื่อง รวมถึงข้อความบางส่วนที่บ่งบอกว่าเขาเคยพยายามเข้าใกล้เจนด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์“นี่นายตามสืบฉันเหรอ?” เจษถามเสียงแข็ง ดวงตาเบิกกว้างด้านเจิน เมื่อเปิดแฟ้มของตัวเอง ภายในเอกสารมีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการว่าจ้างพี่ตั้มให้ฉุดเจน ทั้งรายละเอียดการโอนเงิน และข้อความสนทนาที่เปิดเผยว่าเธอเป็นคนวางแผนทั้งหมดเจินหน้าซีดเผือด มือที่ถือแฟ้มสั่นเทา“นี่มัน...” เจินพึ
หลังจากเชษส่งทุกคนลงที่หน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อย เขาก็ขับรถพาเจนกลับมาที่คอนโดของเธอ บรรยากาศภายในรถเงียบงันตลอดทาง เชษไม่พูดอะไร ส่วนเจนก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด กำลังวางแผนว่าควรจะจัดการกับเจินอย่างไรดี ความอึมครึมระหว่างทั้งสองคนทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดเมื่อมาถึงห้องพัก เชษไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดินตรงเข้ามาช้อนตัวเจนขึ้นทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว“เฮ้ย!” เจนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบยกแขนโอบรอบคอเขาไว้ตามสัญชาตญาณเชษวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่งเสียงเรียบ“เอ่อ...” เจนอ้าปากจะพูด แต่เชษยกมือขึ้นปราม“นั่งเฉยๆ เถอะน่ะ” น้ำเสียงของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอเถียงไม่นาน เขาก็เดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูในมือ เขาวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ“นาย...”“เงียบเถอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น พลางหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอย่างใจเย็น แล้วเริ่มเช็ดมือของเจนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเปื้อนจากการต่อสู้ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปยังรอยแผลเล็กๆ ที่มือบาง เขาขบกรามแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างเห็นได้ชัด“ใคร? มันเป็นใคร?” เชษถามเสียงต่ำ ดวงตาวาว
เชษที่ยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่า เจนเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย ไอ้พวกนี้จะทำอะไรเธอได้ ดีแค่ไหนที่ไอ้พวกนี้ไม่ตายคาตีนเธอเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำปั้นเล็กๆ ของเธอเปื้อนเลือดจนแดงฉานเจนที่เพิ่งได้คำตอบว่าใครเป็นคนจ้างชายพวกนี้มา โยนร่างของชายที่คอเสื้อยังอยู่ในมือเธอลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมาเจอเชษยืนมองอยู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ“นะ...นะ...นายมาได้ไง” เธอพูดตะกุกตะกัก มองซ้ายขวาเลิกลั่กเชษอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แม้จะเพิ่งจัดการพวกชายฉกรรจ์จนปางตาย แต่สำหรับเขากลับดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ“เธอนี่นะ...” เชษพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดึงร่างเล็กของเธอเข้ามากอดแน่น“หืม?” เจนเลิกคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้ขัดขืน“ฉันเป็นห่วงแทบแย่” เชษพูดเสียงทุ้มเบาๆ ใกล้หูเธอเจนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพึมพำตอบเสียงอ่อน“อะ...โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”เชษไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนเจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อ
ภายในห้องนั่งเล่นของเจิน บรรยากาศเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรู มือเรียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใบหน้าสวยที่มักแสดงความมั่นใจ ตอนนี้ฉายแววขุ่นเคืองทุกครั้งที่สายตาเลื่อนผ่านโพสต์ข่าวหรือรูปของเจนในกลุ่มต่างๆ“เจษต้องเป็นของฉัน...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความริษยาเธอเริ่มครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการเจน ใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง สุดท้าย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาใครบางคนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“พี่ตั้ม ว่างปะ?” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นหวานลื่นทันทีที่ปลายสายรับสาย“ว่าง มีอะไรเหรอ?” เสียงห้าวของชายอีกฝั่งดังขึ้น“ฉันอยากให้พี่ช่วยงานหน่อยน่ะ... งานง่ายๆ พี่น่าจะถนัด” เจินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ้อนและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน“ว่ามา งานอะไร?”เธอยิ้มมุมปาก ลดเสียงให้เบาลง ราวกับกลัวว่าความลับนี้จะเล็ดลอดไปถึงหูคนอื่น“ดักฉุดสาวคนนึง... เธออยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้”“แล้วต้องถึงขั้นไหน?” ตั้มถามอย่างไม่ใส่ใจ“ตามใจพี่เลย... จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้มันเรียบร้อย” เจินพูด พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษขับรถมาส่งเจนที่หน้าตึกไม่ไกลจากคณะบัญชี ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ มือหนาของเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้“ระวังไอ้เจษด้วย” เขาเตือนเสียงจริงจัง“รู้แล้วน่า” เจนตอบพร้อมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย ท่าทีขี้เล่นของเธอทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้“เลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวฉันมารับ” เชษพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง” เจนส่ายหน้า แต่สายตาของเขาที่มองมา ทำให้เธอกลอกตาไปมาใช้ความคิดดวงตาคมจับจ้องเธอเขม็งจนเจนรู้สึกถึงแรงกดดัน เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็วเชษเบิกตากว้าง ราวกับไม่คาดคิดมาก่อน มือที่จับข้อมือเธอไว้เผลอคลายออกทันทีเจนยิ้มเล็กๆ รีบลงจากรถก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร“ไปก่อนนะ!” เธอหันมายิ้มหวาน พร้อมโบกมือให้เขา ก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไปทันทีเชษนั่งนิ่งอยู่ในรถ ใบหน้ายังคงติดรอยยิ้ม มือหนายกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ“แสบไม่เบาเลยนะ เจน...”ขณะที่เจนกำลังเร่งเท้าจะเดินเข้าห้องเรียน แขนสองข้างของเธอก็ถูกสอดเข้ามาจับไว้โดยฟ้าและแจง“หยุดเลย! วันนี้ไม่ต้องเรียน!” ฟ้าพูดเสียงเข้ม“ใช่ๆ วันนี้แกต้องโดนสอบสวน
แสงแดดยามสายส่องเข้ามาภายในห้อง ทะลุผ่านม่านสีอ่อนที่ปลิวไหวไปตามสายลมอ่อนๆ แสงนั้นตกกระทบใบหน้าของเจนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่เธอขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความง่วงงุน ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่แยงเข้ามาแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนอยู่ใกล้จนแทบจะชนกัน“เชษ!” เธอร้องเสียงหลง รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีคนที่ถูกเรียกชื่อขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคมปรือขึ้นมามองเธอด้วยแววตากึ่งง่วงกึ่งขำ“เสียงดังแต่เช้าเลยนะ...”“ทำไม?...นาย??” เจนยกมือกุมหัวเมื่อรู้สึกยังมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนเธอก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะร้องเสียงหลงอีกครั้ง“เฮ้ย! แล้วทำไม!!”สายตาของเธอหยุดที่เนินอกของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ชัดเจนที่สำคัญเธอ โป๊!!!“ฮื้อ...เธอไม่ง่วงรึไง” เชษพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะใช้มือหนาดึงร่างของเธอให้ล้มลงนอนอีกครั้ง แล้วรวบร่างเธอเข้ามากอดแนบอก“นี่นาย! ตอบฉันก่อนดิ!” เจนดิ้นขลุกขลัก พยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนเขา“เธอนั่นล่ะ ทำไมดื่มแอลกอฮอล์?” เชษพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมมองเธออย่างคาดคั้น“ฉัน... ก็...แค่สปาย...” เจนพูดตะกุกตะกัก พ
ในร้านพิซซ่า พวกเจนกำลังฉลองวันเกิดให้เจินกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนในคณะเกือบสิบคนเจษที่นั่งข้างเจนดูแลเธออย่างเอาใจใส่ เขาคอยบริการตักพิซซ่าและอาหารอื่นๆ ให้เธอตลอด“เจน ลองสปายหน่อยมั้ย?” เจษพูดพร้อมยื่นแก้วสปายไวน์คูลเลอร์สีสวยให้เจน“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ” เจนส่ายหน้าพลางปฏิเสธ“นี่สปายไหมไทย เป็นค็อกเทลผลไม้ ไม่แรงหรอก ฉันว่าเธอน่าจะดื่มได้ ลองดิ” เจษบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมยิ้มกริ่มเจนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรับแก้วมาจากเจษ“อะ...อืม ก็ได้”เมื่อจิบเข้าไป เจนย่นคิ้วเล็กน้อย“อืม...กลิ่นแรงจัง แต่ก็อร่อยดีนะ” เธอพูดหลังจากรับรู้รสชาติฝาดๆ แต่มีความหวานเปรี้ยวแบบผลไม้“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว” เจษยิ้มกว้างอย่างพอใจในขณะที่เจษกำลังเอาใจใส่เจน เจินที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เธอจิบสปายที่อยู่ในแก้วของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเจษสนใจแต่เจน เจินเริ่มซดสปายขวดแล้วขวดเล่าโดยไม่หยุด จนไม่นานนัก เธอก็เริ่มมีอาการมึนเล็กน้อย ใบหน้าแดงเรื่อ และดูเหมือนเธอจะเริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าขณะเดียวกัน ฟ้าแ
ที่โต๊ะประจำของกลุ่มเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจนนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป กำลังพิมพ์ข้อมูลลงในรายงานการตลาดที่ต้องพรีเซนต์ในสัปดาห์นี้ ฟ้ากับแจงช่วยกันยื่นเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้เธอบันทึกอย่างขะมักเขม้นไม่นานนัก สมาชิกอีกส่วนของกลุ่มอย่างเจษ โต๊ด เจิน และมิ้ม ก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเอกสารในมือ“ฉันเอาข้อมูลมาเพิ่มให้” เจินพูดพลางวางเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ในการนำเสนอ“ชาเย็นไข่มุกของเธอ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเจน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เธอโดยไม่สนใจสายตาแซวๆ ของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาด้วยความรู้ทัน“ขอบใจนะ” เจนยิ้มบาง พลางหยิบแก้วชาขึ้นมาดูดอึกใหญ่ แล้ววางลง ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานต่อ“อะไรเนี่ย! มีแค่ของเจนคนเดียวเนี่ยนะ?” ฟ้ากับแจงโวยวายขึ้นพร้อมกัน สีหน้าผสมทั้งความไม่พอใจและแอบแซว“ใจเย็น ของพวกเธอก็มี อะนี่” โต๊ดหัวเราะขำ พลางวางแก้วชาเย็นลงตรงหน้าสองสาวขี้โวยวาย“นี่สิถึงจะถูก!” ฟ้าพูดพร้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดูดอย่างพอใจ ส่วนแจงก็ยิ้มรับพลางแอบเหล่เจนกับเจษที่ดูจะนั่งใกล้กันเกินไปหน่อย“ว่าแต่ เห็นประกาศกิจกร