เธอคิดว่าตัวเองกำลังฝัน เพราะเธอเห็นชัดเจนว่าเหมือนมีแสงจาง ๆ อยู่รอบตัวเขา จนกระทั่งเธอเดินทันตามหลังเขา จู่ ๆ เขาก็หันกลับมา เมื่อเธอเห็นดวงตาลึกล้ำของเขา และสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา...ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่ความฝัน “คุณลงจากเตียงทำไม?” เขาพยุงแขนเธอ “ผมปลุกคุณหรือเปล่า?” เธอส่ายหัว “เมื่อคืนฉันนอนนานมากแล้ว นอนนาน ๆ แล้วเวียนหัว” “ให้ผมไปเดินเล่นกับคุณไหม?” เขาถามหมอแล้ว หมอบอกว่าทารกในครรภ์ไม่มีปัญหาอะไร สาเหตุหลักคือความวิตกกังวลของฉินอันอันทำให้อัตราการเต้นหัวใจเร็วเกินไปและหายใจลำบาก ตราบใดที่เธอปรับอารมณ์และนอนหลับให้เพียงพอ ก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเธอไม่รีบปรับตัวก็จะส่งผลต่อลูกในท้อง ฉินอันอันมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงแดดส่องสว่าง เธอพยักหน้าและเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปกับเขา “ฉินอันอัน ปัญหาที่บริษัทของคุณพบก็แค่เรื่องเล็กน้อย” พวกเขาเดินออกจากแผนกผู้ป่วยใน เขาคิดและพูดว่า “ชีวิตคนเราไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลาหรอก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือหน้าที่การงาน อยู่ที่ว่าเราจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ความทุกข์ยากนั้นได้ไหมก
จู่ ๆ ก็มีข่าวพาดหัวข่าววันนี้ว่า เทคโนโลยีหลักของฉินอันอันถูกขโมยไปแล้ว! ด้านล่างมีความคิดเห็นมากมาย - ฉินกรุ๊ปเพิ่งก่อตัวใหม่เมื่อสองปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ? นี่จะล้มละลายอีกแล้วเหรอ? ฉันสงสัยจังว่าตึกฉินกรุ๊ปมีฮวงจุ้ยไม่ดีหรือเปล่า! - ไม่มีใครคิดว่าผลิตภัณฑ์ของฉินกรุ๊ปแพงเกินไปเลยเหรอ? แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของเขาจะดีจริง แต่ตลาดโดรนระดับไฮเอนด์กลับถูกพวกเขาผูกขาดโดยสิ้นเชิง! สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการผูกขาดตลาด! - ฮ่าฮ่า! ในอนาคตราคาโดรนจะลดลงใช่ไหม? [ปรบมือ] - พ่อของฉันทำงานให้กับฉินกรุ๊ป ฉันไม่อยากให้ล้มละลายเลย! บริษัทนี้นอกจากจะเงินเดือนดีแล้ว ที่สำคัญ เจ้านายยังมีมนุษยธรรมมาก! ความฝันของฉันคือการได้ร่วมงานกับบริษัทนี้หลังจากเรียนจบ... ฉินอันอันปิดข่าว คลิกวีแชทและเห็นข้อความจากไมค์ : ชิปถูกหวังหว่านจือเอาไปแล้ว! เธอไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าหวังหว่านจือจะใจร้อนขนาดนี้ ในช่วงบ่ายบริษัทเทคโนโลยีจินจือได้จัดงานแถลงข่าวที่โรงแรม ในที่ประชุม หวังหว่านจือรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าแผนกวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทได้สร้างความก้าวหน้าครั้งใหญ
แก้มของเธอฉาบไปด้วยความแดงซ่าน รองประธานเตือนผู้สื่อข่าวว่า “กรุณาอย่าขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของประธานฉินเลยครับ” นักข่าว “ฉันแค่อยากรู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผน ‘วินวิน’ นี้ไหม เพราะแผนการนี้สุยอดเยี่ยมมาก” รองประธาน “คุณหมายความว่าประธานฉินของเราคิดแผนนี้เองไม่ได้ใช่ไหม?” นักข่าว “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อนร่วมงานของฉันถ่ายรูปฟู่สือถิงเข้าไปในฉินกรุ๊ปตอนดึกได้ เขาไปช่วยเรื่องธุรกิจหรือเปล่าคะ?” นักข่าวกล่าวถึงชื่อของฟู่สือถิงตรง ๆ ซึ่งทำให้ใบหน้าของฉินอันอันยิ่งแดงขึ้นอีก มีคนมากมายอยู่ตรงนั้น และทุกคนก็จ้องมองเพื่อรอคำตอบจากเธอ “แผนวินวินเป็นแผนที่ฉันคิดขึ้นมาหลังจากปรึกษากับผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของฉัน สำหรับเรื่องอื่น ๆ ฉันไม่มีความเห็นค่ะ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็เปิดปากพูดอย่างเปิดเผย นักข่าวทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่อง “คุณฉิน คุณหวังจากบริษัทเทคโนโลยีจินจือกล่าวว่า การวิจัยและพัฒนาของพวกเขาทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ และพวกเขาคาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ใหม่ก่อนสิ้นปีนี้ คุณมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ?” ฉินอันอัน “สำหรับเ
แก้มของฉินอันอันร้อนผ่าว “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันจะกลับไปคืนดีกับเขา?” “เมื่อกี้ไง! เธอเพิ่งบอกว่าเขาทำเพื่อเธอตั้งเยอะ อยากเลี้ยงข้าวเขา และยังอยากซื้อของขวัญให้เขาอีก... เห็น ๆ อยู่ว่าเธอตกหลุมพรางเขาแล้ว” หลีเสี่ยวเถียนถอนหายใจ “อย่าเพิกเฉยคำพูดของฉัน ฉันมองคนไม่ผิดหรอก ฉันตัดสินคนเก่งมาก นั่วนั่วนั่น เธออย่ามองหล่อนแต่ภายนอก เธออยู่เหนือกว่าเสิ่นอวี๋อย่างแน่นอน!” ฉินอันอันคิดสักครู่แล้วพูดว่า “แต่เธอไม่มีไพ่ในมือ” “ไม่มีก็สร้างขึ้นมาได้ ก็แค่ไม่ล้มเลิกความพยายาม เธอเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของหล่อน และหล่อนกับถังเชี่ยนจะต้องร่วมมือกันจัดการเธออย่างแน่นอน” หลีเสี่ยวเถียนเอาแผ่นมาส์กหน้าออกจากใบหน้าของเธอ “ฟู่สือถิงเป็นเนื้อชิ้นโตที่ใคร ๆ ก็อยากได้ อันอัน เตรียมพร้อมสำหรับอันตรายพายุท่ามกลางคลื่นลมสงบเสีย!” ฉินอันอันสงบลงมากหลังจากฟังคำพูดของเธอ “ไม่เพียงแต่ฟู่สือถิงจะต้องไล่นั่วนั่วออกเท่านั้น ถังเชี่ยนก็ต้องถูกไล่ออกไปด้วย!” หลีเสี่ยวเถียนให้คำแนะนำ “ถ้าเธอไม่กล้าบอกเขา ฉันจะบอกเขาเอง!” “เสี่ยวเถียน! เขากับฉันยังไม่ถึงขั้นนั้นจุดนี้…” ฉินอันอันรีบห้ามทันที “ก็ได้ แต่เรื่อง
ฝีเท้าของเซิ่งเป่ยแข็งทื่อ ใบหน้าของเขามืดมน หมัดของเขากำแน่น เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูห้องส่วนตัว ถังเชี่ยนก็คว้าแขนของเขาเอาไว้ “เซิ่งเป่ย! อย่า!” เซิ่งเป่ยกัดฟัน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ! ฉันไม่เพียงอยากเข้าไปจับชายชู้เท่านั้น ฉันจะโทรหาสือถิงด้วย! ให้เขาเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้ชัด ๆ!” ถังเชี่ยน “เห็นธาตุแท้ของเธอแล้วยังไงต่อ? ลูกในท้องของเธอยังต้องการหรือ? เท่าที่ฉันรู้ สือถิงต้องการเด็กคนนี้ รอจนกว่าฉินอันอันคลอดลูก แล้วค่อยให้สือถิงคิดบัญชีกับเธอ” คำพูดของถังเชี่ยนระงับความโกรธในใจของเซิ่งเป่ย จริงด้วย! ยังมีเด็ก! ถ้าไม่มีเด็ก เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ฉินอันอันมีที่ยืน คำพูดของเธอเมื่อกี้มันระคายหูมาก! อย่าว่าแต่เขาที่รับไม่ได้เลย ถ้าฟู่สือถิงได้ยิน เขาอาจจะฆ่าเธอเลยก็ได้! แต่ตอนนี้เพื่อให้เด็กเกิดมาได้อย่างราบรื่น เซิ่งเป่ยต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้และไม่อาจบอกฟู่สือถิงได้ หากเรื่องนี้ไปถึงหูฟู่สือถิง เซิ่งเป่ยก็จินตนาการได้ว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ได้เกิดมาอย่างราบรื่นแน่นอน ถังเชี่ยนดึงเซิ่งเป่ยออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากออกจากโรงแรม เซิ่งเป่ยก็โกรธมาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถืออ
ความทรงจำในใจของเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เธอจำได้ราง ๆ ว่าหลีเสี่ยวเถียนส่งข้อความถึงเธอว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์และขอให้เธอรีบมา แต่หลังจากที่เธอมาถึง เธอก็ไม่เห็นหลีเสี่ยวเถียน หลังจากนั้นเธอก็เวียนหัวมากและเผลอหลับไป ห้องที่เธออยู่ตอนนี้ไม่ใช่ห้องที่เธอเข้ามาตอนบ่าย ใครพาเธอย้ายห้อง? เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วรีบออกจากห้องส่วนตัว หลังจากออกจากโรงแรมเธอก็โทรหาเฮ่อจุ่นจือ “อันอัน โทรศัพท์มือถือของเสี่ยวเถียนหล่น ถ้ามีคนโทรมาหรือส่งข้อความมาขอยืมเงิน คุณต้องให้นะ!” เฮ่อจุ่นจือกล่าว “โอ้... เธอทำโทรศัพท์หายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ร่างของฉินอันอันชา “ประมาณบ่ายสามโมง” เฮ่อจุ่นจือกล่าว “คุณไม่ได้รับข้อความยเลยเหรอ?” ฉินอันอันสูดหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เสี่ยวเถียนอยู่กับคุณหรือเปล่า? ฉันอยากคุยกับเธอ” “ได้สิ เธออยู่ชั้นบน ผมจะไปหาเธอ” หลังจากนั้นไม่นาน เฮ่อจุ่นจือก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลีเสี่ยวเถียน “อันอัน! ฮือ ๆ โทรศัพท์ฉันโดนขโมย! โจรนั่นเลวมาก! ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ตำรวจบอกคงเอาคืนได้ยาก ฉันยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ทั้งบ่ายแล้ว ข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์
เมื่อถังเชี่ยนรู้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันจึงรีบวิ่งไปหา พอไปถึงพวกเขาก็หยุดทะเลาะกันแล้ว เพราะโจวจื่ออี้ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาและแยกพวกเขาออกจากกัน ในฐานะคนห้าม โจวจื่ออี้จึงถูกลูกหลง แว่นตาของเขาหัก และใบหน้าของเขาก็เปื้อน “เซิ่งเป่ย ออกมา!” ถังเชี่ยนพูดน้ำเสียงเย็นชาและดึงเซิ่งเป่ยออกมา หลังจากที่เซิ่งเป่ยออกไป โจวจื่ออี้ก็มองไปที่ฟู่สือถิง การทะเลาะกันเมื่อครู่เป็นการที่ฟู่สือถิงทำร้ายเซิ่งเป่ยอยู่ฝ่ายเดียว เซิ่งเป่ยไม่ได้สู้กลับ สิ่งนี้ทำให้โจวจื่ออี้ตัดสินได้ว่าเซิ่งเป่ยเป็นคนยั่วยุฟู่สือถิง ไม่อย่างนั้นฟู่สือถิงคงไม่ลงมือกับเซิ่งเป่ย พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีและไม่เคยผิดใจกันเลย ยิ่งการลงไม้ลงมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง “ประธานครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” โจวจื่ออี้อดทนต่อความเจ็บปวดบนใบหน้าและถามว่า “พี่เป่ยทำอะไร? หรือว่าเขาทรยศคุณเหรอ?” ฟู่สือถิงกำหมัดแน่น เดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง “ออกไป!” ตอนนี้เขาปวดหัวและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเซิ่งเป่ยกับฉินอันอัน ถ้าเซิ่งเป่ยสามารถบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉินอันอัน เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ หลังจากที่โจวจื่ออี
ฉินอันอันถือโทรศัพท์และจมอยู่กับความคิด เธอรู้สึกถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเซิ่งเป่ยที่มีต่อเธอ เซิ่งเป่ยเคยสุภาพกับเธอ แต่การสนทนาในโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ เซิ่งเป่ยเหมือนไม่อยากเสวนากับเธอและดูเหมือนรังเกียจเธอมาก เพียงเพราะว่าเธอไปโรงแรมซีซาร์เมื่อคืนนี้เหรอ? แต่เธอไปที่โรงแรมและไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมเซิ่งเป่ยถึงโกรธขนาดนี้? หรือเขาคิดว่าเธอไม่ได้ไปโรงแรมคนเดียว? พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมเมื่อวานเธอก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของโจรที่เรียกให้เธอไปที่โรงแรมนั้นเลย โจรไม่ได้ทำอะไรเธอ เพียงแค่ใช้ยาเพื่อให้เธอสลบเท่านั้น เมื่อคืนเธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ปริมาณยาไม่มากและไม่ส่งผลต่อร่างกายของเธอ ที่เอสทีกรุ๊ป ถังเชี่ยนถือกาแฟหนึ่งแก้วและวางไว้ตรงหน้าฟู่สือถิง “สือถิง ฉันเพิ่งคุยกับเซิงเป่ย” ถังเชี่ยนพูด “เขารู้สึกว่าการที่คุณคบหากับฉินอันอันเป็นการทุ่มเทมากเกินไป แต่สิ่งที่ได้กลับมามันน้อยมาก และคุณมักจะเสียเวลาทำงานเพราะเธอ…” “ไม่น่าจะใช่เหตุผลนี้นะ” ฟู่สือถิงพูดแทงใจดำพลางขมวดคิ้วและตอบโต้ด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ต้องมีเหตุผลอื่นอีกที่จู่ ๆ เขาถึงเกลียดฉินอันอัน”
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง