ความทรงจำในใจของเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เธอจำได้ราง ๆ ว่าหลีเสี่ยวเถียนส่งข้อความถึงเธอว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์และขอให้เธอรีบมา แต่หลังจากที่เธอมาถึง เธอก็ไม่เห็นหลีเสี่ยวเถียน หลังจากนั้นเธอก็เวียนหัวมากและเผลอหลับไป ห้องที่เธออยู่ตอนนี้ไม่ใช่ห้องที่เธอเข้ามาตอนบ่าย ใครพาเธอย้ายห้อง? เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วรีบออกจากห้องส่วนตัว หลังจากออกจากโรงแรมเธอก็โทรหาเฮ่อจุ่นจือ “อันอัน โทรศัพท์มือถือของเสี่ยวเถียนหล่น ถ้ามีคนโทรมาหรือส่งข้อความมาขอยืมเงิน คุณต้องให้นะ!” เฮ่อจุ่นจือกล่าว “โอ้... เธอทำโทรศัพท์หายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ร่างของฉินอันอันชา “ประมาณบ่ายสามโมง” เฮ่อจุ่นจือกล่าว “คุณไม่ได้รับข้อความยเลยเหรอ?” ฉินอันอันสูดหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เสี่ยวเถียนอยู่กับคุณหรือเปล่า? ฉันอยากคุยกับเธอ” “ได้สิ เธออยู่ชั้นบน ผมจะไปหาเธอ” หลังจากนั้นไม่นาน เฮ่อจุ่นจือก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลีเสี่ยวเถียน “อันอัน! ฮือ ๆ โทรศัพท์ฉันโดนขโมย! โจรนั่นเลวมาก! ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ตำรวจบอกคงเอาคืนได้ยาก ฉันยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ทั้งบ่ายแล้ว ข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์
เมื่อถังเชี่ยนรู้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันจึงรีบวิ่งไปหา พอไปถึงพวกเขาก็หยุดทะเลาะกันแล้ว เพราะโจวจื่ออี้ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาและแยกพวกเขาออกจากกัน ในฐานะคนห้าม โจวจื่ออี้จึงถูกลูกหลง แว่นตาของเขาหัก และใบหน้าของเขาก็เปื้อน “เซิ่งเป่ย ออกมา!” ถังเชี่ยนพูดน้ำเสียงเย็นชาและดึงเซิ่งเป่ยออกมา หลังจากที่เซิ่งเป่ยออกไป โจวจื่ออี้ก็มองไปที่ฟู่สือถิง การทะเลาะกันเมื่อครู่เป็นการที่ฟู่สือถิงทำร้ายเซิ่งเป่ยอยู่ฝ่ายเดียว เซิ่งเป่ยไม่ได้สู้กลับ สิ่งนี้ทำให้โจวจื่ออี้ตัดสินได้ว่าเซิ่งเป่ยเป็นคนยั่วยุฟู่สือถิง ไม่อย่างนั้นฟู่สือถิงคงไม่ลงมือกับเซิ่งเป่ย พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีและไม่เคยผิดใจกันเลย ยิ่งการลงไม้ลงมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง “ประธานครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” โจวจื่ออี้อดทนต่อความเจ็บปวดบนใบหน้าและถามว่า “พี่เป่ยทำอะไร? หรือว่าเขาทรยศคุณเหรอ?” ฟู่สือถิงกำหมัดแน่น เดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง “ออกไป!” ตอนนี้เขาปวดหัวและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเซิ่งเป่ยกับฉินอันอัน ถ้าเซิ่งเป่ยสามารถบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉินอันอัน เขาคงไม่โกรธขนาดนี้ หลังจากที่โจวจื่ออี
ฉินอันอันถือโทรศัพท์และจมอยู่กับความคิด เธอรู้สึกถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเซิ่งเป่ยที่มีต่อเธอ เซิ่งเป่ยเคยสุภาพกับเธอ แต่การสนทนาในโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ เซิ่งเป่ยเหมือนไม่อยากเสวนากับเธอและดูเหมือนรังเกียจเธอมาก เพียงเพราะว่าเธอไปโรงแรมซีซาร์เมื่อคืนนี้เหรอ? แต่เธอไปที่โรงแรมและไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมเซิ่งเป่ยถึงโกรธขนาดนี้? หรือเขาคิดว่าเธอไม่ได้ไปโรงแรมคนเดียว? พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมเมื่อวานเธอก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของโจรที่เรียกให้เธอไปที่โรงแรมนั้นเลย โจรไม่ได้ทำอะไรเธอ เพียงแค่ใช้ยาเพื่อให้เธอสลบเท่านั้น เมื่อคืนเธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ปริมาณยาไม่มากและไม่ส่งผลต่อร่างกายของเธอ ที่เอสทีกรุ๊ป ถังเชี่ยนถือกาแฟหนึ่งแก้วและวางไว้ตรงหน้าฟู่สือถิง “สือถิง ฉันเพิ่งคุยกับเซิงเป่ย” ถังเชี่ยนพูด “เขารู้สึกว่าการที่คุณคบหากับฉินอันอันเป็นการทุ่มเทมากเกินไป แต่สิ่งที่ได้กลับมามันน้อยมาก และคุณมักจะเสียเวลาทำงานเพราะเธอ…” “ไม่น่าจะใช่เหตุผลนี้นะ” ฟู่สือถิงพูดแทงใจดำพลางขมวดคิ้วและตอบโต้ด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ต้องมีเหตุผลอื่นอีกที่จู่ ๆ เขาถึงเกลียดฉินอันอัน”
เด็กในท้องของฉินอันอันมีอายุได้เจ็ดเดือนแล้ว ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้น ร่างกายของเธอก็ยิ่งเหนื่อยล้าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน หลังกลับมาจากอัดรายการกับรุ่ยลา เธอก็อยู่บ้านกับลูก ๆ อีกไม่นาน ปิดเทอมฤดูร้อนก็จะจบลงแล้ว เมื่อรุ่ยลาขอร้อง ฉินอันอันจึงตัดสินใจพารุ่ยลาไปประเทศบีสักสองสามวัน พร้อมทั้งไปรับเสี่ยวหานด้วย หลังจากที่สองแม่ลูกบินไปประเทศบี วิดีโออันเร่าร้อนก็แพร่กระจายไปทั้วประเทศเอแล้ว เมื่อไม่สามารถโพสต์วิดีโอออนไลน์ได้ จึงทำได้เพียงส่งภาพหน้าจอของวิดีโอที่ถูกปิดบังใบหน้าแล้วเท่านั้น - ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่ร่ำรวยอย่างฉินอันอันจะขายร่างกายตัวเองเพื่อเงิน! ท้องเธอใหญ่ขนาดนั้น ไม่กลัวเสียลูกเหรอ? - เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอทำเพื่อเงิน? เธอไม่ได้ร้อนเงินแน่นอน! เธอไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนรวยส่วนใหญ่เป็นพวกโรคจิต? เธอต้องทำมันเพื่อความตื่นเต้นแน่ ๆ! - อิจฉาตาร้อน! ผู้หญิงคนนี้ดูอ่อนโยนและเคร่งขรึม ไม่คิดเลยว่าจะลับตาคนจะร้ายได้ขนาดนี้! ไม่รู้ว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของผู้ชายในวิดีโอหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ คงจะน่าสนใจไม่น้อย! - ไม่ใช่แน่ ๆ! ผู้หญิงที่ร่ำรวยอย่างเธอจะซื่อสัตย์ได้ยังไง?
ครบกำหนดหมายความว่าสามารถคลอดลูกได้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็เหมือนกับเชือกคล้องคอเด็ก...มันร้ายแรงมาก! ไม่รู้ว่าฟู่สือถิงยังต้องการลูกคนนี้อยู่ไหม อย่างไรชีวิตเบื้องหลังของฉินอันอันสกปรกขนาดนี้แล้ว! โจวจื่ออี้ยืนลังเลอยู่นอกประตูสำนักงาน ไม่กล้าเข้าไป เขาทนต่อปฏิกิริยาของฟู่สือถิงไม่ได้ ระหว่างทางที่เขาไปหาเซิ่งเป่ย เซิ่งเป่ยก็เดินออกจากลิฟต์พอดี “พี่เป่ยเห็นข่าวหรือยัง?” โจวจื่ออี้พูดด้วยความอึดอัด “ข่าวของฉินอันอัน” “นายคิดว่าไงล่ะ?” เซิ่งเป่ยยกคิ้วและพูดด้วยความโกรธ “ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธขนาดนั้นเหรอ?!” โจวจื่ออี้พูดด้วยความประหลาดใจ “พี่เป่ยรู้ได้ยังไง?” “ทำไมนายไม่ไปถามไมค์ล่ะ?” เซิ่งเป่ยกล่าว “เขาสนิทกับฉินอันอัน เขาต้องรู้ทุกอย่าง!” โจวจื่ออี้รู้สึกสับสนเล็กน้อย ทุกครั้งที่ไมค์พูดถึงฉินอันอันต่อหน้าเขา เขาจะปฏิบัติต่อฉินอันอันเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ และรู้สึกว่าเธอต้องการการดูแล ไมค์ไม่มีทางแสดงต่อหน้าเขาได้ ดังนั้นไมค์ไม่น่าจะรู้ถึงชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวายของฉินอันอันหรอก! เขากลับไปที่ห้องทำงานและก
ดวงตาของฟู่สือถิงวูบวาบไปด้วยความโกรธ คำว่า ‘ผู้หญิงสกปรก’ เปรียบเสมือนคมมีดแทงทะลุหัวใจเขาอย่างหนักหน่วง ในสายตาของเขา ฉินอันอันเป็นคนที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุดในโลก เธอไม่มีทางที่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับในวิดีโออย่างแน่นอน! แต่แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่เสียง ใบหน้า และแม้แต่ท้องที่กำลังป่องของผู้หญิงคนนั้น...ก็ชัดเจนเต็มสองตา “ฟู่สือถิง ฉันรู้จักนายมาเกือบยี่สิบปีแล้ว นายคิดว่าฉันจะทำร้ายนายเหรอ?” เซิ่งเป่ยทนไม่ได้ที่เห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา “ถ้านายไม่เชื่อฉัน นายก็ไปถามถังเชี่ยนได้” ตอนนั้นที่ฉันกับถังเชี่ยนเจอกัน นายรู้ไหมว่าทำไมเราถึงทนไม่บอกนาย เพราะเราอยากให้ฉินอันอันคลอดลูกของนายอย่างราบรื่นและเราไม่ต้องการสร้างปัญหาตอนนี้… แต่เธอกลับไม่รู้จักยับยั้งตัวเองถึงขนาดถ่ายวิดีโอแบบนั้น!” “นายไม่คิดเหรอว่าวิดีโอนี้เบลอมาก?” เหตุผลและแรงกระตุ้นของฟู่สือถิงกำลังดึงร่างของเขา ทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย “วิดีโอนั้นต้องเป็นของปลอมแน่!” เซิ่งเป่ยไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยกลัวความล้มเหลวและความยากลำบาก พวกเขาเคยเผชิญกับวิกฤติการณ์มากมาย ในช่วงเวลาร้ายแรงที่สุด บ
- ฉินอันอันแบกท้องไปทำอะไรกับผู้ชายในโรงแรมต ทุกคนน่าจะรู้ดีนะ? [หัวสุนัข] - เพื่อนของฉันที่ทำงานที่สนามบินบอกว่าฉินอันอันบินไปต่างประเทศเมื่อเช้านี้ ดูเหมือนว่าเธอจะหนีไปต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่โดนแฉ! - ฉันกลัวมาก! เพื่อนของฉันโพสต์ภาพหน้าจอวิดีโอของฉินอันอัน และบัญชีของเขาก็ถูกบล็อก คำว่า ‘ฉินอันอัน’ ต่อไปจะกลายเป็นคำต้องห้ามหรือเปล่า? คำพูดของคนบนอินเทอร์เน็ตก็เป็นจริง ครึ่งชั่วโมงต่อมา คำว่า ‘ฉินอันอัน’ สามคำนี้ไม่สามารถเผยแพร่ทางออนไลน์ได้อีกต่อไป เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เกิดความโกรธเคืองของคนบนอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก และในเวลาไม่นานฉินกรุ๊ปก็ถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อการค้นหาที่มาแรง ไมค์อ่านความคิดเห็นของคนบนโลกอินเทอร์เน็ต ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาควรตามฉินอันอันไปประเทศบี แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศ เขาควรอยู่ในประเทศเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทดำเนินกิจการได้ตามปกติ “ไมค์ คือว่า...” รองประธานเปิดประตูห้องทำงานของไมค์แล้วพูดอ้ำอึ้ง “คุณฉิน...เธอโอเคไหม?” ไมค์ “เธอไปประเทศบี” “อ๋อ... แล้วเธอโอเคไหม?” ไมค์ยกคิ้วหนา “คนอื่นไม่เชื่อฉิน
ฉินอันอันคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ หรือประโยคนี้ยากเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจ ตอนนี้เธออยู่บ้านสบายดี จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอได้? “อันอัน ก่อนหน้านี้เธอเคยทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายตอนไปโรงแรมซีซาร์หรือเปล่า?” ไมค์เห็นว่าเธอตะลึงและไม่พูด เขาจึงถามขึ้นเสียเอง “ทำอะไร?” เธอถามอย่างสับสน “ก็เรื่องอย่างว่านั่นไง...” ไมค์อึดอัดที่จะพูดตรง ๆ ขณะที่เขาอ้ำอึ้ง เธอก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว “ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น?” เธอหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ห้องของเธอ “ไมค์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” “ฉันจะส่งวิดีโอไปให้เธอดูว่าเป็นเธอหรือเปล่า” ไมค์กลัวว่าเธอจะโกรธหลังจากดูวิดีโอจึงรีบพูดเสริมว่า “ฉันรู้ว่าผู้หญิงในวิดีโอนั้นไม่ใช่เธอ แต่เธอแกล้ง ๆ เปิดดูหน่อย มันเหมือนเธอมากเลยนะ…” ฉินอันอันเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอวางสายโทรศัพท์และดูวิดีโอที่ไมค์ส่งมา เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลิกวิดีโอ เสียงของผู้หญิงในวิดีโอมาถึงหูของเธอก่อน หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เธอก็ขนลุกไปทั้งตัว เป็นแบบนั้นได้ยังไง? ทำไมเสียงของผู้หญิงคนนี้ถึงเหมือนกับเสียงของเธอทุกอย่างเลย? จู่ ๆ เธอก็จำสิ่งที่เสิ่นอวี๋พูดก่อน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง