เธอพร้อมที่จะไปแผนกสูติ-นรีเวช ไมค์จึงดึงเธอแล้วพาเธอไปห้องอัลตราซาวนด์สีที่ชั้นบน เธอยกคิ้วแล้วถามเขาด้วยตา “คือ...เธอไปอัลตราซาวนด์สีก็ได้” ไมค์พยายามหลีกเลี่ยงแต่ล้มเหลว “ฟู่สือถิงอยู่ที่นี่ด้วย เขาน่าจะรอเธออยู่ในห้องอัลตราซาวนด์!” ฉินอันอันยกแขนขึ้นแล้วพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “เขาติดสินบนนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไมค์ยกมือขึ้นและสาบานต่อพระเจ้าว่า “ฉันไม่ได้รับสินบนจากเขา! จื่ออี้เป็นคนบอกฉันต่างหาก!” “โอ้ โจวจื่ออี้เป็นคนของเขา โจวจื่ออี้ติดสินบนนาย แล้วมันต่างอะไรกับการที่เขาติดสินบนนาย?” “แน่นอนว่าต้องแตกต่างกันสิ! จื่ออี้แตกต่างจากหมอนั่น! จื่ออี้ไม่ใช่คนที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็นเสียหน่อย!” ไมค์จับแขนเธอแล้วเถียง “จื่ออี้รับปากกับฉันว่าถ้าหมอนั่นกล้ารังแกเธออีก เขาจะลาออกจากงาน!” ฉินอันอัน “แต่ยังไงนายขะบอกพวกเขาทุกอย่างไม่ได้!” “ฉันไม่ได้บอกพวกเขาทุกอย่าง...เช่น เธอกินได้เยอะขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอไม่ได้อาเจียนเยอะแล้ว และเธอคิดว่าลูกน่าจะไม่อยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกพวกเขา” ไมค์ถอนหายใจ “น่าเสียดายจริง ๆ ยังไงเด็กก็ไม่อยู่แล้ว งั้นวันนี้เธอจะไปทำแท้งไหม?” ฉินอันอ
ฉินอันอันเอ่ยปากอย่างเชื่องช้า “ไมค์ เด็กยังแข็งแรงดี” ไมค์ “โอ้เหรอ?” ฉินอันอันจับแขนของไมค์แล้วเดินไปที่ลิฟต์ “ไปทำงานกันเถอะ!” “เด็กไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ? หมอบอกว่าเธอไปทำงานได้แล้วเหรอ?” ไมค์ไม่เชื่อ "อืม" เด็กไม่เป็นไร และร่างกายเธอก็แข็งแรงดี ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในการไปทำงาน โจวจื่ออี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่สือถิง “ประธาน ยินดีด้วยนะครับ! ทารกในครรภ์อายุเกือบสามเดือนแล้ว รออายุครรภ์ครบสามเดือนอาการจะคงที่ และไม่เสี่ยงต่อการแท้งแล้ว” อารมณ์ของฟู่สือถิงเปลี่ยนไปนับพันครั้ง เมื่อคืนเขาฝันร้ายว่าลูกของเขาจากไปแล้ว โชคดีที่มันเป็นเพียงสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด…… ที่ฉินกรุ๊ป หลังจากที่ฉินอันอันมาถึงบริษัท รองประธานก็มารายงานเธอทันที ที่จริงแล้วหัวหน้าแผนกต่าง ๆ มักจะส่งอีเมลไปรายงานเรื่องต่าง ๆ ในบริษัท แม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่บริษัท แต่เธอก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท ขณะที่รองประธานรายงานงาน เธอก็หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมา นิตยสารฉบับนี้มีชื่อว่าแฟร์ชั่นไวนด์ ซึ่งเป็นนิตยสารที่สัมภาษณ์เธอครั้งล่าสุด รูปเธออยู่บนปกนิตยสาร เดิมทีเธอนัดถ่ายรูปที่สตูดิโอของพวกเขา แต่
หลังจากยืนเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง เขาก็กดสายภายในหาโจวจื่ออี้และถามว่าใครเป็นคนส่งนิตยสารมาให้ โจวจื่ออี้ “เจ้าหน้าที่ของฉินกรุ๊ปส่งมาครับ ส่งมาทั้งหมดยี่สิบเล่ม ผมบอกให้เลขาแจกผู้บริหารคนละหนึ่งเล่ม” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “นายเห็นหรือยัง?” โจวจื่ออี้ “ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ ผมจะออกไปซื้อสักเล่มตอนเลิกงาน” ฟู่สือถิง “เล่มนี้ฉันให้นาย!” หลังจากนั้นไม่นาน โจวจื่ออี้ก็มาที่ห้องทำงานของประธานและเห็นใบหน้ามืดมนของฟู่สือถิง เขารู้ทันทีว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับนิตยสารใช่รึเปล่า? เขาเหลือบมองแค่ปกนิตยสารเท่านั้น ฉินอันอันบนหน้าปกสวยและมีเสน่ห์ รูปถ่ายไม่มีอะไรผิดปกติ งั้นคงจะเป็นเนื้อหาที่ผิดปกติ “ประธาน ผมขอนิตยสารเล่มนั้นได้ไหม?” โจวจื่ออี้ถามอย่างไม่มั่นใจ “เอาไปสิ!” สีหน้าของฟู่สือถิงเย็นชาแต่น้ำเสียงของเขาเย็นชายิ่งกว่า โจวจื่ออี้หยิบนิตยสารขึ้นมาจากโต๊ะแล้วเดินออกจากออฟฟิศ เขาเปิดหน้าที่มีบทสัมภาษณ์ของฉินอันอัน และรีบอ่านหัวเรื่องอย่างรวดเร็ว ‘อะไรเนี่ย?!’ ‘จิ้นซือเหนียนเทพบุตรของฉินอันอัน?’ โจวจื่ออี้กลับมาที่ออฟฟิศ และกดโทรหาไมค์ แล้วถามว่าการสัมภาษณ์เป็นเรื่องเกี
“ถ้าป้าไม่สามารถยับยั้งไม่ให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้ ก็อย่าได้คิดจะเอาชนะฉินอันอัน!” เสิ่นอวี๋ใช้คำพูดยั่วยุเธอ “หลังจากนี้อย่าคิดว่าจะได้ใช้เงินทุนของฉันอีก!” ดวงตาของหวังหว่านจือเปล่งประกายขึ้นทันที “เธอยังได้เงินจากฟู่สือถิงอยู่งั้นเหรอ?” เสิ่นอวี๋เชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “อย่างน้อยจะได้อีกพันล้าน” หวังหว่านจือ “เธอวางใจได้! ฉันจะไม่มีวันยอมให้ฉินอันอันคลอดเด็กในท้องออกมาได้อย่างราบรื่น!” ......ตอนเย็น ฉินอันอันเลิกงานกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีรถจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ในบ้านมีแขกงั้นเหรอ? หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถ ที่ประตูวิลล่า เด็กสองคนเดินออกมาพร้อมกับอิ๋นอิ๋น “แม่ขา!” รุ่ยลาเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น ไมค์อุ้มรุ่ยลาขึ้นเมื่อเธอวิ่งมาหาฉินอันอัน “ทำไมอิ๋นอิ๋นถึงอยู่ที่นี่?” ไมค์กล่าวอย่างงุนงง อิ๋นอิ๋นเดินมาหาพวกเขาพร้อมยิ้มเบา ๆ “อันอัน ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ!” พูดจบเธอก็เดินไปเลย ฉินอันอันหันไปมองทางรุ่ยลา “รุ่ยลา อิ๋นอิ๋นมาที่นี่ตอนไหนเหรอลูก?” “เธอมาที่หน้าบ้านเราตอนที่หนูกับพี่ชายกำลังเรียนอยู่ค่ะ” รุ่ยลาขมวดคิ้
ที่เอสทีกรุ๊ป โทรศัพท์มือถือของฟู่สือถิงดังขึ้น เขารับสาย “ประธานฟู่ครับ วันนี้คุณอิ๋นอิ๋นพาฉินจือหานไปเข้าร่วมการแข่งขันรายการเด็กแห่งชาติครับ” เสียงบอดี้การ์ดของอิ๋นอิ๋นดังมาจากปลายสาย ฟู่สือถิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นายกำลังพูดเรื่องอะไร?” บอดี้การ์ดพูดซ้ำอีกรอบ จากนั้นอธิบายว่า “คุณอิ๋นอิ๋นไม่ยอมให้ผมบอกคุณครับ” “แล้วทำไมนายถึงมาบอกฉันเอาตอนนี้?” ฟู่สือถิงลูบระหว่างคิ้ว ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ บอดี้การ์ด “เมื่อครู่นี้ฉินจือหานคว้าแชมป์ได้ คุณอิ๋นอิ๋นเลยวิ่งขึ้นไปบนเวทีอยางมีความสุขมาก ผลคือคนอื่น ๆ จำเธอได้ครับ เหตุการณ์อยู่เหนือการควบคุมไปพักหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณอิ๋นอิ๋นจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เธอต้องตกใจมากแน่นอน” เมื่อฟู่สือถิงได้ยินเรื่องราวอันแปลกประหลาดนี้ก็รู้สึกเหมือนเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นทำไมอิ๋นอิ๋นถึงได้พาฉินจือหานไปเข้าร่วมการแข่งขันรายการสำหรับเด็ก? ฉินจือหานมีนิสัยชอบเก็บตัว ไม่ชอบเจอคนแปลกหน้า พูดตามหลักการแล้วเขาไม่ควรเต็มใจที่เข้าร่วมการแข่งขันถึงจะถูก แต่ว่าเขาถูกเกลี้ยกล่อมได้ยังไง?” “ส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน!” ฟู่สือถิงพูดด้วยเสียงทุ้มต
ชั่วพริบตาที่มองเห็นเขา เลือดในตัวของเสี่ยวหานเย็นยะเยือกทันที! แม่เคยบอกให้อยู่ห่างจากเขา! เสี่ยวหานก้าวขาเดินจากไป “ฉินจือหาน!” ฟู่สือถิงเห็นว่าเขาหลีกเลี่ยงตนเองราวกับเขาเป็นตัวซวยจึงรีบเรียกเขาทันที เสี่ยวหานชะลอฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หยุดเดิน ฟู่สือถิงทำได้เพียงรีบเดินไล่ตามเขาไป“ฉินจือหาน ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่คนเดียว? อิ๋นอิ๋นล่ะ?” เขาขวางทางฉินจือหานเอาไว้ “อย่ามาใกล้ผม!” ฉินจือหานไม่อยากคุยกับเขาแล้วก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาด้วย “จำไว้ว่าคุณติดหนี้คำขอของผมอยู่นะ! รับคำขอไปเดี๋ยวนี้เลย อย่าเข้ามาใกล้ผม! อย่าได้เข้ามาใกล้ผมตลอดชีวิต!” ฟู่สือถิงมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ต่อต้านเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจอย่างอธิบายไม่ถูก เขาไม่อยากมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายขนาดนี้กับฉินจือหานเลย! เพราะว่าพวกเขาแตกแยกกัน จึงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ของเขากับฉินอันอันถ้าหากตอนนั้นเขาไม่ได้พลั้งมือบีบคอฉินจือหาน ฉินอันอันคงไม่ห้ามเขาเข้าบ้านเธอ “ฉันต้องขอโทษนายด้วย” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลงและพูดอย่างประนีประนอม “ขอโทษนะ” เสี่ยวหานฟังคำขอโทษของเขาแล้วคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินอันอันก็กลับมาถึงบ้าน เธอรีบร้อนเข้ามาในบ้าน ไม่สนใจแม้แต่จะเปลี่ยนรองเท้า เธอเดินตรงไปหาฟู่สือถิงแล้วถามว่า “เสี่ยวหานล่ะ? ทำไมมีแค่คุณคนเดียว?” ฟู่สือถิงกำลังจะพูดบางอย่าง เธอกลับสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของเขามีบางอย่างที่ผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้นกับเสื้อของคุณ?” เสื้อเชิ้ตของเขายับยู่ยี่ เธอเดินตามส่วนที่ยับย่นนั้นไปจนถึงด้านหลังของเขาและเห็นว่าด้านหลังของเสื้อเชิ้ตถูกกัดจนหลุดขาดออกไปชิ้นหนึ่ง ดูจากส่วนที่บวมช้ำสามารถมองเห็นว่าผิวหนังด้านในมีเลือดหยดออกมา ถึงแม้ว่าเลือดจะแข็งตัวเป็นก้อนแล้ว แต่ก็จินตนการได้ว่ามันต้องเจ็บปวดมาก “เสี่ยวหานกัดคุณใช่ไหมคะ?” เธอเดินมาด้านหน้าแล้วเงยหน้ามองเขา “ผมหาเรื่องเอง” เขาหลีกเลี่ยงด้วยการเปลี่ยนเรื่อง “เขาอยู่ในห้อง” “อื้ม ฉันจะไปดูเขาก่อน คุณรอฉันอยู่ตรงนี้นะคะ” เธอพูดพร้อมกับเดินขึ้นไปยังชั้นบน ไมค์เดินกร่างไปทางด้านหลังฟู่สือถิง หลังจากจ้องมองบาดแผลของเขาดี ๆ แล้ว ก็ถอนใจพร้อมเอ่ยว่า “ฟันพี่หานของผมนี่คมดีจริง ๆ! คุณเหมือนโดนสุนัขกัดเลยนะเนี่ย!” ฟู่สือถิงหันกลับมา มองไมค์ด้วยดวงตาสีดำมืด “ไมค์ ฉินจือหา
“สวมเสื้อได้แล้วค่ะ” เธอพูดอย่างเย็นชาหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว เขาสวมเสื้อยืดเสร็จแล้วก็เงยหน้ามองเธอ “ผมถามได้แล้วใช่ไหม?” “คุณอยากถามอะไรล่ะ?” สีหน้าของเธอเย็นชา น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “เสี่ยวหานไม่ชอบคุณ ต่อไปคุณอย่าแตะต้องเขาอีก ถ้าเจอสถานการณ์แบบวันนี้อีก คุณแค่โทรหาฉันก็พอ” ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็ว่างเปล่า มันเป็นความผิดของเขาเองจริง ๆ เขาหยิบเสื้อผ้าสกปรกที่เปลี่ยนออกขึ้นมาแล้วลุกขึ้น เตรียมตัวจากไป เธอรู้สึกกังวลในใจ เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ “คุณอยากถามอะไรเหรอ?” เขาหันไปมองเธอ “คุณคิดว่าอิ๋นอิ๋นจำเป็นต้องทำการรักษาต่อหรือเปล่า? ผมกลัวว่ารักษาต่อไป มันจะเกิดผลเสียต่อตัวเธอมากกว่าผลการรักษา” เธอตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ “คุณหมอเจ้าของไข้ของอิ๋นอิ๋นคือเสิ่นอวี๋ไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเธอเอ่ยชื่อเสิ่นอวี๋ เหตุผลของเธอเริ่มหลุดลอย “ในเมื่อคุณไปหาเธอและจ่ายค่ารักษาสูงลิบลิ่วไปแล้ว คุณก็แค่เชื่อฟังเธอก็พอ” เขาคิดไม่ถึงว่า คำถามของเขาจะทิ่มแทงจุดที่เจ็บปวดของเธอ “ฉินอันอัน ต่อไปผมจะไม่เอาเรื่องอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นมาทำให้คุณลำบากใจอีก”