และคนที่กำลังยกเขาขึ้นคือฟู่สือถิง! ฟู่สือถิงกำลังบีบคอเสี่ยวหานอยู่! เธอต้องฝันไปแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหานจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันร้ายเช่นนี้ นับตั้งแต่ฟู่สือถิงพูดเมื่อห้าปีก่อนว่าถึงแม้เธอจะคลอดลูกออกมา เขาก็จะบีบคอเด็กจนตาย… เธอก็มักจะฝันร้ายแบบนี้เสมอเธอฝันว่าฟู่สือถิงใช้วิธีการต่าง ๆ ทรมานลูกของพวกเขาจนตาย เช่นเดียวกับภาพตรงหน้าเธอ เธอฝันเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว! เพียงแค่สิ่งที่แตกต่างจากความฝันคือภาพตรงหน้าสมจริงมากกว่า จากการดิ้นรนที่รุนแรงของเสี่ยวหาน ทำใหกระเป๋านักเรียนบนหลังของเขาร่วงลงพื้นส่งเสียงดัง ‘ปึง’! ฉินอันอันกะพริบตา กลไกในร่างกายบางจุดถูกสัมผัส แล้วเลือดในตัวก็เดือดพล่านขึ้นทันที! นี่ไม่ใช่ความฝัน! ไม่ใช่ความฝัน! “ฟู่สือถิง! คุณปล่อยมือนะ!” เธอกรีดร้อง ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่พยายามลุกขึ้นจากเตียง เพราะได้รับบาดเจ็บที่ส่วนขา เธอจึงไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ตามปกติ หลังจากดิ้นรนอยู่ช่วงสั้น ๆ เธอและผ้าห่มก็กลิ้งหล่นลงพื้น! ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตาร้อนผ่าว นิ้วมือดึงขากางเกงฟู่สือถิงแน่น เสียงของเธอทั้
ปุ่มกดสีแดงนี้คือปุ่มฉุกเฉินแจ้งตำรวจมันเชื่อมต่อกับไมค์ เมื่อกดปุ่มนี้แล้วมันจะส่งตำแหน่งออกไป ขอเพียงแค่เขากดปุ่มนี้ ไมค์จะแจ้งตำรวจ หากไม่ถูกบบีบบังคับ เขาก็ไม่อยากฉีกหน้าฟู่สือถิง! ทั้งหมดนี้เป็นฟู่สือถิงที่บีบบังคับเอง “เสี่ยวหาน…” ฉินอันอันร้องออกมาอย่างร้อนใจ หังจากที่นอนเหยียดบนเตียงเสี่ยวหานเดินไปที่เตียงทันทีแล้วจับมือของเธอ “แม่ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่ที่นี่” ฉินอันอันสีหน้ากังวลแล้วพูดกับเขา “เสี่ยวหาน ตอนนี้แม่เคลื่อนไหวไม่สะดวก ไว้หายดีแล้วแม่จะกลับบ้านนะ เดี๋ยวฟู่สือถิงเข้ามา แม่จะขอให้เขาจัดคนขับรถส่งลูกกลับไป… ลูกจะต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะ…” เสี่ยวหานขมวดคิ้ว “แม่ แม่ไม่ต้องขอร้องเขา! ผมกับแม่เราจะกลับบ้านด้วยกัน! ผมสัญญากับน้องไว้แล้วว่าจะพาแม่กลับบ้าน!” ฉินอันอัน “ตอนนี้แม่ไม่สะดวก…” เสี่ยวหาน “ผมแจ้งตำรวจแล้วครับ รถตำรวจจะพาพวกเรากลับบ้าน” คิ้วเธอกระตุกทันที สายตามองไปทางด้านหลังเสี่ยวหาน ฟู่สือถิงยืนอยู่ที่ปากประตู! คำพูดของเสี่ยวหานเมื่อกี้นี้ เขาได้ยินแล้ว ฉินอันอันดึงเสี่ยวหานมาไว้ข้างตัวทันที เสี่ยวหานงุนงงกับปฏิกิริยาของแม่ ขณะ
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือบทเรียนที่เจ็บปวด! เธอไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายของเธอกระทบกระทั่งกับฟู่สือถิงได้อีก “แต่แม่ไม่มีทางได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีเหตุผล จะต้องเป็นเพราะเขาแน่…” เสี่ยหานขมวดคิ้วและพูดอย่างคาดเดา “เพราะว่าเมื่อคืนนี้แม่คิดถึงลูกกับน้องสาวมาก ก็เลยวิ่งออกไปคนเดียว… ผลคือไปเจอหมาป่าเข้า…” ฉินอันอันอธิบาย “ลูกกลับไปบอกลุงไมค์กับน้องทีนะลูกว่าแม่สบายดี แม่ไม่อยากให้พวกเขากังวล ตกลงไหม?” เสี่ยวหานพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แม่ครับ แม่จะไม่กลับไปกับผมจริง ๆ เหรอ? ลุงตำรวจพาพวกเรากลับบ้านด้วยกันได้นะครับ” “แม่เจ็บขามากเลย รอจนแผลหายดีแล้วแม่ค่อยกลับไปนะ” “อ่อ…แม่ครับ ต่อไปอย่าวิ่งเพ่นพ่านนะครับ ถ้าข้างนอกอันตรายจริง ๆ ก็รออยู่ในบ้านนะครับ พวกราจะหาวิธีมาช่วยแม่เอง” ฉินอันอันพยักหน้าอย่างปลื้มใจ “เสี่ยวหาน ลูกมาหาแม่ แม่ดีใจมากเลย แต่แม่หวังว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ลูกอย่ามานะ ลูกยังเด็กมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แม่จะต้องเสียใจมาก!” เสี่ยวหานพูดอย่างดื้อรั้น “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ ผมกับน้องสาวจะทำยังไง? ถ้ามีครั้งหน้าอีก ผมก็จะมาหาแม่” ดวงตาของ
เหตุผลที่เธอถามแบบนี้ ก็เพราะตอนที่เขารัดคอของเสี่ยวหานวันนี้ มันดูน่ากลัวจริง ๆ! เธอรู้สึกกลัวเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอไม่ได้ถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เพราะไม่ว่าเสี่ยวหานจะโกรธเขาแค่ไหน เขาก็ไม่ควรทำอะไรเสี่ยวหาน! คนปกติในโลกนี้ใครจะไปเอาจริงเอาจังกับเด็กอายุแค่ห้าขวบ? คำถามของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ยิ่งกว่านั้นอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข่มขืน ฆ่า ลักพาตัว ปล้นสะดม เคยทำมาแล้วทุกอย่าง” ฉินอันอันพูดไม่ออก ดวงตาของเขาล้ำลึกและน้ำเสียงของเขาจริงจัง เธอตกใจและพูดไม่ออก “ฉินอันอัน อย่าทำเหมือนว่าคุณสนใจผม ทั้ง ๆ ที่คุณไม่เคยสนใจในสิ่งที่ผมเคยทำเลย” เขาตั้งใจทิ้งขี้เถ้าลงในที่เขี่ยบุหรี่และพูดเน้นทีละคำ “คุณแค่สนใจแต่เรื่องลูกของคุณสองคน ผมเคยเตือนลูกชายของคุณแล้วว่าอย่ามากวนโมโหผม” “ต่อไปเขาจะไม่ไปกวนโมโหคุณอีก!” ฉินอันอันอดขึ้นเสียงไม่ได้ เขาทิ้งบุหรี่อีกครึ่งหนึ่งในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่ ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่เตียง “ฉินอันอัน ผมไม่ได้ติดค้างอะไรคุณ อย่ามาขึ้นเสียงต่อหน้าผม! ผมจะไม่ทน!” เขามองเธอด้วยดวงตาสีแดงดุเดือด ขณะนั้น มีเสียงเค
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็พักรักษาตัวให้หายก่อน ถ้าเขาไม่ส่งเธอกลับภายในหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะแจ้งตำรวจอีกครั้ง” ไมค์โกรธ “ฉันรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฉินอันอัน “นายรู้ได้ยังไง?” ไมค์ “โจวจื่ออี้บอกฉันแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเจ้านายของเขาเป็นคนเลว เขาจึงไปสืบมาแล้ว” ฉินอันอันยิ้มเจื่อน ๆ ไมค์ “แม่ของเขารู้เรื่องลูกเธอแล้วใช่ไหม?” “อืม” ไมค์ “ฉันว่าแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่ได้บอกเขา เขาเลยเป็นบ้า” “อืม” ไมค์ “เธอนี่มันโง่จริง ๆ! ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องมาทนกับความไม่ยุติธรรมแบบนี้หรอก! ถ้าเธอบอกเขาแล้วไงล่ะ? เขาจะฆ่ารุ่ยลากับเสี่ยวหานจริง ๆ งั้นเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก! ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะโหดร้ายกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้! เด็กทั้งสองไม่ได้ติดค้างอะไรเขาเลย!” ฉินอันอัน “แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่อยากเดิมพันอะไรทั้งนั้น” “โอเค งั้นเธอต้องโทรหาฉันอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ” ไมค์บอกความต้องการ “ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินอันอันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นมากหลังจากได้คุยโทรศัพท์กับไมค์ สองวันที่ผ่านมาเป็นราวกับฝันร้าย ฝันร้ายอย่างต่อเนื่องที่ไม่มีที่สิ้
เธอรีบเปิดไฟในห้องทันที แสงไฟที่จู่ ๆ สว่างขึ้นทำให้เขาแสบตา เขาโกรธและโมโหมากจึงกระแทกประตูเสียงดังปัง เธอมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว ตาของเขามีสีแดงเนื่องจากเมา หลังจากปิดประตู นิ้วเรียวก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อ เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เธอก็ตกใจมากจนไม่กล้าหายใจ “ฟู่สือถิง! คุณมาผิดห้องแล้ว!” เธอต้องการเรียกสติเขา “นี่คือห้องของฉัน!” เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วเดินไปที่เตียงด้วยขาอันยาวเหยียด ขณะเดียวกัน เขาก็ถอดเสื้อออกแล้วโยนมันลงไปที่พื้น “ผมไม่ได้เมา” เขาขึ้นไปบนเตียงและจับขาที่บาดเจ็บของเธอไว้แน่น “อย่าขยับขาข้างนี้นะ” เธอพูดไม่ออก ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เมาจริง ๆ แต่ในเมื่อเขารู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ทำไมเขาถึงยังทรมานเธออีก! จู่ ๆ ริมฝีปากอันอบอุ่นของเขาก็ประกบลงบนลำคอของเธอ เธอได้กลิ่นน้ำหอมฉุนแปลก ๆ ที่ติดอยู่บนตัวของเขา คิ้วเรียวขมวดคิ้วทันที แม่บ้านบอกว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนมีสาวสวยกลุ่มหนึ่งลงมาชั้นล่าง คนเหล่านั้นอยู่ที่นี่สามวัน ยังไม่กลับไป และกลิ่นน้ำหอมแปลก ๆ บนตัวเขา คงถูกหนึ่งในผู้หญิงกลุ่มนั้นตราตรึงบนร่างของเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะถอดเสื้อออก แต่
เธอเอื้อมมือไปใต้หมอนแล้วดึงมีดออกมา! มีเล่มนี้เป็นมีดที่พี่สามมอบให้เธอไว้เพื่อป้องกันตัวตอนที่เธอหนี ตอนที่เธอได้รับการช่วยเหลือจากฟู่สือถิง เธอก็กำมีดเล่มนี้ติดมือมาด้วย เดิมทีฟู่สือถิงต้องการเก็บมีดเล่มนี้นไว้ให้ห่างจากตัวเธอ อาจกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตาย แต่เธอก็ยืนกรานว่าจะเอากลับมา หลังจากเอากลับมาได้ เธอก็เก็บมันไว้ใต้หมอน มีดเล่มนี้ช่วยชีวิตเธอและมีความหมายต่อเธอมาก ดังนั้นเธอจึงนำมันติดตัวไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะถูกเขาเหยียดหยาม! ศักดิ์ศรีของเธอถูกบดขยี้ สติพังทลายลง ตอนนี้เธอแค่อยากจะตายไปพร้อมกับเขา! ฆ่าเขาแล้ว เธอก็จะฆ่าตัวตาย! เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ดีเด่น เธอรู้ว่าแทงยังไงถึงจะทำให้เขาตายได้อย่างรวดเร็ว! เธอจับมีดไว้แน่น ในใจคิดว่าจะตัดหลอดเลือดส่วนไหนของเขาดี สายตาของเธอจับจ้องไปยังใบหน้าของเขา แสงสลัวจากข้างนอกทำให้สามารถมองเห็นโครงร่างใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาได้ไม่ชัดเจน เขากำลังหลับลึก คอของเขาถูกเปิดออกนอกผ้าห่ม ดึงดูดเธอ... มือของเธอที่ถือมีดยกขึ้นอย่างสั่นเทา แค่แทงเพียงครั้งเดียว ภายในครึ่งชั่วโมงเธอก็จะเป็นอิสระแล้ว! ขณะที่มีดกำลั
เสียงกรีดร้องของเธอดึงดูดความสนใจของบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกอย่างรวดเร็ว! ทันทีที่เปิดประตู ไฟก็สว่างขึ้น! ภาพบนเตียงทำให้บอดี้การ์ดตกใจแทบช็อก! “หมอ! รีบไปตามหมอเร็ว!” บอดี้การ์ดตะโกนบอกคนข้างนอกแล้วรีบเดินไปที่เตียง ฉินอันอันร้องไห้และพูดกับบอดี้การ์ด “เอามือของเขาออก! รีบเอามือของเขาออกเร็ว!” ทีแรกบอดี้การ์ดคิดว่าฉินอันอันจะฆ่าฟู่สือถิง แต่เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอามือฟู่สือถิงที่ถือมีดอยู่ออก! ดังนั้น ฟู่สือถิงจึงเป็นคนที่จับมีดในมือของฉินอันอันแทง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฟู่สือถิงจะฆ่าตัวตาย หลังจากที่บอดี้การ์ดมือที่เปื้อนเลือดของฟู่สือถิงออก ฉินอันอันก็ลุกจากเตียงทันที หมอเข้ามาพร้อมกล่องยา ฉินอันอันคว้ากล่องยาจากมือของเขาแล้ววิ่งไปที่เตียงเพื่อหยุดเลือดให้ฟู่สือถิง! หมองง! ทำไมฉินอันอันถึงเดินเร็วขนาดนี้? ขาหายดีแล้วเหรอ? เธอคว้ากล่องยา...เธอคว้ากล่องยาไปแล้ว! หลังจากที่หมอรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินไปข้างเตียง ทันใดนั้น เขาก็ต้องตกใจกับมีดสั้นที่ปักอยู่ตรงหัวใจของฟู่สือถิง! และยังตกใจกับผ้าปูที่นอนและผ้านวมสีแดงเช่นกัน! “นี่ นี่...นี่!
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง