เมื่อฉินอันออันวางสายโทรศัพท์ เขาก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น “ลงจากรถ!” เขาหยุดรถแล้วตะโกนเสียงดัง! อิ๋นอิ๋นหดคอด้วยความหวาดกลัว ที่เบาะหลัง ดวงตาของเสิ่นอวี๋เต็มไปด้วยน้ำตา เธอรู้ว่าฟู่สือถิงพูดกับเธอ แต่รถยังขับไปไม่ถึงเมืองและเธอเองก็ไม่อยากลงตรงนี้ “เสิ่นอวี๋ อย่าบังคับให้ผมต้องลงมือ!” ดวงตาสีเข้มของฟู่สือถิงมองดูเธออย่างดุเดือด เสิ่นอวี๋สีหน้าตกใจมากพลันเปิดประตูและลงจากรถทันที! หลังจากที่เธอลงจากรถแล้ว รถก็รีบวิ่งออกไปด้วยเสียงคำรามราวกับลูกศรคมแล้วหายไปในคืนสลัว …… ยี่สิบนาทีต่อมา ฟู่สือถิงก็มาถึงร้านอาหารที่จองไว้ หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัว ผู้จัดการก็ชี้ไปที่กล่องของขวัญที่วางอยู่บนพื้น “พวกเขาเปิดกล่องของขวัญทั้งหมดแล้วครับ แต่พวกเขาไม่ได้เอาของขวัญออกไปเลยสักชิ้น” ฟู่สือถิงมองไปที่กล่องของขวัญที่เปิดอยู่ ดวงตาของเขาแดงก่ำและเหมือนมีก้อนในลำคอ “พวกเขากินผลไม้และของว่าง” ผู้จัดการกล่าวต่อ “จริง ๆ แล้วคุณแค่มาสายนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เห็นเป็นไรเลย… และพนักงานเสิร์ฟก็แจ้งหลายครั้งแล้วว่าอาหารสามารถเสิร์ฟอาหารก่อนได้เลย...” ฟู่สือถิงขมวดคิ้วและยกมือขึ้นปร
ที่ห้องนั่งเล่น รุ่ยลาเข้าไปกอดไมค์และทำท่าทางน้อยใจ “ฟู่สือถิงไม่มา เรารอเขาตั้งนาน... แม่โทรไปหาเขาถึงได้รู้ว่าเขาไม่มาแล้ว… แม่ก็เลยพาเราไปกินข้าวที่อื่นค่ะ” ไมค์กอดรุ่ยลาแน่นแล้วตบหลังเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ “อย่าโกรธเลยนะที่รัก มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด! ต่อไปเราจะไม่ไปกินข้าวกับเขาอีก” รุ่ยลาน้ำตาไหลจากหางตาของเธอ “ค่ะ! หนูจะไม่กินข้าวกับเขาอีก! และหนูก็จะไม่ปล่อยให้แม่ไปกินข้าวกับเขาด้วย!” “เอาล่ะที่รัก หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถ้าแม่มาเห็นเธอจะใจสลายเอา” ในขณะที่เกลี้ยกล่อม ไมค์ก็ดุด่าฟู่สือถิงในใจแปดร้อยครั้ง! ‘วันนี้เป็นวันเด็ก ลูก ๆ ของคนอื่นต่างมีความสุข แต่ลูกรักตัวน้อยทั้งสองกลับเสียใจอยู่ที่บ้าน’ ‘ไอ้สารเลวคนนี้!’ เขาคิดแค่ว่าเขาพลาดนัด แต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำร้ายจิตใจเด็กสองคนไปแล้ว ไมค์ต้องการพาพวกเขาทั้งคู่ออกไปเที่ยวและพักผ่อนนอกบ้าน แต่เด็กทั้งสองกลับส่ายหน้าปฎิเสธ หลังจากเล่นกับพวกเขาได้สักพัก ไมค์ก็พาพวกเขาไปอาบน้ำ ปกติรุ่ยลามักจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะเข้านอน แต่หลังจากอาบน้ำคืนนี้ เธอก็ปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยตัวเองและห่มผ้าเอง ไมค์ปิดไฟให้พวกเขาแล้วออกมาจ
