“สวมเสื้อได้แล้วค่ะ” เธอพูดอย่างเย็นชาหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว เขาสวมเสื้อยืดเสร็จแล้วก็เงยหน้ามองเธอ “ผมถามได้แล้วใช่ไหม?” “คุณอยากถามอะไรล่ะ?” สีหน้าของเธอเย็นชา น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “เสี่ยวหานไม่ชอบคุณ ต่อไปคุณอย่าแตะต้องเขาอีก ถ้าเจอสถานการณ์แบบวันนี้อีก คุณแค่โทรหาฉันก็พอ” ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็ว่างเปล่า มันเป็นความผิดของเขาเองจริง ๆ เขาหยิบเสื้อผ้าสกปรกที่เปลี่ยนออกขึ้นมาแล้วลุกขึ้น เตรียมตัวจากไป เธอรู้สึกกังวลในใจ เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ “คุณอยากถามอะไรเหรอ?” เขาหันไปมองเธอ “คุณคิดว่าอิ๋นอิ๋นจำเป็นต้องทำการรักษาต่อหรือเปล่า? ผมกลัวว่ารักษาต่อไป มันจะเกิดผลเสียต่อตัวเธอมากกว่าผลการรักษา” เธอตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ “คุณหมอเจ้าของไข้ของอิ๋นอิ๋นคือเสิ่นอวี๋ไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเธอเอ่ยชื่อเสิ่นอวี๋ เหตุผลของเธอเริ่มหลุดลอย “ในเมื่อคุณไปหาเธอและจ่ายค่ารักษาสูงลิบลิ่วไปแล้ว คุณก็แค่เชื่อฟังเธอก็พอ” เขาคิดไม่ถึงว่า คำถามของเขาจะทิ่มแทงจุดที่เจ็บปวดของเธอ “ฉินอันอัน ต่อไปผมจะไม่เอาเรื่องอาการป่วยของอิ๋นอิ๋นมาทำให้คุณลำบากใจอีก”
วันรุ่งขึ้น เวลาเจ็ดโมงเช้า ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า จู่ ๆ กริ่งประตูบ้านของฉินอันอันก็ดังขึ้น ฉินอันอันสวมชุดนอนออกมาจากห้องเมื่อเดินมาถึงประตูแล้วเห็นใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนในจอ เธอจึงรีบเปิดประตูทันทีหลังจากหลีเสี่ยวเถียนแต่งงานก็ไปฮันนีมูนกับเฮ่อจุ่นจือที่ต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เธอบอกฉินอันอันว่าจะไปเที่ยวหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งเดือน ทำไมพวกเขาถึงกลับมาเร็วนักล่ะ? “อันอัน สุขภาพเธอไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนเดินเข้ามาพร้อมกับถือของขวัญชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ “ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันกลับไปทำงานได้แล้ว” ฉินอันอันหยิบรองเท้าให้เธอ “ทำไมพวกเธอกลับมาเร็วจัง?” หลีเสี่ยวเถียนสีหน้าบูดบึ้ง “เที่ยวไม่สนุกเลยน่ะสิ! เดิมทีพูดไว้ดิบดีว่าช่วงฮันนีมูนจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ผลสุดท้ายเขาก็ยังรับสายที่ทำงานอย่างน้อยยี่สิบสายทุกวัน พูดตามตรง ตอนนี้ฉันอยากจะหย่ากับเขาแล้ว” ฉินอันอันเทน้ำอุ่นให้เธอแล้วปลอบใจว่า “เธออย่าหุนหันพลันแล่นสิ ตอนนี้เขาเพิ่งรับช่วงต่อกิจการของที่บ้าน เธอต้องให้เวลาเขาหน่อยนะ” “หึ! ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เวลาเขา บอกตรง ๆ นะ เพราะความสามารถในการทำงานข
บอดี้การ์ดเอ่ยปาก “ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาคุณหมอคนนั้นแล้วเรียกให้ออกมาพบ!” ผู้อำนวยการ “คุณยังจำชื่อหมอคนนั้นได้ใช่ไหม?” บอดี้การ์ด “ผมจะรู้ได้ยังไง?! ตอนนั้นเธอสวมทั้งหมวกทั้งหน้ากาก ผมมองเห็นหน้าเธอไม่ชัดด้วยซ้ำ!” ผู้อำนวยการ “ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปถามคุณหมอในแผนกสูตินรีเวชวิทยาทีละคนก่อน ดูว่าพวกเขามีใครจำคุณฉินได้บ้าง” ฟู่สือถิงก้าวเท้าเดินอออกไป ในใจของเขามีคำตอบอยู่แล้ว ฉินอันอันคงไม่ได้ทำแท้งตั้งแต่แรก ฉินจือหานน่าจะเป็นลูกของเขา เพียงแต่รู้ความจริงแล้วจะทำอะไรได้? เขาทำร้ายเสี่ยวหานและเสี่ยวหานไม่มีทางให้อภัยเขา ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ ฉินอันอันไม่เคยคิดจะบอกเรื่องลูกกับเขา ดังนั้นเธอไม่มีทางช่วยพูดแทนเขา เขาไม่ตำหนิฉินอันอัน ทั้งหมดเป็นความผิดของเขาเอง! ห้าปีก่อน เขาเคยพูดว่า ถ้าเธอตั้งท้องลูกของพวกเขา เขาจะบีบคอเด็กให้ตายด้วยมือของเขาเอง ห้าปีต่อมา เขาเกือบจะบีบคอลูกของพวกเขาจริง ๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อคลออยู่ในนั้นหลังจากขึ้นรถแล้ว เขาก็เหยียบคันเร่งแล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูง เขาขับมาถึงสตาร์ริวเอร์วิลล่าแล้วจอดรถ หลังลงจากรถ เขาก็เดินม
รุ่ยลาตกใจจนร้องลั่น! หลีเสี่ยวเถียนอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินเข้าไปในบ้าน “รุ่ยลาหนูไม่ต้องกลัวนะ! ป้าจะเรียกรถพยาบาลมาเดี๋ยวนี้แหละ!” หลีเสี่ยวเถียนวางรุ่ยลงลงบนโซฟา จากนั้นก็ค้นโทรศัพท์ในกระเป๋าและกดหมายเลข 120 รุ่ยลาร้องไห้เสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้ “พ่อหนูตายแล้วใช่ไหมคะ? ฮือ ๆ ๆ …เขายังไม่รู้ว่าหนูเป็นลูกสาวของเขาเลย! ฮือ ๆ ๆ!” มือข้างหนึ่งของหลีเสี่ยวเถียนโอบกอดรุ่ยลาที่น้ำตาไหลริน ข้างหนึ่งก็ต่อสายโทรศัพท์ หลังจากโทรติด หลีเสี่ยวเถียนก็แจ้งที่อยู่ จากนั้นก็วางสาย “รุ่ยลา หนูรออยู่ในห้องนะ ป้าจะออกไปดู” หลังจากหลีเสี่ยวเถียนอธิบายแล้วก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ...…ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในตอนเช้าฉินอันอันได้รับสายจากรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่งว่าให้พาเสี่ยวหานมาเสี่ยวหานคว้าแชมป์การแข่งขันรายการเด็กแห่งชาติเมื่อวานนี้ เขาไม่ใช่คนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน แต่เขาอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ที่น่าตกใจกว่านั้น คือเขาชนะในระดับแชมป์ “ถึงแม้ว่าเสี่ยวหานจะกระโดดข้ามเข้ามาในรอบชิงชนะเลิศ แต่จุดประสงค์การจัดการแข่งขันของพวกเร
มันจะอันตรายขนาดไหน หากเขาไม่ได้เป็นลมล้มลงที่หน้าบ้านเธอแล้วหลีเสี่ยวเถียนมาพบเข้าพอดี? ถึงตอนเย็น เธอลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะตัดสินใจไปที่คฤหาสน์ตระกูลฟู่ “อันอัน ฉันจะขับรถไปส่งเธอ” ไมค์เดินตามเธอออกมาจากบ้าน เธอส่ายหัว “ฉันจะไปหาอิ๋นอิ๋น รีบไปรีบกลับ” ไมค์ “เธอจะเสแสร้งกับฉันทำไม! ถ้าเธอแค่อยากเจออิ๋นอิ๋น โทรหาอิ๋นอิ๋นโดยตรงแล้วนัดเธอออกมาก็ได้ ตอนนี้อิ๋นอิ๋นมีเบอร์โทรศัพท์แล้วนี่” เมื่อเห็นว่าเขาเปิดโปงตัวเธออย่างไร้ความปรานี เธอก็ไม่พูดไร้สาระกับเขาอีก “นายไม่จำเป็นต้องไปส่ง ฉันจะขับรถไปเอง” “ผู้หญิงคนนี้นี่! ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่นะ! ฉันจะปล่อยให้เธอขับรถออกไปคนเดียวตอนกลางคืนได้ยังไง? ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับเธอ คนแรกที่ฟู่สือถิงจะมาเอาเรื่องต้องเป็นฉันอย่างแน่นอน!” ไมค์พยายามต่อสู้ด้วยเหตุผล “เพราะแบบนี้ ฉันเลยจะไปส่งเธอ ฉันจะไม่เข้าไปในบ้านเขากับเธอหรอก” เธอเปิดประตูรถ เข้าไปในที่นั่งคนขับแล้ว จากนั้นก็ปิดประตู เธอลดกระจกลงแล้วพูดกับเขาว่า “ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด นายพาเด็กสองคนออกไปเดินเล่นเถอะ ฉันจะพยายามกลับมาก่อนฟ้ามืด” พูดจบ เธอก็ขับรถออกไป ไมค์เอา
ฉินอันอันมองเห็นป้าจางถอนใจโล่งอก ป้าจางยินดีอย่างมากที่เสิ่นอวี๋มาช่วยรักษาอิ๋นอิ๋น“คุณผู้ชายฟื้นแล้วเหรอ? เขาบอกหรือเปล่าว่าจะกลับมาเมื่อไหร่?” ป้าจางก้าวเท้าไปหาบอดี้การ์ด ก่อนที่บอดี้การ์ดจะเอ่ยปากตอบ เสิ่นอวี๋ถือกล่องยาก้าวเข้ามา “คุณเสิ่นคะ คุณผู้ชายโทรบอกให้คุณมาใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “เดี๋ยวเขาน่าจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้อาการของอิ๋นอิ๋นเป็นยังไงบ้าง?” เธอก้าวเท้าเดินมาถึงบันได เมื่อเธอพูดจบ ฝีเท้าของเธอก็ชะงักค้าง ฉินอันอันยืนอยู่ชั้นบน ทั้งสองคนต่างสบสายตากัน เสิ่นอวี๋เข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาทรงนกฟีนิกซ์ของเธอหันไปมองทางป้าจางแล้วเอ่ยถามเสียงเย็นชา “ใครเรียกฉินอันอันมาเหรอคะ?” ป้าจางตอบอย่างลำบากใจ “อันอันมาหาอิ๋นอิ๋นเพราะมีธุระค่ะ” “อ้อ… ฉันคิดว่ามีใครเชิญเธอมาเสียอีก!” เสิ่นอวี๋พูดเยาะเย้ยแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทีละก้าว เมื่อเธอเดินมาจนเกือบถึงด้านหน้าฉินอันอัน เธอก็พูดเหน็บแนมอีกครั้งว่า “ฉินอันอัน คุณเลิกกับสือถิงไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ได้ยินว่าคุณเป็นฝ่ายขอเลิกก่อนด้วย ทุกครั้งที่คุณทำท่าทางดูถูกฟู่สือถิง คุณทำให้ใครดูงั้นเหรอ?
ฉินอันอันไม่ตอบเธอจะไม่กลับมาอีก เธอควรฟังคำพูดของไมค์ ตอนนี้อิ๋นอิ๋นมีหมายเลขโทรศัพท์มือถือแล้ว หากเธอต้องการขอบคุณอิ๋นอิ๋น เธอสามารถโทรหาอิ๋นอิ๋นแล้วนัดเธอออกมาได้ ที่ชั้นหนึ่ง เธอเดินมาถึงโซฟาแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา เวลานี้ รถโรลส์รอยซ์สีดำขับเข้ามาที่ลานด้านหน้า และจอดช้า ๆ ฟู่สือถิงกลับมาแล้ว ในใจของเธอหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ถ้าเธอลงมาก่อนหน้านี้สักหนึ่งนาที เธอก็ไม่ต้องพบเขาตอนนี้เธอรู้สึกแย่มากพอแล้ว เธอแค่อยากอยู่คนเดียวและทุกข์ใจอยู่เงียบ ๆ “อันอัน คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ!” ป้าจางเตือนเธอ ‘เขากลับมาแล้ว แล้วจะทำไม?’ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบกระเป่าแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อเปลี่ยนรองเท้า ฟู่สือถิงเห็นรถแลนด์โรเวอร์จอดอยู่ในลานแล้ว เขาย่อมคิดไม่ถึงอยู่แล้วว่าฉินอันอันจะมา เขาลงจากรถ ดวงตาล้ำลึกของเขาเห็นเธอสวมรองเท้าและออกมาพอดี เขาเดินไปที่รถเธอ รอให้เธอมา ลมยามค่ำคืนพัดมา แต่หัวใจของเขากลับร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ช้า ฉินอันอันก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขา มองเขาอยู่แวบหนึ่งแล้ว ริมฝีปากสีแดงก็ขยับเบา ๆ “หลีกไป” จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็ขมวดเกร็ง ไม่รู้ว
“คุณผู้ชาย กลับเข้าบ้านเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางรอมาพักหนึ่งก็เดินมาหาเขาแล้วเอ่ยขึ้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาเพิ่งพูดอะไรกับฉินอันอัน แต่ที่แน่นอนก็คือเขาไม่มีวันปล่อยให้ฉินอันอันต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรม ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ฉินอันอันกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา คืนนี้เสิ่นอวี๋ทำเกินไปหน่อยจริง ๆ ทว่าก็เข้าใจได้เช่นกัน ถ้าครั้งนั้นเสิ่นอวี๋ไม่แท้งลูก ตอนนี้เด็กก็คงเกิดมาแล้ว ฟู่สือถิงกำหมัดแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เสิ่นอวี๋กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นเขาเข้ามา เสิ่นอวี๋จึงวางถ้วยชาลง “สือถิงคะ ฉันฉีดยานอนหลับให้อิ๋นอิ๋นแล้ว เธอไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน จำเป็นต้องให้เธอนอนหลับให้สบายก่อน” เสิ่นอวี๋มองไปทางเขา “พรุ่งนี้เช้าต้องพาเธอไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล” ฟู่สือถิงส่งเสียงอืมตอบรับ “สือถิง ได้ยินว่าวันนี้คุณเป็นลม คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋สีหน้ากังวล “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันหวังว่าคุณจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ใช่แค่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่ออิ๋นอิ๋นด้วย ตอนนี้เธอยังไม่หายดีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดครั้งที่สาม” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณกลับไปก่อนเถอะ!”