ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรัก
ตอนที่ 1
ยานอนหลับหลายแผงที่ได้จากการไปหาหมอหลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายเดือนวางกองรวมกันอยู่บนเตียง ข้างกันมีกระดาษแผ่นหนึ่งพับครึ่งไว้ ทุกครั้งที่แรงลมจากเครื่องปรับอากาศพัดมาถึงปลายมุมด้านหนึ่งจะเผยอขึ้นเผยให้เห็นลายมือตวัดหยาบเขียนอยู่เต็มหน้ากระดาษ
ว่ากันว่าหากกินยาตรงหน้าเข้าไปในปริมาณมากเกินไปจะทำให้ตัวยาไปออกฤทธิ์กดการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจส่งผลให้เกิดภาวะระบบการหายใจล้มเหลว แน่นอนว่าอันตรายถึงชีวิต
ยาพวกนี้ไม่มีขายทั่วไปต้องให้แพทย์เป็นคนจ่ายเท่านั้น และหลายครั้งที่ไปพบแพทย์ ฉันก็ได้มันมาในปริมาณที่มากพอ…
มากพอสำหรับจะกระทำการสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในขณะนี้…
ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้ จ้องมองสิ่งตรงหน้ามาได้ร่วมชั่วโมงแล้ว ยิ่งนั่งท่านี้นานเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเหมือนขาจะเป็นตะคริวมากขึ้นเท่านั้น และตอนที่ตัดสินใจเด็ดขาด เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดิบพอดี
คนที่ตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้วไม่ควรจะหันกลับไปสนใจเพียงเพราะได้ยินเสียงที่ว่า
แต่ฉันรู้สึกแปลกใจ…
มันก็นานมาแล้วที่ไม่มีใครโทรมา การสนทนาผ่านโทรศัพท์กับใครสักคนครั้งล่าสุดน่าจะเกินห้าวันมาแล้ว ซ้ำยังเป็นการโทรมาแจ้งเตือนยอดค้างชำระของค่าบริการโทรศัพท์ที่บังเอิญลืมจ่าย
สายตามองดูเบอร์แปลกอยู่แค่อึดใจก็ตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
‘มีพัสดุมาส่งครับ มีเก็บเงินปลายทางห้าร้อยยี่สิบสี่บาท…’
“เข้าใจไรผิดไหมคะ? ช่วงนี้ไม่ได้สั่งของเลยนะคะ”
‘จ่าหน้าระบุชื่อ คุณกานดา ห้อง 703 ครับ’
“มีบอกไหมคะว่าของเป็นอะไร?”
‘กางเกงชั้นในพลัสไซซ์ครับ’
“…”
‘ยังอยู่ไหมครับ?’
“สักครู่เดี๋ยวลงไปค่ะ”
อุณหภูมิข้างแก้มเกิดจะร้อนผ่าวขึ้นมาตอนได้ฟังคำตอบ เพราะของที่ว่าส่งตรงมาจากประเทศจีนทำให้กินระยะเวลาขนส่งนานกว่าปกติ
สั่งมันไปเป็นชาติ แต่เพิ่งจะมาเอาป่านนี้
จะไม่รับก็ไม่ได้อีก ถ้ามีคนมาทำข่าว แล้วไปสัมภาษณ์ลุงแช่ม รปภ.คนนั้น มีหวังตาลุงนั่นคงจะรีบทำสีหน้าฉงน และคำตอบที่แกคงจะรีบจุ้นจ้านบอก ก็คงไม่พ้นทำนองว่า…
‘ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะฆ่าตัวตาย ล่าสุดมีพัสดุมาส่ง ผู้หญิงคนนั้นยังสั่งกางเกงในมาอยู่เลย เป็นคดีฆาตกรรมหรือเปล่าครับเนี่ย? มันน่าประหลาดนะครับ…’
รู้อีกทีฉันก็ลงมาถึงชั้นล่างของตัวคอนโด
“ขอยอดกับบัญชีค่ะ”
“ธนาคารXXX ห้าร้อยยี่สิบสี่บาทพี่”
“แป๊บนะคะ”
พนักงานส่งพัสดุยืนรอ พลางถ่ายกล่องพัสดุคู่กับแผงเมลบ็อกซ์ไปด้วย แล้วกล่องนั่นก็ถูกส่งต่อมาให้ฉันที่โอนเงินเสร็จพอดี
“ขอบคุณมากครับ”
“…”
เสียงฝีเท้าของคู่สนทนาเดินกลับไปควบคร่อมมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่เสียงรถจะเคลื่อนตัวห่างออกไป ฉันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองหน้าจอมือถือซึ่งค้างอยู่ที่แอปฯ บัญชีธนาคาร
ตัวเลขเจ็ดหลักที่เห็นทำให้เกิดจะรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ
เงินที่เก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เริ่มทำงาน กระทั่งตอนนี้ผ่านมาได้หลายปีมันแทบจะไม่ได้ถูกเอาออกมาใช้เลย ตัวเลขที่เห็นมันเพิ่มพูนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร…
อาจเป็นเพราะไม่เคยได้สนใจ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินแบบไม่คิดที่จะใช้ แต่พอได้คิดก็รู้สึกฟุ้งซ่านขึ้นมาในหัว
จังหวะเดียวกันเสียงหัวเราะคิกคักของชายหญิงคู่หนึ่งก็ดังใกล้เข้ามา เงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นคนที่อยู่คอนโดเดียวกัน เดินกอดเอวกะหนุงกะหนิงหยอกล้อต่อกระซิกไม่ต่างอะไรจากคู่รักทั่วไป
ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาดี รูปร่างผ่ายผอมเห็นทรวดทรงชัดเจน ผู้ชายเองก็หน้าตาดีไม่แพ้กัน หากบอกว่าเขาเป็นดาราก็คงไม่มีใครสงสัย แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเดิมกับที่ได้เห็นเมื่อสองสามวันก่อน
สองคนไม่ได้หันมาสนใจคนที่เอาแต่ยืนกอดกล่องพัสดุอยู่ตรงนี้ ทั้งคู่เดินผ่านเข้าไปด้านในของประตูกระจก เสียงลิฟต์ เสียงหัวเราะเงียบไปตอนไหนไม่อาจทราบได้ แต่ฉันกลับยังอยู่ที่จุดเดิม ใจเหม่อลอยอยู่ในห้วงคิด
ถ้าเกิดว่าฉันในตอนนี้สวยเหมือนผู้หญิงคนเมื่อครู่ก็คงดี โลกใบนี้คงจะใจดีกับฉันมากกว่านี้ ต่อให้อาจจะเจอเรื่องร้ายแรงอะไรมา แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องโชคดีอยู่อย่าง
คนสวย ไม่เคยไม่เป็นที่ได้รับความสนใจ
ไม่ต้องมีใครมาทำวิจัยก็บอกได้ว่าสภาพแบบฉันในตอนนี้คงไม่มีปัญญาไปควงผู้ชายหน้าตาหล่อ ๆ แบบนั้น อาจรวมถึงไม่หล่อก็ด้วย ตามทฤษฎีแล้วถ้าหากไม่มีเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ดีก็ต้องมีในสิ่งที่ทดแทนกันได้
สิ่งเดียวที่ฉันมี ก็เห็นจะแค่ยอดเงินที่พอจะเหลืออยู่…
เงินที่เหลืออยู่…
ก็แล้วถ้าเงินพวกนี้ไม่มีความจำเป็นอะไรต่อชีวิตอีกแล้ว…
จะเป็นยังไงถ้าเอามาใช้หาความสุขให้เกลี้ยงบัญชีก่อนตาย…
เที่ยงคืน
อยู่กรุงเทพฯ มายี่สิบแปดปีกานดาคนนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเมืองหลวงของประเทศยามค่ำคืนมันช่างคึกคักครึกครื้น เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องราตรีกันมากมายขนาดนี้ บรรยากาศในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยคนไทยรวมถึงชาวต่างชาติก็ด้วย
จะว่าอันที่จริงก็พอรู้อยู่ ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ของเหล่าสิงห์นักดื่มรวมถึงนักท่องราตรีที่เสพติดเสียงเพลงจังหวะเร้าใจประเภทที่เปิดในผับบาร์ ฉันแค่ไม่เคยได้มาเห็นกับตาก็เท่านั้น
อาคารชั้นเดียวตรงหน้ามีตัวอักษรแอลอีดีขนาดใหญ่ระบุบอกชื่อร้านเด่นหราอยู่ที่ด้านบนมองเห็นได้จากระยะไกล
เพราะเสิร์ชหาข้อมูลก่อนมาถึงรู้ว่าที่นี่คือสวรรค์ของสาว ๆ มีหนุ่มหล่อมากมายพร้อมที่จะให้การเทกแคร์ดูแลเอาใจใส่หากเรามีเงินมากพอ และตอนนี้ฉันก็มีเงินมากพอที่จะทำอะไรแบบที่ว่า…
แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวกอย่างเห็นได้ชัด ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ถึงได้หน้าตาดี สาว ๆ สวย ๆ กันแทบทุกคน ผิดไปจากที่จินตนาการในตอนแรกมากโข
คนที่มีแนวโน้มจะใช้เงินซื้อความสุขควรจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฉัน ไม่ก็ควรเป็นสาวประเภทที่ว่าใกล้จะจดทะเบียนสมรสกับไม้คานเต็มทีมากกว่าจะเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก หุ่นดี แต่งตัวเผ็ดร้อนแบบนี้
พอได้เห็นก็ดันรู้สึกลังเลใจ ไม่ก็อาจเป็นเพราะตัดสินใจลุยเดี่ยวมาคนเดียวไม่ได้มาเป็นกลุ่มแก๊งเหมือนกับคนอื่นเลยทำให้สูญเสียความมั่นใจ
ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ฉันก็คงไม่หันหลังกลับเป็นแน่ ยังไงวันนี้ก็ต้องได้ผู้ชายกลับบ้านสักคน แต่ขอเวลาไปนั่งเรียกกำลังใจให้ตัวเองสักแป๊บก็แล้วกันเผื่อจะดีขึ้น
ยี่สิบนาทีต่อมา
ดีขึ้นก็บ้า!
หลังจากนั่งอยู่ที่ด้านหลังตรงทางออกลานจอดรถอยู่นาน ก็เริ่มรู้สึกว่า ยิ่งซ้อมทำใจนานเท่าไรฉันยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเท่านั้น
ขนาดว่าตัดสินใจเด็ดขาดเรื่องที่ว่าจะเอาเงินที่เหลืออยู่มาซื้อความสุขให้ตัวเองแท้ ๆ แต่ใจกลับกลัว ทำตัวเหมือนตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาไม่มีผิด ขืนเป็นแบบนี้ เห็นจะไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม
พลั่ก!!
ฉันขยับตัวลุกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ใครสักคนถูกเหวี่ยงออกมาจากประตูด้านหลังตัวอาคารจนล้มคว่ำลงตรงหน้าพอดี
การ์ดหน้าตาโหดร่างกายบึกบึนสองคนซึ่งเป็นคนหิ้วผู้ชายคนนี้มาโยนยกนิ้วขึ้นชี้หน้าพร้อมกราดด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายก่อนจะกลับเข้าไป
มันเป็นแค่เหตุการณ์สั้น ๆ ม้วนเดียวจบที่ฉันสะเหล่อมายืนเป็นพยานรู้เห็นอยู่ตรงนี้ด้วยพอดิบพอดี
ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสารเลยรีบเข้าไปประคองคนที่ว่าซึ่งยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผล หัวคิ้วแตก แก้มช้ำ มุมปากมีเลือดซึม แม้ว่าหน้าแหกเบอร์นี้ ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงดูดีมาก
“ปะ… เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“…”
ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงแข็งแรง แม้ใบหน้าจะบ่งชัดว่าเพิ่งถูกทำร้ายมาก็ตาม และพอเขายืนเต็มความสูงฉันก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองโดยอัตโนมัติ
เพราะส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรส่งผลให้ฉันเป็นตัวสูง และไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองตัวเตี้ยมาก่อน แต่คนตรงหน้ากลับสูงกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้กานดากลายเป็นสาวตัวเล็กตัวน้อยไปในบัดดล
คนแปลกหน้าเดินเบี่ยงไปยังทางหนึ่งดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่สนใจที่จะตอบคำถาม สุดท้ายก็เป็นฉันเองที่ยืนเก้อรอคำตอบอยู่ตรงจุดเดิม
ใครว่ารูปลักษณ์ภายนอกไม่มีผลต่อการเลือกปฏิบัติ?
พอคิดได้ว่าไม่ควรไปสนใจใครที่ไหนก็ไม่รู้ สุดท้ายก็หมุนตัวเดินหนีความกระดากอายไร้สาระ ตั้งท่าจะเข้าไปหาผู้ชายสักคนที่อาคารด้านใน แต่กลับได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากด้านหลัง
“พี่… รองเท้าส้นจะหัก…”
“…”
เพราะคำเตือนไม่มีปี่มีขลุ่ย และไม่มีใครอยู่ตรงนี้นอกจากเราสองคน ทำให้ฉันถึงกับต้องรีบก้มลงมองรองเท้าส้นสูงที่ซื้อมาตั้งแต่ชาติที่แล้วแต่เพิ่งได้ฤกษ์เอาออกมาใส่วันนี้เป็นครั้งแรก และตรงส้นมันก็มีรอยกาวเผยอจริงตามคำเตือน
พอหันกลับไปมองก็เห็นผู้ชายคนเดิมกำลังมองมา เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พ่นควันบุหรี่ขึ้นฟ้า ฉันพยายามจะยิ้มตอนที่ตะกุกตะกักเสียงเบา
“สงสัยกาวมันจะล่อน…”
“…”
คนตรงนั้นเลื่อนคิ้วเข้าหากัน เมื่อได้ยินคำแก้ตัวที่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดไปทำไม
ที่ส้นมันใกล้จะหักแบบนี้คงไม่ใช่แค่เพราะซื้อมานานแต่ไม่เคยผ่านการใช้งาน เหตุคงประกอบกับน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานด้วยอีกอย่าง แต่ใครมันจะบ้าบอกว่าเพราะตัวเองอ้วนกัน ทุเรศสิ้นดี…
ขืนไม่รีบไปตอนนี้มีหวังได้รู้สึกแย่จนถอดใจกลับบ้านแน่ คิดได้อย่างนั้นก็รีบเดินหนีเขาอีกครั้ง แต่เสียงเนือยยังคงเอ่ยต่อ
“ไม่ต้องเข้าไปหรอก”
“…”
“พี่เข้าไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียใจเปล่า ๆ”
“หมายความว่ายังไง?”
ก็เป็นต้องหันกลับไปขมวดคิ้วมอง ผู้ชายคนนั้นทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นแล้วดึงอีกตัวขึ้นมาจุดสูบต่อเนื่อง แม้จะมีสีหน้าลังเลใจในตอนแรกแต่สุดท้ายคำตอบก็เอ่ยออกมา
“ที่นี่มันคัดคน”
“…”
ช็อกยิ่งกว่าสิ่งที่ได้ยิน ก็คือสายตานิ่งสนิทที่เลื่อนมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไอ้เด็กเวรเบนสายตาหนีไปแล้วแต่ฉันกลับรู้สึกอับอายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ จะบอกว่าเพราะไม่สวยเลยเข้าไม่ได้หรือยังไง
“ไม่เห็นจะเคยได้ยินว่าที่ไหนจะปฏิเสธลูกค้า ฉันมีเงินพอที่จะจ่าย…”
“หึ…”
คนตรงนั้นหันมองกลับมาอีกครั้งสีหน้าไม่เห็นด้วยพร้อมทั้งขยายความให้ฟัง
“เผื่อพี่ไม่รู้… บางทีไม่ใช่แค่มีเงินก็เข้าได้ บางที่มีข้อกำหนดเรื่องอายุที่มากเกินไปด้วยซ้ำ”
“…” มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอวะเนี่ย…
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่ ลองดู”
เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ทำท่าอันเชิญไปด้วย ซ้ำสีหน้ายังกวนโทโสสุด ๆ และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ ตัวฉันเองดันเริ่มรู้สึกลังเล ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูดจริงมันจะยังไงต่อ
อีกฝ่ายไม่ได้หันมาสนใจอะไรกันอีก เป็นฉันเองที่ยืนนิ่งไม่ได้เดินหนีไปอย่างที่คิดในตอนแรก
เราต่างคนต่างไม่สนใจกันอยู่นานเกือบนาที และตอนที่ฉันตัดสินใจว่าจะกลับคอนโดเพราะเกิดกลัวขึ้นมาว่าแค่เงินอย่างเดียวคงจะไม่พอสำหรับสถานที่ตรงหน้าอย่างที่ได้ฟัง
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาของเขาเหมือนจะลังเลอยู่อึดใจ หากท้ายที่สุดก็เอ่ยออกมา
“ที่บอกว่ามีเงิน”
“…”
“พี่มีเงินแค่ไหน? พอจะเลี้ยงเด็กคนนึงสักปีไหม?”
“…”
“ผมทำได้หมดนะ ให้เลียตั้งแต่เท้ายันหัวก็เอา”
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 2ซ่า… เสียงวักน้ำล้างหน้าดังมาจากในห้องน้ำ เสียงขยับตัวของคนด้านในดังอยู่ครู่ เสียงน้ำจากก๊อกก็ถูกปิดลง เรือนร่างโปร่งสูงเดินพ้นประตูออกมาพร้อมกับถอดเสื้อเชิ้ตออกทันทีแบบที่ไม่ได้แคร์สายตาคนมอง สาเหตุคงเป็นเพราะเสื้อมันเปียก ผู้ชายคนนี้น่าจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่กลับมีเรือนร่างที่แน่นขนัดไปด้วยมัดกล้าม และเพราะเขาตัวสูงองค์ประกอบทุกอย่างเลยยิ่งดูดี ดวงหน้าเปียกพราวไปด้วยหยดน้ำกวาดตามองรอบตัวเงียบ ๆ ก่อนจะจบสายตาลงที่ฉันซึ่งนั่งประสานมือชื้นเหงื่อของตัวเองอยู่ที่ขอบเตียง มันก็บ้า… กับการตัดสินใจหิ้วเด็กที่ไหนก็ไม่รู้กลับห้องมาด้วยแบบที่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าทำไปแล้ว “ผมขอผ้าขนหนูหน่อย” “ในตู้ด้านขวา” “…” เจ้าตัวมีสีหน้าประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับ คงเพราะเจ้าของห้องอย่างฉันไม่คิดจะเดินไปหยิบให้แต่กลับบุ้ยใบ้ไปยังทิศทางที่ว่า ปล่อยให้แขกที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อบริการตัวเอง นาทีต่อมาห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความสงบเงียบเชีย
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 3 หนึ่งชั่วโมงต่อมา สัญญาสองฉบับอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่ที่นั่งกันคนละฝั่งของโต๊ะกินข้าว ฉันเป็นคนพิมพ์มันเองกับมือ และเป็นคนระบุรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการทำกิจกรรมในอนาคตลงในสัญญาด้วยแน่นอนคนตรงหน้าไม่รู้หรอกว่าเรื่องพวกนั้นล้วนมีนัยยะแอบแฝง เก๋าเงียบอยู่นานเลื่อนสายตาลากอ่านผ่านสัญญาอย่างละเอียดรอบคอบ ยังเรียนมหา’ลัยอยู่แท้ ๆ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กับผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น “ขาดไปข้อนึง” “อะไร?” “ค่าน้ำมัน” “ฉันไม่ได้จะให้เธอมาอยู่ด้วยกันสักหน่อย” “แต่ผมก็ยังต้องเดินทาง ที่บอกว่าถ้าให้มาอยู่ด้วยจะบวกเพิ่มนั่นก็หมายความว่ามันนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายปกติ แต่ค่าใช้จ่ายปกติก็ยังคงเดิมซึ่งแน่นอนว่ามีค่าน้ำมัน” “จะเก็บทุกเม็ดเลยรึไงถามจริง?” “ขอเดือนละพันห้าก็พอ หยวนให้” หยวนกับผีน่ะสิ! นัยน์ตาสีดำสนิทเลื่อนขึ้นสบ พร้อมทั้งดันสัญญามาตรงหน้าฉันที่สุดท้ายแล้วก็ต้องถอนหายใจเสียงดัง คว้าเอาปากกามาเติมรายละเอียด
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 4วันต่อมาร้านทำผมเป็นสถานที่ที่กานดาไม่ได้เฉียดเข้าใกล้มาเกือบปีได้แล้วตั้งแต่หั่นผมครั้งสุดท้ายเมื่อปีก่อน และนี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ฉันตัดสินใจมาเข้าร้านที่ว่าซึ่งอยู่ใต้คอนโดของฉันเองกระจกเงาบานโตสะท้อนภาพผู้หญิงใบหน้ากลมแป้นขาวโบ๊ะแก้มแดงโดยธรรมชาติ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งตัดสินใจยืดตรงยาวสยายถึงบั้นเอว ส่งผลให้ฉันในเวลานี้ดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น เพราะไม่ได้มีผมที่ฟูเพิ้งเหมือนอย่างตอนแรกที่ย่างกรายเข้าร้านมาหลังจากใช้เวลาที่ร้านทำผมร่วมสามชั่วโมง ตอนนี้รถก็จอดสนิทลงที่ลานจอดของห้างสรรพสินค้าในละแวกใกล้กันกับคอนโด สิ่งที่ตั้งใจจะทำในลำดับถัดไปก็คือการ ‘ชอปปิง’การชอปเป็นสิ่งที่สาว ๆ ส่วนใหญ่โปรดปราน เรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกที่คู่กันกับผู้หญิงอย่างเรา ๆ ทว่านิสัยของฉันมันช่างห่างไกลจากคำว่า ‘สาว ๆ’ อยู่หลายขุมทำให้ไม่ค่อยได้มาทำอะไรแบบที่ว่าสักเท่าไรเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสายตามานานมากแล้ว ชุดที่ดีที่สุดก็ผ่านการใช้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาได้หลายปีฉะนั้นนี่คือโอกาสที่จะได้ทำอะไรแบบที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ก็อย่างเ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 5หนึ่งชั่วโมงต่อมานี่มันสวรรค์ชัด ๆฉันรู้ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล รู้ว่าตลอดทั้งวันทั้งคืนมีที่เที่ยวหลากหลายแบบให้เลือก และสวรรค์สำหรับคนที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจอย่างกานดาก็คงไม่พ้นตลาดโต้รุ่งตรงหน้า ที่แม้ว่าเวลาจะดึกดื่นค่อนคืนเข้าไปแล้วยังมีผู้คนจับจองโต๊ะนั่งดื่มนั่งกินกันอย่างคึกคัก“เยอะไปมั้ง”เสียงพึมพำของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเอ่ยขึ้น สายตากวาดมองบรรดาอาหารที่ฉันเดินไปซื้อมาจากร้านอาหารหลายร้าน ส่งผลให้ตอนนี้บนโต๊ะแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างให้วางอะไรได้อีกแล้ว“นาน ๆ ทีได้ออกมากินตอนดึกก็ต้องจัดเยอะ ๆ สิ” ฉันยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจตรงหน้าของเก๋ามีเพียงจานขนมจีนแกงเขียวหวานไก่เท่านั้น และตอนนี้ก็เกือบจะหมดจานแล้วด้วย ในขณะที่ฉันยังไม่ได้เริ่มแตะอาหารแม้แต่จานเดียวเพราะมัวแต่เดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เลือกซื้อของกินไม่จบไม่สิ้นหลังจากนั้นก็คือสวรรค์ของฉันเอง อาหารตรงหน้าช่างอร่อยไปเสียทุกอย่าง ยิ่งกินก็ยิ่งมีความสุข คงเพราะมัวแต่สุขสมกับการกินทำให้ลืมสนใจคนที่มาด้วยกันไปเสียสนิทพอเงยหน้ามองก็พบว่าเก๋ากำลังนั่งเท้าคางมองกัน
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 6 เก๋า สองชั่วโมงต่อมา ผมร้อนเงิน… ก็ร้อนมากพอสมควร และเหมือนเห็นทางสวรรค์ตอนได้เจอกับกานดากานดาเป็นผู้หญิงประเภทที่ว่าไม่ใช่คนสวย แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือยิ่งนั่งมองคนตรงหน้าก็ยิ่งดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัย ดูเข้าถึงง่าย อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง เหมือนชีวิตไม่มีเรื่องให้เครียดแม้จะเป็นคนแปลกนิดหน่อยแต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ และพอจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ตกลงชวนผมทำสัญญาเพื่อนเที่ยวอะไรแบบที่ว่า“ข้อที่ห้าสิบสอง… ไปดูคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี…”“…” “ข้อที่ห้าสิบสาม… แวะไปไหว้ศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นต่อ…” “ใช้คำว่าแวะไม่ไหวมั้ง” “…” ผมตัดสินใจขัดขึ้นในจังหวะนี้เอง พร้อมทั้งดึงกระดาษแผ่นที่อีกฝ่ายกำลังพยายามร่างเขียนด้วยลายมือยึกยืออ่านแทบไม่รู้เรื่องมาดู หลังจากกวาดตามองหนึ่งรอบก็ดึงปากกามาด้วย “ปีนเขาไม่น่าไหว… บันจี้จั๊มตัดออกไปเลย… อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ไปเอเวอร์เรสท์?” “แพงอยู่แต่น่าจะจ่ายไหว…” น้ำเสียงยานคางเอ่ยตอบ และผมก็อดที่จะแค่นหัวเราะอย่างเสียไม่ได้ ไม่ได้ดูสภาพตั
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 7 ฉันตื่นนอนมาในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ปวดเมื่อยเนื้อตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าเป็นสิ่งเดียวที่รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ ส่วนอื่น ๆ ถูกห่ออยู่ในผ้าห่มผืนหนา และตอนที่พยายามจะดึงผ้าห่มเพื่อนอนคลุมโปงก็รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง มันดึงไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับไว้ ดวงตาสะลึมสะลือเมื่อครู่เบิกโพลงขึ้นอย่างตระหนกตกใจ หันกลับไปมองที่ด้านหลังก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นร่างเหยียดยาวของใครคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างกัน “กรี๊ด!!!” เสียงกรีดร้องบาดแก้วหูที่ดังขึ้นเป็นเสียงของฉันเอง พร้อมกันก็ยกเท้าถีบคนแปลกหน้าที่ก็ยังไม่ทันได้เห็นหน้า แต่แม้จะถีบเต็มแรงคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่ได้ร่วงหล่นลงจากเตียงอย่างที่ใจคิด “อะไรวะ?” เสียงของไอ้คนที่ว่าดังขึ้นพร้อมกันก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแตกตื่นไม่แพ้ฉัน และแค่เขาหันหน้ามาก็ถึงบางอ้อในจังหวะนี้นี่เองว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา “เป็นอะไร?” เก๋าเลิกคิ้วมอง ส
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 8 ฉันรีบเดินออกจากร้านพยายามเดินตามคนทั้งคู่ แต่ดันมาคลาดกันตรงหัวมุมหนึ่ง ทีนี้กวาดตามองเท่าไรก็ไม่เจอซะแล้ว ถ้าหากเก๋ามีแฟนอยู่แล้วจริง แต่ดันมารับงานแบบนี้มันก็น่าทุเรศไปหน่อย น่าสงสารน้องผู้หญิงคนนั้นจะตาย ถึงตอนนี้ก็ได้แต่จินตนาการไปตามเรื่องตามราว เอาเป็นว่าเจอหน้ากันคงจะต้องสอบปากคำอีกสักที “ทำอะไร?” “…”ฉันหลังกลับโดยสัญชาตญาณเพราะมีใครสักคนสะกิดเข้าที่ไหล่ และไม่ใช่ใครอื่นเลยแต่เป็นคนที่ตามเดินดูเมื่อครู่นี้เองไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามคนที่จู่ ๆ ก็เป็นฝ่ายโผล่มาให้เจอเอง สายตากวาดมองไปรอบตัวของอีกฝ่ายก่อนเป็นอันดับแรก เผื่อจะเจอน้องคนนั้นด้วย แต่ก็ไม่มีเก๋าขมวดคิ้วหันซ้ายหันขวามองตาม ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง“พี่ตามใครอยู่?”“ก็ตามเธอไง”“เป็นสตอล์กเกอร์หรือไง?”“จะบ้าเหรอ?”ฉันยกของที่กำลังหอบหิ้วอยู่ให้อีกฝ่ายดู พร้อมทั้งขยายความ “วันนี้ฉันออกมาซื้อของ และบังเอิญเห็นเธอ…”“แล้วตามผมมาทำไม?”“…”“ตามผมกับน้องมาทำไม?”“…”เจ้าตัวถามเข้าประเด็น เดาจากสีหน้าคงรู้แล้วว่าฉันไม่ได้เห็นเขาแค่คนเดียวแต่เห็
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 9สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง หันกลับมาจัดการกับข้าวของที่ซื้อมาในวันนี้เก็บเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย เวลาไม่นานนักคนในห้องน้ำก็เดินออกมาในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว “ขอเสื้อผ้าสักชุด” ฉันที่พยายามจะทำใจให้สบายแล้ว จำต้องหันกลับไปมองอีกรอบ“จะมาใส่ของคนอื่นมั่วซั่วได้ยังไง?” “เดี๋ยวอย่างอื่นได้ใส่ยิ่งกว่านี้อีก แค่เสื้อผ้าจะเป็นไรไป” “…”เพราะคำพูดกำกวมของพ่อคนพูดตรง ทำเอาฉันเกิดจะสะอึกขึ้นมา แต่จะห้ามก็ไม่ทันแล้ว “พี่กับผมน่าจะใส่เสื้อผ้าไซซ์เดียวกัน เพราะงั้นใส่ได้” “ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทบ้างเหรอ?”ฉันยืนเท้าสะเอวมองแต่เก๋าก็ทำหูทวนลม แล้วเสื้อยืดตัวเก่งของฉันก็ถูกคนอื่นเอาไปใส่หน้าด้าน ๆ แบบที่ทำได้แค่มอง เห็นอยู่โต้ง ๆ ว่าคงจะไปสู้รบปรบมืออะไรไม่ได้ บวกกับปกติฉันไม่ได้หวงของขนาดนั้น สุดท้ายเลยเดินหนีไปอาบน้ำแทน หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็ถึงเวลาเข้านอน ใจรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยที่เห็นร่างสูงเหยียดกายนอนคว่ำอยู่บนเตียง เก๋ากำลังอ่านอะไรบางอย่างจากหน้าจอโ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 3 หลายปีต่อมา เพราะมีบ้านแล้วและเพราะฉันว่างมากจากอาชีพเดิมคือการเป็นเทรดเดอร์ นอกจากวัน ๆ จะต้องนั่งเฝ้าจอดูราคาหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแทบจะตลอดเวลา ฉันก็ว่างแหละ ไม่ก็พยายามจะว่าง…ช่วงนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน จัดการทำข้าวกล่องส่งขายตามตลาดเช้าเพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากรายได้เดิมที่มันก็ไม่ได้แย่อะไร และกว่าข้าวกล่องพวกนี้จะเสร็จก็กินเวลาเกือบเจ็ดโมงหากเป็นวันธรรมดาในเวลาเดียวกันนี้ จะได้เห็นร่างสูงของเก๋าในเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้เห็นคนที่ว่าอยู่ในสภาพดังกล่าวฉันอาจจะลืมเล่าไปถึงเรื่องที่ว่า คนเป็นสามีเรียนจบวิศวะเครื่องกลมา และตอนนี้กำลังทำงานควบคุมออกแบบ ติดตั้งเครื่องจักรกลที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงหน้าตาเก๋าเหมือนไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่อย่างที่เห็นว่าพอจะได้เรื่องอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันหยุดของเก๋า แต่กลับได้ยินเสียงคนที่ว่าดังมาจากทางห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านตั้งแต่เวลาย่ำรุ่ง และไม่ใช่เสียงเก๋าคนเดียว… แต่ม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 2 “คุณเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงติดขัดเอ่ยถามขึ้นก่อน สายตาจะเลื่อนขึ้นสบในวินาทีต่อมา “ชีวิตฉันตอนนี้ดีมาก ดียิ่งกว่าปีไหน ๆ”ฉันเอ่ยตอบในทันทีด้วยรอยยิ้ม แม้จะแฝงไปด้วยอารมณ์เกลียดขี้หน้าเหลือประมาณก็ตามที “ผมคิดถึงคุณนะ” คงเพราะสายตาสื่อความนัยแบบที่แค่มองก็รู้ว่าคิดอะไร ส่งผลให้รอยยิ้มของฉันคลายลงโดยอัตโนมัติ พึมพำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะเค้นขู่ลอดไรฟัน “เกิดจะคิดถึงขึ้นมาได้เชียว” “เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันไหม? ผมเป็นเจ้ามือเอง ยังไงก็คนคุ้นเคย…” คำว่า ‘คนคุ้นเคย’ กับการแสดงออกผ่านสายตาน่ารังเกียจ ทำเอาฉันรู้สึกอยากจะขย้อนอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ธนาก้าวเข้ามาอีกก้าวแล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเข้าสู่หน้าแอปพลิเคชันสำหรับใช้ติดต่อ “พลอยคงจะเสียใจถ้ารู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้” คนฟังระบายรอยยิ้มน่ารังเกียจอีกครั้ง แล้วกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังยิ่งทุเรศหู “พลอยไม่รู้หรอก” แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มา
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 1 เขาว่ากันว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรมักจะได้อย่างนั้น ผลของการกระทำมักจะเข้าเล่นงานแบบไม่ทันให้ตั้งตัว… ห้างสรรพสินค้า S ฉันกับเก๋าเราออกมาซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมตัวย้ายเข้าสู่เรือนหอของเราทั้งคู่ หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ร่วมสองเดือน และแน่นอนว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่เมื่อแรกเจอเราทั้งคู่กัดกันยิ่งกว่าอะไร… “ที่รัก” “…” “ที่รัก” “…” “กานดา” “ฮะ?” เพราะฉันกำลังให้ความสนใจกับของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วเหมาะน่าจะเอาไปตั้งในห้องนอนของเรา เลยไม่ทันได้ยินเสียงของคนด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าคนเรียกกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง สีหน้าเบื่อหน่ายฉายชัด “ทำไมจะต้องสรรหาสรรพนามอื่นมาเรียกกันด้วย? ผมเรียก พี่ก็ไม่หันอยู่ดี” “เมื่อกี้ไม่ได้ยิน เรียกอีกที ๆ” “…” ฉันที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำผิดข้อตกลงเรื่องล่าสุดระหว่างเราจำต้องรีบหมุนตัวกลับอีกครั้ง แสร้งทำเป็นดูของตกแต่งชิ้
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 52 สามปีต่อมา ฉันหมดแรงทิ้งเข่าทรุดกายลงตรงจุดซึ่งมีธงปักอยู่บ่งบอกว่าเราได้มาถึงจุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งอยู่ทางแถบภาคตะวันตกของประเทศเป็นที่เรียบร้อย ด้านบนนี้ลมพัดแรงจนผมเผ้าที่รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังสะบัดปลิวพลิ้วไหว ขายาวของคนที่มาด้วยกัน หยุดยืนลงที่ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเก๋านั้นไม่ได้ดูหมดสิ้นเรี่ยวแรง กระทั่งแสดงออกว่าเหนื่อยสักนิดก็ยังไม่มี คนเป็นแฟนยืนทิ้งเข่า ยกขวดน้ำขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นภาพของเหล่าภูเขาสลับซับซ้อนเรียงรายมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนนัยน์ตาซึ่งหรี่เล็กน้อยเพราะแรงลมจะเลื่อนต่ำลงมองสภาพของฉันด้วยสายตาที่บ่งชัดว่ากำลังสมน้ำหน้ากัน โอเค…ฉันมันบ้าเองที่อยากจะเดินป่าขึ้นเขาขึ้นดอยให้ได้ และตอนแรกเก๋าก็ไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรประเภทนี้ถึงแม้ฉันจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็จริง แต่เพราะยังไม่เคยทำกิจกรรมอย่างนี้มาก่อนเลยทำให้คนเป็นแฟนมีทีท่าไม่เห็นด้วยอย่างที่บอกเก๋าค้านว่า อย่างน้อยเราก็ต้องมีประสบการณ์เดินทางไกล หรือไม่ก็ต้อ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 51 หนึ่งเดือนต่อมา ร่างกายร้อนผ่าวของฉันนอนทาบทับคร่อมเรียวขาอยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของเก๋า ก้นสองข้างกำลังถูกฝ่ามือหนาจับสับโยกเข้าหาความแข็งขืนของตัวตนที่ผงาดกร้าวตั้งเป็นลำตอนนี้เป็นเวลาตีห้าเกือบจะหกโมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แต่แค่เรานอนกอดนอนเกยกันนิดเดียวก็เกิดจะปลุกเปลวเพลิงให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาได้ เสียงร่องเนื้อรูดขึ้นลงตามจังหวะการทิ้งสะโพกเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในขณะนี้ คนที่นอนอยู่ด้านล่างคลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอ หอมเข้าที่ข้างแก้มไม่หยุดมาตั้งแต่เราเริ่มบรรเลงบทรักเมื่อชั่วโมงก่อน “เสียวไหม?”เสียงห้าวแหบเอ่ยถาม ทั้งมือยังคงควบคุมจังหวะความเร็วอยู่อย่างนั้น ฉันเลื่อนริมฝีปากกระซิบเข้าที่ข้างหูของคนเป็นแฟนก่อนจะเอ่ยบอกเสียงพร่า“เสียวจนจะแตกอีกแล้ว”“ชอบของผมไหม?”เก๋าหยักยิ้มเอ่ยขอคำชมที่ก็มักจะขอเสมอ และฉันก็ให้คำตอบด้วยการออกแรงขย่มสับรัวเร็วอย่างเอาใจ พลางกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่พร่าสั่นหนักกว่าเดิม“ขึ้นให้ทุกเช้าแบบนี้ เธอคิดว่าชอบไหม?”“ชอบตรงไหน?”“ชอบทุกตรง”“ผมก็ชอ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 50 หลายวันต่อมา หลายวันที่ผ่านไปคนที่บอกว่าจะจีบก็มาจีบทุกวัน เช้ารอบ เย็นอีกรอบ แต่ถ้าวันไหนติดงานแล้วมาไม่ได้ก็จะส่งกลอนหวานเลี่ยนมาทางแชตแทน แม้เป็นการจีบที่ไม่ได้เรื่อง แต่เก๋าก็ทำให้ฉันยิ้มได้ไม่หยุดและตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาค่ำแล้ว การได้เห็นเจ้าตัวปรากฏตัวจึงไม่ได้น่าแปลกใจเพราะก็มาอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปจากวันอื่นตรงที่เก๋าแบกเอากีตาร์มาด้วยร่างสูงอยู่ในชุดนิสิตเหมือนหลายวันที่ผ่านมาเพราะมหา’ลัยเปิดเรียนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ว่าก็ยังมีความพยายามที่จะขับมอเตอร์ไซค์มาหา“มาจีบ”ไม่ต้องรอให้ถามเจ้าตัวก็รีบชิงพูดขึ้นทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เหมือนจะแกล้งกันเล่น เก๋าปลดกระเป๋ากีตาร์ออกจากหลัง ก่อนจะเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด สายตาร้อนแรงจับจ้องมองกันแบบไม่วางตา“ถอดเสื้อถอดผ้าทำไม?”“ร้อน”“โกหก”“ใช่”“ถอดกางเกงทำไม?”“ร้อน”“เก๋า”“ใช่ ผมโกหก”ฉันหลุบตาลงมองนิยายในมือที่กำลังอ่านอยู่ขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงด้วย กระทั่งพื้นที่ว่างบนเตียงยุบลงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกทีเก๋าในสภาพกึ่งเปลือยมีกีตาร์วางพาดอยู่
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 49 ความเงียบ สายลม รวมถึงสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินได้ฟัง มันควรจะเป็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติก ทว่าฉันกลับไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อรู้ว่าเราสองคนใจตรงกัน ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แล้วหมวยจะไม่เป็นไรเหรอ?” “ไม่ต้องห่วง มีคนที่ดูแลหมวยได้ดีพอกับที่ผมทำช่วยรับหน้าที่ต่อแล้ว ถึงผมจะยังคงรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้น้องมัน แต่เรื่องอื่น ๆ น้องชายผมจะเป็นคนจัดการแทน” “เธอเคลียร์กับหมวยแล้วเหรอ?” “ผมบอกไปตรง ๆ ว่าผมชอบพี่ และเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ อันที่จริงก็ไม่ได้พูดครั้งแรกแต่พูดมาหลายครั้งแล้ว” “…” “และการตัดสินใจให้น้องผมเป็นคนดูแลหมวยต่อก็มีข้อดี หมวยจะได้ตัดใจจากผมได้สักที” “…” “และเพราะพี่เป็นแบบนี้ไง… ผมถึงได้ชอบ” เก๋าระบายรอยยิ้มอีกครั้งพลางก็ถอนหายใจเบา ๆ “ใครจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักกัน ใครจะปากแว้ด ๆ ๆ แต่จริงแล้วเป็นคนใจดี” “นี่ชมหรือด่า?” “
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 48 หลายวันต่อมา วันนี้ วันที่ยี่สิบพฤศจิกายน… ฉันในชุดเดรสสีชมพูอ่อน รวบผมเป็นหางม้า ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ กำลังหมุนตัวซ้ายขวาตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องในช่วงเวลาเช้าตรู่ของวัน เพื่อไปงานแต่งงานของคนสองคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทมากมายในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฉันตั้งแต่สมัยมัธยม มหา’ลัย กระทั่งเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจัง งานแต่งของสองคนที่ว่าจัดขึ้นที่จังหวัดระยองซึ่งเป็นบ้านเกิดของธนาอดีตแฟนของฉันเอง พลอยส่งโลเคชันที่จัดงานมาให้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้ว และถึงฉันจะไม่ได้ตอบรับว่าจะไป แต่ก็มีเก๋าเสนอหน้าช่วยตอบให้ ทั้งยังแนบรูปที่เป็นของเราสองคนส่งไปด้วย เก๋าบอกว่าเราเป็นแฟนกันทั้งที่ตอนนั้นเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วันเท่านั้น และถึงตอนนี้ไอ้คำว่าแฟนที่ว่าก็ยังไม่ได้เป็น ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองกินเวลากว่าสามชั่วโมง มาถึงสถานที่จัดงานก็เป็นเวลาที่พิธีการเริ่มต้นขึ้นพอดิบพอดี งานแต่งงาน
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 47 ยี่สิบนาทีต่อมา แน่นอนว่าผมรถล้ม… และเกือบจะได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล แต่โชคยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บมากเท่าไรนัก ถึงแขนจะถลอก หน้าจะเกือบแหก แต่ก็ยังพอไหว… ความเร่งรีบทำให้ผมลืมแม้กระทั่งสิ่งสำคัญอย่างหมวกนิรภัยที่ปกติแล้วจะต้องใส่เสมอเพื่อความปลอดภัยของชีวิต แต่เพราะวันนี้จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรื่องที่ว่าไม่ควรจะลืมก็ดันมาลืมซะได้ แม้จะบาดเจ็บเล็กน้อย แม้ผิวเนื้อตรงจุดที่เลือดผุดซึมจะแสบ ๆ คัน ๆ แต่ก็ไม่มีเวลาให้สนใจ มาถึงคอนโดของกานดาได้ผมก็รีบวิ่งเข้าไปกระหน่ำกดลิฟต์ทันที มีลุงแช่ม รปภ. ประจำคอนโดรีบวิ่งตามเข้ามาด้วยอาการร้อนใจแทน ผมพยายามจะใจเย็นตอนที่บอกว่าไม่เป็นไรผมจะขึ้นไปดูเอง แต่ใจผมในตอนนี้มันเย็นแทบไม่ไหวแล้ว และทันทีที่กระหืดกระหอบวิ่งมาถึงหน้าห้องที่แสนจะคุ้นเคยก็รีบใช้กุญแจที่ตัวผมเองยังไม่ได้คืนให้เจ้าของห้องไขเข้าที่ลูกบิดทันทีพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกไปด้วย “กานดา!” “…” “กานดา!” “…”