เมื่อฟู่สือถิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หันหลังกลับไปทันที เมื่อเห็นรถของเขาขับออกไป ไมค์ก็ถอนหายใจอย่างแรง! เช้าวันรุ่งขึ้น อิ๋นอิ๋นมา ป้าหงษ์ก็มาด้วย เด็กทั้งสองกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ เมื่อเห็นอิ๋นอิ๋นเดินเข้ามา สายตาก็ขยับไปมอง แต่กลับไม่พูดอะไรและไม่ได้ออกจากห้องอาหาร ไมค์ยิ้มให้อิ๋นอิ๋น “ทำไมเธอถึงมาแต่เช้าเลยล่ะ?” ‘นึกว่าคนที่มาเป็นฟู่สือถิงเสียอีก!’ “ฉันมาขอโทษอันอัน รุ่ยลา แล้วก็เสี่ยวหาน” เสียงของอิ๋นอิ๋นชัดเจนและทรงพลัง “เมื่อคืนนี้ฉันกับพี่มาสาย มันเป็นความผิดของเราสองคนเองค่ะ” “อิ๋นอิ๋น พวกเขาไม่ต้องการคำขอโทษของเธอ คนที่ควรจะขอโทษคือฟู่สือถิงต่างหาก” ไมค์เดินมาจากห้องอาหารพร้อมกับนมอุ่นหนึ่งแก้ว “เดี๋ยวพี่ชายของฉันจะตามมาขอโทษ” อิ๋นอิ๋นหน้าแดงเล็กน้อย “ฉันรอไม่ไหว ฉันถึงมาก่อน” ไมค์หัวเราะเสียงดัง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษหรือรู้สึกผิดหรอก” อิ๋นอิ๋นไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด “เมื่อวานพี่ชายพาฉันไปหาหมอคนใหม่ หมอคนนั้นอยู่ไกล ขับรถไปที่นั่นนานมากกว่าจะถึง... ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พี่คงไม่ไปสาย” เมื่อได้ยินดังนั้น รุ่ยลาก็เด
ที่ประตูคฤหาสน์ อิ๋นอิ๋นและรุ่ยลาเดินออกจากห้องนั่งเล่น ฟู่สือถิงเหลือบมองร่างของพวกเธอและเดินไปหาทันที “อิ๋นอิ๋น รุ่ยลาจะไปโรงเรียนแล้ว พี่จะพาเธอกลับบ้านก่อน” เขาเดินไปหาอิ๋นอิ๋นแล้วพูด อิ๋นอิ๋นพยักหน้าและกระซิบ “พี่คะ ฉันขอโทษรุ่ยลาแล้ว พี่ก็ต้องขอโทษรุ่ยลาด้วย” รุ่ยลาเลิกคิ้ว แต่ปากเล็ก ๆ ของเธอกลับเม้ม ฟู่สือถิงคุกเข่าลงมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ของรุ่ยลาที่ดูเหมือนฉินอันอันแล้วพูดเบา ๆ “รุ่ยลา ฉันขอโทษนะ เมื่อคืนฉันไม่ใช่แค่มาสายเท่านั้น ฉันยังทำให้เธอเสียใจอีกด้วย ฉันอยากจะอธิบายเหตุผลกับแม่ของเธอนะ” เมื่อพูดถึงจุดนี้เขาก็ถามว่า “เธอรู้ไหมว่าแม่ของเธอไปไหน?” เมื่อสักครู่นี้เขาถามบอดี้การ์ดของฉินอันอันแล้ว แต่บอดี้การ์ดปากแข็งไม่ยอมบอกอะไรเลย รุ่ยลามองไปที่ใบหน้าของฟู่สือถิงอย่างใกล้ชิด ความตึงเครียดในใจของเธอก็หายไปทีละน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นคนห่วยแตก แต่เขาก็หล่อมากจริง ๆ “แน่นอน หนูรู้ว่าแม่ของหนูอยู่ไหน” รุ่ยลามองเขาด้วยสีหน้ามั่นใจพลางชี้คางไปที่เขา “แต่หนูต้องไปโรงเรียนแล้ว หนูคุยกับคุณไม่ได้แล้ว ฉันจะไปโรงเรียนสายเหมือนที่คุณมาสายไม่ได้!” รุ่ยลาเล่นสำนวน ความล
ไมค์กลั้นหัวเราะ “ตกลง!” “อืม” “ลูกค้าของเราในครั้งนี้คือกองกำลังป้องกันชายแดน ส่วนสถานที่ที่ฉินอันอันพักนั้นอยู่ในค่ายป้องกันชายแดน” เสียงหัวเราะของไมค์เริ่มดังขึ้น “ผมบอกคุณไปแล้วว่าคุณไปไม่ได้หรอก ไม่มีใครให้คุณเข้าไปในค่ายแน่” ฟู่สือถิงกัดฟันและวางสายโทรศัพท์ เมืองซีอยู่บนพรมแดนของมาตุภูมิ ใช้เวลาบินไปที่นั่นเกือบสี่ชั่วโมง ไม่รู้ว่าเที่ยวบินของฉินอันอันในตอนเช้ากี่โมง เครื่องบินที่เธอนั่งไปน่าจะยังไม่ลงจอด ถึงจะลงจอดแล้วก็น่าจะเพิ่งถึง เพราะสถานที่ที่เธอไปนั้นพิเศษและปราศจากอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลมากนัก เขาสามารถรอจนกว่าเธอกลับมาจากการทริปธุรกิจแล้วจึงอธิบายให้เธอฟังได้ หากเขาตามเธอไปที่เมืองซี และส่งผลกระทบต่องานของเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธมากกว่านี้หรือไม่ หลังจากส่งอิ๋นอิ๋นกลับบ้านแล้ว เขาก็ไปที่บริษัท ไม่นานหลังจากมาถึงบริษัท เลขาก็มาแจ้งว่า “คุณฟู่ คุณเสิ่นอวี๋อยู่ที่ชั้นล่าง เธอบอกว่าต้องการขอโทษคุณครับ” ฟู่สือถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยไม่ได้คิดอะไร “ใส่ชื่อเธอไว้ในบัญชีดำและอย่าปล่อยให้เธอก้าวเข้ามาในบริษัทอีก!” เลขาตอบ “รับทราบครับคุณฟู่!” ห
ที่เมืองซี เวลาบ่ายสอง รถกันกระสุนขับเข้าไปในกองกำลังป้องกันชายแดนช้า ๆ ฉินอันอันนั่งอยู่ในรถและมองดูทิวทัศน์ภายนอกรถด้วยความสงสัย ที่นี่ไม่มีอาคารสูงตระหง่านและห่างไกลจากความวุ่นวายในเมือง สิ่งที่ที่นี่มีคือทิวทัศน์ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และทหารที่ปกป้องบ้านเมืองและประเทศ “คุณฉิน เราอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง และสภาพแวดล้อมค่อนข้างลำบาก ในช่วงสองวันนี้ลำบากคุณแล้ว” หัวหน้าเฉินแผนกโลจิสติกส์กล่าว ฉินอันอัน “ไม่ลำบากเลยค่ะ เป็นเกียรติของเรามากกว่าที่คุณเลือกผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรา” หัวหน้าเฉินยิ้มและกล่าวว่า “เราเปรียบเทียบโดรนที่ผลิตในหลายบริษัท และสุดท้ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทของคุณก็คุณภาพดีที่สุด รองหัวหน้าหลิวของเราจึงตัดสินใจสั่งโดรนของคุณโดยตรงครับ!” ฉินอันอันพูดอย่างประหม่า “การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดคือเป้าหมายของเรามาโดยตลอดค่ะ” “อ้อ คุณฉิน คุณเคยพูดทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ว่าคุณสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นบางอย่างตามความต้องการของเราได้… สินค้าจะถูกจัดส่งได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ครับ?” ฉินอันอันกล่าว “ฉันต้องดูก่อนว่าคุณต้องการเพิ่มฟังก์ชั่นอะไรบ้าง จากนั้นจึงสื่อสารกับหัวหน้า
‘ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงสิบนาทีเท่านั้น!’ ‘หรือเขาไม่ได้มาโดยเครื่องบิน แต่มาด้วยจรวด?’ ขณะที่เธอคิดอย่างบ้าคลั่งและกระสับกระส่าย ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตู “คุณฉิน ผมเอาผลไม้มาให้คุณครับ” ฉินอันอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเดินไปเปิดประตูทันที “คุณฉิน ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ หัวหน้าของเรากำชับว่าต้องดูแลคุณเป็นพิเศษ” ทหารถือถุงผลไม้ในมือซ้ายและถุงขนมในมือขวาแล้วยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ในขณะที่ฉินอันอันซาบซึ้งใจ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้ชายก็ชอบซุบซิบเหมือนกัน! เธอคาดว่าข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอจะกระจายไปทั่วทั้งค่าย “คุณฉิน ถ้าคุณต้องการอะไรก็บอกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้คุณพอใจ” ทหารวางของและเตรียมออกไป “ขอบคุณค่ะ! ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว ขอบคุณที่อุตส่าห์เดินมาหานะคะ!" ฉินอันอันส่งเขา หลังจากที่ส่งเขาแล้ว เธอก็ปิดประตู กลับมาที่โต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดเครื่อง สถานที่นี้ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ฟู่สือถิงอาจจะเข้ามาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงโกรธเขา แต่เธอเริ่มกังวลแล้ว เขาไม่ใช่คนที่อารมณ์ปกตินัก ถ้
เขตทุ่นระเบิด ตามชื่อคือมีทุ่นระเบิดฝังอยู่ใต้ดิน หากเผลอไปเหยียบ จะถูกระเบิดเสียชีวิตได้ ดังนั้นคำถามของหัวหน้าเฉินนอกเหนือจาก 'คุณกล้าเข้าไปหาเธอหรือไม่' ยังสามารถแปลได้ว่า ‘คุณกล้าที่จะตายเพื่อเธอหรือไม่?’ ฟู่สือถิงมองลึกเข้าไปในป่าด้วยดวงตาเคร่งขรึมของเขา หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ก้าวเข้าไปยังเขตพื้นที่ป่า ...... ฉินอันอันอยู่ในบ้านของหัวหน้าเฉินราวกับนั่งอยู่บนเข็ม หัวหน้าเฉินกล่าวว่าเขาจะช่วยเธอทดสอบฟู่สือถิง ‘ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้ทดสอบอีกเหรอ?’ ‘แถมยังไม่รู้ว่าหัวหน้าเฉินวางแผนจะทดสอบยังไง’ ‘ฟู่สือถิงอารมณ์แปรปรวน พวกเขาคงไม่ทะเลาะกันหรอกนะ?’ เมื่อเห็นว่าคิ้วของเธอขมวด นางเฉินก็ปลอบเธอ “คุณฉิน ไม่ต้องกังวลนะคะ สามีของฉันทดสอบแต่พอดี เดี๋ยวก็พาเขามาแน่นอนค่ะ” ฉินอันอันพยักหน้า “ที่นี่ดูเหมือนว่าจะมืดเร็วกว่าปกตินะคะ” “อืม อากาศที่นี่แตกต่างจากในเมืองเอจริง ๆ” เมื่อนางเฉินพูดแบบนี้ เธอก็เปลี่ยนเรื่อง “เด็กในท้องของคุณเป็นลูกของเขาใช่ไหมคะ?” ฉินอันอันสะดุ้ง “ฮ่าฮ่า! คุณเป็นห่วงเขาขนาดนี้ มองแวบเดียวก็รู้แล้วค่ะ” นางเฉินจับมือเธอแล้วพูดว่