‘ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงสิบนาทีเท่านั้น!’ ‘หรือเขาไม่ได้มาโดยเครื่องบิน แต่มาด้วยจรวด?’ ขณะที่เธอคิดอย่างบ้าคลั่งและกระสับกระส่าย ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตู “คุณฉิน ผมเอาผลไม้มาให้คุณครับ” ฉินอันอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเดินไปเปิดประตูทันที “คุณฉิน ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ หัวหน้าของเรากำชับว่าต้องดูแลคุณเป็นพิเศษ” ทหารถือถุงผลไม้ในมือซ้ายและถุงขนมในมือขวาแล้วยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ในขณะที่ฉินอันอันซาบซึ้งใจ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้ชายก็ชอบซุบซิบเหมือนกัน! เธอคาดว่าข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอจะกระจายไปทั่วทั้งค่าย “คุณฉิน ถ้าคุณต้องการอะไรก็บอกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้คุณพอใจ” ทหารวางของและเตรียมออกไป “ขอบคุณค่ะ! ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว ขอบคุณที่อุตส่าห์เดินมาหานะคะ!" ฉินอันอันส่งเขา หลังจากที่ส่งเขาแล้ว เธอก็ปิดประตู กลับมาที่โต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดเครื่อง สถานที่นี้ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ฟู่สือถิงอาจจะเข้ามาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงโกรธเขา แต่เธอเริ่มกังวลแล้ว เขาไม่ใช่คนที่อารมณ์ปกตินัก ถ้
เขตทุ่นระเบิด ตามชื่อคือมีทุ่นระเบิดฝังอยู่ใต้ดิน หากเผลอไปเหยียบ จะถูกระเบิดเสียชีวิตได้ ดังนั้นคำถามของหัวหน้าเฉินนอกเหนือจาก 'คุณกล้าเข้าไปหาเธอหรือไม่' ยังสามารถแปลได้ว่า ‘คุณกล้าที่จะตายเพื่อเธอหรือไม่?’ ฟู่สือถิงมองลึกเข้าไปในป่าด้วยดวงตาเคร่งขรึมของเขา หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ก้าวเข้าไปยังเขตพื้นที่ป่า ...... ฉินอันอันอยู่ในบ้านของหัวหน้าเฉินราวกับนั่งอยู่บนเข็ม หัวหน้าเฉินกล่าวว่าเขาจะช่วยเธอทดสอบฟู่สือถิง ‘ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้ทดสอบอีกเหรอ?’ ‘แถมยังไม่รู้ว่าหัวหน้าเฉินวางแผนจะทดสอบยังไง’ ‘ฟู่สือถิงอารมณ์แปรปรวน พวกเขาคงไม่ทะเลาะกันหรอกนะ?’ เมื่อเห็นว่าคิ้วของเธอขมวด นางเฉินก็ปลอบเธอ “คุณฉิน ไม่ต้องกังวลนะคะ สามีของฉันทดสอบแต่พอดี เดี๋ยวก็พาเขามาแน่นอนค่ะ” ฉินอันอันพยักหน้า “ที่นี่ดูเหมือนว่าจะมืดเร็วกว่าปกตินะคะ” “อืม อากาศที่นี่แตกต่างจากในเมืองเอจริง ๆ” เมื่อนางเฉินพูดแบบนี้ เธอก็เปลี่ยนเรื่อง “เด็กในท้องของคุณเป็นลูกของเขาใช่ไหมคะ?” ฉินอันอันสะดุ้ง “ฮ่าฮ่า! คุณเป็นห่วงเขาขนาดนี้ มองแวบเดียวก็รู้แล้วค่ะ” นางเฉินจับมือเธอแล้วพูดว่
จู่ ๆ ก็มีแสงส่องมาจากระยะไกล ทันทีที่เธอเห็นที่มาของแสง หัวใจที่ตึงเครียดของเธอก็ผ่อนคลายลง “ฉินอันอัน!” เขาตะโกนชื่อของเธอดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของเขา น้ำตาแทบจะไหล ดวงตาของเธอร้อนผ่าว “ฉินอันอัน อย่าขยับ! ที่นี่คือเขตวางทุ่นระเบิด!” ฟู่สือถิงเห็นแสงส่องมาจากฝั่งเธอ จึงมั่นใจว่าเป็นเธอจริง ๆ เขาจึงกล่าวเตือนอย่างเข้มงวด ฉินอันอันน้ำตาไหลลงมาทันที ‘ถ้าที่นี่เป็นเขตวางทุ่นระเบิดจริง ๆ หัวหน้าเฉินจะยอมให้เขาเข้ามาเสี่ยงเหรอ?’ ‘วันนี้เขาไม่ได้เอาสมองออกมาด้วยรึไง?’ ‘อีกอย่าง ถ้าสถานที่แห่งนี้เป็นเขตทุ่นระเบิดจริง ๆ เธอคงไม่มีทางเข้ามาได้!’ ในความทรงจำของเธอ เขาเป็นหนึ่งในผู้ชายที่ฉลาดที่สุด แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงกลายเป็นคนโง่ล่ะ? “ที่นี่ไม่ใช่เขตทุ่นระเบิดเสียหน่อย!” เธอสะอื้น “คุณมานี่เร็วเข้า!” หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็รีบวิ่งไปหาเธอทันที ดวงตาของเธอพร่ามัวไปด้วยน้ำตา รู้สึกได้เพียงกลุ่มแสงในระยะไกลเคลื่อนเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงลมหายใจอันร้อนแรงของเขา เธอยกมือขึ้นแล้วรีบเช็ดน้ำตา สักพักเขาก็มาหาเธอ “ฉินอันอัน พวกเขาบอกว
เขาเห็นเธอเสียใจ จึงจับมือเธอแน่นด้วยฝ่ามือใหญ่ของเขาแล้ววางลงบนตำแหน่งหัวใจของเขา “ฉินอันอัน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” เขามองเข้าไปในดวงตาของเธอและอธิบายทีละคำ “ผมเพียงแต่ตกลงที่จะไปส่งเธอเพราะเธอเคยรักษาอิ๋นอิ๋น” ‘เสิ่นอวี๋เคยรักษาอิ๋นอิ๋น?’ เธอได้ยินเสียงหัวเราะเหน็บแนมอยู่ข้างใน ‘ในสายตาของเขา เสิ่นอวี๋คือคนที่ช่วยชีวิตอิ๋นอิ๋น’ ‘ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมเสียเงินสองพันล้านให้เสิ่นอวี๋หรอก’ เธอปล่อยมือเล็ก ๆ ของเธอออกจากฝ่ามือใหญ่ของเขา “ในเมื่อเสิ่นอวี๋สามารถรักษาอิ๋นอิ๋นได้ แล้วทำไมคุณถึงเลิกกับเธอล่ะ?” เธอล้อเลียนอย่างเย็นชา “เพราะคุณไง” เขาพูดสามคำนี้แทบไม่ต้องคิด หัวใจของฉินอันอันเต้นรัวราวกับว่าโดนอะไรสักอย่างชน เธอสับสนทันที เขาเลิกกับเสิ่นอวี๋เพราะเธองั้นเหรอ? “แม้ว่าอิ๋นอิ๋นจะยังไม่กลับมาเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ แต่ผมก็พอใจกับสภาพปัจจุบันของเธอมาก” เขาแสดงให้เธอเห็นความในใจของตัวเอง “ผมไม่สามารถบังคับตัวเองให้อยู่กับเสิ่นอวี๋ต่อไปได้ และก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้เลิกสนใจคุณได้เหมือนกัน” เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา เธอไม่ได้โล่งใจ กลับรู้สึกเหนื่อยแทน “คืนน
“เจอแล้ว” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวหานกับรุ่ยลาล่ะ?” ไมค์สีหน้าเศร้าพลันถอนหายใจ “เกรงว่าคืนนี้พวกเขาจะวิดีโอแชทกับเธอไม่ได้ วันนี้เสี่ยวหานร้องไห้หนักมาก” ฟู่สือถิงที่อยู่ในห้องน้ำได้ยินคำพูดของไมค์ชัดเจน ‘เสี่ยวหานร้องไห้ทำไม?’ ฟู่สือถิงเดินออกจากห้องน้ำและมองฉินอันอันด้วยดวงตาสีเข้ม ตอนนี้ฉินอันอันไม่มีเวลามาสนใจเขาแล้ว เธอแปลกใจมากกว่าเขา เสี่ยวหานเป็นเด็กที่ชอบแสดงอารมณ์โกรธตลอด และไม่เหมือนเด็ก “เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เขาโดนรังแกที่โรงเรียนหรือเปล่า? นายไปเจอครูของเขาหรือยัง?” เธอพูดอย่างรวดเร็ว เธออยากกลับบ้านไปปลอบลูกชายตอนนี้เลย “วันนี้ชั้นเรียนของพวกเขามีสอบ และมีคนได้คะแนนสูงกว่าเขา เขาโดนเยาะเย้ย” ไมค์ยักไหล่ “เขาคงไม่สามารถยอมรับได้ว่ามีคนฉลาดกว่าเขาไปสักระยะ” ฉินอันอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เสี่ยวหานอาศัยอยู่ในโลกของตัวเองมาโดยตลอด และในโลกของเขา เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด “เขาอายุน้อยที่สุดในชั้นเรียน เป็นที่เข้าใจได้ว่าเขาไม่มีความสามารถเท่ากับคนอื่น ๆ แต่เขาไม่ฟัง ยิ่งโน้มน้าว เขา
ฟู่สือถิงล้างเท้าให้เธออย่างไม่รีบร้อนและเช็ดด้วยกระดาษชำระ แก้มของเธอแดง เธอพยายามดึงเท้ากลับหลายครั้ง แต่เขารั้งไว้ อาการจั๊กจี้ที่เกิดจากการรถูกนิ้วของเขาสัมผัสผิวหนังเท้าของเธอลุกลามไปถึงหัวใจ “คุณคิดว่าเที่ยวบินพรุ่งนี้จะถูกยกเลิกหรือเปล่า?” ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ “คุณอย่าพูดเป็นลางสิ!” ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านแล้วเขาหยิบกะละมังเข้าไปเติมน้ำในห้องน้ำ พอกลับมาเขาก็เห็นว่าใบหน้าของเธอหม่นหมอง“เที่ยวบินถูกยกเลิกเหรอ?” เขาเดา “อืม” เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “มีผลไม้กับขนมอยู่ในถุง คุณไปกินเถอะ!” แม้ว่าเขาจะหิวแต่เห็นเธอเป็นแบบนี้เขาก็กินไม่ลง เธอถือกาต้มน้ำออกมาและวางแผนจะต้มน้ำ เขาหยิบกาต้มน้ำจากมือของเธอแล้วพูดว่า “คุณไปนอนพักผ่อนเถอะ” เธอเดินไปที่เตียงและนั่งลงด้วยความสิ้นหวัง ตอนนี้สมองของเธอเต็มไปด้วยเรื่องของเสี่ยวหาน ตั้งแต่เสี่ยวหานเกิดจนถึงปัจจุบัน เว้นแต่การร้องไห้เป็นครั้งคราวเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะอายุได้หนึ่งขวบ หลังจากที่เขาอายุได้หนึ่งขวบ เขาก็ไม่ค่อยร้องไห้อีกเลย เธอนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวหานจะร้องไห้ เสี่ยวหานยิน
เนื่องจากหัวข้อนี้ค่อนข้างหนักอึ้ง เธอแยกแยะอย่างยากลำบากไปชั่วขณะ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง “คุณช่วยล้างแอปเปิลให้ฉันทีค่ะ ขอบคุณค่ะ” เขารีบไปล้างแอปเปิลให้เธอทันทีแล้วส่งให้เธอ“คุณเองก็หาอะไรทานสักหน่อย” เธอหยิบแอปเปิลพร้อมกับลุกขึ้นนั่งแล้วพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “อืม” ภายนอกลมแรงและมีพายุฝน ภายในห้องกลับเงียบสงบ หลังจากฉินอันอันกินแอปเปิลเสร็จแล้ว เธอก็นอนลงบนเตียง ลังเลว่าจะให้เขานอนบนเตียงดีหรือเปล่า ตอนนี้ฝนตก อุณหภูมิลดลงมากและที่นี่ก็ไม่มีเครื่องความร้อน ถ้าปล่อยให้เขานอนบนโต๊ะ เขาต้องเป็นหวัดแน่นอน แต่ให้เธอเรียกเขามานอนบนเตียง เธอก็พูดไม่ออก สักพักเขาอาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องน้ำ ถามเธอว่าจะปิดไฟหรือเปล่า เธอหลับตาแล้วส่งเสียงตอบรับ เขาจึงยกมือขึ้นปิดไฟ ทันใดนั้น ห้องก็ตกอยู่ในความมืด เธอรอให้เขาเดินเข้ามา ทว่า…เขากลับนั่งลงอยู่ข้างโต๊ะ ดูท่า ค่ำคืนนี้เขาตั้งใจนอนบนโต๊ะจริง ๆ “ก่อนหน้านี้คุณก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกฉันเลยไม่ใช่เหรอไง? เสแสร้งเป็นสุภาพบุรุษอะไรตอนนี้!” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธที่สามารถควบคุมได้ “คุณอยากจะแข็งตายหรือไง?!” เขาคิด
“ใช่! ยังไงเธอต้องพิจารณาเขาต่อไปจนกว่าเด็กจะเกิด” ทันใดนั้นไมค์ก็เบิกบาน “ฉันล่ะสงสัยว่าความเป็นผู้ชายแสนดีของเขาจะอยู่ได้นานขนาดนั้นเชียว” ฉินอันอันมองเขาที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นแล้วเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เขาจะมาทำอาหารที่บ้านของพวกเรา” “เอ๋?” ไมค์สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป “เขาทำอาหารได้งั้นเหรอ? เธอแน่ใจเหรอว่าเขามาทำอาหารไม่ไช่วางยาพิษ?” ฉินอันอันไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะว่านี่คือเรื่องที่ฟู่สือถิงร้องขออย่างจริงจังเขาทำให้มื้อเย็นในวันที่หนึ่งมิถุนายนต้องพังลง เขาอยากชดเชย เขาคิดว่าการทำอาหารเย็นด้วยตนเองถึงจะสามารถแสดงถึงคำขอโทษของเขาได้ หลังจากที่รถมาถึงบ้าน รุ่ยลากอดเธออย่างมีความสุข เพื่อเป็นการฉลองการกลับมาของเธอในวันนี้ รุ่ยลาจึงหยุดเรียนเป็นการเฉพาะ“ลูกรัก แม่คิดถึงหนูมากเลย!” ฉินอันอันอุ้มรุ่ยลาขึ้นโดยไม่สนใจว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ “ฉินอันอันระวังหน่อย!” ไมค์เตือนเธอ “เธอลืมว่าเป็นช่วงที่ต้องป้องกันการแท้งบุตรไปแล้วเหรอ?” ฉินอันอันวางลูกสาวลงทันที “รุ่ยลา หนูคิดถึงแม่หรือเปล่า?” “คิดถึงค่ะ! หนูคิดถึงแม่มากทุกวันเลย” รุ่ยลาพูดพร้อมกับเม้มปากเล็ก ๆ ของเ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง