ฟู่สือถิงมองพวกเขาอย่างเย็นชาแล้วเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง คืนนี้เขาต้องค้นหาคนทรยศ! เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินอันอันลืมตาตื่นแล้วเห็นใบหน้าไมค์เข้ามาในดวงตา “อันอัน เธอตื่นแล้ว!”ไมค์ยกหัวเตียงเธอขึ้นแล้วยื่นชามโจ๊กให้เธอ “เธอกินโจ๊กหน่อยนะ” เธอยังตื่นไม่เต็มที่ เธอจึงรับชามโจ๊กมาอย่างงุนงง “วันนี้เธอสึกยังไงบ้าง?” ไมค์นั่งลงข้างเตียงแล้วมองหน้าเธอ “เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ที่บริษัท ทำไมเธอไม่บอกฉัน กลับมาเองทำไม? หากเธอเป็นอะไรไป ฉันรู้สึกผิดจนตายแน่ ๆ” ฉินอันอันตื่นขึ้นทันที “ตอนนั้นนายเมาคอพับ ฉันจะบอกนายยังไง?” “เอาเถอะ! ฉันก็ไม่ควรอวดเก่งไปดื่มเหล้ากับตาฟู่สือถิงนั่น!” ไมค์ถอนใจ “แต่ครั้งนี้เราต้องขอบคุณเขา เขาช่วยพวกเราตามหาหนอนบ่อนไส้มาได้” ขนตาฉินอันอันสั่นไหว ถามเสียงแหบแห้ง “คือใคร? ใครทรยศพวกเรา?” “ฝ่ายเทคนิค” ไมค์ก้มหน้าลง เพราะเขาบริหารฝ่ายเทคนิค ฉินอันอันขมวดคิ้ว “ฉันถามนายว่าเป็นใคร ไม่ได้ถามว่าแผนกไหน” “พนักงานฝ่ายเทคนิคและฝ่ายวิจัยและพัฒนาทุกคน” ไมค์สูดหายใจเข้าลึก ๆ เขากัดฟันและพูดว่า “เจ้าโง่พวกนี้ตอนออกไปปาร์ตี้ทำเรื่องเหลวไหล แล้วถูกคนถ่ายรูปเลวร้า
เธอคิดว่าตัวเองกำลังฝัน เพราะเธอเห็นชัดเจนว่าเหมือนมีแสงจาง ๆ อยู่รอบตัวเขา จนกระทั่งเธอเดินทันตามหลังเขา จู่ ๆ เขาก็หันกลับมา เมื่อเธอเห็นดวงตาลึกล้ำของเขา และสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา...ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่ความฝัน “คุณลงจากเตียงทำไม?” เขาพยุงแขนเธอ “ผมปลุกคุณหรือเปล่า?” เธอส่ายหัว “เมื่อคืนฉันนอนนานมากแล้ว นอนนาน ๆ แล้วเวียนหัว” “ให้ผมไปเดินเล่นกับคุณไหม?” เขาถามหมอแล้ว หมอบอกว่าทารกในครรภ์ไม่มีปัญหาอะไร สาเหตุหลักคือความวิตกกังวลของฉินอันอันทำให้อัตราการเต้นหัวใจเร็วเกินไปและหายใจลำบาก ตราบใดที่เธอปรับอารมณ์และนอนหลับให้เพียงพอ ก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเธอไม่รีบปรับตัวก็จะส่งผลต่อลูกในท้อง ฉินอันอันมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงแดดส่องสว่าง เธอพยักหน้าและเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปกับเขา “ฉินอันอัน ปัญหาที่บริษัทของคุณพบก็แค่เรื่องเล็กน้อย” พวกเขาเดินออกจากแผนกผู้ป่วยใน เขาคิดและพูดว่า “ชีวิตคนเราไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลาหรอก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือหน้าที่การงาน อยู่ที่ว่าเราจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ความทุกข์ยากนั้นได้ไหมก
จู่ ๆ ก็มีข่าวพาดหัวข่าววันนี้ว่า เทคโนโลยีหลักของฉินอันอันถูกขโมยไปแล้ว! ด้านล่างมีความคิดเห็นมากมาย - ฉินกรุ๊ปเพิ่งก่อตัวใหม่เมื่อสองปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ? นี่จะล้มละลายอีกแล้วเหรอ? ฉันสงสัยจังว่าตึกฉินกรุ๊ปมีฮวงจุ้ยไม่ดีหรือเปล่า! - ไม่มีใครคิดว่าผลิตภัณฑ์ของฉินกรุ๊ปแพงเกินไปเลยเหรอ? แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของเขาจะดีจริง แต่ตลาดโดรนระดับไฮเอนด์กลับถูกพวกเขาผูกขาดโดยสิ้นเชิง! สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการผูกขาดตลาด! - ฮ่าฮ่า! ในอนาคตราคาโดรนจะลดลงใช่ไหม? [ปรบมือ] - พ่อของฉันทำงานให้กับฉินกรุ๊ป ฉันไม่อยากให้ล้มละลายเลย! บริษัทนี้นอกจากจะเงินเดือนดีแล้ว ที่สำคัญ เจ้านายยังมีมนุษยธรรมมาก! ความฝันของฉันคือการได้ร่วมงานกับบริษัทนี้หลังจากเรียนจบ... ฉินอันอันปิดข่าว คลิกวีแชทและเห็นข้อความจากไมค์ : ชิปถูกหวังหว่านจือเอาไปแล้ว! เธอไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าหวังหว่านจือจะใจร้อนขนาดนี้ ในช่วงบ่ายบริษัทเทคโนโลยีจินจือได้จัดงานแถลงข่าวที่โรงแรม ในที่ประชุม หวังหว่านจือรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าแผนกวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทได้สร้างความก้าวหน้าครั้งใหญ
แก้มของเธอฉาบไปด้วยความแดงซ่าน รองประธานเตือนผู้สื่อข่าวว่า “กรุณาอย่าขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของประธานฉินเลยครับ” นักข่าว “ฉันแค่อยากรู้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผน ‘วินวิน’ นี้ไหม เพราะแผนการนี้สุยอดเยี่ยมมาก” รองประธาน “คุณหมายความว่าประธานฉินของเราคิดแผนนี้เองไม่ได้ใช่ไหม?” นักข่าว “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อนร่วมงานของฉันถ่ายรูปฟู่สือถิงเข้าไปในฉินกรุ๊ปตอนดึกได้ เขาไปช่วยเรื่องธุรกิจหรือเปล่าคะ?” นักข่าวกล่าวถึงชื่อของฟู่สือถิงตรง ๆ ซึ่งทำให้ใบหน้าของฉินอันอันยิ่งแดงขึ้นอีก มีคนมากมายอยู่ตรงนั้น และทุกคนก็จ้องมองเพื่อรอคำตอบจากเธอ “แผนวินวินเป็นแผนที่ฉันคิดขึ้นมาหลังจากปรึกษากับผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของฉัน สำหรับเรื่องอื่น ๆ ฉันไม่มีความเห็นค่ะ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็เปิดปากพูดอย่างเปิดเผย นักข่าวทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่อง “คุณฉิน คุณหวังจากบริษัทเทคโนโลยีจินจือกล่าวว่า การวิจัยและพัฒนาของพวกเขาทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ และพวกเขาคาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ใหม่ก่อนสิ้นปีนี้ คุณมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ?” ฉินอันอัน “สำหรับเ
แก้มของฉินอันอันร้อนผ่าว “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันจะกลับไปคืนดีกับเขา?” “เมื่อกี้ไง! เธอเพิ่งบอกว่าเขาทำเพื่อเธอตั้งเยอะ อยากเลี้ยงข้าวเขา และยังอยากซื้อของขวัญให้เขาอีก... เห็น ๆ อยู่ว่าเธอตกหลุมพรางเขาแล้ว” หลีเสี่ยวเถียนถอนหายใจ “อย่าเพิกเฉยคำพูดของฉัน ฉันมองคนไม่ผิดหรอก ฉันตัดสินคนเก่งมาก นั่วนั่วนั่น เธออย่ามองหล่อนแต่ภายนอก เธออยู่เหนือกว่าเสิ่นอวี๋อย่างแน่นอน!” ฉินอันอันคิดสักครู่แล้วพูดว่า “แต่เธอไม่มีไพ่ในมือ” “ไม่มีก็สร้างขึ้นมาได้ ก็แค่ไม่ล้มเลิกความพยายาม เธอเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของหล่อน และหล่อนกับถังเชี่ยนจะต้องร่วมมือกันจัดการเธออย่างแน่นอน” หลีเสี่ยวเถียนเอาแผ่นมาส์กหน้าออกจากใบหน้าของเธอ “ฟู่สือถิงเป็นเนื้อชิ้นโตที่ใคร ๆ ก็อยากได้ อันอัน เตรียมพร้อมสำหรับอันตรายพายุท่ามกลางคลื่นลมสงบเสีย!” ฉินอันอันสงบลงมากหลังจากฟังคำพูดของเธอ “ไม่เพียงแต่ฟู่สือถิงจะต้องไล่นั่วนั่วออกเท่านั้น ถังเชี่ยนก็ต้องถูกไล่ออกไปด้วย!” หลีเสี่ยวเถียนให้คำแนะนำ “ถ้าเธอไม่กล้าบอกเขา ฉันจะบอกเขาเอง!” “เสี่ยวเถียน! เขากับฉันยังไม่ถึงขั้นนั้นจุดนี้…” ฉินอันอันรีบห้ามทันที “ก็ได้ แต่เรื่อง
ฝีเท้าของเซิ่งเป่ยแข็งทื่อ ใบหน้าของเขามืดมน หมัดของเขากำแน่น เมื่อเขากำลังจะเปิดประตูห้องส่วนตัว ถังเชี่ยนก็คว้าแขนของเขาเอาไว้ “เซิ่งเป่ย! อย่า!” เซิ่งเป่ยกัดฟัน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ! ฉันไม่เพียงอยากเข้าไปจับชายชู้เท่านั้น ฉันจะโทรหาสือถิงด้วย! ให้เขาเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้ชัด ๆ!” ถังเชี่ยน “เห็นธาตุแท้ของเธอแล้วยังไงต่อ? ลูกในท้องของเธอยังต้องการหรือ? เท่าที่ฉันรู้ สือถิงต้องการเด็กคนนี้ รอจนกว่าฉินอันอันคลอดลูก แล้วค่อยให้สือถิงคิดบัญชีกับเธอ” คำพูดของถังเชี่ยนระงับความโกรธในใจของเซิ่งเป่ย จริงด้วย! ยังมีเด็ก! ถ้าไม่มีเด็ก เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ฉินอันอันมีที่ยืน คำพูดของเธอเมื่อกี้มันระคายหูมาก! อย่าว่าแต่เขาที่รับไม่ได้เลย ถ้าฟู่สือถิงได้ยิน เขาอาจจะฆ่าเธอเลยก็ได้! แต่ตอนนี้เพื่อให้เด็กเกิดมาได้อย่างราบรื่น เซิ่งเป่ยต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้และไม่อาจบอกฟู่สือถิงได้ หากเรื่องนี้ไปถึงหูฟู่สือถิง เซิ่งเป่ยก็จินตนาการได้ว่าเด็กคนนี้คงจะไม่ได้เกิดมาอย่างราบรื่นแน่นอน ถังเชี่ยนดึงเซิ่งเป่ยออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากออกจากโรงแรม เซิ่งเป่ยก็โกรธมาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถืออ
ความทรงจำในใจของเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เธอจำได้ราง ๆ ว่าหลีเสี่ยวเถียนส่งข้อความถึงเธอว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์และขอให้เธอรีบมา แต่หลังจากที่เธอมาถึง เธอก็ไม่เห็นหลีเสี่ยวเถียน หลังจากนั้นเธอก็เวียนหัวมากและเผลอหลับไป ห้องที่เธออยู่ตอนนี้ไม่ใช่ห้องที่เธอเข้ามาตอนบ่าย ใครพาเธอย้ายห้อง? เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วรีบออกจากห้องส่วนตัว หลังจากออกจากโรงแรมเธอก็โทรหาเฮ่อจุ่นจือ “อันอัน โทรศัพท์มือถือของเสี่ยวเถียนหล่น ถ้ามีคนโทรมาหรือส่งข้อความมาขอยืมเงิน คุณต้องให้นะ!” เฮ่อจุ่นจือกล่าว “โอ้... เธอทำโทรศัพท์หายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ร่างของฉินอันอันชา “ประมาณบ่ายสามโมง” เฮ่อจุ่นจือกล่าว “คุณไม่ได้รับข้อความยเลยเหรอ?” ฉินอันอันสูดหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เสี่ยวเถียนอยู่กับคุณหรือเปล่า? ฉันอยากคุยกับเธอ” “ได้สิ เธออยู่ชั้นบน ผมจะไปหาเธอ” หลังจากนั้นไม่นาน เฮ่อจุ่นจือก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลีเสี่ยวเถียน “อันอัน! ฮือ ๆ โทรศัพท์ฉันโดนขโมย! โจรนั่นเลวมาก! ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ตำรวจบอกคงเอาคืนได้ยาก ฉันยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ทั้งบ่ายแล้ว ข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์
เมื่อถังเชี่ยนรู้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันจึงรีบวิ่งไปหา พอไปถึงพวกเขาก็หยุดทะเลาะกันแล้ว เพราะโจวจื่ออี้ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาและแยกพวกเขาออกจากกัน ในฐานะคนห้าม โจวจื่ออี้จึงถูกลูกหลง แว่นตาของเขาหัก และใบหน้าของเขาก็เปื้อน “เซิ่งเป่ย ออกมา!” ถังเชี่ยนพูดน้ำเสียงเย็นชาและดึงเซิ่งเป่ยออกมา หลังจากที่เซิ่งเป่ยออกไป โจวจื่ออี้ก็มองไปที่ฟู่สือถิง การทะเลาะกันเมื่อครู่เป็นการที่ฟู่สือถิงทำร้ายเซิ่งเป่ยอยู่ฝ่ายเดียว เซิ่งเป่ยไม่ได้สู้กลับ สิ่งนี้ทำให้โจวจื่ออี้ตัดสินได้ว่าเซิ่งเป่ยเป็นคนยั่วยุฟู่สือถิง ไม่อย่างนั้นฟู่สือถิงคงไม่ลงมือกับเซิ่งเป่ย พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีและไม่เคยผิดใจกันเลย ยิ่งการลงไม้ลงมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง “ประธานครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” โจวจื่ออี้อดทนต่อความเจ็บปวดบนใบหน้าและถามว่า “พี่เป่ยทำอะไร? หรือว่าเขาทรยศคุณเหรอ?” ฟู่สือถิงกำหมัดแน่น เดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง “ออกไป!” ตอนนี้เขาปวดหัวและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเซิ่งเป่ยกับฉินอันอัน ถ้าเซิ่งเป่ยสามารถบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉินอันอัน เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ หลังจากที่โจวจื่ออี