ฟู่สือถิงล้างเท้าให้เธออย่างไม่รีบร้อนและเช็ดด้วยกระดาษชำระ แก้มของเธอแดง เธอพยายามดึงเท้ากลับหลายครั้ง แต่เขารั้งไว้ อาการจั๊กจี้ที่เกิดจากการรถูกนิ้วของเขาสัมผัสผิวหนังเท้าของเธอลุกลามไปถึงหัวใจ “คุณคิดว่าเที่ยวบินพรุ่งนี้จะถูกยกเลิกหรือเปล่า?” ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ “คุณอย่าพูดเป็นลางสิ!” ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านแล้วเขาหยิบกะละมังเข้าไปเติมน้ำในห้องน้ำ พอกลับมาเขาก็เห็นว่าใบหน้าของเธอหม่นหมอง“เที่ยวบินถูกยกเลิกเหรอ?” เขาเดา “อืม” เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “มีผลไม้กับขนมอยู่ในถุง คุณไปกินเถอะ!” แม้ว่าเขาจะหิวแต่เห็นเธอเป็นแบบนี้เขาก็กินไม่ลง เธอถือกาต้มน้ำออกมาและวางแผนจะต้มน้ำ เขาหยิบกาต้มน้ำจากมือของเธอแล้วพูดว่า “คุณไปนอนพักผ่อนเถอะ” เธอเดินไปที่เตียงและนั่งลงด้วยความสิ้นหวัง ตอนนี้สมองของเธอเต็มไปด้วยเรื่องของเสี่ยวหาน ตั้งแต่เสี่ยวหานเกิดจนถึงปัจจุบัน เว้นแต่การร้องไห้เป็นครั้งคราวเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะอายุได้หนึ่งขวบ หลังจากที่เขาอายุได้หนึ่งขวบ เขาก็ไม่ค่อยร้องไห้อีกเลย เธอนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวหานจะร้องไห้ เสี่ยวหานยิน
เนื่องจากหัวข้อนี้ค่อนข้างหนักอึ้ง เธอแยกแยะอย่างยากลำบากไปชั่วขณะ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง “คุณช่วยล้างแอปเปิลให้ฉันทีค่ะ ขอบคุณค่ะ” เขารีบไปล้างแอปเปิลให้เธอทันทีแล้วส่งให้เธอ“คุณเองก็หาอะไรทานสักหน่อย” เธอหยิบแอปเปิลพร้อมกับลุกขึ้นนั่งแล้วพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “อืม” ภายนอกลมแรงและมีพายุฝน ภายในห้องกลับเงียบสงบ หลังจากฉินอันอันกินแอปเปิลเสร็จแล้ว เธอก็นอนลงบนเตียง ลังเลว่าจะให้เขานอนบนเตียงดีหรือเปล่า ตอนนี้ฝนตก อุณหภูมิลดลงมากและที่นี่ก็ไม่มีเครื่องความร้อน ถ้าปล่อยให้เขานอนบนโต๊ะ เขาต้องเป็นหวัดแน่นอน แต่ให้เธอเรียกเขามานอนบนเตียง เธอก็พูดไม่ออก สักพักเขาอาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องน้ำ ถามเธอว่าจะปิดไฟหรือเปล่า เธอหลับตาแล้วส่งเสียงตอบรับ เขาจึงยกมือขึ้นปิดไฟ ทันใดนั้น ห้องก็ตกอยู่ในความมืด เธอรอให้เขาเดินเข้ามา ทว่า…เขากลับนั่งลงอยู่ข้างโต๊ะ ดูท่า ค่ำคืนนี้เขาตั้งใจนอนบนโต๊ะจริง ๆ “ก่อนหน้านี้คุณก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกฉันเลยไม่ใช่เหรอไง? เสแสร้งเป็นสุภาพบุรุษอะไรตอนนี้!” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธที่สามารถควบคุมได้ “คุณอยากจะแข็งตายหรือไง?!” เขาคิด
“ใช่! ยังไงเธอต้องพิจารณาเขาต่อไปจนกว่าเด็กจะเกิด” ทันใดนั้นไมค์ก็เบิกบาน “ฉันล่ะสงสัยว่าความเป็นผู้ชายแสนดีของเขาจะอยู่ได้นานขนาดนั้นเชียว” ฉินอันอันมองเขาที่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นแล้วเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เขาจะมาทำอาหารที่บ้านของพวกเรา” “เอ๋?” ไมค์สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป “เขาทำอาหารได้งั้นเหรอ? เธอแน่ใจเหรอว่าเขามาทำอาหารไม่ไช่วางยาพิษ?” ฉินอันอันไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะว่านี่คือเรื่องที่ฟู่สือถิงร้องขออย่างจริงจังเขาทำให้มื้อเย็นในวันที่หนึ่งมิถุนายนต้องพังลง เขาอยากชดเชย เขาคิดว่าการทำอาหารเย็นด้วยตนเองถึงจะสามารถแสดงถึงคำขอโทษของเขาได้ หลังจากที่รถมาถึงบ้าน รุ่ยลากอดเธออย่างมีความสุข เพื่อเป็นการฉลองการกลับมาของเธอในวันนี้ รุ่ยลาจึงหยุดเรียนเป็นการเฉพาะ“ลูกรัก แม่คิดถึงหนูมากเลย!” ฉินอันอันอุ้มรุ่ยลาขึ้นโดยไม่สนใจว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ “ฉินอันอันระวังหน่อย!” ไมค์เตือนเธอ “เธอลืมว่าเป็นช่วงที่ต้องป้องกันการแท้งบุตรไปแล้วเหรอ?” ฉินอันอันวางลูกสาวลงทันที “รุ่ยลา หนูคิดถึงแม่หรือเปล่า?” “คิดถึงค่ะ! หนูคิดถึงแม่มากทุกวันเลย” รุ่ยลาพูดพร้อมกับเม้มปากเล็ก ๆ ของเ
“ถ้าพวกลูกไม่ต้อนรับเขามาที่บ้านก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ไว้เดี๋ยวแม่จะโทรหาเขา ไม่ให้เขามาแล้วก็ได้จ้ะ” ฉินอันอันแก้คำพูดอย่างรวดเร็วเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของพวกเด็ก ๆ แล้วดูเหมือนจะไม่ต้อนรับให้เขามา “เขาอยากมาทำงานบ้านที่บ้านของเราเหรอคะ?” ทันใดนั้นรุ่ยลาก็รู้สึกตัวแล้วร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า”งั้นให้เขามาเลยค่ะ! ให้เขาทำงานบ้านเยอะ ๆ จนเหนื่อยตายไปเลย!” ฉินอันอันรู้ว่าลูกสาวปากไม่ตรงกับใจ ครั้งก่อนที่ฟู่สือถิงเป็นลมล้มลงตรงหน้าบ้าน รุ่ยลาร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ “พวกลูกอยากกินอะไรหรือเปล่า? คิดแล้วมาบอกแม่นะ แม่จะให้เขาทำให้พรุ่งนี้” ฉินอันอันพูดอย่างอ่อนโยน รุ่ยลาเป็นเด็กกินเก่ง เธอเริ่มคิดทันทีว่าพรุ่งนี้จะกินอะไรดีเสี่ยวหานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่ครับ แม่จะกลับไปคบกับเขาอีกเหรอครับ?” “ไม่จ้ะ” ฉินอันอันอธิบายอย่างอดทน “เขาอยากชดเชยความผิดพลาดในอดีต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับแม่ว่าเขารู้สึกผิด” ก่อนหน้านี้พวกเขาทะเลาะกันนับครั้งไม่ถ้วน เธอเคยหวาดกลัว แต่ไม่เคยยอมถอย เพราะว่าผิดก็คือผิด ไม่ว่าเธอจะรักเขามากแค่ไหน ก็ไม่อาจลบความผิดที่เขาทำไปได้! หลังจากได้ยินคำพูดของ
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอความเป็นพ่อลูกกับเสี่ยวหาน แต่รูปร่างหน้าตาและบุคลิกของเสี่ยวหานนั้นคล้ายคลึงกับเขามาก ดังนั้นเขาจึงสรุปได้ว่าเสี่ยวหานเป็นลูกชายของเขาอย่างแน่นอน และฉินอันอันเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่ารุ่ยลาคือลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ ผู้หญิงคนหนึ่งจะให้กำเนิดเด็กที่โตพอ ๆ กันพร้อมกันสองคนได้ยังไง? มีความเป็นไปได้อย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือเด็กสองคนนี้เกิดจากครรภ์เดียวกันเมื่อคืนเขาคิดมาถึงตรงนี้ก็ตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ เพราะว่า… เขาชอบรุ่ยลามาก ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้พบหน้าลูกทั้งสองคนของฉินอันอัน เขาก็ยิ่งชอบรุ่ยลามากขึ้น ไม่ว่ารุ่ยลาจะเกิดจากฉินอันอันกับใครก็ตาม เขาก็ไม่เคยเกลียดรุ่ยลาเลย อาจเป็นเพราะรุ่ยลาหน้าตาคล้ายกับฉินอันอันมาก อีกทั้งรุ่ยลายังมีบุคลิกที่น่าสนใจมาก ถึงแม้ว่าเธอจะดูน่ารัก แต่จากนิสัยของเธอนับว่าไม่ใช่คนหัวอ่อนเลย เธอเป็นคนแปลกและซุกซนเล็กน้อย เขาขาดรสชาติแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชอบมาก “แฝดคืออะไรเหรอคะ?” รุ่ยลากระพริบดวงตาโตที่ไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็นของเธอ ขนตากระพรือ “แม่ของหนูไม่เคยพูดเรื่องนี้กับหนูเลย! หมายความว่ายังไงเ
“คนเลวฟู่สือถิง…เขาจุ๊บหนูตรงนี้…” รุ่ยลาใช้มือเล็ก ๆ จิ้มแก้มอ้วน ๆ ของตัวเองแล้วอารมณ์ก็ค่อย ๆ สงบลง พ่อจอมวายร้ายจูบเธอ หมายความว่าเขาชอบเธองั้นเหรอ? แต่เธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้อภัยเขาเลยนะ! ฟู่สือถิงเดินมาหาฉินอันอันและขอโทษอย่างจริงใจ “ฉินอันอัน ขอโทษนะ ผมรู้สึกว่าลูกสาวของคุณน่ารักมาก เลยอดไม่ได้ที่จะจูบเธอ” นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคำขอโทษที่ ‘สมเหตุสมผล’ขนาดนี้ “ฉันรู้ว่าลูกสาวของฉันน่ารัก แต่ถ้าเกิดทุกคนคิดว่าเธอน่ารักเลยจูบเธอเหมือนคุณ ลูกสาวของฉันจะใช้ชีวิตอย่างปกติได้ยังไง?” ถึงแม้ว่าเธอจะตำหนิเขา แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกขัดแย้งเป็นอย่างมาก ฟู่สือถิงไม่ใช่คนที่ควบคุมความปรารถนาของตัวเองไม่ได้ เขาจูบรุ่ยลาแบบนี้เป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อกับลูกสาวหรือเปล่า? “รุ่ยลา ขอโทษนะ” เขาขอโทษรุ่ยลาอีกครั้ง “ลุงยอมให้หนูตีลุงคืนดีไหม?เขายื่นมือของตัวเองออกไปตรงหน้ารุ่ยลา รุ่ยลาคว้าฝ่ามือใหญ่ของเขาอย่างรวดเร็วและใส่เข้าไปในปากแล้วกัดลงไป! ฉินอันอันตกใจฟู่สือถิงถึงกับทำตัวไม่ถูกเจ้าตัวเล็กดูราวกับแมวป่าตัวน้อย! อย่ามองว่าเธอตัวเล็ก แรงของเธอไม
เธอพูดได้ค่อนข้างมีไหวพริบ แต่เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของเธอ ความหมายของเธอก็คือ ไม่ว่าเสี่ยวหานและรุ่ยลาจะเป็นฝาแฝดหรือไม่ และไม่ว่าเสี่ยวหานจะเป็นลูกชายหรือไม่ก็ตาม คุณอย่าได้คิดสนใจเด็กสองคนนี้ มีเพียงแค่เด็กในท้องคนนี้เท่านั้นที่เป็นของคุณว่ากันตามอารมณ์ในอดีตของเขา เขาต้องโกรธแน่ ๆ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเขานับว่ามั่นคง มีหนึ่งคนก็ดีกว่าไม่มีเลย เธอใส่ยาให้เขาเสร็จแล้วก็เอาผ้าก๊อซสีขาวมาพันรอบแผล“ติดปลาสเตอร์ก็พอแล้ว” เขารู้สึกว่าการใช้ผ้าก๊อซพันแผลมันดูรุนแรงและโอเวอร์ไปหน่อย คนที่ไม่รู้จะนึกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอไม่สนใจคำขอของเขาและพันมือเขาด้วยผ้าก๊อซ “สองวันนี้อย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ” เธอสั่ง “งั้นผมจะอาบน้ำยังไง?” เขาถาม “คุณไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนเลยเหรอ?” เธอเลิกคิ้วขึ้น อยากพูดประชดใส่ แต่เมื่อคิดว่าอาการบาดเจ็บของเขาเกิดจากลูกสาวของเธอ จู่ ๆ ความแรงนั้นก็หายไป “ถ้าคุณอาบมือเดียวไม่ได้แล้วไม่อยากให้ใครช่วยก็สวมถุงมือกันน้ำ” เขามองดูมือตัวเองที่พันผ้าก็อซไว้แน่นแล้วถามอย่างสบาย ๆ ว่า “เมื่อไหร่ถึงจะรู้ว่าลูกของเราเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?” “คลอดออกมาก็
“ทำไมพวกเธอสองคนต้องนอนห้องเดียวกันด้วยล่ะ?” หลีเสี่ยวเถียนจับประเด็นสำคัญได้เก่งมาก ฉินอันอัน “ตอนนั้นฝนตกหนักมาก ฉันไล่เขาออกไปไม่ได้” “อ้อ งั้นพวกเธอสองคนนอนห้องเดียวกันเหรอ? เธอยอมให้เขานอนบนเตียงได้ยังไง? เขาไม่ใส่อะไรเลย แล้วก็มีพายุฝน เธอก็ยอมให้เขาแล้วเหรอ?!” ฉินอันอันตะลึงไปครู่หนึ่ง “พวกเราไม่ได้ทำ เอ่อ…โอ้ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ…” “ฉันรู้ว่าเขาต้องทำเรื่องนั้นกับเธอแน่…” ฉินอันอันรู้สึกว่าหัวข้อที่คุยกันแปลกไปสักหน่อยจึงรีบพูดแทรกเธอทันที “หลีเสี่ยวเถียน มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด! เขาล้าง…เขาล้างเท้า…ให้ฉัน…” ฉินอันอันไม่อยากพูด แต่ว่าดวงตาของหลีเสี่ยวเถียนนั้นดุร้ายมาก! หลังจากที่เธอพูดจบ หลีเสี่ยวเถียนก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจออกมา : “นั่นคือประธานฟู่ที่แสนเยี่ยมยอดเลยนะ! มืออันสูงส่งนั่นทั้งทำเงินและล้างเท้าให้ผู้หญิงได้! จิตวิญญาณของการอดกลั้นต่อความอัปยศอดสูและการปรับตัวนี้เป็นความลับในความสำเร็จของเขาใช่ไหม? ไม่แปลกใจเลยว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะทำสำเร็จ! ถ้ามีผู้ชายไล่ตามฉันหลายพันไมล์เพื่อล้างเท้าให้ ฉันก็ยอมแพ้เหมือนกัน!” ทันใดนั้นเสีย
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง