แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับเสิ่นอวี๋ แต่เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ แต่เขาก็มีข่าวเรื่องความรักน้อยกว่าใคร ...... เวลาหกโมงเย็น ฉินอันอันพาลูกสองคนของเธอไปยังร้านอาหารที่ฟู่สือถิงส่งชื่อให้เมื่อคืนนี้ ฟู่สือถิงจองห้องรับรองส่วนตัวเอาไว้ หลังจากที่เธอแจ้งหมายเลขห้องรับรองส่วนตัวกับแผนกต้อนรับ พนักงานเสิร์ฟก็พาเธอเข้าไปในห้องดังกล่าวทันที ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว รุ่ยลาก็อุทาน! “แม่! ที่นี่สวยมากเลยค่ะ!” ห้องรับรองส่วนตัวนี้ตกแต่งอย่างพิถีพิถันในธีมวันเด็ก ลูกโป่ง โคมไฟ ดอกไม้ และกล่องของขวัญที่กองอยู่บนพื้นนั้นทำให้ตื่นตาตื่นใจและดึงดูดสายตา “แม่คะ กล่องของขวัญพวกนี้มีอะไรอยู่ข้างในเหรอคะ?” รุ่ยลาหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาแล้วถาม ฉินอันอัน “นี่คือกล่องตกแต่ง ข้างในเป็นกล่องเปล่าจ๊ะ” พนักงานเสิร์ฟยิ้มแล้วพูดว่า “คุณฉิน ทุกกล่องมีของขวัญอยู่ข้างใน คุณฟู่จัดเตรียมไว้ให้ มันเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับคุณและลูก ๆ ของคุณครับ” ฉินอันอันตกตะลึง ริมฝีปากขยับ แต่กลับไม่รู้จะตอบอย่างไร “คุณฉิน คุณฟู่บอกว่าถ้าคุณมาถึงก่อน สามารถเสริ์ฟอาหารก่อนได
ฟู่สือถิงไม่ได้มาตามนัดเพราะเขาอยู่กับเสิ่นอวี๋ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉินอันอันอึดอัดที่สุด สิ่งที่อึดอัดที่สุดคือ เธอจำได้ว่าฟู่สือถิงและเสิ่นอวี๋ก็เคยมีลูกด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น เสิ่นอวี๋ยังหาว่าลูกของพวกเขาถูกเธอฆ่า! และฟูสือถิง... ก็เชื่อแบบนั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตั้งท้องลูกคนนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเธอฉายแววขมขื่น เธอวางสายโทรศัพท์ แรงในร่างกายของเธอหมดลง เธอรีบจับโต๊ะไว้ เด็กทั้งสองเห็นว่าเธอผิดปกติจึงกระโดดลงจากเก้าอี้ทานอาหารทันที “แม่! เป็นอะไรไปคะ?!” รุ่ยลาพูดพลางมีหยดน้ำตาใสไหลออกมา “แม่ เขาไม่มาแล้วใช่ไหมครับ?” เสี่ยวหานเดา “แม่ไม่ต้องร้องไห้ เรากลับบ้านกันเถอะ!” ฉินอันอันกลั้นน้ำตาลงท้องและพูดอย่างรู้สึกผิด “ลูกสองคนหิวแล้วใช่ไหม? แม่จะพาไปกินข้าวข้างนอกนะ” เด็กทั้งสองส่ายหน้า “แม่ หนูไม่หิวค่ะ! หนูแค่โกรธ...” ดวงตาของรุ่ยลาแดงก่ำ ความคับข้องใจของเธอไม่สามารถระงับได้ วันนี้เธอสวมชุดที่สวยที่สุดของตัวเองเป็นพิเศษและยังเอาของขวัญมาให้อิ๋นอิ๋นด้วย เห็นได้จากตรงนี้ว่าเธอให้ความสำคัญกับมื้อเย็นวันนี้มากแค่ไหน แต่พวกเขากลับผิดนัด! ฟู
เมื่อฉินอันออันวางสายโทรศัพท์ เขาก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น “ลงจากรถ!” เขาหยุดรถแล้วตะโกนเสียงดัง! อิ๋นอิ๋นหดคอด้วยความหวาดกลัว ที่เบาะหลัง ดวงตาของเสิ่นอวี๋เต็มไปด้วยน้ำตา เธอรู้ว่าฟู่สือถิงพูดกับเธอ แต่รถยังขับไปไม่ถึงเมืองและเธอเองก็ไม่อยากลงตรงนี้ “เสิ่นอวี๋ อย่าบังคับให้ผมต้องลงมือ!” ดวงตาสีเข้มของฟู่สือถิงมองดูเธออย่างดุเดือด เสิ่นอวี๋สีหน้าตกใจมากพลันเปิดประตูและลงจากรถทันที! หลังจากที่เธอลงจากรถแล้ว รถก็รีบวิ่งออกไปด้วยเสียงคำรามราวกับลูกศรคมแล้วหายไปในคืนสลัว …… ยี่สิบนาทีต่อมา ฟู่สือถิงก็มาถึงร้านอาหารที่จองไว้ หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว ผู้จัดการก็ชี้ไปที่กล่องของขวัญที่วางอยู่บนพื้น “พวกเขาเปิดกล่องของขวัญทั้งหมดแล้วครับ แต่พวกเขาไม่ได้เอาของขวัญออกไปเลยสักชิ้น” ฟู่สือถิงมองไปที่กล่องของขวัญที่เปิดอยู่ ดวงตาของเขาแดงก่ำและเหมือนมีก้อนในลำคอ “พวกเขากินผลไม้และของว่าง” ผู้จัดการกล่าวต่อ “จริง ๆ แล้วคุณแค่มาสายนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เห็นเป็นไรเลย… และพนักงานเสิร์ฟก็แจ้งหลายครั้งแล้วว่าอาหารสามารถเสิร์ฟอาหารก่อนได้เลย...” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วและยกมือขึ้นปร
ที่ห้องนั่งเล่น รุ่ยลาเข้าไปกอดไมค์และทำท่าทางน้อยใจ “ฟู่สือถิงไม่มา เรารอเขาตั้งนาน... แม่โทรไปหาเขาถึงได้รู้ว่าเขาไม่มาแล้ว… แม่ก็เลยพาเราไปกินข้าวที่อื่นค่ะ” ไมค์กอดรุ่ยลาแน่นแล้วตบหลังเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ “อย่าโกรธเลยนะที่รัก มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด! ต่อไปเราจะไม่ไปกินข้าวกับเขาอีก” รุ่ยลาน้ำตาไหลจากหางตาของเธอ “ค่ะ! หนูจะไม่กินข้าวกับเขาอีก! และหนูก็จะไม่ปล่อยให้แม่ไปกินข้าวกับเขาด้วย!” “เอาล่ะที่รัก หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถ้าแม่มาเห็นเธอจะใจสลายเอา” ในขณะที่เกลี้ยกล่อม ไมค์ก็ดุด่าฟู่สือถิงในใจแปดร้อยครั้ง! ‘วันนี้เป็นวันเด็ก ลูก ๆ ของคนอื่นต่างมีความสุข แต่ลูกรักตัวน้อยทั้งสองกลับเสียใจอยู่ที่บ้าน’ ‘ไอ้สารเลวคนนี้!’ เขาคิดแค่ว่าเขาพลาดนัด แต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำร้ายจิตใจเด็กสองคนไปแล้ว ไมค์ต้องการพาพวกเขาทั้งคู่ออกไปเที่ยวและพักผ่อนนอกบ้าน แต่เด็กทั้งสองกลับส่ายหน้าปฎิเสธ หลังจากเล่นกับพวกเขาได้สักพัก ไมค์ก็พาพวกเขาไปอาบน้ำ ปกติรุ่ยลามักจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะเข้านอน แต่หลังจากอาบน้ำคืนนี้ เธอก็ปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยตัวเองและห่มผ้าเอง ไมค์ปิดไฟให้พวกเขาแล้วออกมาจ
เมื่อฟู่สือถิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หันหลังกลับไปทันที เมื่อเห็นรถของเขาขับออกไป ไมค์ก็ถอนหายใจอย่างแรง! เช้าวันรุ่งขึ้น อิ๋นอิ๋นมา ป้าหงษ์ก็มาด้วย เด็กทั้งสองกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ เมื่อเห็นอิ๋นอิ๋นเดินเข้ามา สายตาก็ขยับไปมอง แต่กลับไม่พูดอะไรและไม่ได้ออกจากห้องอาหาร ไมค์ยิ้มให้อิ๋นอิ๋น “ทำไมเธอถึงมาแต่เช้าเลยล่ะ?” ‘นึกว่าคนที่มาเป็นฟู่สือถิงเสียอีก!’ “ฉันมาขอโทษอันอัน รุ่ยลา แล้วก็เสี่ยวหาน” เสียงของอิ๋นอิ๋นชัดเจนและทรงพลัง “เมื่อคืนนี้ฉันกับพี่มาสาย มันเป็นความผิดของเราสองคนเองค่ะ” “อิ๋นอิ๋น พวกเขาไม่ต้องการคำขอโทษของเธอ คนที่ควรจะขอโทษคือฟู่สือถิงต่างหาก” ไมค์เดินมาจากห้องอาหารพร้อมกับนมอุ่นหนึ่งแก้ว “เดี๋ยวพี่ชายของฉันจะตามมาขอโทษ” อิ๋นอิ๋นหน้าแดงเล็กน้อย “ฉันรอไม่ไหว ฉันถึงมาก่อน” ไมค์หัวเราะเสียงดัง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษหรือรู้สึกผิดหรอก” อิ๋นอิ๋นไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด “เมื่อวานพี่ชายพาฉันไปหาหมอคนใหม่ หมอคนนั้นอยู่ไกล ขับรถไปที่นั่นนานมากกว่าจะถึง... ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พี่คงไม่ไปสาย” เมื่อได้ยินดังนั้น รุ่ยลาก็เด
ที่ประตูคฤหาสน์ อิ๋นอิ๋นและรุ่ยลาเดินออกจากห้องนั่งเล่น ฟู่สือถิงเหลือบมองร่างของพวกเธอและเดินไปหาทันที “อิ๋นอิ๋น รุ่ยลาจะไปโรงเรียนแล้ว พี่จะพาเธอกลับบ้านก่อน” เขาเดินไปหาอิ๋นอิ๋นแล้วพูด อิ๋นอิ๋นพยักหน้าและกระซิบ “พี่คะ ฉันขอโทษรุ่ยลาแล้ว พี่ก็ต้องขอโทษรุ่ยลาด้วย” รุ่ยลาเลิกคิ้ว แต่ปากเล็ก ๆ ของเธอกลับเม้ม ฟู่สือถิงคุกเข่าลงมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ของรุ่ยลาที่ดูเหมือนฉินอันอันแล้วพูดเบา ๆ “รุ่ยลา ฉันขอโทษนะ เมื่อคืนฉันไม่ใช่แค่มาสายเท่านั้น ฉันยังทำให้เธอเสียใจอีกด้วย ฉันอยากจะอธิบายเหตุผลกับแม่ของเธอนะ” เมื่อพูดถึงจุดนี้เขาก็ถามว่า “เธอรู้ไหมว่าแม่ของเธอไปไหน?” เมื่อสักครู่นี้เขาถามบอดี้การ์ดของฉินอันอันแล้ว แต่บอดี้การ์ดปากแข็งไม่ยอมบอกอะไรเลย รุ่ยลามองไปที่ใบหน้าของฟู่สือถิงอย่างใกล้ชิด ความตึงเครียดในใจของเธอก็หายไปทีละน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นคนห่วยแตก แต่เขาก็หล่อมากจริง ๆ “แน่นอน หนูรู้ว่าแม่ของหนูอยู่ไหน” รุ่ยลามองเขาด้วยสีหน้ามั่นใจพลางชี้คางไปที่เขา “แต่หนูต้องไปโรงเรียนแล้ว หนูคุยกับคุณไม่ได้แล้ว ฉันจะไปโรงเรียนสายเหมือนที่คุณมาสายไม่ได้!” รุ่ยลาเล่นสำนวน ความล
ไมค์กลั้นหัวเราะ “ตกลง!” “อืม” “ลูกค้าของเราในครั้งนี้คือกองกำลังป้องกันชายแดน ส่วนสถานที่ที่ฉินอันอันพักนั้นอยู่ในค่ายป้องกันชายแดน” เสียงหัวเราะของไมค์เริ่มดังขึ้น “ผมบอกคุณไปแล้วว่าคุณไปไม่ได้หรอก ไม่มีใครให้คุณเข้าไปในค่ายแน่” ฟู่สือถิงกัดฟันและวางสายโทรศัพท์ เมืองซีอยู่บนพรมแดนของมาตุภูมิ ใช้เวลาบินไปที่นั่นเกือบสี่ชั่วโมง ไม่รู้ว่าเที่ยวบินของฉินอันอันในตอนเช้ากี่โมง เครื่องบินที่เธอนั่งไปน่าจะยังไม่ลงจอด ถึงจะลงจอดแล้วก็น่าจะเพิ่งถึง เพราะสถานที่ที่เธอไปนั้นพิเศษและปราศจากอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลมากนัก เขาสามารถรอจนกว่าเธอกลับมาจากการทริปธุรกิจแล้วจึงอธิบายให้เธอฟังได้ หากเขาตามเธอไปที่เมืองซี และส่งผลกระทบต่องานของเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธมากกว่านี้หรือไม่ หลังจากส่งอิ๋นอิ๋นกลับบ้านแล้ว เขาก็ไปที่บริษัท ไม่นานหลังจากมาถึงบริษัท เลขาก็มาแจ้งว่า “คุณฟู่ คุณเสิ่นอวี๋อยู่ที่ชั้นล่าง เธอบอกว่าต้องการขอโทษคุณครับ” ฟู่สือถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่ได้คิดอะไร “ใส่ชื่อเธอไว้ในบัญชีดำและอย่าปล่อยให้เธอก้าวเข้ามาในบริษัทอีก!” เลขาตอบ “รับทราบครับคุณฟู่!” ห
ที่เมืองซี เวลาบ่ายสอง รถกันกระสุนขับเข้าไปในกองกำลังป้องกันชายแดนช้า ๆ ฉินอันอันนั่งอยู่ในรถและมองดูทิวทัศน์ภายนอกรถด้วยความสงสัย ที่นี่ไม่มีอาคารสูงตระหง่านและห่างไกลจากความวุ่นวายในเมือง สิ่งที่ที่นี่มีคือทิวทัศน์ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และทหารที่ปกป้องบ้านเมืองและประเทศ “คุณฉิน เราอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง และสภาพแวดล้อมค่อนข้างลำบาก ในช่วงสองวันนี้ลำบากคุณแล้ว” หัวหน้าเฉินแผนกโลจิสติกส์กล่าว ฉินอันอัน “ไม่ลำบากเลยค่ะ เป็นเกียรติของเรามากกว่าที่คุณเลือกผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรา” หัวหน้าเฉินยิ้มและกล่าวว่า “เราเปรียบเทียบโดรนที่ผลิตในหลายบริษัท และสุดท้ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทของคุณก็คุณภาพดีที่สุด รองหัวหน้าหลิวของเราจึงตัดสินใจสั่งโดรนของคุณโดยตรงครับ!” ฉินอันอันพูดอย่างประหม่า “การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดคือเป้าหมายของเรามาโดยตลอดค่ะ” “อ้อ คุณฉิน คุณเคยพูดทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ว่าคุณสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่างตามความต้องการของเราได้… สินค้าจะถูกจัดส่งได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ครับ?” ฉินอันอันกล่าว “ฉันต้องดูก่อนว่าคุณต้องการเพิ่มฟังก์ชั่นอะไรบ้าง จากนั้นจึงสื่อสารกับหัวหน้า
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง