ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 3 หลายปีต่อมา เพราะมีบ้านแล้วและเพราะฉันว่างมากจากอาชีพเดิมคือการเป็นเทรดเดอร์ นอกจากวัน ๆ จะต้องนั่งเฝ้าจอดูราคาหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแทบจะตลอดเวลา ฉันก็ว่างแหละ ไม่ก็พยายามจะว่าง…ช่วงนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน จัดการทำข้าวกล่องส่งขายตามตลาดเช้าเพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากรายได้เดิมที่มันก็ไม่ได้แย่อะไร และกว่าข้าวกล่องพวกนี้จะเสร็จก็กินเวลาเกือบเจ็ดโมงหากเป็นวันธรรมดาในเวลาเดียวกันนี้ จะได้เห็นร่างสูงของเก๋าในเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้เห็นคนที่ว่าอยู่ในสภาพดังกล่าวฉันอาจจะลืมเล่าไปถึงเรื่องที่ว่า คนเป็นสามีเรียนจบวิศวะเครื่องกลมา และตอนนี้กำลังทำงานควบคุมออกแบบ ติดตั้งเครื่องจักรกลที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงหน้าตาเก๋าเหมือนไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่อย่างที่เห็นว่าพอจะได้เรื่องอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันหยุดของเก๋า แต่กลับได้ยินเสียงคนที่ว่าดังมาจากทางห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านตั้งแต่เวลาย่ำรุ่ง และไม่ใช่เสียงเก๋าคนเดียว… แต่ม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 1ยานอนหลับหลายแผงที่ได้จากการไปหาหมอหลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายเดือนวางกองรวมกันอยู่บนเตียง ข้างกันมีกระดาษแผ่นหนึ่งพับครึ่งไว้ ทุกครั้งที่แรงลมจากเครื่องปรับอากาศพัดมาถึงปลายมุมด้านหนึ่งจะเผยอขึ้นเผยให้เห็นลายมือตวัดหยาบเขียนอยู่เต็มหน้ากระดาษ ว่ากันว่าหากกินยาตรงหน้าเข้าไปในปริมาณมากเกินไปจะทำให้ตัวยาไปออกฤทธิ์กดการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจส่งผลให้เกิดภาวะระบบการหายใจล้มเหลว แน่นอนว่าอันตรายถึงชีวิตยาพวกนี้ไม่มีขายทั่วไปต้องให้แพทย์เป็นคนจ่ายเท่านั้น และหลายครั้งที่ไปพบแพทย์ ฉันก็ได้มันมาในปริมาณที่มากพอ… มากพอสำหรับจะกระทำการสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในขณะนี้… ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนี้ จ้องมองสิ่งตรงหน้ามาได้ร่วมชั่วโมงแล้ว ยิ่งนั่งท่านี้นานเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเหมือนขาจะเป็นตะคริวมากขึ้นเท่านั้น และตอนที่ตัดสินใจเด็ดขาด เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดิบพอดี คนที่ตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้วไม่ควรจะหันกลับไปสนใจเพียงเพราะได้ยินเสียงที่ว่า แต่ฉันรู้สึกแปลกใจ… มันก็นานมาแล้วที่
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 2ซ่า… เสียงวักน้ำล้างหน้าดังมาจากในห้องน้ำ เสียงขยับตัวของคนด้านในดังอยู่ครู่ เสียงน้ำจากก๊อกก็ถูกปิดลง เรือนร่างโปร่งสูงเดินพ้นประตูออกมาพร้อมกับถอดเสื้อเชิ้ตออกทันทีแบบที่ไม่ได้แคร์สายตาคนมอง สาเหตุคงเป็นเพราะเสื้อมันเปียก ผู้ชายคนนี้น่าจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่กลับมีเรือนร่างที่แน่นขนัดไปด้วยมัดกล้าม และเพราะเขาตัวสูงองค์ประกอบทุกอย่างเลยยิ่งดูดี ดวงหน้าเปียกพราวไปด้วยหยดน้ำกวาดตามองรอบตัวเงียบ ๆ ก่อนจะจบสายตาลงที่ฉันซึ่งนั่งประสานมือชื้นเหงื่อของตัวเองอยู่ที่ขอบเตียง มันก็บ้า… กับการตัดสินใจหิ้วเด็กที่ไหนก็ไม่รู้กลับห้องมาด้วยแบบที่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าทำไปแล้ว “ผมขอผ้าขนหนูหน่อย” “ในตู้ด้านขวา” “…” เจ้าตัวมีสีหน้าประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับ คงเพราะเจ้าของห้องอย่างฉันไม่คิดจะเดินไปหยิบให้แต่กลับบุ้ยใบ้ไปยังทิศทางที่ว่า ปล่อยให้แขกที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อบริการตัวเอง นาทีต่อมาห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความสงบเงียบเชีย
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 3 หนึ่งชั่วโมงต่อมา สัญญาสองฉบับอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่ที่นั่งกันคนละฝั่งของโต๊ะกินข้าว ฉันเป็นคนพิมพ์มันเองกับมือ และเป็นคนระบุรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการทำกิจกรรมในอนาคตลงในสัญญาด้วยแน่นอนคนตรงหน้าไม่รู้หรอกว่าเรื่องพวกนั้นล้วนมีนัยยะแอบแฝง เก๋าเงียบอยู่นานเลื่อนสายตาลากอ่านผ่านสัญญาอย่างละเอียดรอบคอบ ยังเรียนมหา’ลัยอยู่แท้ ๆ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กับผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น “ขาดไปข้อนึง” “อะไร?” “ค่าน้ำมัน” “ฉันไม่ได้จะให้เธอมาอยู่ด้วยกันสักหน่อย” “แต่ผมก็ยังต้องเดินทาง ที่บอกว่าถ้าให้มาอยู่ด้วยจะบวกเพิ่มนั่นก็หมายความว่ามันนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายปกติ แต่ค่าใช้จ่ายปกติก็ยังคงเดิมซึ่งแน่นอนว่ามีค่าน้ำมัน” “จะเก็บทุกเม็ดเลยรึไงถามจริง?” “ขอเดือนละพันห้าก็พอ หยวนให้” หยวนกับผีน่ะสิ! นัยน์ตาสีดำสนิทเลื่อนขึ้นสบ พร้อมทั้งดันสัญญามาตรงหน้าฉันที่สุดท้ายแล้วก็ต้องถอนหายใจเสียงดัง คว้าเอาปากกามาเติมรายละเอียด
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 4วันต่อมาร้านทำผมเป็นสถานที่ที่กานดาไม่ได้เฉียดเข้าใกล้มาเกือบปีได้แล้วตั้งแต่หั่นผมครั้งสุดท้ายเมื่อปีก่อน และนี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ฉันตัดสินใจมาเข้าร้านที่ว่าซึ่งอยู่ใต้คอนโดของฉันเองกระจกเงาบานโตสะท้อนภาพผู้หญิงใบหน้ากลมแป้นขาวโบ๊ะแก้มแดงโดยธรรมชาติ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งตัดสินใจยืดตรงยาวสยายถึงบั้นเอว ส่งผลให้ฉันในเวลานี้ดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น เพราะไม่ได้มีผมที่ฟูเพิ้งเหมือนอย่างตอนแรกที่ย่างกรายเข้าร้านมาหลังจากใช้เวลาที่ร้านทำผมร่วมสามชั่วโมง ตอนนี้รถก็จอดสนิทลงที่ลานจอดของห้างสรรพสินค้าในละแวกใกล้กันกับคอนโด สิ่งที่ตั้งใจจะทำในลำดับถัดไปก็คือการ ‘ชอปปิง’การชอปเป็นสิ่งที่สาว ๆ ส่วนใหญ่โปรดปราน เรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกที่คู่กันกับผู้หญิงอย่างเรา ๆ ทว่านิสัยของฉันมันช่างห่างไกลจากคำว่า ‘สาว ๆ’ อยู่หลายขุมทำให้ไม่ค่อยได้มาทำอะไรแบบที่ว่าสักเท่าไรเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสายตามานานมากแล้ว ชุดที่ดีที่สุดก็ผ่านการใช้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาได้หลายปีฉะนั้นนี่คือโอกาสที่จะได้ทำอะไรแบบที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ก็อย่างเ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 5หนึ่งชั่วโมงต่อมานี่มันสวรรค์ชัด ๆฉันรู้ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล รู้ว่าตลอดทั้งวันทั้งคืนมีที่เที่ยวหลากหลายแบบให้เลือก และสวรรค์สำหรับคนที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจอย่างกานดาก็คงไม่พ้นตลาดโต้รุ่งตรงหน้า ที่แม้ว่าเวลาจะดึกดื่นค่อนคืนเข้าไปแล้วยังมีผู้คนจับจองโต๊ะนั่งดื่มนั่งกินกันอย่างคึกคัก“เยอะไปมั้ง”เสียงพึมพำของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเอ่ยขึ้น สายตากวาดมองบรรดาอาหารที่ฉันเดินไปซื้อมาจากร้านอาหารหลายร้าน ส่งผลให้ตอนนี้บนโต๊ะแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างให้วางอะไรได้อีกแล้ว“นาน ๆ ทีได้ออกมากินตอนดึกก็ต้องจัดเยอะ ๆ สิ” ฉันยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจตรงหน้าของเก๋ามีเพียงจานขนมจีนแกงเขียวหวานไก่เท่านั้น และตอนนี้ก็เกือบจะหมดจานแล้วด้วย ในขณะที่ฉันยังไม่ได้เริ่มแตะอาหารแม้แต่จานเดียวเพราะมัวแต่เดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เลือกซื้อของกินไม่จบไม่สิ้นหลังจากนั้นก็คือสวรรค์ของฉันเอง อาหารตรงหน้าช่างอร่อยไปเสียทุกอย่าง ยิ่งกินก็ยิ่งมีความสุข คงเพราะมัวแต่สุขสมกับการกินทำให้ลืมสนใจคนที่มาด้วยกันไปเสียสนิทพอเงยหน้ามองก็พบว่าเก๋ากำลังนั่งเท้าคางมองกัน
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 6 เก๋า สองชั่วโมงต่อมา ผมร้อนเงิน… ก็ร้อนมากพอสมควร และเหมือนเห็นทางสวรรค์ตอนได้เจอกับกานดากานดาเป็นผู้หญิงประเภทที่ว่าไม่ใช่คนสวย แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือยิ่งนั่งมองคนตรงหน้าก็ยิ่งดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัย ดูเข้าถึงง่าย อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง เหมือนชีวิตไม่มีเรื่องให้เครียดแม้จะเป็นคนแปลกนิดหน่อยแต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ และพอจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ตกลงชวนผมทำสัญญาเพื่อนเที่ยวอะไรแบบที่ว่า“ข้อที่ห้าสิบสอง… ไปดูคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี…”“…” “ข้อที่ห้าสิบสาม… แวะไปไหว้ศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นต่อ…” “ใช้คำว่าแวะไม่ไหวมั้ง” “…” ผมตัดสินใจขัดขึ้นในจังหวะนี้เอง พร้อมทั้งดึงกระดาษแผ่นที่อีกฝ่ายกำลังพยายามร่างเขียนด้วยลายมือยึกยืออ่านแทบไม่รู้เรื่องมาดู หลังจากกวาดตามองหนึ่งรอบก็ดึงปากกามาด้วย “ปีนเขาไม่น่าไหว… บันจี้จั๊มตัดออกไปเลย… อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ไปเอเวอร์เรสท์?” “แพงอยู่แต่น่าจะจ่ายไหว…” น้ำเสียงยานคางเอ่ยตอบ และผมก็อดที่จะแค่นหัวเราะอย่างเสียไม่ได้ ไม่ได้ดูสภาพตั
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 7 ฉันตื่นนอนมาในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ปวดเมื่อยเนื้อตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าเป็นสิ่งเดียวที่รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ ส่วนอื่น ๆ ถูกห่ออยู่ในผ้าห่มผืนหนา และตอนที่พยายามจะดึงผ้าห่มเพื่อนอนคลุมโปงก็รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง มันดึงไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรหนัก ๆ กดทับไว้ ดวงตาสะลึมสะลือเมื่อครู่เบิกโพลงขึ้นอย่างตระหนกตกใจ หันกลับไปมองที่ด้านหลังก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นร่างเหยียดยาวของใครคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างกัน “กรี๊ด!!!” เสียงกรีดร้องบาดแก้วหูที่ดังขึ้นเป็นเสียงของฉันเอง พร้อมกันก็ยกเท้าถีบคนแปลกหน้าที่ก็ยังไม่ทันได้เห็นหน้า แต่แม้จะถีบเต็มแรงคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่ได้ร่วงหล่นลงจากเตียงอย่างที่ใจคิด “อะไรวะ?” เสียงของไอ้คนที่ว่าดังขึ้นพร้อมกันก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแตกตื่นไม่แพ้ฉัน และแค่เขาหันหน้ามาก็ถึงบางอ้อในจังหวะนี้นี่เองว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา “เป็นอะไร?” เก๋าเลิกคิ้วมอง ส
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 3 หลายปีต่อมา เพราะมีบ้านแล้วและเพราะฉันว่างมากจากอาชีพเดิมคือการเป็นเทรดเดอร์ นอกจากวัน ๆ จะต้องนั่งเฝ้าจอดูราคาหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแทบจะตลอดเวลา ฉันก็ว่างแหละ ไม่ก็พยายามจะว่าง…ช่วงนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน จัดการทำข้าวกล่องส่งขายตามตลาดเช้าเพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากรายได้เดิมที่มันก็ไม่ได้แย่อะไร และกว่าข้าวกล่องพวกนี้จะเสร็จก็กินเวลาเกือบเจ็ดโมงหากเป็นวันธรรมดาในเวลาเดียวกันนี้ จะได้เห็นร่างสูงของเก๋าในเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้เห็นคนที่ว่าอยู่ในสภาพดังกล่าวฉันอาจจะลืมเล่าไปถึงเรื่องที่ว่า คนเป็นสามีเรียนจบวิศวะเครื่องกลมา และตอนนี้กำลังทำงานควบคุมออกแบบ ติดตั้งเครื่องจักรกลที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงหน้าตาเก๋าเหมือนไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่อย่างที่เห็นว่าพอจะได้เรื่องอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันหยุดของเก๋า แต่กลับได้ยินเสียงคนที่ว่าดังมาจากทางห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านตั้งแต่เวลาย่ำรุ่ง และไม่ใช่เสียงเก๋าคนเดียว… แต่ม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 2 “คุณเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงติดขัดเอ่ยถามขึ้นก่อน สายตาจะเลื่อนขึ้นสบในวินาทีต่อมา “ชีวิตฉันตอนนี้ดีมาก ดียิ่งกว่าปีไหน ๆ”ฉันเอ่ยตอบในทันทีด้วยรอยยิ้ม แม้จะแฝงไปด้วยอารมณ์เกลียดขี้หน้าเหลือประมาณก็ตามที “ผมคิดถึงคุณนะ” คงเพราะสายตาสื่อความนัยแบบที่แค่มองก็รู้ว่าคิดอะไร ส่งผลให้รอยยิ้มของฉันคลายลงโดยอัตโนมัติ พึมพำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะเค้นขู่ลอดไรฟัน “เกิดจะคิดถึงขึ้นมาได้เชียว” “เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันไหม? ผมเป็นเจ้ามือเอง ยังไงก็คนคุ้นเคย…” คำว่า ‘คนคุ้นเคย’ กับการแสดงออกผ่านสายตาน่ารังเกียจ ทำเอาฉันรู้สึกอยากจะขย้อนอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ธนาก้าวเข้ามาอีกก้าวแล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเข้าสู่หน้าแอปพลิเคชันสำหรับใช้ติดต่อ “พลอยคงจะเสียใจถ้ารู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้” คนฟังระบายรอยยิ้มน่ารังเกียจอีกครั้ง แล้วกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังยิ่งทุเรศหู “พลอยไม่รู้หรอก” แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มา
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 1 เขาว่ากันว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรมักจะได้อย่างนั้น ผลของการกระทำมักจะเข้าเล่นงานแบบไม่ทันให้ตั้งตัว… ห้างสรรพสินค้า S ฉันกับเก๋าเราออกมาซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมตัวย้ายเข้าสู่เรือนหอของเราทั้งคู่ หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ร่วมสองเดือน และแน่นอนว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่เมื่อแรกเจอเราทั้งคู่กัดกันยิ่งกว่าอะไร… “ที่รัก” “…” “ที่รัก” “…” “กานดา” “ฮะ?” เพราะฉันกำลังให้ความสนใจกับของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วเหมาะน่าจะเอาไปตั้งในห้องนอนของเรา เลยไม่ทันได้ยินเสียงของคนด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าคนเรียกกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง สีหน้าเบื่อหน่ายฉายชัด “ทำไมจะต้องสรรหาสรรพนามอื่นมาเรียกกันด้วย? ผมเรียก พี่ก็ไม่หันอยู่ดี” “เมื่อกี้ไม่ได้ยิน เรียกอีกที ๆ” “…” ฉันที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำผิดข้อตกลงเรื่องล่าสุดระหว่างเราจำต้องรีบหมุนตัวกลับอีกครั้ง แสร้งทำเป็นดูของตกแต่งชิ้
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 52 สามปีต่อมา ฉันหมดแรงทิ้งเข่าทรุดกายลงตรงจุดซึ่งมีธงปักอยู่บ่งบอกว่าเราได้มาถึงจุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งอยู่ทางแถบภาคตะวันตกของประเทศเป็นที่เรียบร้อย ด้านบนนี้ลมพัดแรงจนผมเผ้าที่รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังสะบัดปลิวพลิ้วไหว ขายาวของคนที่มาด้วยกัน หยุดยืนลงที่ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเก๋านั้นไม่ได้ดูหมดสิ้นเรี่ยวแรง กระทั่งแสดงออกว่าเหนื่อยสักนิดก็ยังไม่มี คนเป็นแฟนยืนทิ้งเข่า ยกขวดน้ำขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นภาพของเหล่าภูเขาสลับซับซ้อนเรียงรายมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนนัยน์ตาซึ่งหรี่เล็กน้อยเพราะแรงลมจะเลื่อนต่ำลงมองสภาพของฉันด้วยสายตาที่บ่งชัดว่ากำลังสมน้ำหน้ากัน โอเค…ฉันมันบ้าเองที่อยากจะเดินป่าขึ้นเขาขึ้นดอยให้ได้ และตอนแรกเก๋าก็ไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรประเภทนี้ถึงแม้ฉันจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็จริง แต่เพราะยังไม่เคยทำกิจกรรมอย่างนี้มาก่อนเลยทำให้คนเป็นแฟนมีทีท่าไม่เห็นด้วยอย่างที่บอกเก๋าค้านว่า อย่างน้อยเราก็ต้องมีประสบการณ์เดินทางไกล หรือไม่ก็ต้อ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 51 หนึ่งเดือนต่อมา ร่างกายร้อนผ่าวของฉันนอนทาบทับคร่อมเรียวขาอยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของเก๋า ก้นสองข้างกำลังถูกฝ่ามือหนาจับสับโยกเข้าหาความแข็งขืนของตัวตนที่ผงาดกร้าวตั้งเป็นลำตอนนี้เป็นเวลาตีห้าเกือบจะหกโมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แต่แค่เรานอนกอดนอนเกยกันนิดเดียวก็เกิดจะปลุกเปลวเพลิงให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาได้ เสียงร่องเนื้อรูดขึ้นลงตามจังหวะการทิ้งสะโพกเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในขณะนี้ คนที่นอนอยู่ด้านล่างคลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอ หอมเข้าที่ข้างแก้มไม่หยุดมาตั้งแต่เราเริ่มบรรเลงบทรักเมื่อชั่วโมงก่อน “เสียวไหม?”เสียงห้าวแหบเอ่ยถาม ทั้งมือยังคงควบคุมจังหวะความเร็วอยู่อย่างนั้น ฉันเลื่อนริมฝีปากกระซิบเข้าที่ข้างหูของคนเป็นแฟนก่อนจะเอ่ยบอกเสียงพร่า“เสียวจนจะแตกอีกแล้ว”“ชอบของผมไหม?”เก๋าหยักยิ้มเอ่ยขอคำชมที่ก็มักจะขอเสมอ และฉันก็ให้คำตอบด้วยการออกแรงขย่มสับรัวเร็วอย่างเอาใจ พลางกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่พร่าสั่นหนักกว่าเดิม“ขึ้นให้ทุกเช้าแบบนี้ เธอคิดว่าชอบไหม?”“ชอบตรงไหน?”“ชอบทุกตรง”“ผมก็ชอ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 50 หลายวันต่อมา หลายวันที่ผ่านไปคนที่บอกว่าจะจีบก็มาจีบทุกวัน เช้ารอบ เย็นอีกรอบ แต่ถ้าวันไหนติดงานแล้วมาไม่ได้ก็จะส่งกลอนหวานเลี่ยนมาทางแชตแทน แม้เป็นการจีบที่ไม่ได้เรื่อง แต่เก๋าก็ทำให้ฉันยิ้มได้ไม่หยุดและตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาค่ำแล้ว การได้เห็นเจ้าตัวปรากฏตัวจึงไม่ได้น่าแปลกใจเพราะก็มาอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปจากวันอื่นตรงที่เก๋าแบกเอากีตาร์มาด้วยร่างสูงอยู่ในชุดนิสิตเหมือนหลายวันที่ผ่านมาเพราะมหา’ลัยเปิดเรียนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ว่าก็ยังมีความพยายามที่จะขับมอเตอร์ไซค์มาหา“มาจีบ”ไม่ต้องรอให้ถามเจ้าตัวก็รีบชิงพูดขึ้นทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เหมือนจะแกล้งกันเล่น เก๋าปลดกระเป๋ากีตาร์ออกจากหลัง ก่อนจะเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด สายตาร้อนแรงจับจ้องมองกันแบบไม่วางตา“ถอดเสื้อถอดผ้าทำไม?”“ร้อน”“โกหก”“ใช่”“ถอดกางเกงทำไม?”“ร้อน”“เก๋า”“ใช่ ผมโกหก”ฉันหลุบตาลงมองนิยายในมือที่กำลังอ่านอยู่ขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงด้วย กระทั่งพื้นที่ว่างบนเตียงยุบลงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกทีเก๋าในสภาพกึ่งเปลือยมีกีตาร์วางพาดอยู่
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 49 ความเงียบ สายลม รวมถึงสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินได้ฟัง มันควรจะเป็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติก ทว่าฉันกลับไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อรู้ว่าเราสองคนใจตรงกัน ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แล้วหมวยจะไม่เป็นไรเหรอ?” “ไม่ต้องห่วง มีคนที่ดูแลหมวยได้ดีพอกับที่ผมทำช่วยรับหน้าที่ต่อแล้ว ถึงผมจะยังคงรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้น้องมัน แต่เรื่องอื่น ๆ น้องชายผมจะเป็นคนจัดการแทน” “เธอเคลียร์กับหมวยแล้วเหรอ?” “ผมบอกไปตรง ๆ ว่าผมชอบพี่ และเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ อันที่จริงก็ไม่ได้พูดครั้งแรกแต่พูดมาหลายครั้งแล้ว” “…” “และการตัดสินใจให้น้องผมเป็นคนดูแลหมวยต่อก็มีข้อดี หมวยจะได้ตัดใจจากผมได้สักที” “…” “และเพราะพี่เป็นแบบนี้ไง… ผมถึงได้ชอบ” เก๋าระบายรอยยิ้มอีกครั้งพลางก็ถอนหายใจเบา ๆ “ใครจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักกัน ใครจะปากแว้ด ๆ ๆ แต่จริงแล้วเป็นคนใจดี” “นี่ชมหรือด่า?” “
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 48 หลายวันต่อมา วันนี้ วันที่ยี่สิบพฤศจิกายน… ฉันในชุดเดรสสีชมพูอ่อน รวบผมเป็นหางม้า ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ กำลังหมุนตัวซ้ายขวาตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องในช่วงเวลาเช้าตรู่ของวัน เพื่อไปงานแต่งงานของคนสองคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทมากมายในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฉันตั้งแต่สมัยมัธยม มหา’ลัย กระทั่งเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจัง งานแต่งของสองคนที่ว่าจัดขึ้นที่จังหวัดระยองซึ่งเป็นบ้านเกิดของธนาอดีตแฟนของฉันเอง พลอยส่งโลเคชันที่จัดงานมาให้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้ว และถึงฉันจะไม่ได้ตอบรับว่าจะไป แต่ก็มีเก๋าเสนอหน้าช่วยตอบให้ ทั้งยังแนบรูปที่เป็นของเราสองคนส่งไปด้วย เก๋าบอกว่าเราเป็นแฟนกันทั้งที่ตอนนั้นเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วันเท่านั้น และถึงตอนนี้ไอ้คำว่าแฟนที่ว่าก็ยังไม่ได้เป็น ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองกินเวลากว่าสามชั่วโมง มาถึงสถานที่จัดงานก็เป็นเวลาที่พิธีการเริ่มต้นขึ้นพอดิบพอดี งานแต่งงาน
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 47 ยี่สิบนาทีต่อมา แน่นอนว่าผมรถล้ม… และเกือบจะได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล แต่โชคยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บมากเท่าไรนัก ถึงแขนจะถลอก หน้าจะเกือบแหก แต่ก็ยังพอไหว… ความเร่งรีบทำให้ผมลืมแม้กระทั่งสิ่งสำคัญอย่างหมวกนิรภัยที่ปกติแล้วจะต้องใส่เสมอเพื่อความปลอดภัยของชีวิต แต่เพราะวันนี้จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรื่องที่ว่าไม่ควรจะลืมก็ดันมาลืมซะได้ แม้จะบาดเจ็บเล็กน้อย แม้ผิวเนื้อตรงจุดที่เลือดผุดซึมจะแสบ ๆ คัน ๆ แต่ก็ไม่มีเวลาให้สนใจ มาถึงคอนโดของกานดาได้ผมก็รีบวิ่งเข้าไปกระหน่ำกดลิฟต์ทันที มีลุงแช่ม รปภ. ประจำคอนโดรีบวิ่งตามเข้ามาด้วยอาการร้อนใจแทน ผมพยายามจะใจเย็นตอนที่บอกว่าไม่เป็นไรผมจะขึ้นไปดูเอง แต่ใจผมในตอนนี้มันเย็นแทบไม่ไหวแล้ว และทันทีที่กระหืดกระหอบวิ่งมาถึงหน้าห้องที่แสนจะคุ้นเคยก็รีบใช้กุญแจที่ตัวผมเองยังไม่ได้คืนให้เจ้าของห้องไขเข้าที่ลูกบิดทันทีพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกไปด้วย “กานดา!” “…” “กานดา!” “…”