ที่เมืองเอ วันนี้เป็นงานแต่งงานของหลญิงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฉินอันอัน ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของเธอ เนื่องจากเจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนที่แล้ว ฟู่ซื่อถิงอยู่ในสภาพราวกับผัก แพทย์จึงสรุปว่าเขาอาจอยู่ไม่รอดในสิ้นปีนี้ คุณนายใหญ่ฟู่ที่หมดหวัง เธอจึงตัดสินใจจัดการเรื่องการแต่งงานให้ลูกชายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ตระกูลฟู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอ แต่ไม่มีผู้หญิงมีชื่อเสียงหรือชาติตระกูลคนไหนยินดีจะแต่งงานกับชายที่กำลังจะตาย…หน้ากระจกแต่งตัว ฉินอันอันแต่งตัวเสร็จแล้ว ชุดแต่งงานสีขาวที่รับกับรูปร่างงดงามของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ รวมกับการแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสดใสและงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดง แต่ในดวงตาเรียวรีนั้นดูมีความว้าวุ่นและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นอยู่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มพิธี เธอก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับฟู่ซื่อถิง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แล้วบังเอิญแฟนของเธอคือฟู่เย่เฉิน เขาเป็นหลานชายของฟู่ซื่อถิง พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพัน
ภายใต้โคมระย้าคริสตัล ดวงตาสีดำสนิทราวกับออบซิเดียนของฟู่ซื่อถิงที่เปล่งประกายลึกล้ำมีเสน่ห์และแฝงไปด้วยอันตราย ก็คงไม่ขยับนอนนิ่งเหมือนเดิมเป็นปกติ ฟู่เย่เฉินหวาดกลัวมากจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว “อันอัน...ไม่สิ...น้าสะใภ้ ดึกแล้ว ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณอาล่ะ!” ฟู่เย่เฉินเหงื่อไหลเย็นและเดินโซเซออกจากห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันดูเขาวิ่งหนีไป เธอก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที และตัวสั่นเล็กน้อยอย่างหยุดไม่ได้ ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้วเหรอ?! ไม่ใช่ว่าเขาจะใกล้ตายเหรอ? เธออยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มีเสียงออกมา จึงอยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอกลับอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ความกลัวที่ไม่รู้จักมันครอบงำเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา...และวิ่งลงไปชั้นล่าง! “ป้าจาง ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้ว! เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว!” ป้าจางได้ยินเสียงจึงรีบขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิง นายท่านเขาลืมตาแบบนี้ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดูสิที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่ตอบสนองเลย” พี่สะใภ้จางถอนหายใจ“ หมอบอกว่าความเป็นไปได้ของผู้ป่วยเจ้าชายนิทราแบบนี้ที่จะฟื้นขึ้นมาค่อนข้างต่ำมาก” ฉินอันอั
เธอรู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด “อันอัน ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอตั้งครรภ์ มันจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอแน่…” ภรรยาของฟู่ฮั่นกล่าว ฟู่ฮั่นรีบรับตาม "ใช่! อันอันยังเด็กมากนะตอนนี้ เกรงว่าเธอไม่อยากเลิกเรียน อยู่บ้านเพื่อมีลูกหรอก!" คุณนายใหญ่มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยเหตุนี้คุณนายใหญ่จึงยืนกรานที่จะสืบทายาทของฟู่ซื่อถิงต่อไป “อันอัน เธอยินดีที่จะให้กำเนิดลูกของซื่อถิงไหม?” คุณนายใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมากับเธอ “เธอเองก็รู้ว่าลูกของเธอและซื่อถิงจะได้รับมรดกทรัพย์สมบัติของซื่อถิงในอนาคต แค่ทรัพย์สมบัติของซื่อถิงก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้เธอและลูกมีชีวิตที่ดีได้” ฉินอันอันพูดอบ่างไม่ลังเล "ฉันยินดีค่ะ" ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องไม่ให้ฟู่เย่เฉินยึดทรัพย์สินของฟู่ซื่อถิงไป เธอก็ยินดีที่จะลองดู ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยาก แต่ด้วยอำนาจและอิทธิพลอันแข็งแกร่งของตระกูลฟู่ ต้องบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแน่นอน หลังจากได้รับคำตอบ คุณนายใหญ่ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "ดีมาก ฉันรู้ว่าเธอแตกต่างจากพวกผู้หญิงโง่ข้างนอกนั้น พวกเขาคิดว่าซ
แพทย์หญิงเอ่ยว่า “พูดยากนะคะ ถ้าอย่างเร็วก็สามสี่เดือน ถ้าอย่างช้านั้นจะนานเท่าไหร่ก็ได้” หลังจากหยุดครู่หนึ่งเธอก็กล่าวเสริมว่า “คุณยังสาวอยู่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน" เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฝนในฤดูใบไม้ร่วงก็นำเมืองเอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการแล้ว ในตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จฉินอันอันออกจากห้องน้ำ เธอเดินไปที่ด้านข้างเตียง เปิดฝาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นตัวใหม่ที่เธอซื้อวันนี้ และทาให้ทั่วผิวของเธอ “ฟู่ซื่อถิง ฉันจะทาให้คุณด้วยนะ! ช่วงนี้อากาศแห้งเกินไปแล้ว” เธอพูดแล้วเดินไปข้าง ๆ ฟู่ซื่อถิง เธอนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้นิ้วแต้มมอยเจอร์ไรเซอร์เล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของเขา ดวงตาสีดำลึกราวกับอำพันราวกับอัญมณีของเขาลืมตาขึ้นทันที เธอตกใจมากซะจนหายใจลำบากกับประกายแสงดวงตาของเขา แม้ว่าจะเห็นเขาลืมตาทุกวัน แต่ก็ยังตกใจทุกครั้งที่เห็นเขาลืมตาขึ้นมา “ฉันออกแรงมากเกินไปเหรอ แต่ฉันไม่ได้ออกแรงเลยนะ!” นิ้วของเธอยังคงนวดแก้มของเขาต่อไปเบา ๆ ในเวลาเดียวกัน ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง… “ฟู่ซื่อถิง ฉันได้อ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าคุณ
ฉินอันอันตกใจมากจนเผลอถอยไปสองสามก้าว เขาเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ตอนเขาหลับไม่ได้สติไม่รู้สึกว่าเขาน่ากลัวหรือเป็นอันตราย แต่เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วนั้นมันช่างอันตรายเหลือเกิน ป้าจางออกมาจากห้องแล้วปิดประตู เมื่อเห็นฉินอันอันหวาดกลัวราวกับกวางที่ตื่นกลัวแบบนั้น เธอจึงพูดปลอบใจว่า "คุณนาย ไม่ต้องกลัวนะคะ นายท่านเพิ่งฟื้นยังไม่รู้เรื่องอะไร คืนนี้คุณนอนที่ห้องรับรองแขกก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ฉันคิดว่าคุณนายใหญ่ชอบคุณมาก เธออาจจะเข้าข้างคุณก็ได้” ฉินอันอันสับสนว้าวุ่นใจไปหมด เธอเคยคิดว่าฟู่ซื่อถิงจะตายเมื่อไหร่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาได้ “ป้าจาง ของของฉันยังอยู่ในห้องเขา…” ฉินอันอันเหลือบมองไปที่ห้องนอนใหญ่ อยากจะเข้าไปเอาของของตัวเองทั้งหมดออกมา จากที่ฟู่ซื่อถิงมองดูเธออย่างดุร้ายและน่ากลัวในตอนนี้ เธอมั่นใจมากว่าเขาอาจจะไม่ยอมรับเธอเป็นภรรยาของเขา เธอต้องเตรียมตัวพร้อมที่จะออกจากตระกูลฟู่ได้ทุกเวลา ป้าจางถอนหายใจเบา ๆ "ถ้ามันไม่ใช่ของสำคัญก็วางไว้ตรงนั้นก่อนค่ะ! พรุ่งนี้ฉันจะเอามันไปให้คุณเองนะ" ฉินอันอัน "ค่ะ ป้าก็กลัวเขาเหมือนกันเหรอ
เนื่องจากมีภาวะเลือดออก ดังนั้นต้องฝากครรภ์แล้ว! ข่าวนี้เหมือนกับสายฟ้าดลงมา ทำให้ฉินอันอันตกใจมาก “คุณหมอ ถ้าหากฉันไม่ต้องการเด็กคนนี้ล่ะ?” เธอกำลังจะหย่ากับฟู่ซื่อถิง และเด็กในท้องของเธอก็มาผิดเวลา แพทย์ที่ได้ยินเช่นนี้จึงมองเธอแล้วพูดว่า "ทำไมถึงไม่อยากได้ล่ะค่ะ? รู้ไหมว่ามีคนมากมายที่อยากมีลูกแต่มีลูกไม่ได้?" เธอหลุบตาลงแล้วเงียบไป “ทำไมสามีถึงไม่มาด้วย?” แพทย์เอ่ยถาม “ถึงไม่อยากมีลูก ยังไงคุณก็ควรปรึกษาเรื่องนี้กับสามีก่อน” ฉินอันอันขมวดคิ้วแน่น เห็นว่าเธอดูเครียงเครียดขนาดนี้ แพทย์จึงหยิบบันทึกการรักษาของเธอขึ้นมาอ่านดู "คุณเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ดปีเอง! คุณยังไม่ได้แต่งงานเหรอ?" ฉินอันอัน "แต่ง...แต่ช่างเถอะค่ะ แต่จะหย่ากันเร็ว ๆ นี้!" “การทำแท้งไม่ใช่การผ่าตัดเล็ก แม้ว่าคุณจะตัดสินใจแล้วที่จะทำ แต่วันนี้ฉันไม่ว่าง คุณลองกลับไปคิดทบทวนก่อน ไม่ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับแฟนจะเป็นอย่างไร เด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์” แพทย์ให้บันทึกการรักษาของเธอและบอกว่า "ตอนนี้คุณมีภาวะเลือดออก ถ้าคุณไม่ฝากครรภ์ ก็ยากที่จะบอกว่าเด็กจะรอดได้ไหม?" ทันใดนั้นฉินอันอันก็รู้สึกสงบใจขึ้นมาได้บ
เขาไม่ได้ตั้งรหัสผ่านและเครื่องก็รันเร็วมากเร็วมากซะจนหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเธอหายใจเข้าลึก เพื่อเสียบแฟลชไดรฟ์และลงชื่อเข้าใช้บัญชีโซเชียลของเธอหลังจากเข้าสู่ระบบสำเร็จ เธอก็รีบส่งเอกสารไปให้รุ่นพี่ของเธอทันทีทุกอย่างผ่านไปด้วยดีอย่างน่าประหลาดใจส่งเอกสารเรียบร้อยแล้วก่อนเวลาสิบสองนาฬิกาเธอไม่กล้าที่จะอยู่ในห้องอ่านหนังสือต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อเธอปิดคอมพิวเตอร์ นิ้วของเธอที่ถือเมาส์สั่นเล็กน้อย และก็คลิกไปที่โฟลเดอร์บางโฟลเดอร์ในคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจโฟลเดอร์ก็เด้งขึ้นมาดวงตากลมรีของเธอเบิกกว้าง และบังเอิญได้เห็นเนื้อหาของโฟลเดอร์ที่น่าสงสัยนั้น…ห้านาทีต่อมา เธอก็เดินออกจากห้องอ่านหนังสือป้าจางถอนหายใจด้วยความโล่งอก "เห็นไหมคะ ฉันบอกคุณแล้วว่านายท่านไม่รีบกลับมาหรอก?"อารมณ์ของฉินอันอันซับซ้อนมาก ดูเหมือนเธอจะพบความลับของฟู่ซื่อถิงแล้วถ้ารู้แต่แรกเธอคงไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของเขาหรอก“ป้าจาง มีกล้องวงจรปิดที่ห้องอ่านหนังสือของเขาหรือเปล่าคะ?”“มีหนึ่งตัวอยู่ข้างนอกห้องค่ะ”ทันใดนั้นฉินอันอันก็หน้าซีด "เขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าฉันเข้าห้องหนังสือของเข
เมื่อประตูเปิดออก คุณนายใหญ่ฟู่ก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูมองเข้าไปข้างใน ฉินอันอันกอดเข่านั่งพิงกำแพง ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงมาจากประตู เธอก็หันศีรษะไปอย่างเหม่อลอย… “อันอัน! เธอเป็นยังไงบ้าง!” คุณนายใหญ่ฟู่มองใบหน้าซีดเซียวของฉินอันอัน เธอก็ปรี้ดแตกจนความดันขึ้นทันที “ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้? ใช่... ใช่ซื่อถิงใช่ไหม? เขาทำร้ายเธอใช่ไหม?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสียงของคุณนายใหญ่ฟู่ก็สั่นเล็กน้อย ฉินอันอันผอมลงมากกว่าเดิม ใบหน้าของเธอซีดเซียวปากก็แห้งแตกไปหมด หน้าอกของเธอยังขยับขึ้นลง และเธออยากจะพูดอะไร แต่ไม่มีเสียงออกมา ป้าจางเดินเข้ามาพร้อมนมอุ่นหนึ่งแก้วแล้วนำมาป้อน "คุณนาย คุณดื่มนมสักแก้วก่อนนะ ไม่ต้องกลัว คุณนายใหญ่อยู่ที่นี่ คุณกินมันได้ค่ะ" คุณนายใหญ่ฟู่ขมวดคิ้วแน่น "เกิดอะไรขึ้น! ซื่อถิงไม่ให้อันอันกินข้าว? อันอันผอมขนาดนี้! เขาอยากจะให้อันอันอดตายรึไง!" เรื่องนี้ทำให้คุณนายใหญ่ฟู่โมโหมาก เธอรีบเดินไปที่ห้องนั่งเล่นไปหาลูกชายเธอ แล้วถามว่า "ซื่อถิง อันอันเป็นภรรยาที่แม่หามาให้ลูก รังแกเธอแบบนี้ จะทำให้แม่คิดยังไง" “ถ้าทำผิดต้องถูกลงโทษ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง