“คุณผู้ชาย กลับเข้าบ้านเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางรอมาพักหนึ่งก็เดินมาหาเขาแล้วเอ่ยขึ้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาเพิ่งพูดอะไรกับฉินอันอัน แต่ที่แน่นอนก็คือเขาไม่มีวันปล่อยให้ฉินอันอันต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรม ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ฉินอันอันกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา คืนนี้เสิ่นอวี๋ทำเกินไปหน่อยจริง ๆ ทว่าก็เข้าใจได้เช่นกัน ถ้าครั้งนั้นเสิ่นอวี๋ไม่แท้งลูก ตอนนี้เด็กก็คงเกิดมาแล้ว ฟู่สือถิงกำหมัดแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เสิ่นอวี๋กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นเขาเข้ามา เสิ่นอวี๋จึงวางถ้วยชาลง “สือถิงคะ ฉันฉีดยานอนหลับให้อิ๋นอิ๋นแล้ว เธอไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน จำเป็นต้องให้เธอนอนหลับให้สบายก่อน” เสิ่นอวี๋มองไปทางเขา “พรุ่งนี้เช้าต้องพาเธอไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล” ฟู่สือถิงส่งเสียงอืมตอบรับ “สือถิง ได้ยินว่าวันนี้คุณเป็นลม คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋สีหน้ากังวล “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันหวังว่าคุณจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ใช่แค่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่ออิ๋นอิ๋นด้วย ตอนนี้เธอยังไม่หายดีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดครั้งที่สาม” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณกลับไปก่อนเถอะ!”
“สือถิง คุณพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจสุขภาพหรือเปล่า? พวกเราจะไปโรงพยาบาลด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ?” เสียงของเสิ่นอวี๋ฟังดูน้อยใจเล็กน้อย เธอขับรถไปยัวคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ผลลัพธ์คือป้าจางบอกเธอว่า ฟู่สือถิงพาอิ๋นอิ๋นออกไปแล้ว ฟู่สือถิงมองไปยังผู้คนที่เดินเข้าออกโรงพยาบาล น้ำเสียงของเขาเย็นชา “ผลตรวจของเธอเรียบร้อยดี” “โอ้ งั้นก็ดีเลยค่ะ ฉันเริ่มเตรียมแผนการรักษาครั้งที่สามของอิ๋นอิ๋นไว้แล้วค่ะ” เสิ่นอวี๋กล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉันมีความคิดใหม่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้” ฟู่สือถิง “คุณรับประกันได้ไหมว่าการผ่าตัดครั้งที่สามนี้จะสามารถทำให้เธอหายดีเป็นปกติได้?” เสิ่นอวี๋ตกตะลึง แม้แต่หมอเทวดายังไม่กล้ารับประกันเลยว่าตัวเองจะสามารถรักษาโรคของผู้ป่วยหายแน่นอน “ฉันไม่มั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฉันคิดว่า…” “ในเมื่อไม่มั่นใจเต็มร้อย ถ้าอย่างนั้นก็หยุดเถอะ!” เขาพูดอย่างเย็นชา “ไว้คุณมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่ค่อยมาหาผม” ‘หยุดเหรอ?’ เสิ่นอวี๋ตกใจกับคำนี้ “สือถิงคะ… คุณต้องการหยุดทำการรักษาอิ๋นอิ๋นงั้นเหรอ? หรือว่า… คุณเจอหมอที่ดีกว่าแล้ว?” น้ำเสียง
ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม พรุ่งนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติ แล้วก็เป็นวันตรวจสุขภาพก่อนคลอดของฉินอันอันด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้อย่างราบรื่น เพราะที่จริงแล้วในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เธอใช้ยามากเกินไป คิดไม่ถึงว่า ทารกคนนี้จะแข็งแกร่งจนมีชีวิตรอดมาได้ถึงตอนนี้จริง ๆ ถ้าหากการตรวจครรภ์ในวันพรุ่งนี้เป็นไปด้วยดี ก็สามารถทำเวชระเบียนได้แล้ว “อันอัน พรุ่งนี้ฟู่สือถิงจะไปเป็นเพื่อนเธอตรวจสุขภาพก่อนคลอดหรือเปล่า?” ไมค์ถามตอนเวลาอาหารเย็นฉินอันอัน “พรุ่งนี้นายมีเดทใช่ไหม? ฉันไปตรวจสุขภาพก่อนคลอดเองได้นะ”ไมค์เลิกคิ้ว “ฟู่สือถิงไม่ได้ไปกับเธองั้นเหรอ?” ฉินอันอัน “ฉันไม่จำเป็นต้องให้เขาไปกับฉัน แล้วนายก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่านายเป็นพ่อของลูก” ไมค์ตอบ “ให้พี่เลี้ยงเด็กไปกับเธอแล้วกัน” “พี่เลี้ยงเด็กต้องดูแลเด็ก ๆ อยู่ที่บ้าน นายไปเดทได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกเราหรอก” ฉินอันอันดื่มน้ำซุป “ฉันนัดล่วงหน้าไว้แล้ว อย่างนานที่สุดช่วงเช้าก็น่าจะเสร็จแล้ว”“อ้อ” ไมค์ตอบอย่างเหม่อลอย นิ้วเรียวยาวของเขาขยั
เขายืนอยู่นอกประตูลานหน้าบ้าน ยืนตัวตรงราวกับรูปปั้นประติมากรรม หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นมาทันที! เธอรีบเดินกลับไปที่เตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าเขาโทรหรือส่งข้อความหาเธอหรือไม่ ไม่มีเลยเช้านี้เขาไม่ได้ติดต่อเธอเลย ‘เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?’ ‘ทำไมมาเร็วขนาดนี้?’ ถ้าเธอไม่พบเขาตอนนี้ เขาก็จะรออยู่เงียบ ๆ ข้างนอกตลอดงั้นเหรอ? เธอรีบหาชุดในตู้เสื้อผ้ามาใส่ จากนั้นจึงรีบลงไปชั้นล่าง ตอนที่ประตูทางเข้าของวิลล่าเปิดออก ฟู่สือถิงหันไปมองด้วยดวงตานกอินทรีอันลึกล้ำของตัวเองฉินอันอันที่สวมชุดสีขาวเดินออกมาจากด้านในช้า ๆ เขายกข้อมือขึ้นแล้วมองดูนาฬิกา ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงเท่านั้น เธอตื่นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ว่ากันว่าผู้หญิงตั้งครรภ์จะง่วงหงาวหาวนอนไม่ใช่เหรอ? เธอเดินไปถึงประตูลานหน้าบ้านแล้วเปิดออก “คุณมาที่นี่ทำไม?” เธอสังเกตมองเขาแวบหนึ่ง ในดวงตาของเขามีเส้นเลือดสีแดงปรากฏ เมื่อคืนนี้เขาน่าจะไม่ได้นอนมากเท่าที่ควร“ผมมารับคุณไง” เขาพูดเสียงแหบพร่า “ตอนนี้ยังเช้าอยู่ คุณนอนหลับต่อได้อีกสักพักนะ” “ตื่นแล้วก็นอนไม่หลับแล้วค่ะ” “งั้นพวกเราไปกินข้าวเช้ากันไหม
สมองของเธอว่างเปล่า ไม่ว่าอยากจะพูดอะไรก็ลืมไปหมดแล้ว แม่ของเว่ยเจินล้อเล่น “ทั้งสองคนไม่มีใครปฏิเสธเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า!” เว่ยเจินเกาหัวและเปลี่ยนเรื่อง “ทานข้าวเสร็จ ผลตรวจเลือดน่าจะออกพอดี” ฉินอันอันพยักหน้าและกินเงียบ ๆ หลังอาหารกลางวัน ฉินอันอันยืนกรานว่าไม่ต้องอยากให้เว่ยเจินไปรับผลตรวจด้วย เขารู้สึกเกรงใจมากที่จะรบกวนเมื่อเช้านี้ บ้านตระกูลเว่ยอยู่ใกล้โรงพยาบาล ฉินอันอันกับฟู่สือถิงออกมาจากบ้านตระกูลเว่ยและเดินไปที่โรงพยาบาล “ทำไมเมื่อกี้คุณไม่ให้ฉันอธิบาย? ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนมันสนุกมากเหรอ?” ฉินอันอันหยอกล้อเขา “เราไม่ได้สนิทกับคุณป้า ไม่จำเป็นต้องไปโต้แย้งเธอหรอก” เขาเดินออกไปข้างหน้าเธอและคอยสังเกตุการจราจรโดยรอบอยู่เสมอ “คุณไม่สนิทกับคุณป้า แต่ฉันสนิทกับคุณป้ามากเลยนะ” “ก็เพราะคุณสนิทกันไง คุณจะอธิบายให้เธอฟังตอนไหนก็ได้” เมื่อไฟสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาก็จับมือเล็ก ๆ ของเธอแล้วพาเธอข้ามถนน “ฉันจะไปเอง” เธอสะบัดฝ่ามือใหญ่ของเขาออกแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ฉันยอมรับว่าคุณเป็นแค่พ่อของลูกเท่านั้น และไม่ยอมรับสัมพันธ์อื่นใดอีก” “ต่อให้คุณไม่ยอมรับ
แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับเสิ่นอวี๋ แต่เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ แต่เขาก็มีข่าวเรื่องความรักน้อยกว่าใคร ...... เวลาหกโมงเย็น ฉินอันอันพาลูกสองคนของเธอไปยังร้านอาหารที่ฟู่สือถิงส่งชื่อให้เมื่อคืนนี้ ฟู่สือถิงจองห้องรับรองส่วนตัวเอาไว้ หลังจากที่เธอแจ้งหมายเลขห้องรับรองส่วนตัวกับแผนกต้อนรับ พนักงานเสิร์ฟก็พาเธอเข้าไปในห้องดังกล่าวทันที ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว รุ่ยลาก็อุทาน! “แม่! ที่นี่สวยมากเลยค่ะ!” ห้องรับรองส่วนตัวนี้ตกแต่งอย่างพิถีพิถันในธีมวันเด็ก ลูกโป่ง โคมไฟ ดอกไม้ และกล่องของขวัญที่กองอยู่บนพื้นนั้นทำให้ตื่นตาตื่นใจและดึงดูดสายตา “แม่คะ กล่องของขวัญพวกนี้มีอะไรอยู่ข้างในเหรอคะ?” รุ่ยลาหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาแล้วถาม ฉินอันอัน “นี่คือกล่องตกแต่ง ข้างในเป็นกล่องเปล่าจ๊ะ” พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วพูดว่า “คุณฉิน ทุกกล่องมีของขวัญอยู่ข้างใน คุณฟู่จัดเตรียมไว้ให้ มันเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับคุณและลูก ๆ ของคุณครับ” ฉินอันอันตกตะลึง ริมฝีปากขยับ แต่กลับไม่รู้จะตอบอย่างไร “คุณฉิน คุณฟู่บอกว่าถ้าคุณมาถึงก่อน สามารถเสริ์ฟอาหารก่อนได
ฟู่สือถิงไม่ได้มาตามนัดเพราะเขาอยู่กับเสิ่นอวี๋ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉินอันอันอึดอัดที่สุด สิ่งที่อึดอัดที่สุดคือ เธอจำได้ว่าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋ก็เคยมีลูกด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น เสิ่นอวี๋ยังหาว่าลูกของพวกเขาถูกเธอฆ่า! และฟูสือถิง... ก็เชื่อแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตั้งท้องลูกคนนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเธอฉายแววขมขื่น เธอวางสายโทรศัพท์ แรงในร่างกายของเธอหมดลง เธอรีบจับโต๊ะไว้ เด็กทั้งสองเห็นว่าเธอผิดปกติจึงกระโดดลงจากเก้าอี้ทานอาหารทันที “แม่! เป็นอะไรไปคะ?!” รุ่ยลาพูดพลางมีหยดน้ำตาใสไหลออกมา “แม่ เขาไม่มาแล้วใช่ไหมครับ?” เสี่ยวหานเดา “แม่ไม่ต้องร้องไห้ เรากลับบ้านกันเถอะ!” ฉินอันอันกลั้นน้ำตาลงท้องและพูดอย่างรู้สึกผิด “ลูกสองคนหิวแล้วใช่ไหม? แม่จะพาไปกินข้าวข้างนอกนะ” เด็กทั้งสองส่ายหน้า “แม่ หนูไม่หิวค่ะ! หนูแค่โกรธ...” ดวงตาของรุ่ยลาแดงก่ำ ความคับข้องใจของเธอไม่สามารถระงับได้ วันนี้เธอสวมชุดที่สวยที่สุดของตัวเองเป็นพิเศษและยังเอาของขวัญมาให้อิ๋นอิ๋นด้วย เห็นได้จากตรงนี้ว่าเธอให้ความสำคัญกับมื้อเย็นวันนี้มากแค่ไหน แต่พวกเขากลับผิดนัด! ฟู
เมื่อฉินอันออันวางสายโทรศัพท์ เขาก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น “ลงจากรถ!” เขาหยุดรถแล้วตะโกนเสียงดัง! อิ๋นอิ๋นหดคอด้วยความหวาดกลัว ที่เบาะหลัง ดวงตาของเสิ่นอวี๋เต็มไปด้วยน้ำตา เธอรู้ว่าฟู่สือถิงพูดกับเธอ แต่รถยังขับไปไม่ถึงเมืองและเธอเองก็ไม่อยากลงตรงนี้ “เสิ่นอวี๋ อย่าบังคับให้ผมต้องลงมือ!” ดวงตาสีเข้มของฟู่สือถิงมองดูเธออย่างดุเดือด เสิ่นอวี๋สีหน้าตกใจมากพลันเปิดประตูและลงจากรถทันที! หลังจากที่เธอลงจากรถแล้ว รถก็รีบวิ่งออกไปด้วยเสียงคำรามราวกับลูกศรคมแล้วหายไปในคืนสลัว …… ยี่สิบนาทีต่อมา ฟู่สือถิงก็มาถึงร้านอาหารที่จองไว้ หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว ผู้จัดการก็ชี้ไปที่กล่องของขวัญที่วางอยู่บนพื้น “พวกเขาเปิดกล่องของขวัญทั้งหมดแล้วครับ แต่พวกเขาไม่ได้เอาของขวัญออกไปเลยสักชิ้น” ฟู่สือถิงมองไปที่กล่องของขวัญที่เปิดอยู่ ดวงตาของเขาแดงก่ำและเหมือนมีก้อนในลำคอ “พวกเขากินผลไม้และของว่าง” ผู้จัดการกล่าวต่อ “จริง ๆ แล้วคุณแค่มาสายนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เห็นเป็นไรเลย… และพนักงานเสิร์ฟก็แจ้งหลายครั้งแล้วว่าอาหารสามารถเสิร์ฟอาหารก่อนได้เลย...” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วและยกมือขึ้นปร
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง