วันรุ่งขึ้น เวลาเจ็ดโมงเช้า ที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า จู่ ๆ กริ่งประตูบ้านของฉินอันอันก็ดังขึ้น ฉินอันอันสวมชุดนอนออกมาจากห้องเมื่อเดินมาถึงประตูแล้วเห็นใบหน้าของหลีเสี่ยวเถียนในจอ เธอจึงรีบเปิดประตูทันทีหลังจากหลีเสี่ยวเถียนแต่งงานก็ไปฮันนีมูนกับเฮ่อจุ่นจือที่ต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เธอบอกฉินอันอันว่าจะไปเที่ยวหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งเดือน ทำไมพวกเขาถึงกลับมาเร็วนักล่ะ? “อันอัน สุขภาพเธอไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนเดินเข้ามาพร้อมกับถือของขวัญชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ “ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันกลับไปทำงานได้แล้ว” ฉินอันอันหยิบรองเท้าให้เธอ “ทำไมพวกเธอกลับมาเร็วจัง?” หลีเสี่ยวเถียนสีหน้าบูดบึ้ง “เที่ยวไม่สนุกเลยน่ะสิ! เดิมทีพูดไว้ดิบดีว่าช่วงฮันนีมูนจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ผลสุดท้ายเขาก็ยังรับสายที่ทำงานอย่างน้อยยี่สิบสายทุกวัน พูดตามตรง ตอนนี้ฉันอยากจะหย่ากับเขาแล้ว” ฉินอันอันเทน้ำอุ่นให้เธอแล้วปลอบใจว่า “เธออย่าหุนหันพลันแล่นสิ ตอนนี้เขาเพิ่งรับช่วงต่อกิจการของที่บ้าน เธอต้องให้เวลาเขาหน่อยนะ” “หึ! ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เวลาเขา บอกตรง ๆ นะ เพราะความสามารถในการทำงานข
บอดี้การ์ดเอ่ยปาก “ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาคุณหมอคนนั้นแล้วเรียกให้ออกมาพบ!” ผู้อำนวยการ “คุณยังจำชื่อหมอคนนั้นได้ใช่ไหม?” บอดี้การ์ด “ผมจะรู้ได้ยังไง?! ตอนนั้นเธอสวมทั้งหมวกทั้งหน้ากาก ผมมองเห็นหน้าเธอไม่ชัดด้วยซ้ำ!” ผู้อำนวยการ “ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปถามคุณหมอในแผนกสูตินรีเวชวิทยาทีละคนก่อน ดูว่าพวกเขามีใครจำคุณฉินได้บ้าง” ฟู่สือถิงก้าวเท้าเดินอออกไป ในใจของเขามีคำตอบอยู่แล้ว ฉินอันอันคงไม่ได้ทำแท้งตั้งแต่แรก ฉินจือหานน่าจะเป็นลูกของเขา เพียงแต่รู้ความจริงแล้วจะทำอะไรได้? เขาทำร้ายเสี่ยวหานและเสี่ยวหานไม่มีทางให้อภัยเขา ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ ฉินอันอันไม่เคยคิดจะบอกเรื่องลูกกับเขา ดังนั้นเธอไม่มีทางช่วยพูดแทนเขา เขาไม่ตำหนิฉินอันอัน ทั้งหมดเป็นความผิดของเขาเอง! ห้าปีก่อน เขาเคยพูดว่า ถ้าเธอตั้งท้องลูกของพวกเขา เขาจะบีบคอเด็กให้ตายด้วยมือของเขาเอง ห้าปีต่อมา เขาเกือบจะบีบคอลูกของพวกเขาจริง ๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อคลออยู่ในนั้นหลังจากขึ้นรถแล้ว เขาก็เหยียบคันเร่งแล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูง เขาขับมาถึงสตาร์ริวเอร์วิลล่าแล้วจอดรถ หลังลงจากรถ เขาก็เดินม
รุ่ยลาตกใจจนร้องลั่น! หลีเสี่ยวเถียนอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินเข้าไปในบ้าน “รุ่ยลาหนูไม่ต้องกลัวนะ! ป้าจะเรียกรถพยาบาลมาเดี๋ยวนี้แหละ!” หลีเสี่ยวเถียนวางรุ่ยลงลงบนโซฟา จากนั้นก็ค้นโทรศัพท์ในกระเป๋าและกดหมายเลข 120 รุ่ยลาร้องไห้เสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้ “พ่อหนูตายแล้วใช่ไหมคะ? ฮือ ๆ ๆ …เขายังไม่รู้ว่าหนูเป็นลูกสาวของเขาเลย! ฮือ ๆ ๆ!” มือข้างหนึ่งของหลีเสี่ยวเถียนโอบกอดรุ่ยลาที่น้ำตาไหลริน ข้างหนึ่งก็ต่อสายโทรศัพท์ หลังจากโทรติด หลีเสี่ยวเถียนก็แจ้งที่อยู่ จากนั้นก็วางสาย “รุ่ยลา หนูรออยู่ในห้องนะ ป้าจะออกไปดู” หลังจากหลีเสี่ยวเถียนอธิบายแล้วก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ...…ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในตอนเช้าฉินอันอันได้รับสายจากรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่งว่าให้พาเสี่ยวหานมาเสี่ยวหานคว้าแชมป์การแข่งขันรายการเด็กแห่งชาติเมื่อวานนี้ เขาไม่ใช่คนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน แต่เขาอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ที่น่าตกใจกว่านั้น คือเขาชนะในระดับแชมป์ “ถึงแม้ว่าเสี่ยวหานจะกระโดดข้ามเข้ามาในรอบชิงชนะเลิศ แต่จุดประสงค์การจัดการแข่งขันของพวกเร
มันจะอันตรายขนาดไหน หากเขาไม่ได้เป็นลมล้มลงที่หน้าบ้านเธอแล้วหลีเสี่ยวเถียนมาพบเข้าพอดี? ถึงตอนเย็น เธอลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะตัดสินใจไปที่คฤหาสน์ตระกูลฟู่ “อันอัน ฉันจะขับรถไปส่งเธอ” ไมค์เดินตามเธอออกมาจากบ้าน เธอส่ายหัว “ฉันจะไปหาอิ๋นอิ๋น รีบไปรีบกลับ” ไมค์ “เธอจะเสแสร้งกับฉันทำไม! ถ้าเธอแค่อยากเจออิ๋นอิ๋น โทรหาอิ๋นอิ๋นโดยตรงแล้วนัดเธอออกมาก็ได้ ตอนนี้อิ๋นอิ๋นมีเบอร์โทรศัพท์แล้วนี่” เมื่อเห็นว่าเขาเปิดโปงตัวเธออย่างไร้ความปรานี เธอก็ไม่พูดไร้สาระกับเขาอีก “นายไม่จำเป็นต้องไปส่ง ฉันจะขับรถไปเอง” “ผู้หญิงคนนี้นี่! ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่นะ! ฉันจะปล่อยให้เธอขับรถออกไปคนเดียวตอนกลางคืนได้ยังไง? ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับเธอ คนแรกที่ฟู่สือถิงจะมาเอาเรื่องต้องเป็นฉันอย่างแน่นอน!” ไมค์พยายามต่อสู้ด้วยเหตุผล “เพราะแบบนี้ ฉันเลยจะไปส่งเธอ ฉันจะไม่เข้าไปในบ้านเขากับเธอหรอก” เธอเปิดประตูรถ เข้าไปในที่นั่งคนขับแล้ว จากนั้นก็ปิดประตู เธอลดกระจกลงแล้วพูดกับเขาว่า “ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด นายพาเด็กสองคนออกไปเดินเล่นเถอะ ฉันจะพยายามกลับมาก่อนฟ้ามืด” พูดจบ เธอก็ขับรถออกไป ไมค์เอา
ฉินอันอันมองเห็นป้าจางถอนใจโล่งอก ป้าจางยินดีอย่างมากที่เสิ่นอวี๋มาช่วยรักษาอิ๋นอิ๋น“คุณผู้ชายฟื้นแล้วเหรอ? เขาบอกหรือเปล่าว่าจะกลับมาเมื่อไหร่?” ป้าจางก้าวเท้าไปหาบอดี้การ์ด ก่อนที่บอดี้การ์ดจะเอ่ยปากตอบ เสิ่นอวี๋ถือกล่องยาก้าวเข้ามา “คุณเสิ่นคะ คุณผู้ชายโทรบอกให้คุณมาใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋พยักหน้า “เดี๋ยวเขาน่าจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้อาการของอิ๋นอิ๋นเป็นยังไงบ้าง?” เธอก้าวเท้าเดินมาถึงบันได เมื่อเธอพูดจบ ฝีเท้าของเธอก็ชะงักค้าง ฉินอันอันยืนอยู่ชั้นบน ทั้งสองคนต่างสบสายตากัน เสิ่นอวี๋เข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาทรงนกฟีนิกซ์ของเธอหันไปมองทางป้าจางแล้วเอ่ยถามเสียงเย็นชา “ใครเรียกฉินอันอันมาเหรอคะ?” ป้าจางตอบอย่างลำบากใจ “อันอันมาหาอิ๋นอิ๋นเพราะมีธุระค่ะ” “อ้อ… ฉันคิดว่ามีใครเชิญเธอมาเสียอีก!” เสิ่นอวี๋พูดเยาะเย้ยแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทีละก้าว เมื่อเธอเดินมาจนเกือบถึงด้านหน้าฉินอันอัน เธอก็พูดเหน็บแนมอีกครั้งว่า “ฉินอันอัน คุณเลิกกับสือถิงไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ได้ยินว่าคุณเป็นฝ่ายขอเลิกก่อนด้วย ทุกครั้งที่คุณทำท่าทางดูถูกฟู่สือถิง คุณทำให้ใครดูงั้นเหรอ?
ฉินอันอันไม่ตอบเธอจะไม่กลับมาอีก เธอควรฟังคำพูดของไมค์ ตอนนี้อิ๋นอิ๋นมีหมายเลขโทรศัพท์มือถือแล้ว หากเธอต้องการขอบคุณอิ๋นอิ๋น เธอสามารถโทรหาอิ๋นอิ๋นแล้วนัดเธอออกมาได้ ที่ชั้นหนึ่ง เธอเดินมาถึงโซฟาแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา เวลานี้ รถโรลส์รอยซ์สีดำขับเข้ามาที่ลานด้านหน้า และจอดช้า ๆ ฟู่สือถิงกลับมาแล้ว ในใจของเธอหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ถ้าเธอลงมาก่อนหน้านี้สักหนึ่งนาที เธอก็ไม่ต้องพบเขาตอนนี้เธอรู้สึกแย่มากพอแล้ว เธอแค่อยากอยู่คนเดียวและทุกข์ใจอยู่เงียบ ๆ “อันอัน คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ!” ป้าจางเตือนเธอ ‘เขากลับมาแล้ว แล้วจะทำไม?’ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบกระเป่าแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อเปลี่ยนรองเท้า ฟู่สือถิงเห็นรถแลนด์โรเวอร์จอดอยู่ในลานแล้ว เขาย่อมคิดไม่ถึงอยู่แล้วว่าฉินอันอันจะมา เขาลงจากรถ ดวงตาล้ำลึกของเขาเห็นเธอสวมรองเท้าและออกมาพอดี เขาเดินไปที่รถเธอ รอให้เธอมา ลมยามค่ำคืนพัดมา แต่หัวใจของเขากลับร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ช้า ฉินอันอันก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขา มองเขาอยู่แวบหนึ่งแล้ว ริมฝีปากสีแดงก็ขยับเบา ๆ “หลีกไป” จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็ขมวดเกร็ง ไม่รู้ว
“คุณผู้ชาย กลับเข้าบ้านเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางรอมาพักหนึ่งก็เดินมาหาเขาแล้วเอ่ยขึ้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาเพิ่งพูดอะไรกับฉินอันอัน แต่ที่แน่นอนก็คือเขาไม่มีวันปล่อยให้ฉินอันอันต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรม ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ฉินอันอันกำลังตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา คืนนี้เสิ่นอวี๋ทำเกินไปหน่อยจริง ๆ ทว่าก็เข้าใจได้เช่นกัน ถ้าครั้งนั้นเสิ่นอวี๋ไม่แท้งลูก ตอนนี้เด็กก็คงเกิดมาแล้ว ฟู่สือถิงกำหมัดแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เสิ่นอวี๋กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นเขาเข้ามา เสิ่นอวี๋จึงวางถ้วยชาลง “สือถิงคะ ฉันฉีดยานอนหลับให้อิ๋นอิ๋นแล้ว เธอไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน จำเป็นต้องให้เธอนอนหลับให้สบายก่อน” เสิ่นอวี๋มองไปทางเขา “พรุ่งนี้เช้าต้องพาเธอไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล” ฟู่สือถิงส่งเสียงอืมตอบรับ “สือถิง ได้ยินว่าวันนี้คุณเป็นลม คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เสิ่นอวี๋สีหน้ากังวล “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันหวังว่าคุณจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ใช่แค่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่ออิ๋นอิ๋นด้วย ตอนนี้เธอยังไม่หายดีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดครั้งที่สาม” ฟู่สือถิงเหลือบมองเธอ “คุณกลับไปก่อนเถอะ!”
“สือถิง คุณพาอิ๋นอิ๋นไปตรวจสุขภาพหรือเปล่า? พวกเราจะไปโรงพยาบาลด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ?” เสียงของเสิ่นอวี๋ฟังดูน้อยใจเล็กน้อย เธอขับรถไปยัวคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ผลลัพธ์คือป้าจางบอกเธอว่า ฟู่สือถิงพาอิ๋นอิ๋นออกไปแล้ว ฟู่สือถิงมองไปยังผู้คนที่เดินเข้าออกโรงพยาบาล น้ำเสียงของเขาเย็นชา “ผลตรวจของเธอเรียบร้อยดี” “โอ้ งั้นก็ดีเลยค่ะ ฉันเริ่มเตรียมแผนการรักษาครั้งที่สามของอิ๋นอิ๋นไว้แล้วค่ะ” เสิ่นอวี๋กล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉันมีความคิดใหม่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้” ฟู่สือถิง “คุณรับประกันได้ไหมว่าการผ่าตัดครั้งที่สามนี้จะสามารถทำให้เธอหายดีเป็นปกติได้?” เสิ่นอวี๋ตกตะลึง แม้แต่หมอเทวดายังไม่กล้ารับประกันเลยว่าตัวเองจะสามารถรักษาโรคของผู้ป่วยหายแน่นอน “ฉันไม่มั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฉันคิดว่า…” “ในเมื่อไม่มั่นใจเต็มร้อย ถ้าอย่างนั้นก็หยุดเถอะ!” เขาพูดอย่างเย็นชา “ไว้คุณมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่ค่อยมาหาผม” ‘หยุดเหรอ?’ เสิ่นอวี๋ตกใจกับคำนี้ “สือถิงคะ… คุณต้องการหยุดทำการรักษาอิ๋นอิ๋นงั้นเหรอ? หรือว่า… คุณเจอหมอที่ดีกว่าแล้ว?” น้ำเสียง
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง